xs
xsm
sm
md
lg

อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ตอนที่ 7

วันต่อมา ในขณะที่ดารกานั่งอ่านหนังสือพิมพ์อย่างตั้งอกตั้งใจอยู่นั้น ปัทมนเดินเข้ามาขยับเก้าอี้จะนั่งด้วย เสียงเลื่อนเก้าอี้ทำให้ดารกาสะดุ้งโหยงหันไปมองปัทมน

“คุณแม่”
ปัทมนมองหน้าดารกาอย่างแปลกใจแล้วก้มลงดูที่หนังสือพิมพ์
“อ่านอะไรอยู่ลูก ถึงได้สะดุ้งได้ขนาดนี้”
ดารการีบรวบหนังสือพิมพ์เก็บ
“ไม่มีอะไรค่ะแม่ ข่าวฆาตกรรมมีแต่รูปสยดสยองคุณแม่อย่าดูเลยค่ะ เดี๋ยวจะทานอะไรไม่ลงเปล่าๆ”
ปัทมนนั่งลงข้างๆ ดารกาปลอบใจอย่างเอ็นดู
“โถ ลูกดาคงจะอ่านไปอินไป”
“อินอะไรกันอยู่ครับคุณแม่ ได้ยินแว้บๆ”
เสียงของธานีดังขึ้นมา ก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินเข้ามาทางด้านหลังชะงักไปเมื่อเห็นดารกานั่งอยู่ ดารกาหันหลังไปเงยหน้ายิ้มให้ธานี

ธานียิ้มตอบให้ดารกา แต่ในหัวนึกไปถึงเหตุการณ์วันที่รถเกิดอุบัติเหตุ
ดารกาถูกธานีต้อนจนหมดทางตอบ แววตาดารการ้อนรน
“น้องดาจะโกรธพี่ก็ได้ที่พี่แอบตามน้องดาไป แต่พี่ทำไปเพราะน้องดาเป็นน้องสาวพี่ เอาละทีนี้จะบอกได้รึยังว่าสองคนนั้นเป็นใคร”
ดารกาแววตาลุกวาว มีประกายสีแดง
ธานียังคงขับรถไปและซักดารกาต่ออีก
“ที่สำคัญพี่ได้ยินเค้าคุยกันเรื่องเงินสองแสน”
ธานีพูดแล้วปรายตาที่ดารกาแล้วงงงัน แววตาของดารกาแดงก่ำ ราวเปลวเพลง
ทันใดนั้นเอง พวงมาลัยรถธานีก็เกิดหักพุ่งเข้าชนต้นไม้ใหญ่ข้างทาง ธานีร้องตกใจ ขณะที่ดารกาไม่ส่งเสียงสักแอะ เพียงเอามือกุมข้อศอกที่ได้รับบาดเจ็บ

ปัทมนมองหน้าธานีเห็นนิ่งไปจึงส่งเสียงเรียก
“ธานี ทำไมไม่มานั่งล่ะลูก เดี๋ยวอาหารก็เย็นหมดหรอก”
ธานีเดินไปนั่งที่ตัวเองแต่สายตายังมองอยู่ที่ดารกา
“เอ้อ น้องดา”
ดารกาตักอาหารเข้าปากเงยหน้ามองหน้าธานีด้วยสีหน้าปรกติ
ธานีมองปัทมนสลับกับดารกาอย่างอึดอัด ถามอย่างไม่ตรงกับใจออกมา
“แขนยังเจ็บอยู่หรือเปล่า”
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะพี่ธานี” ดารกาตอบธานีกลับยิ้มๆ

ธานีทำท่าลังเลเหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่พอมองไปที่ปัทมนก็เปลี่ยนใจ
“วันนั้นเหมือนน้องดากับพี่กำลังคุยอะไรกันค้างอยู่...”
ดารกากำลังจะตักอาหารเข้าปากถึงขั้นชะงักไป
“น้องดาจำไม่ได้แล้ว”
ธานีพยักหน้าน้อยๆ แล้วก้มหน้าก้มตากินอาหาร
“ไม่เป็นไรจ้ะน้องดา เอาไว้ก่อนก็แล้วกัน”
ดารกายิ้มรับ ทำท่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็แอบชำเลืองมองธานีเป็นระยะ ๆ

ออกจากบ้านมาธานีเอาแต่นั่งเงียบอย่างใช้ความคิดไปตลอดทาง รัดเกล้าขับรถอยู่รู้สึกถึงความผิดปรกติของธานี
“ไม่สบายเหรอคะพี่ธานี”
ธานีชะงัก ปรายตามองรัดเกล้าแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร
“เอ้า ถามก็ไม่ตอบ ไม่อยากรู้ก็ได้นะ”
ธานีหันไปทำท่าจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง แต่พอหันกลับไปมองทางแล้วรีบเขย่าแขนรัดเกล้า
“เกล้าๆ เลี้ยวนี่เลยเกล้า เลี้ยวนี่ให้พี่ก่อน”
รัดเกล้าตกใจแต่ก็รีบหักพวงมาลัยเลี้ยวตามที่ธานีบอก
“อะไรกันพี่ธานี นึกจะเลี้ยวก็สั่งให้เลี้ยวมันอันตรายรู้ไหม แล้วนี่...”
ธานีรีบตัดบท
“เอาน่า ขอโทษนะ แต่อย่าเพิ่งบ่นอะไรยาวๆ เลย แล้วก็อย่าเพิ่งถาม”
“แล้วพี่ธานีจะไปไหน ไม่ไปทำงานหรือยังไง”
ธานีส่ายหน้ากึ่งเอ็นดูกึ่งขำรัดเกล้า
“ว่าแล้ว อุตส่าห์ดักว่าไม่ให้ถามก็ยัง...พี่จะแวะไปทำธุระก่อนนิดนึงน่ะ”
รัดเกล้าคิ้วขมวดเข้าหากัน
“ธุระอะไรคะ สำคัญถึงขั้นต้องมาตอนนี้เลยเหรอคะ”
“สำคัญ” ธานีตอบทันควัน
“ยังไง หาใคร เกล้าจะหยุดรถตรงนี้เลย ถ้าพี่ธานีไม่บอกว่าจะไปไหน ธุระอะไร” รัดเกล้าซักเป็นชุด
ธานีชำเลืองมองรัดเกล้าแล้วยิ้มยียวน
“หาผู้หญิง”
รัดเกล้าหันขวับตาขวางถามธานีเสียงห้วน
“แฟนล่ะสิ ไม่บอกแต่แรกล่ะ” รัดเกล้าประชด
ธานีทำลอยหน้าไม่ตอบ รัดเกล้าเหยียบคันเร่งกระชากรถออกทันทีอย่างอารมณ์บ่จอย
“ทางไหนต่อล่ะ”
ธานีหัวเราะขำในท่าทีของรัดเกล้า

ชิกเก้นดันประตูเข้ามาในห้องแนนนี่ เห็นแนนนี่จากด้านหลังนอนตะแคงหลับอยู่
“แนนนี่ แนนนี่ตื่นได้แล้ว จะนอนอะไรนักหนา”
แนนนี่ยังคงนอนนิ่งไม่กระดุกกระดิก ชิกเก้นกระโดดขึ้นไปบนเตียงใช้ขาเขี่ยๆ แตะตัวแนนนี่
“แนนนี่ แนนนี่ตื่นเถอะ”
แนนนี่ค่อยๆ หันหลังกลับมา
ชิกเก้นกระโดดตัวลอยด้วยความตกใจสุดขีด เมื่อเห็นหน้าแนนนี่เป็นหน้าอิงอร
“แว้ก...”
“ตื่นแล้ว ตื่นก็ได้” แนนนี่บอกอย่างหงุดหงิด
ชิกเก้นกระโดดลงไปอยู่ที่พื้น มองแนนนี่ที่หน้าเป็นอิงอรเหวอ ๆ
แนนนี่ลุกขึ้นบิดตัวชำเลืองไปเห็นชิกเก้นหน้าเหวอๆ เลยแกล้งเดินเข้าไปหา
“มีอะไรกับฉันเหรอ”
ชิกเก้นมองแนนนี่แล้วนึกขึ้นได้
“แนนนี่”
แนนนี่หัวเราะขำชิกเก้นเสียงดัง ในขณะที่ชิกเก้นโกรธมาก
“ฉันจะฟ้องนายว่าเธอเล่นแบบนี้”
แนนนี่ยังคงหัวเราะไม่หยุดแล้วทำเสียงกระแอมในคอ
“อะแฮ่ม อะแฮ่ม แหมไม่ต้องฟ้องหรอกน่า เพราะคราวหลังแนนนี่จะไม่ทำแล้ว...เปลี่ยนเป็นคนอื่นดีกว่า ไม่ชินเสียงตัวเองแหลมเกิ๊น”
แนนนี่ในร่างอิงอรพูดไปหน้าก็ค่อยๆ กลับมาเป็นแนนนี่คนเดิม
ชิกเก้นยังคงมองอย่างเคือง ๆ
แนนนี่จับหน้าตัวเองดูว่าคืนรูปอย่างเดิมเรียบร้อยหรือยัง
“เอ้า ว่าไงล่ะชิกเก้นมีอะไรเลยไม่พูดเลย”
ชิกเก้นมองแนนนี่อย่างไม่พอใจ ทำหน้างอนใส่ แล้วหันหลังเดินออกไปเลย

แนนนี่เดินมาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านมองไปรอบ ๆ แล้วบ่น
“อะไรกันเนี่ย ทำไมเหลือเรายู่คนเดียวที่บ้าน วันหยุดแท้ ๆ ไปไหนกันนักหนานะ”
แนนนี่ทำท่าจะหันหลังเดินกลับเข้าบ้าน
“อาจารย์ครับ อาจารย์เดี๋ยวครับ”
โป่งตะโกนเรียกแนนนี่แล้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินตรงเข้าไปหา แนนนี่ชะงักหันหลังกลับ
“ไง วันนี้จะให้ฉันช่วยล้างรถอีกเหรอไง หรือว่า...”
โป่งรีบยกมือห้ามแนนนี่พูด
“เดี๋ยวครับเดี๋ยวอาจารย์ ขอโป่งพูดก่อน ถ้าวันนี้ไม่ได้พูดไอ้โป่งอึดอัดตายแน่ครับ”
แนนนี่มองโป่งขำๆ อย่างสงสัย
“อะไรอีก มันสำคัญขนาดนั้นเลย”
โป่งหอบแฮ่ก ๆ แต่ยังรีบพูด
“โป่งว่าสำคัญครับ คือโป่งจะบอกว่า...โป่งไปเจอผู้หญิงคนนั้นมาครับ”
แนนนี่ทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ทำตาโต
“แม่น่ะเหรอ คนที่บอกว่าเป็นแม่แนนนี่”
“นั่นแหละครับ ที่อาจารย์ให้โป่งไปสืบ โป่งไปเจอแกที่ตลาดแกเป็นแม่ค้าขายปลาอยู่ที่นั่น”
แนนนี่พยักหน้าอย่างพอใจเอามากๆ
“เยี่ยมมากนายโป่ง เดี๋ยวแนนนี่จะตบรางวัลให้อย่างงามไปสืบมาอีกนะ แล้วมาบอกแนนนี่เรื่อยๆ”
โป่งเดินนำแนนนี่เข้ามาในตลาดแล้วชี้ให้แนนนี่ดูที่ๆ เคยเจอมาลี
“ตรงนี้ครับ โป่งมั่นใจตรงนี้แน่ๆ คราวที่แล้วแกขายปลาอยู่ตรงนี้”
เวลาผ่านไป แนนนี่กับโป่งยังคงแอบนั่งซุ่มดูร้านขายปลาของมาลีอยู่ที่มุมหนึ่งของตลาด
“ไหนล่ะ ไม่มาสักที สงสัย...ถ้าไม่ผิดที่ก็คงไม่มาแล้วมั้งวันนี้” แนนนี่บ่นอุบ
โป่งทำหน้างง ๆ แล้วตัดสินใจชวนแนนนี่เดินกลับไปตรงร้านมาลี
“โป่งว่าไปถามแม่ค้าแถวนั้นดูดีกว่าครับอาจารย์ จะได้รู้ไปเลยว่าโป่งน่ะแม่น”
แนนนี่เห็นด้วยหันไปพยักหน้ากับโป่งแล้วลุกขึ้น แนนนี่เดินไปถึงร้านแม่ค้าร้านติดกันกับมาลี
“พี่คะไม่ทราบว่าพี่ที่ขายปลาตรงนี้ไม่มาเหรอคะ”
แม่ค้าเงยหน้าขึ้นตอบแนนนี่
“โอ๊ย นังมาลีน่ะเหรอ เอาแน่เอานอนกับมันไม่ได้หรอกหนู เดี๋ยวมาเดี๋ยวไม่มา วันนี้สงสัยจะมีคนมาเก็บดอกน่ะสิ มันเลยไม่มาน่ะ”
แนนนี่ฟังแล้วมองหน้าโป่งทำหน้างง ๆ
“เก็บดอกเหรอ”

อิงอรกำลังเอาแซนด์วิชจัดวางเรียงในจาน ชิกเก้นกระโดดตุ้บลงมาด้านหลังอิงอร
“มาอยู่ตรงนี้นี่เอง”
อิงอรขมวดคิ้วหันหลังขวับหาต้นเสียงแต่ไม่เห็นใคร ชิกเก้นใช้ขาแตะๆ ขาอิงอร
อิงอรตกใจก้มดูที่ขาตัวเองเห็นชิกเก้นยืนอยู่ โดยที่ชิกเก้นเงยหน้ามองอิงอรตาแป๋ว
“ทำมาเป็นมอง ฟอร์มเก่งนักนะ คราวนี้ฉันไม่หลงกลเธอหรอก”
อิงอรหน้าเหวอ ตาเบิกโพลง
“ไหนบอกจะไม่เอาหน้านี้แล้วไง หน้าตาแบบนี้โครงสร้างมันง่ายมากใช่ไหม หืม”
ชิกเก้นชักเอะใจว่าทำไมคราวนี้ยังไม่กลับเป็นหน้าแนนนี่อย่างเดิมเสียที
ว่าแล้วชิกเก้นก็กระโดดขึ้นบนชั้นที่อยู่ใน ระดับความสูงเดียวกับหน้าอิงอร แล้วเอามือไปทำเป็นดึงหน้าอิงอรยืดซ้ายยืดขวา
“ไหน ๆ เปลี่ยนกลับได้แล้วม้าง นี่แน่ะๆ”
อิงอรจ้องชิกเก้นช็อกตาตั้ง
ชิกเก้นเริ่มรู้สึกว่าเป็นอิงอรตัวจริงก็หัวเราะแหะๆ ใส่อิงอร
“เดี๋ยวนะ ใจเย็นๆ เดี๋ยวชิกเก้นนับให้ก่อน 1 2…3”
อิงอรอ้าปากกรีดร้องแล้ววิ่งจู้ดออกไปทันที ชิกเก้นมองตามอิงอรไปอย่างรู้สึกผิด

แนนนี่กับโป่งพากันมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านมาลี แนนนี่กวาดตามองสภาพบ้านรอบๆ แล้วถอนหายใจทำหน้าเศร้า
“นี่ถ้าเขาเป็นแม่ของแนนนี่จริงๆ นะ แนนนี่จะไม่ปล่อยให้มาอยู่ในที่แบบนี้อีกเลย แนนนี่จะพาเข้าไปอยู่ด้วยกันซะที่บ้านแม่ปัท”
โป่งมองตามแนนนี่แล้วไล่สายตามาหยุดอยู่ที่แนนนี่
“อาจารย์นี่สร้างภาพเป็นนางฟ้ากับเขาก็เป็นนะเนี่ย”
โป่งพูดเสร็จก็เดินตรงเข้าไปที่บ้านของมาลี แนนนี่มองตามโป่งแล้วร่ายมนตร์ชี้ไปที่ขาโป่ง จู่ๆ โป่งสะดุดขาตัวเองหน้าคะมำทันที
“โอ๊ย อาจารย์ใช่ไหม อาจารย์ทำโป่งใช่ไหม”
แนนนี่เดินผ่านโป่งไปทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
ทั้งสองคนมาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านมาลี
เป็นเวลาเดียวกับที่มาลีเปิดประตูออกมาพอดี แต่มองเห็นหน้าโป่งก่อนก็ขมวดคิ้ว พอมาลีมองเลยโป่งไปเห็นแนนนี่ยืนอยู่ด้านหลังก็ยิ้มออกรีบเดินผ่านโป่งเข้าไปหาแนนนี่
“คุณหนู”
มาลีตรงเข้าดึงมือแนนนี่มาจับ
“แล้วก็อย่าไปที่บ้านนั้น หรือแสดงตัวว่าเป็นแม่ของดารกาอีก ไม่งั้นฉันก็จะไม่เอาเงินมาให้อีกแล้ว”
มาลีนึกถึงคำพูดดารกาขึ้นมาได้รีบปล่อยมือแนนนี่
“อุ๊ย ฉัน เอ้อ แม่..ขอโทษจ๊ะ ไม่ควรจะจับ”

ส่วนทางด้านอิงอร วิ่งพรวดพราดเข้ามาที่บ้านจักรวาล
“คุณจักรคะ แมวผีค่ะคุณจักร คุณจักรอยู่ไหนเนี่ย”
จักรวาลโผล่ออกมาตกใจเสียงอิงอร
“อะไรกันครับคุณอิง เรียกซะเสียงดังขนาดนี้”
อิงอรเลิ่กลั่กคว้าแขนจักรวาลทันที
“ไปค่ะ คุณจักรไปดูให้เห็นกับตา”
จักรวาลขืนตัวไว้งง ๆ
“จักรวาล เดี๋ยวครับ ผมทำงานค้างไว้”
อิงอรออกแรงดึงจักรวาลให้เดินมาด้วยกัน
“งานน่ะเดี๋ยวกลับไปทำก็ได้ แต่ตอนนี้คุณจักรต้องไปดูแมวผีกับอิงก่อน เร็วค่ะเดี๋ยวมันหนีไปอีก”
จักรวาลจับมืออิงอรไว้แล้วพาเดินไปที่ตู้ยา
“แมวผี คุณอิงมานี่กับผมก่อนดีกว่าครับ”
อิงอรยอมให้จักรวาลดึงไปแบบงง ๆ จักรวาลหยิบขวดยาออกมาขวดหนึ่งจากตู้ยา
“คุณอรทานยาคลายเครียดนี่สักเม็ดนะครับ กลับไปจะได้นอนหลับสบาย”
อิงอรมองยาในมือจักรวาลแล้วโวยวาย
“อิงไม่ได้เครียดค่ะคุณจักร คุณจักรต้องตามอิงไปเดี๋ยวนี้จะได้เห็นกับตาว่ามันมีจริงๆ ไอ้แมวผีเนี่ย”
อิงอรคว้ามือจักรวาลแล้วยื่นข้อเสนอ
“ถ้าคุณจักรไปกับอิง อิงจะยอมเป็นกามเทพให้คุณจักรกับน้องปัท”
จักรวาลยิ้มออก และกลายเป็นฝ่ายลากมืออิงอรไปซะเอง
“เอ้า งั้นไปเลยครับรีบไปดูเลยเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวมันจะหนีไปนะครับคุณอิง”
อิงอรหน้าเหวอไป ถึงกับหมดแรงก้าวขาไม่ออก

รัดเกล้าเดินตามธานีปากก็บ่นไปตลอดทาง
“โธ่เอ๊ย ก็ว่าแล้ว ผู้หญิงที่ไหน..ที่แท้ก็ผู้ชายผู้หญิงคู่นั้น”
ธานีหันกลับมามองรัดเกล้าแล้วแกล้งเร่ง
“บ่นเป็นยายแก่อีกแล้ว เร็วเข้า รีบ ๆ เดิน พี่อยากรู้เต็มทีละว่าน้องดามาที่นี่ทำไม”
รัดเกล้าทำหน้าเบ้ใส่ แต่ก็รีบจ้ำตามธานีเข้าไป

แนนนี่พยายามพูดกล่อมให้มาลียอมไปหาปัทมนด้วยกัน
“คุณน้าต้องไปเจอแม่ปัทกับแนนนี่ค่ะ ยังไงก็ต้องไป อ้อ นอกจากแม่ปัทแล้วยังมีคุณยายของแนนนี่อีกคน นะคะคุณน้าไปกับแนนนี่”
มาลีทำหน้างงเกือบจะคล้อยตามแนนนี่
“ต้องไปเหรอ แต่...”
คำพูดของดารกาลอยเข้ามาในหัวมาลี
“แล้วก็อย่าไปที่บ้านนั้น หรือแสดงตัวว่าเป็นแม่ของดารกาอีก ไม่งั้นฉันก็จะไม่เอาเงินมาให้อีกแล้ว”
มาลีสะบัดมือออกจากแนนนี่ปฏิเสธลนลาน
“ไม่น้าไปไม่ได้ น้าไม่ไป”
แนนนี่ดึงมือมาลีขึ้นมาอีก
“คุณน้าจะกลัวอะไรคะ แม่ปัทกับคุณยายของไม่น่ากลัวหรอกค่ะ” แนนนี่พยายามอธิบาย
เวลาเดียวกันนั้นรัดเกล้ากับธานี ก็มาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของมาลี รัดเกล้ากับธานีมองไปเห็นแนนนี่กำลังยื้อยุดกันอยู่มีโป่งยืนอยู่ไม่ไกล รัดเกล้าทำหน้างง
“พี่ธานีว่าน้องดาที่เป็นคนมาที่นี่ไม่ใช่เหรอคะ แต่ที่เราเห็นกันตรงหน้ามันแนนนี่ชัดๆ”
ธานีเกาหัวตัวเองงงไม่แพ้รัดเกล้า
“นี่มันอะไรกัน ตกลงคนที่มีลับลมคมในไม่ใช่น้องดา”
“วันก่อนพี่ธานีก็บอกเกล้าเองไม่ใช่เหรอคะ ว่าแม่ที่แท้จริงของแนนนี่มาหาน่ะ”
เสียงสดับดังขึ้นมาจากด้านหลัง “เฮ้ย มาลับๆ ล่อๆ อะไรกันหน้าบ้านฉันวะ”
สดับเดินมาหยุดอยู่ที่หลังรัดเกล้ากับธานี รัดเกล้าตกใจรีบหลบไปอยู่หลังธานี
ธานีได้สติไวกว่ารีบทำเป็นกอดคอรัดเกล้าทำตัวเป็นพวกเด็กแว้นท์
“อ้าว นี่บ้านพี่เองเหรอ งั้นก็ไม่ใช่บ้านไอ้พงศ์น่ะสิ โธ่เว้ย”
ธานีทำท่าเหมือนคนหัวเสีย สดับก้มมองหน้ารัดเกล้ากับธานี
“ไอ้พงศ์ไหน ที่นี่ไม่มี พวกเอ็งมาจากไหนเนี่ยข้าไม่เคยเห็นหน้า”
รัดเกล้ามองหน้าธานีตามมุกไม่ทัน ธานีรีบทำขยิบตาให้รัดเกล้าคราวนี้รัดเกล้าเริ่มเก็ต เข้าใจเลยทำเนียนตามธานี
“เออ นั่นสิพี่ ไอ้พงศ์นะไอ้พงศ์บอกทางแค่นี้ก็บอกไม่รู้เรื่อง ขัดใจจริงๆ”
ธานีแอบสะกิดรัดเกล้าให้เตรียมตัวแล้วหันไปหาสดับ
“โทษทีพี่ เพื่อนฉันมันบอกทางผิดมา ไปดีกว่าฉันหิวจะตายอยู่ละ ไอ้พงศ์เอ้ย ถ้าเจอละมึงน่าดูแน่”
ธานีกับรัดเกล้าหันหลังกลับรีบกอดคอกันเดินออกไป

ธานีกับรัดเกล้าเดินออกมาจนถึงบริเวณหน้าชุมชน รัดเกล้าถึงกับหอบแฮ่กๆ ธานีมองกลับเข้าไปในชุมชนท่าทางเหมือนลังเลรัดเกล้ามองธานีอย่างรู้ทันความคิดอีกฝ่าย
“เกล้าว่าพี่ธานีไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ แนนนี่มีโป่งอยู่ด้วย”
ธานียังมีสีหน้าเป็นกังวลไม่คลาย
“พี่ว่าน้องเกล้าไปนั่งรอพี่ในรถดีกว่า เดี๋ยวพี่จะลองย้อนกลับไปดูเผื่อว่า...”
รัดเกล้าดึงแขนธานีไว้
“ไม่มีเผื่ออะไรหรอกค่ะ เกล้าว่ายิ่งพี่ธานีเข้าไปมันจะยุ่งยากกันเข้าไปใหญ่ อย่างน้อยตอนนี้เราก็รู้แล้วว่าน้องดาไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้”
ธานีถอนหายใจอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก
“เรานี่มันเทคไซด์น้องดาชัดๆ”
รัดเกล้ากระตุกแขนธานีให้เดินออกไปด้วยกัน
ธานีมองเข้าไปในชุมชนอีกครั้ง แล้วตัดสินใจเดินกลับออกไปกับรัดเกล้า

ส่วนทางมาลีพยายามพูดกล่อมให้แนนนี่กลับไปก่อน
“วันนี้น้าว่าหนูกลับไปก่อนเถอะ น้ายังมีอะไรต้องทำอีกเยอะ”
แนนนี่ทำหน้ายุ่ง
“น้านี่ยังไง เจอกันครั้งแรกก็บอกแนนนี่ว่ากำลังลำบาก อยากให้แนนนี่ช่วย แล้วพอแนนนี่จะช่วยกลับมาไล่ให้กลับ”
มาลีปรายตาเข้าไปในบ้านแว่บหนึ่ง แล้วเดินเข้าไปดันหลังให้แนนนี่กลับ
“ไม่แล้วตอนนี้ไม่ลำบากแล้ว ไปเถอะนะหนูกลับไปก่อนเชื่อน้าเถอะ”
แนนนี่ขืนตัวไว้ไม่ยอมท่าเดียว
ที่ซอกอับๆ มุมหนึ่งในบ้านดารกานั่งซุกตัวอยู่ เหงื่อแตก ลุ้นให้แนนนี่รีบกลับไปเร็ว ๆ
“จะดื้ออะไรกันนักหนานะ กลับๆ ไปก็หมดเรื่อง ฉันจะได้ออกไปซะที ร้อนก็ร้อน เหม็นก็เหม็นจะแย่อยู่แล้ว”
มาลีดันตัวแนนนี่ไปจนเกือบจะถึงประตูบ้าน
“เชื่อน้านะ กลับไปซะ”
โป่งมายืนข้างแนนนี่พยักหน้าชวนแนนนี่กลับ
“กลับเถอะอาจารย์ คราวหน้าให้โป่งพามาใหม่ก็ยังได้”
แนนนี่มองหน้าโป่งสลับกับมาลี ทำท่าจะยอมออกไปแต่โดยดี จังหวะนั้นสดับก็เดินอาดๆ เข้ามาในบ้าน มองหน้าแนนนี่ทีโป่งที แนนนี่ชะงักแล้วหันไปหามาลี
“ใครอ่ะน้า”
มาลีจะอ้าปากตอบแต่สดับชิงตอบขึ้นซะก่อน
“ฉันเป็นผัวนังมาลี”
แนนนี่ยิ้มออกมา แล้วเดินวนรอบตัวสดับอย่างพิจารณา
“งั้นก็แปลว่า...”
แนนนี่หันไปคุยกับโป่ง
“ฉันก็มีพ่อกับเขาด้วยเหมือนกันนะโป่ง”
สดับได้ยินแนนนี่พูดเริ่มมองแนนนี่อย่างสนใจ
มีเสียงลูกค้าดังขัดจังหวะขึ้นมา “นังมาลี ซื้อปลาหน่อยสิ นังมาลี”
พร้อมกันนั้นลูกค้าผัวเมียกำลังเดินเข้ามาในบ้าน
ดารกาซ่อนตัวอยู่ในมุมอับมองสองผัวเมียลูกค้าอย่างขัดใจ แววตาเริ่มเปลี่ยนสี เพราะโกรธจัด!!
“จะมาซื้ออะไรตอนนี้ โธ่เอ๊ย”
“จัดการมันเลยลูกพ่อ ใครขัดใจก็จัดการมันซะ” เสียงอสูรดังขึ้นมาในความคิดดารกา
แววตาของดารกาเปลี่ยนเป็นสีแดงวูบวาบ จ้องไปที่ลูกค้าผัวเมีย ลูกค้าผัวเมียสะดุ้งเฮือกเหมือนโดนสะกด หันหน้าเข้าหากัน
“ฉันไม่ได้อยากกินปลา สะเออะนักนังนี่” ฝ่ายผัวว่า
“อ้าว ก็แกเองที่บอกให้แวะมาซื้อ” เมียเถียง
ผัวออกอาการโมโห ยกมือขึ้นตบหน้าเมีย จนเมียเซไป แล้วลุกขึ้นก็พุ่งจะตบหน้าผัวกลับ แนนนี่มองตามอย่างตกใจจะพุ่งตัวเข้าไปช่วยแยก โป่งมือไวดึงตัวแนนนี่ไว้ทัน
“ไปเถอะอาจารย์ มันชักจะวุ่นวายอยู่ไม่ได้แล้วเชื่อโป่งเถอะ”
แนนนี่มองหน้ามาลีทีโป่งที แล้วตัดสินใจเดินออกไปกับโป่ง
ดารกาเห็นแนนนี่ออกไปพ้นแล้ว ก็รีบเดินออกมาแหวใส่มาลีเสียงดัง
“น้านี่ไม่ได้เรื่องจริง ๆ มิน่าเล่าถึงได้...”
สดับเห็นดารกาออกมาเอาเรื่องมาลี ก็ตรงรี่เข้าไปจะทำร้ายดารกาเงื้อมือขึ้น
“นังเด็กนี่มันกร่างนัก เดี๊ยะ”
อสูรพุ่งเข้าร่างสดับทันที สดับสะดุ้งวูบขึ้นมือที่เงื้อขึ้นมากลายเป็นตบหัวตัวเอง
สดับพยายามเอามืออีกข้างจับมือตัวเองไว้ แต่คุมไม่อยู่ตบหัวตัวเองซ้ำอยู่อย่างนั้น
“โอ๊ย โอ๊ย อะไรวะ โอ๊ย”
มาลีกับดารกายืนมองอย่างตะลึง

แนนนี่กำลังสอดส่ายสายตาหาอาหารแมวรุ่นล่าสุดบนเคาน์เตอร์ในซูเปอร์มาเก็ต
“แนนนี่เพิ่งเห็นยี่ห้อล่าสุดมันโฆษณาไม่กี่วันนี่เอง รับรองชิกเก้นต้องชอบแน่ ๆ ไหนน๊า อยู่ไหนน๊า ออกมาให้ชิกเก้นของแนนนี่กินซะดี ๆ
ชิกเก้นเงยหน้ามองแนนนี่จากกระเป๋าสะพายอย่างหมั่นไส้ แนนนี่ก้มลงมองชิกเก้น
“โธ่ โกรธอยู่ได้เดี๋ยวซื้อให้ 2 กระป๋องเลยเอ๊า”
ชิกเก้นโผล่ขึ้นมาจากกระเป๋าบ่นอุบ
“ไม่ต้องมาง้อเลย 10 กระป๋องก็หายโกรธ”
ชิกเก้นพูดจบก็มุดลงในกระเป๋าเหมือนเดิม แนนนี่เอื้อมหยิบอาหารแมวลงมา
“ไหนๆ ชิกเก้นก็จะไม่หายโกรธละซื้อดีไหมน๊า เสียดายจังอุตส่าห์หาจนเจอ”
คราวนี้ชิกเก้นตะโกนออกมาจากกระเป๋า
“เอามาลองก่อน 3 กระป๋อง”
แนนนี่ยิ้มเอื้อมหยิบลงมาอีก 2 กระป๋อง
“ถ้าหายโกรธแล้วชิกเก้นก็ต้องช่วยติดต่อยายให้แนนนี่แบบด่วนๆ ด้วยน๊า แนนนี่คิดถึงยายทาฮิร่าใจจะขาดอยู่แล้ว”
ชิกเก้นโผล่ขึ้นมาจากกระเป๋า
“ยัง ยังไม่หายโกรธง่ายๆ มีอย่างเรอะแอบไปบ้านน้ามาลีโดยไม่ปรึกษาชิกเก้นก่อน ถ้านายรู้เข้าชิกเก้นต้องเดือดร้อนแน่ๆ”
แนนนี่ก้มหน้าลงใกล้กระเป๋าแล้วยื่นอาหารแมวเป็นการง้อชิกเก้น
“แหม แนนนี่ขอโทษ ขอโทษแล้วขอโทษอีก นี่เสียตังค์ขอโทษด้วยนะเนี่ย”
ชิกเก้นมองอาหารแมวในมือแนนนี่แล้วเลียปากแผล่บ ๆ แต่ยังทำเป็นงอน
“รู้ตัวไหมตอนนี้ทั้งตัวมีแต่กลิ่นอสูรไปทั้งตัว”
แนนนี่ทำหน้างอน้อยใจชิกเก้น
“ชิกเก้นตัดสินว่าแนนนี่เป็นอสูรแค่เพราะกลิ่นน่ะเหรอ”
ชิกเก้นเห็นหน้าแนนนี่ก็เริ่มใจอ่อนยอมโผล่ออกมาคุยด้วย
“ยังไงซะตอนนี้ก็ติดต่อนายไม่ได้เด็ดขาด นายสั่งไว้ลืมแล้วหรือไง เพื่อความปลอดภัยของตัวเองแท้ ๆ เอาน่าเดี๋ยวนายก็มาหาเองแหละ”
ระหว่างนั้นบาบาร่ากำลังเอื้อมมือจะหยิบอาหารแมวให้ไทเกอร์ไม่ห่างจากแนนนี่นัก
“นี่ มันต้องตัวนี้รับรองอร่อยเด็ดฉันเพิ่งเห็นจากโฆษณา แต่อึ๊ยไหงวางซะลึกกันล่ะเนี่ย”
พอแนนนี่หันหลังมา เห็นคนกำลังพยายามเอื้อมจะหยิบอาหารแมวจึงตรงเข้าไปช่วย แนนนี่เอื้อมหยิบอาหารแมวส่งให้บาบาร่าโดยไม่มองหน้า
“นี่ค่ะ เราซื้อเหมือนกันเลย” แนนนี่ว่า
บาบาร่าเองก็มัวแต่มองอาหารแมวในมืออย่างชื่นชม
“เหรอคะ แหมขอบคุณมากนะคะ” บาบาร่าพูดพลางหันวางอาหารแมวในรถเข็น
แนนนี่จับมือชิกเก้นขึ้นโบก
“บ๊ายบาย บาย”
แนนนี่เห็นบาบาร่าเงยหน้าขึ้นจากรถเข็นก็สะดุ้งวาบรีบหันหลังกลับเผ่นหนีทันที
“นั่นมัน...แม่มดบาบาร่า ตายแล้วยัยแนนนี่”
บาบาร่ามองอาหารแมวอื่น ๆ ที่ชั้นต่อไป
ไทเกอร์มัวแต่แหงนคอดูพรีเซนเตอร์แมวสาวในหนังโฆษณาอาหารแมว

ดารกากลับมาถึงบ้านกำลังจะเดินผ่านสวนไป แต่แล้วก็ชะงัก เมื่อเห็นธานีกับรัดเกล้ายืนคุยกันอยู่
ดารกาขมวดคิ้วตัดสินใจค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้ เป็นจังหวะที่ธานีกำลังจะแยกย้ายกับรัดเกล้า
“พี่ขอร้องนะเกล้า เก็บเรื่องที่เราเจอแนนนี่ไว้เป็นความลับก่อน”
รัดเกล้าพยักหน้า
“เกล้าก็ไม่รู้จะบอกใครไปทำไมอยู่แล้ว”
ดารการู้ทันทีว่าอะไรเป็นอะไร ดารกามีสีหน้าครุ่นคิด
“ที่แท้พี่ธานีกับพี่เกล้าก็ตามเราไป”

อาหารหมาถูกวางเอาไว้บนโต๊ะ มีชิกเก้นกอดอกมอง “อาหารหมา” หน้าตูมอยู่ แนนนี่คว้ากระป๋องอาหารคืนมาแบบเคืองๆ
“ก็แหม จะโทษแนนนี่ก็ไม่ได้นะ เวลานั้นหยิบอะไรได้ก็หยิบแล้ว ใครจะไปคิดว่าบาบาร่าจะไปซื้อของที่นั่นเหมือนกัน”
ชิกเก้นกระโดดลงไปอยู่ข้างๆ แนนนี่
“บาบาร่าที่ไหนกัน มนุษย์ผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนแม่มดมีออกถมไป” ชิกเก้นไม่เชื่อ
“ไม่นะชิกเก้น บาบาร่าจริงๆ แนนนี่จำได้ อ้อ แถมยังมีเจ้าไทเกอร์มาด้วย แนนนี่ไม่มีทางจำผิดแน่ๆ”
ชิกเก้นทำท่าไม่สนใจฟัง
“เอาเถอะ ๆ ไม่ต้องมาเฉไฉอะไรแล้ว รีบ ๆ เข้าไปอยู่ในตะเกียงแก้ว แล้วเรียนตำราให้มันจบเล่มซะที ชิกเก้นจะได้ไม่ต้องคอยมานั่งเฝ้าระวังความปลอดภัยของแนนนี่ 24 ชม.อย่างนี้”
แนนนี่เดินหน้าม่อยไปที่ตะเกียงแก้ว แต่ก็พลันชะงักเขม้นมองออกไปที่นอกหน้าต่าง
แนนนี่เห็นบาบาร่ากับไทเกอร์ขี่ไม้กวาดผ่านไป แนนนี่ตกใจรีบชี้ให้ชิกเก้นดู
“บาบาร่า นั่นไง บาบาร่า ชิกเก้นดูสิ ไทเกอร์ก็ด้วยเห็นไหม เร็ว ๆๆๆ” แนนนี่ร้อนรนสุดโต่ง
ชิกเก้นทำท่าเบื่อหน่าย กระโดดขึ้นมาที่ขอบหน้าต่างมองออกไป
“ไหน บาบาร่ากับไทเกอร์ของเธอ ไหน อยู่ไหนแล้ว”
แนนนี่พรวดพราดไปที่หน้าต่าง ผลักชิกเก้นออกไปแล้วชะโงกหน้ามองไปทางบ้านอิงอร
“ไปทางนั้น บ้านป้าอิง”

บาบาร่ากับไทเกอร์เดินสำรวจบ้านอิงอรอย่างถือวิสาสะ ที่เครื่องจับสัญญาณดังขึ้นถี่ยิบและดังมาก
“ดังขนาดนี้ ฉันไม่พลาดแน่เจ้าไทเกอร์เอ๋ย”
บาบาร่าเดินสอดส่ายสายตาไปทั่ว ๆ ไทเกอร์ทำจมูกฟุดฟิดพยายามจะสูดกลิ่นอสูร แต่ไม่ได้กลิ่น
“เครื่องดังเอาๆ แต่ทำไมไทเกอร์ไม่ยักจะได้กลิ่น”
บาบาร่ามองไทเกอร์อย่างตำหนิ
“จมูกเจ้ามันจะมาสู้อะไรกับเครื่องนี่ฮ๊า”
ไทเกอร์มองบาบาร่าและเครื่องจับสัญญาณอย่างหมั่นไส้
“เชอะ เครื่องมันพังเมื่อไหร่อย่ากลับมาง้อจมูกไทเกอร์ก็แล้วกัน”
บาบาร่าชูเครื่องจับสัญญาณขึ้น
เครื่องจับสัญญาณดังถี่และดังขึ้นกว่าเดิม บาบาร่าแหงนมองที่ชั้นบนของบ้าน
บาบาร่าไป เจ้าไทเกอร์อสูรมันต้องอยู่ที่ชั้นบนนั่นแน่ ๆ

ดารกาเดินไปหยุดอยู่ไม่ไกลธานีกับรัดเกล้า แล้วทำทีเป็นป้องปากคุยโทรศัพท์มือถือ
“ต่อไปแนนนี่ก็ไม่ต้องไปเหยียบที่นั่นอีกแล้วนะ มีอะไรก็บอก พี่ดาจะไปให้เอง เหมือนคราวก่อนที่แนนนี่ฝากเงินไปให้พ่อกับแม่น่ะ”
ธานีกับรัดเกล้าเดินเข้ามาพอดีได้ยินที่ดารกาคุยทั้งหมด ธานีกับรัดเกล้ามองหน้ากันงง ๆ
ดารกาทำเป็นไม่เห็นธานีกับรัดเกล้า ยังคงทำท่าป้องปากพูดโทรศัพท์ต่อไป
“แค่นี้ก่อนนะแนนนี่ พี่ดาต้องไปแล้วเดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าจะยุ่ง
ดารกาทำเป็นกดวางสายแล้วมองซ้ายขวาเดินออกไป รัดเกล้ามองตามดารกาไปแล้วส่ายหัวอย่างเห็นใจ
“โถ น้องดาช่วยแนนนี่แล้วยังจะมาถูกพี่ธานีเข้าใจผิดอีก”
ธานีมองตามที่ดารกา แล้วหันกลับมาที่รัดเกล้าพูดไม่ออก

บาบาร่ากับไทเกอร์เข้ามาถึงห้องนอนอิงอร ทั้งคู่แยกย้ายกันหยิบนู่นจับนี่จนมาถึงลิ้นชักหนึ่ง เครื่องจับสัญญาณดังขึ้นถี่ยิบ ไทเกอร์กระโดดผลุงมาอยู่ข้าง ๆ บาบาร่า
บาบาร่ากับไทเกอร์ก้มหน้าลงแทบจะติดกับลิ้นชักแล้วหันมองหน้ากันพยักหน้า
บาบาร่าดึงลิ้นชักเปิดออกมา ภาบในลิ้นชักเห็นตุ๊กตามัดเชือกผู้หญิงกับผู้ชายคู่หนึ่ง บาบาร่าหยิบตุ๊กตาคู่ขึ้นมา เครื่องจับสัญญาณดังลั่น
“โธ่เอ๊ย ที่แท้ก็ตุ๊กตาคุณไสย มันมีพลังมืดขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
“ถ้าไม่ใช่ก็รีบไปกันเถอะ ตอนนี้เจ้าของบ้านเขาไม่อยู่รู้ไหมมันเหมือนกับเราสองคนกำลังเป็นโจรกันเลยนะ”

ไทเกอร์สะกิดเร่งบาบาร่ายิกๆ

อ่านต่อหน้า 2





อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ตอนที่ 7 (ต่อ)

แนนนี่ลากชิกเก้นเข้ามาในบ้านอิงอร เพื่อพิสูจน์เรื่องบาบาร่ากับไทเกอร์ ที่เธอเห็น

“นี่ไงประตูเปิดอยู่ ป้าอิงไม่อยู่ประตูจะเปิดได้ยังไง”
ชิกเก้นทำท่าแขยง นึกถึงฉากโป๊ของอิงอรที่ยังติดตา
“ประตูเปิดเธอยิ่งควรจะกลับแล้วโทรแจ้งตำรวจซะ อาจจะเป็นโจรก็ได้ที่อยู่ข้างบนน่ะ” ชิกเก้นว่า
แนนนี่ส่ายหน้ามองขึ้นไปที่ชั้นบน
“ไม่ แนนนี่เห็นกับตาว่าบาบาร่ามาทางนี้ แนนนี่จะขึ้นไปดูข้างบน”
แนนนี่ยืนนิ่งหลับตาอยู่ครู่หนึ่ง หน้าตาก็เปลี่ยนเป็นอิงอร แนนนี่ก้มหน้าลงอวดชิกเก้น
“เป็นไง แบบนี้ปลอดภัยดีไหม”
ชิกเก้นเบ้ปากส่ายหน้าทำท่าไม่เล่นด้วย
“อึ้ย ก็ยังไม่อยู่ดี ฉันไปตามโป่งมาพาเธอกลับไปดีกว่า”
ชิกเก้นหันหลังจะเดินออกไป แนนนี่ชี้นิ้วไปที่ชิกเก้นแล้วร่ายมนตร์
“ฮาเลลายา ฮาลันตะเร”
ชิกเก้นตัวแข็งทื่อกลายเป็นตุ๊กตาแมวไปซะงั้น แนนนี่เดินเข้าไปจับชิกเก้นวางที่โซฟา
“อย่าโกรธกันเลยนะเจ้าชิกเก้น อยู่แบบนี้เดี๋ยวเดียว แนนนี่บอกแล้วชิกเก้นไม่เชื่อเองนี่นา”

จังหวะนั้นเองบาบาร่าเดินลงบันไดมาพร้อมไทเกอร์ ชะงักเมื่อเห็นแนนนี่ในรูปลักษณ์อิงอร อยู่ข้างล่าง
อิงอร - แนนนี่ แกล้งทำเป็นตกใจ ชี้ไปที่บาบาร่ากับไทเกอร์
บาบาร่าตกใจรีบเดินเข้าไปหาอิงอรแนนนี่แก้ตัวเป็นพัลวัน
“โอว อย่าเข้าใจผิดนะคะ พวกเราเป็นแม่มด เอ๊ย เป็นคนดีค่ะไม่ใช่โจร พอดีว่าเผลอเข้าบ้านผิดมาเท่านั้นเองค่ะ”
อิงอร-แนนนี่ทำเป็นถอนหายใจ
“อ้อ...ว่าแต่ว่าพวกคุณจะมาหาใครเหรอคะ”
บาบาร่ายิ้มออก รีบควักรูปแนนนี่ออกมาให้อิงอรแนนนี่ดู
“นี่ค่ะ เด็กคนนี้พอจะรู้จักไหมคะ”
ชิกเก้นเห็นเต็มตา ได้แต่กรอกตามองบาบาร่ากับแนนนี่ด้วยความตกใจ
อิงอรแนนนี่ทำเป็นรับรูปไปดูแล้วส่ายหน้า
“ไม่เคยเห็นแถวนี้นะคะ ขอโทษทีค่ะ ที่ช่วยพวกคุณไม่ได้”
อิงอรแนนนี่ทำเป็นเดินไปจับที่ประตู เป็นเชิงขอเชิญให้บาบาร่ากลับ บาบาร่ายิ้มเขินๆ ก้มลงอุ้มไทเกอร์ขึ้นมา
“ไปกันเถอะนะ เอ้อ ขอตัวลากลับก่อนนะค๊า บ๊ายบาย”
บาบาร่าหันหลังกลับชะงักงัน เพราะอิงอรตัวจริงโผล่กลับเข้ามามองบาบาร่าปากคอสั่น
พออิงอรแนนนี่เห็นอิงอรตัวจริงโผล่มา ก็หันหลังก้มหน้าหลบทันที
บาบาร่ายกมือขึ้นบ๊ายบาย เพราะเข้าใจว่าเป็นฝาแฝดของอิงอรแนนนี่
“ไม่มีอะไรค่ะ เข้าใจผิดกันนิดหน่อย บ๊ายบายนะคะ”

อิงอรตัวจริงยืนนิ่ง ปากคอสั่นทำอะไรไม่ถูก
แนนนี่ค่อยๆ หันกลับมา เห็นอิงอรตัวสั่นก็เริ่มสงสารเดินเข้าไปปลอบ
“โอ๋... มานั่งก่อนนะคะ ใจเย็นๆ ค่ะไม่มีอะไรน่าตกใจเลยนะคะ
พออิงอรตัวจริง เห็นอิงอรแนนนี่ ที่หน้าตาเหมือนตัวเองเป๊ะเข้าก็ยิ่งช็อกตาตั้งตัวแข็งทื่อ
อิงอรแนนนี่นึกขึ้นได้รีบผละออกมา
“อ๋อ พอดีทะลุกระจกมาจากโลกอนาคตค่ะ แล้วก็จะกลับแล้วไม่มีอะไร ไปก่อนนะคะ”
แนนนี่ร่ายมนตร์หายตัวแว๊บ
ชิกเก้นที่ตั้งอยู่ที่โซฟาตาเหลือกแต่ยังขยับตัวไม่ได้ อิงอรทำท่าจะเป็นลม ทิ้งตัวลงที่โซฟาข้างตุ๊กตาชิกเก้นพอดิบพอดี
อิงอรปัดมือสะเปะสะปะไปโดนตัวชิกเก้น แล้วก็คว้าตุ๊กตาชิกเก้นขึ้นมากอดบนตักแบบเบลอๆ
ตุ๊กตาชิกเก้นอยู่บนตักอิงอรค่อยๆ คืนร่าง กลายเป็นแมวดำชิกเก้นขยับหัวได้ขึ้นมา
อิงอรลูบๆ หัวอยู่ เริ่มรู้สึกว่าชิกเก้นขยับตัวได้ จึงก้มลงดู เห็นเป็นชิกเก้นก็ตาเหลือกโยนชิกเก้นลงพื้น
“แว๊ก แกไอ้แมวผี แว๊ก”
ชิกเก้นกระโดดผลุงออกจากบ้านไปทันที อิงอรตาเหลือก เป็นลมอยู่ที่โซฟานั่นเอง

ที่เมืองเวทมนตร์ ทาฮิร่ายืนกดกริ่งอยู่หน้าบ้านบาบาร่า เวลาผ่านไปทาฮิร่ายังคงยืนชะเง้อเข้าไปในบ้านบาบาร่า เมื่อไม่เห็นออกมาเปิดประตูสักทีจึงเริ่มมองซ้ายมองขวา
เพื่อนบ้านของบาบาร่า กำลังชี้นิ้วร่ายมนตร์รดน้ำต้นไม้อยู่ไม่ไกล เริ่มสังเกตเห็นทาฮิร่าจึงตะโกนออกมา
“มาหาบาบาร่าเหรอจ๊ะ ไม่อยู่กันหรอก”
ทาฮิร่าทำหน้าสงสัย
“อ้อ แม่ทาฮิร่า บาบาร่ากับไทเกอร์เขาได้ตั๋วฟรีไปเที่ยวเมืองมนุษย์น่ะ เขาไม่ได้บอกไว้เหรอ” แม่มดเพื่อนบ้านบอก
ทาฮิร่ายิ่งสงสัยหนัก
“ไปเที่ยวเมืองมนุษย์ ไม่เห็นบาบาร่าจะเล่าให้ฟังเลยว่าได้ตั๋วฟรี”
ทาฮิร่าชักเอะใจบางอย่างขึ้นมา

ทาฮิร่าคิดหนัก เดินวนไปวนมาอยู่ในบ้านอย่างกระวนกระวาย
“บาบาร่ากับไทเกอร์อยู่เมืองมนุษย์ คงไม่ใช่ไปเที่ยวธรรมดาแน่ๆ”
ทาฮิร่าทำท่าจะร่ายมนตร์หายตัวตามไปเมืองมนุษย์แต่ก็หยุดกึก
“ไม่สิ ไม่ได้ ไปหาแนนนี่ตอนนี้ถ้าเกิดจ๊ะเอ๋กับบาบาร่าเข้ายุ่งแน่ๆ”
ทาฮิร่าเดินวนไปวนมาอยู่ครู่หนึ่งก็นึกอะไรออก ทาฮิร่าหลับตาร่ายมนตร์หันหน้ามาอีกทีเป็นหน้าอิงอร
ทาฮิร่าวิ่งไปหน้ากระจกหันซ้ายหันขวายิ้มออกมาอย่างพอใจ
“เหมือนเปี๊ยบไม่มีที่ติ มันต้องอย่างนี้สิถึงจะเรียกว่าพร้อม”
ทาฮิร่าหมุนตัวหายแว้บไปเมืองมนุษย์ทันที

ที่เมืองมนุษย์ภวัตก้มหน้าก้มตาอยู่กับกระดาษบนโต๊ะ เสียงประตูห้องตรวจคนไข้เปิดออก ภวัตเชิญให้นั่งโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง
“นั่งเลยครับ สักครู่นะครับ”
เป็นดารกาเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้คนไข้
“พี่ภวัตจะไม่เงยหน้าดูคนไข้หน่อยเหรอคะ”
ภวัตละสายตาจากกระดาษบนโต๊ะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงคุ้นหู
“น้องดา ไม่สบายเหรอ”
ดารกายิ้มน้อยๆ พลางส่ายหัวไปมา
“เปล่าค่ะ น้องดาจะมาปรึกษาพี่ภวัต เอ้อ เรื่องอาการของเพื่อนน่ะค่ะ”
ภวัตสังเกตท่าทางดารกาดูอ้ำอึ้งสีหน้ากังวลใจ
“ถึงขั้นมาหาพี่ที่นี่ ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ ไหนอาการเพื่อนน้องดาเป็นยังไงบ้างล่ะ”
“เอ้อ เขาเหมือนมีสองความคิดในหนึ่งร่างน่ะค่ะ” ดารกาว่า
ภวัตเริ่มขมวดคิ้ว
“น้องดาหมายถึง เอ่อ เขาบอกว่าบางทีเขาเหมือนได้ยินเสียงใครบางคน ที่ไม่ใช่ตัวเขา สั่งการเขาอยู่ในสมอง” ดารกาบอกอาการของตัวเอง แต่อ้างว่าเป็นเพื่อน
“พี่ว่ามันเป็นอาการทางจิตนะ”
ดารกาหน้าเสีย
“การรักษาทำได้หลายอย่าง แต่..จะให้ดีน้องดาควรพาเพื่อนมาตรวจด่วน จะได้รู้ว่าอาการอยู่ในระดับไหนและควรจะรักษาด้วยวิธีการใด”
ดารกาได้ฟังที่ภวัตพูด ก็ตาลอยมีสีหน้าหนักใจ

ทาฮิร่าในรูปลักษณ์อิงอรเดินเข้ามาในบ้านปัทมนอย่างงงๆ เพราะไม่เห็นใครอยู่บ้าน
“หายไปไหนกันหมดบ้านนะเนี่ย”
พรเดินเข้ามาเห็นอิงอรทาฮิร่า ก็เดินเข้ามาทัก
“อ้าว คุณอิงทำไมมาเงียบๆ ล่ะคะ”
อิงอรทาฮิร่า ยังคงสอดส่ายสายตาหาแนนนี่
“บ้านเงียบนะ แนนนี่ล่ะอยู่หรือเปล่า”
“คุณแนนนี่อยู่บนห้องค่ะ เก็บตัวเงียบมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” พรบอก
อิงอรทาฮิร่าทำท่าจะเดินขึ้นไปข้างบน
“แล้วเรื่องนิมนต์พระมาปัดรังควานผีบ้านคุณอิงล่ะคะไปถึงไหนแล้ว มีอะไรให้พรช่วยหรือเปล่า”
อิงอรทาฮิร่าอ้อมๆ แอ้มๆ ตอบพร
“ยังไม่มีนะ ไม่เป็นไรหรอกค่อยเป็นค่อยไป ช่วงนี้ไม่ค่อยเจอเท่าไหร่ สงสัยผีไม่ว่าง”
พรหัวเราะขำนึกว่าอิงอรเล่นมุกตามประสา
“แหมคุณอิงเนี่ยตลกเป็นเหมือนกันนะคะ เดี๋ยวพรขอตัวไปทำงานต่อละกันค่ะ”

อิงอรทาฮิร่าพยักหน้าให้แล้วมองตามพรออกไป มองจนแน่ใจว่าพรออกไปแล้วจึงหันหลังทำท่าจะเดินขึ้นไปบนห้องแนนนี่
“เดี๋ยวนั่นใครน่ะ”
อิงอรตัวจริงเสียงจริงร้องถามออกมา พร้อมกับเดินเข้ามาในบ้านมองไปที่อิงอรทาฮิร่า
อิงอรทาฮิร่า ชะงักค่อย ๆ หันไป อิงอรตัวจริง ตาตั้งตาเหลือกช็อกคาที่
“ฉัน ฉันอีกแล้ว นี่ก็ฉัน นั่นก็ฉัน ผะ ผะ ผีอีกแล้ว”
อิงอรตัวจริง หันหลังกลับ แล้วร้องวี้ดก่อนจะเผ่นแน่บออกไปทันที
บุษบาเดินเชิดหน้ามั่นใจตรงไปที่ห้องภวัต
เป็นจังหวะเดียวกับที่ภวัตเปิดประตูห้องตรวจคนไข้ออกมา บุษบายิ้มหน้าบานกำลังจะวิ่งโร่เข้าไปหา แต่ต้องชะงักเท้าแทบไม่ทัน เมื่อบุษบามองไปเห็นดารกาเดินตามภวัตออกมาจากห้อง บุษบาเพ่งมองดารกาอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“นังดารกาหน้าจืด บังอาจมาเหยียบถิ่นฉันหาภวัตถึงที่นี่”
บุษบาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรออก พลางพูดสาย
“พี่ไชย”

แนนนี่เก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในตะเกียงแก้วจนรู้สึกเบื่อ จึงแหงนคอคุยกับชิกเก้นที่ปากตะเกียง แนนนี่กอดตำราทิ้งตัวลงที่เตียงอย่างเบื่อหน่าย
“ชิกเก้น...ชิกเก้นจ๋า อยู่ในนี้มาเป็นวัน ๆ แนนนี่จะหงอยตายอยู่แล้วนะ ชิกเก้น”

ชิกเก้นก้มหน้าคุยอยู่กับแนนนี่ ห้ามไม่ให้แนนนี่ออกมาจนกว่าจะเรียนจบตำราเวทย์จบ เพื่อที่ตำราจะได้กลับไปเมืองเวทมนตร์เสียที
แนนนี่ชี้นิ้วให้ชิกเก้นเงียบ แต่ก็ยอมทำตามที่ชิกเก้นสั่ง เพราะเบื่อตำราเต็มทีเช่นกัน ทาฮิร่าเข้ามาแทนที่ชิกเก้น ก้มหน้าแนบลงกับตะเกียง
แนนนี่บ่นๆ แต่ทาฮิร่าที่ไม่สนใจใยดี พอแนนนี่แหงนหน้ามาเห็นทาฮิร่าก็ดีใจมาก หายตัวออกจากตะเกียงแก้วมาหาทาฮิร่าทั้งที่ยังเรียนค้างบทเรียนหนึ่งกับตำราเวทย์ แนนนี่บอกทาฮิร่าว่าเห็นบาบาร่ามาที่เมืองมนุษย์

ชิกเก้นได้ยินเสียงแนนนี่แว่วๆ ก็เดินเข้าไปก้มหน้าที่ปากตะเกียง
“โวยวายเข้าไป จะโวยวายให้ตะเกียงแตกก็ออกมาไม่ได้”
“ใจร้าย ชิกเก้นใจร้าย” แนนนี่โวยออกมา
“ต้องเรียนจนจบ จนตำราสามารถกลับไปเมืองเวทมนตร์ได้ แนนนี่ถึงจะออกมาได้อย่างปลอดภัย อย่ามัวแต่โวยวายรีบๆ เรียนเข้าสิ”

แนนนี่ลุกขึ้น ชี้นิ้วไปที่ปากตะเกียงแก้ว
“หยุดเลยชิกเก้น โอ๊ย.....เบื่อ”
แนนนี่กลับมากางตำราอ่านอย่างเสียไม่ได้
“แนนนี่ก็เบื่อแล้วเหมือนกัน เอ้า เรียนๆ เรียนเข้าไปเรียนก็ได้”

ทาฮิร่าคืนร่างตัวเองเดินเข้ามาในห้องแนนนี่ทำมือจุ๊ปากใส่ชิกเก้น ทาฮิร่าเดินเอาหน้าแนบลงกับตะเกียงฟังเสียงแนนนี่บ่น
“แล้วยายทาฮิร่าก็ใจร้าย ใจดำ ไม่มาดูดำดูดีแนนนี่บ้างเลย”
ทาฮิร่าส่งเสียงกระแอมให้แนนนี่ได้ยิน
“อะแฮ่ม”
“ว้าย ยายมา เสียงยายแน่ๆ ยายทาฮิร่าของแนนนี่”
แนนนี่โผล่แว้บขึ้นมากอดเอว ออดอ้อนทาฮิร่า
“ยายจ๋า แนนนี่คิดถึงยายที่สุดเลยรู้ไหม”
ทาฮิร่ามองแนนนี่กึ่งหมั่นไส้กึ่งเอ็นดู
“ ชิกเก้นเขาเพิ่งบอกว่าห้ามออกมาจนกว่าจะเรียนจบ แล้วนี่จบแล้วหรือไง” ทาฮิร่าว่า
แนนนี่ค้อนชิกเก้นขวับๆ แล้วเบ้หน้าใส่
“เหลืออีกแค่บทเดียวจ้ะยาย นิดหน่อยน่ะ เออ แนนนี่มีเรื่องจะบอกยายเรื่องบาบาร่า”
สีหน้าทาฮิร่าเวลานี้เปลี่ยนเป็นหนักใจ

ดารกาเดินออกมาถึงล็อบบี้ก็ชะงัก เพราะเห็นหมอไชยยืนอยู่ ดารการก้มหน้าจะเดินเลี่ยงออกไป
หมอไชยเดินมาดักข้างหน้า
“ต้องเดินก้มหน้าขนาดนั้นเลยเหรอจ๊ะน้องดา”
ดารกามองหน้าหมอไชยอย่างไม่พอใจ
“น้องดาต้องรีบกลับแล้วค่ะ ไม่ได้บอกคุณแม่ไว้”
ดารกาพยายามเบี่ยงตัวจะเดินเลี่ยงออกไป
“พี่ก็ว่าจะชวนน้องดาทานดินเนอร์ด้วยกันอยู่พอดี” ไชยบอก
“วันนี้น้องดาไม่สะดวก ขอตัวนะคะ”
หมอไชยคว้าแขนดารการั้งไว้ พูดเสียงเข้ม
“พี่อยากไปกับน้องดาวันนี้”
ดารกาสะบัดแขนหมอไชยออกแล้วพูดด้วยเสียงดัง
“ปล่อยน้องดาค่ะ”
หมอไชยหันซ้ายขวากลัวคนได้ยินเสียงดารกา ก้มหน้าพูดกับดารกา
“ลืมเรื่องเงินแล้วเหรอจ๊ะน้องดา”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ น้องดาจะรีบหามาคืน” ดารกาบอกฉุนๆ
จังหวะนั้นหมอไชยมองเห็นภวัตเดินมาข้างหน้า จึงคิดแผนบางอย่างออก
“ไม่ต้องรีบก็ได้จ้ะ เดี๋ยวพี่จะลองปรึกษาภวัตดูเผื่อพี่จะได้คืนเลยทันใจดี”
ดารกามองตามเห็นภวัตกำลังเดินเข้ามาก็หน้าซีด
“จะไปดินเนอร์ไม่ใช่เหรอคะ น้องดามีเวลาไม่มากแต่เรื่องเงิน..อย่าให้พี่ภวัตรู้เด็ดขาด”
ภวัตเดินมายื่นหนังสือให้ดารกา
“น้องดาลืมไว้ที่ห้องจ้ะ เออ เย็นนี้คุณพ่อพี่ชวนทานข้าวด้วยกันที่บ้านน่ะ”
ดารการับหนังสือจากภวัตไม่มองหน้าแต่หันไปทางหมอไชยแทน
“ขอโทษค่ะพี่ภวัต เย็นนี้น้องดาไม่ว่างแล้ว น้องดาขอตัวนะคะ”
ดารการีบก้มหน้างุด เดินออกมา หมอไชยผุดยิ้มมุมปากอย่างพอใจ แกล้งตะโกนพูดไล่หลังไป
“เย็นนี้พี่ไปรับที่บ้านนะจ๊ะน้องดา”
ดารการีบจ้ำอ้าวไม่มองทางจนไปชนเข้ากับบุษบา
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ”
ดารกาเงยหน้าขึ้นมาเห็นเป็นบุษบา ก็จ้องหน้าบุษบาเขม็งแววตาวาวโรจน์ บุษบายิ้มเยาะดารกา
ดารกาจำใจก้มหน้าเดินเลี่ยงออกมา
บุษบามองตามหลังดารกาไปอย่างสะใจ ขณะกำลังจะก้าวเท้าเดินต่อ จู่ๆ ก็หน้าหันซ้ายขวาราวกับถูกตบอย่างแรง
บุษบายกมือกุมหน้าตัวเองทั้งงงทั้งเจ็บ!

บาบาร่ายังเดินช็อปปิ้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าเมืองมนุษย์อย่างเพลินใจ บาบาร่าชี้ที่กระเป๋าแบรนด์เนมให้ไทเกอร์ดู
“ดูนี่สิเจ้าไทเกอร์ อยากได้กระเป๋าใหม่หรือยัง ยี่ห้อดังๆ ทั้งนั้นเลย”
ไทเกอร์โผล่หัวออกจากกระเป๋า
“บาบาร่าเลิกดูกระเป๋าซะที ไปซื้ออาหารกันเถอะ”
บาบาร่ามองไทเกอร์อย่างหงุดหงิด
“แกนี่ นานๆ ฉันจะมาสักที เพิ่งซื้อมาได้ไม่กี่อย่างเองเนี่ย”
จู่ๆ เสียงสัญญาณจากเครื่องจับอสูรก็ดังขึ้นจากกระเป๋า บาบาร่ากับไทเกอร์มองหน้ากัน บาบาร่ารีบวางกระเป๋ากลับคืนที่ชั้นวางของแล้วเดินออกจากร้านทันที

ที่แท้เป็นเพราะตำราเวทย์ลอยออกมาจากตะเกียงแก้วแปะหน้าแนนนี่พอดี ซึ่งแนนนี่ดึงตำราออกจากหน้าโวยวาย
“อึ้ย...ไม่เอานะ..พี่ตำราอย่าทำอย่างนี้” แนนนี่โวยวาย
ทาฮิร่ากับชิกเก้นมองหน้ากันแล้วหันไปทางแนนี่
“ก็กลับเข้าไปในตะเกียงแก้วแล้วตั้งใจเรียนๆ ให้มันจบซะที” ชิกเก้นว่า
แนนนี้วิ่งวนอยู่ในห้องหนีตำราไปรอบห้องปากก็ร้องโวยวาย
“แนนนี่เรียนมาทั้งวันทั้งคืนแล้ว ขอพักบ้างไม่ได้เลยเหรอไง”
ตำราเวทมนตร์ยังคงลอยตามแนนนี่
“ยายจ๋า แนนนี่รู้ว่ายายช่วยแนนนี่ได้ ช่วยแนนนี่ด้วย”
ทาฮิร่ามองแนนนี่อย่างเหนื่อยใจ
“แต่ยายว่าหนูควรทำตามที่ชิกเก้นบอกนะ กลับเข้าไปเรียน ๆ ให้จบ”
แนนนี่หยุดวิ่ง ทำหน้างอใส่ทาฮิร่า ตำราเวทย์ลอยมาแปะเข้าที่หน้าแนนนี่

บาบาร่ากับไทเกอร์หยุดยืนอยู่หน้าบ้านปัทมน เสียงเครื่องจับสัญญาณดังถี่ขึ้น
“มันต้องอยู่แถวนี้แน่ๆ ฉันมั่นใจ” น้ำเสียงบาบาร่ามาดมั่น
“แล้วเราจะเข้าไปได้ยังไงล่ะ”
ไทเกอร์มองหน้าบ้านอิงอรอย่างใช้ความคิด
“ไทเกอร์ว่าแมวฉลาดอย่างไทเกอร์มีไอเดียเจ๋ง ๆ แล้ว”
บาบาร่ามองไทเกอร์อย่างหมั่นไส้
“อย่าบอกให้ฉันปีนเข้าไปก็แล้วกัน” บาบาร่าว่า
“นั่นมันวิธีธรรมดาๆ ของพวกมนุษย์เขา ทำไมนายใช้วิธีร่ายมนตร์เปลี่ยนหน้าเอาล่ะ”
บาบาร่ามองหน้าไทเกอร์ เริ่มยิ้มออกมาเพราะถูกใจในวิธีของไทเกอร์

ทาฮิร่ายืนพิงขอบหน้าต่างเหนื่อยใจกับแนนนี่อยู่ พอทาฮิร่าเหลือบมองลงไปข้างล่างแล้วสะดุ้งตกใจ
เมื่อเห็นบาบาร่ากับไทเกอร์ยืนอยู่หน้าประตูบ้าน
“นั่นมันบาบาร่ากับเจ้าไทเกอร์”
ชิกเก้นกับแนนนี่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“เอายังไงดีครับนาย” ชิกเก้นร้อนรน
ทาฮิร่าทำท่าใช้ความคิด
“แนนนี่ หลานต้องกลับเข้าไปอยู่ในตะเกียงแก้วก่อน”
แนนนี่วิ่งเข้ามากอดทาฮิร่าอย่างห่วงใย
“แล้วยายล่ะคะ ถ้าบาบาร่ารู้เข้าว่ายายอยู่ที่นี่...”
“ไม่ต้องห่วงยายหรอก เดี๋ยวยายจะใช้มนตร์เปลี่ยนหน้าหาทางแย่งเจ้าเครื่องจับสัญญาณนั่นมา มันน่าจะช่วยได้”
ว่าพลางทาฮิร่าหันหน้าไปสั่งชิกเก้นและกำชับแนนนี่
“ชิกเก้นเจ้าอยู่นี่คอยดูแลความปลอดภัยไว้ ส่วนหลาน...ยายขอแค่อย่าออกมาจากตะเกียงแก้ว”
แนนนี่รับคำทาฮิร่าอย่างหนักแน่น

บาบาร่าตัดสินใจแปลงร่างเปลี่ยนหน้าเป็นอิงอร และเวลานี้อิงอรบาบาร่ากับไทเกอร์เดินเข้าไปในบ้านปัทมน
พร้อมกับที่เครื่องจับสัญญาณดังขึ้นถี่ยิบ
อิงอรบาบาร่าเดินตามสัญญาณเข้าไปจนเจอ อิงอรทาฮิร่ายืนหันหลังอยู่
อิงอรทาฮิร่า ค่อยๆ หันหน้ามาในมือ ถือลูกไฟสีดำกลมๆ ลอยอยู่
อิงอรบาบาร่ากับไทเกอร์ชะงัก มองหน้ากันเลิ่กลั่ก หันมามองหน้าอิงอรทาฮิร่าสลับกับลูกไฟสีดำ
อิงอรทาฮิร่า ยิ้มให้อิงอรบาบาร่า ค่อยๆ ชูลูกไฟอสูรให้ดู
“เธอไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ แล้วนั่น” อิงอรบาบาร่าถาม
“ฉันก็มาตามจับอสูรเหมือนเธอไง นี่ไงล่ะ” อิงอรทาฮิร่าว่า
อิงอรบาบาร่าหน้าเสียที่ถูกตัดหน้า
“ได้ยังไง ฉันมาก่อนตั้งแต่เมื่อวาน นั่นอสูรใช่ไหมส่งอสูรมาให้ฉันนะ”
ไทเกอร์ทำจมูกฟุดฟิดๆ ใช้เท้าสะกิดบาบาร่า
“บาบาร่ากลิ่นนี่มันคุ้นๆ นะ ไทเกอร์คุ้นกลิ่นนี้เหลือเกิน”
บาบาร่าในรูปลักษณ์อิงอรตอบไทเกอร์อย่างหงุดหงิด
“จะแปลกอะไร มันก็กลิ่นแม่มดต่ำๆ ยังไงล่ะ”
อิงอรทาฮิร่าชูลูกไฟดำในมือแล้วเก็บลงในกระเป๋าด้านในเสื้อ
“ฮ่า ๆ คุยกันไปก่อนนะ อสูรอยู่ที่ฉันแล้วฉันคงต้องขอตัวเอาอสูรกลับไปให้ท่านผู้นำที่เมืองเวทมนตร์เดี๋ยวนี้แล้ว”
อิงอรบาบาร่ากับไทเกอร์ขยับตัวจะพุ่งใส่อิงอรทาฮิร่า
ระหว่างนั้นอิงอรตัวจริงก็เดินเข้ามาในบ้าน
“มีใครอยู่บ้านบ้างคะ แย๊ก....”
อิงอรตัวจริง ช็อกตาค้างอยู่เมื่อเห็นภาพตัวเองยืนอยู่สองคน ถาดขนมในร่วงลงพื้น
อิงอรตัวจริงหลับตา ทรุดตัวลงนั่งยกมือไหว้ท่วมหัวปะหลก ๆ
“อย่าหลอกอย่าหลอนกันบ่อยนักเลย ไปที่ชอบๆ นะเจ้าคะ ลูกสัญญาลูกจะทำบุญอาหารอร่อยๆ ไปให้”
อิงอรทาฮิร่า มองอิงอรตัวจริง ได้โอกาสก็เสกไม้กวาดมาขี่แล้วเหาะหนีออกไปทันที
อิงอรบาบาร่าตาเหลือก รีบเสกไม้กวาดออกมาแล้วขี่ตามออกไปติดๆ

บนท้องฟ้าของเมืองมนุษย์เวลาต่อมา เห็นอิงอรสองคนขี่ไม้กวาดไล่กันอย่างดุเดือด
บาบาร่าแปลงร่างกลับเป็นบาบาร่าชี้นิ้วไปที่อิงอรทาฮิร่า
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ แกเป็นใครแน่จริงก็เผยร่างเดิมออกมาสิ” บาบาร่าโกรธจัด
อิงอรทาฮิร่า หันมาแสยะยิ้มใส่บาบาร่า แล้วแกล้งบินฉวัดเฉวียน บาบาร่าจี้ตาม จนไทเกอร์ออกอาการมึน
“อย่าตามเลยนาย เดี๋ยวค่อยไปจัดการกันต่อที่เมืองเวทมนตร์ไทเกอร์ไม่ไหวแล้ว”
บาบาร่าหงุดหงิดไทเกอร์
“ไม่ได้ แกจะอ้วกก็อ้วกเลย ฉันยอมไม่ได้จับดีๆ นะ”
บาบาร่าหลงกลทาฮิร่าบินฉวัดเฉวียนตาม
บาบาร่าพลาดท่า เครื่องจับสัญญาณเผลอหลุดจากกระเป๋าร่วงลงพื้น เครื่องจับสัญญาณลอยคว้าง บาบาร่าตาเหลือกก้มมองตาม เครื่องจับสัญญาณตกบนพื้นโลกแตกละเอียด

ดารกายืนอยู่หน้ากระจกในห้อง สีหน้าเจ็บแค้นก้มลงมองตัวเองในชุดสวย
“ฉันจะต้องทำตามที่หมอไชยบอกอีกนานไหมเนี่ย
เสียงโทรศัพท์ดังที่โต๊ะข้างเตียง ดารกาเดินไปดูชื่อที่หน้าจอโทรศัพท์แล้วทำหน้าขยะแขยงฝืนหยิบขึ้นมากดรับ
“แต่งตัวสวยๆ เลยนะจ๊ะน้องดา พี่ใกล้จะถึงแล้ว”
ดารกาไม่ตอบอะไรหน้าตาอึดอัดกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกดวางสายไป

แนนนี่ยกนิ้วชี้ไปที่ปากกาบนโต๊ะปากก็พึมพำร่ายมนตร์ไปตาปรือสัปหงกไป
“บลาสะลาลา บรึมปากกาจงเป็นตะเกียบ”
ที่ปากกาบนโต๊ะกลายเป็นจิ้งจกวิ่งออกมา
แนนนี่ตกใจตาโตหงุดหงิดตัวเอง
“อีกแล้ว กะอีแค่นี้ทำไมมันยากนักหนา โอ๊ย...”
แนนนี่ทำท่าจะชี้นิ้วร่ายมนตร์ใหม่อีกที
ตำราลอยขึ้นข้างหน้า
“พอเถอะ ฉันไม่อยากเห็นสัตว์เลื้อยคลานตัวอื่นอีกแล้ว”
แนนนี่หน้าม่อยตาปรือทำท่าจสัปหงกใส่
ตำราเวทมนตร์ลอยคว้าง นิ่งไป
“เฮ้อ ฉันให้เธอพักได้ 15 นาทีแล้วกัน”
แนนนี่เบิกตาโพลงดีใจ คว้าตำรามากอดแนบอก ตำราดิ้นขลุกขลัก
“โอ๊ย แค่ก แค่ก ปล่อยนะ ปล่อย”
แนนนี่ปล่อยตำราออก แล้วหายตัวแว้บออกจากตะเกียงไปทันที

แนนนี่วิ่งตรงไปที่สวนเจอเข้ากับภวัตพอดี แนนนี่ยิ้มออกมาอย่างดีใจที่เห็นภวัต
“พี่ภวัต แนนนี่มีเรื่องจะเล่าให้พี่ภวัตฟัง”
ภวัตมองเข้าไปทางบ้านปัทมน
“พี่ภวัตรู้ไหมว่าแนนนี่เจอใคร ถ้าพี่ภวัตรู้พี่ภวัตต้องตื่นเต้นไปกับแนนนี่แน่ๆ นี่แนนนี่มาเล่าให้พี่ภวัตฟังคนแรกเลยนะ”
ภวัตพยักหน้าให้แนนนี่ส่งๆ ตายังคงมองเข้าไปในบ้าน แนนนี่เริ่มผิดสังเกตมองตามเข้าไปในบ้าน
“พี่ภวัตไม่ฟังแนนนี่เลย มัวแต่มองเข้าไปในบ้านมีอะไรน่าสำคัญในบ้านงั้นเหรอคะ”
“แนนนี่เดี๋ยวพี่กลับมาฟังนะ พี่กำลังรีบน่ะ”
ภวัตทำท่าจะเดินออกไป แต่ถูกแนนนี่ดึงแขนภวัตไว้
“พี่ภวัตรีบอะไรคะ ในบ้านแนนนี่มีอะไร”
ภวัตทำหน้าบอกไม่ถูก แต่ต้องจำใจตอบแนนนี่
“หมอไชยกำลังมารับน้องดาไปทานข้าวเย็น” ภวัตบอก
แนนนี่ขมวดคิ้ว
“แล้วยังไงล่ะคะ หรือพี่ภวัตหวงพี่ดาที่มีผู้ชายมารับ”
ภวัตส่ายหน้าอึดอัดใจ
“ถ้ามีใครที่ไม่น่าไว้ใจมารับแนนนี่ออกไปพี่ก็ห่วง...คือมันไม่ใช่แบบที่แนนนี่คิด”
แนนนี่หน้าตาโกรธส่ายหัวไม่ยอมอย่างเดียว
“แนนนี่ไม่เชื่อ พี่ภวัตหวงพี่ดา”
ภวัตเห็นท่าแนนนี่พูดไม่รู้เรื่องทำท่าจะเดินออกไป แนนนี่โมโหมากชี้นิ้วไปที่ภวัต
“พี่ภวัตโกหกแนนนี่ พี่ภวัตต้องบอกความจริงกับแนนนี่มา”
ภวัตสะดุ้งเฮือกเหมือนโดนเวทมนตร์หันกลับหาแนนนี่
“ไม่ พี่ไม่ได้โกหกแนนนี่ ความจริงแล้วผู้หญิงที่พี่หวงและรักมีเพียงคนเดียวเท่านั้น คือแนนนี่”
ภวัตเดินตรงเข้าไปหาแนนนี่ ในขณะที่แนนนี่หน้าเหวอช็อกที่ภวัตโพล่งออกมา ภวัตเดินเข้ามาจับไหล่แนนนี่ทำท่าจะจูบ
แนนนี่ยิ่งตกใจหนักชี้นิ้วใส่ภวัตเป็นพัลวัน
“โอ๊ะ พี่ภวัต ไม่ใช่แล้วไม่ใช่ หยุด พี่ภวัตหยุดเดี๋ยวนี้”
ภวัตรู้สึกตัวเหมือนเพิ่งตื่นหน้างงๆ
“นี่มัน...อะไรกันเนี่ย”
ภวัตมองออกไปทางบ้านปัทมนเหมือนนึกขึ้นได้
“น้องดา”

แนนนี่ยืนนิ่งหน้าแดง เอามือจับดูที่หัวใจตัวเอง สัมผัสได้ว่าใจยังสั่นไม่หาย

อ่านต่อหน้า 3





อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ตอนที่ 7 (ต่อ)

ภวัตก้าวพรวดเข้ามาในห้องโถงบ้านปัทมน กวาดสายตามองซ้ายมองขวาหาดารกา และที่บันไดเวลานั้นดารกาซึ่งอยู่ในชุดสวยกำลังเดินลงมา

ดารกาชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นภวัตยืนอยู่ข้างล่าง
“พี่ภวัต มาหา...น้องดาเหรอคะ”
ภวัตหันขวับตามเสียงไปที่บันได
“นี่น้องดากำลังจะออกไป...”
ดารกากำลังก้าวเท้าลงมาที่บันไดขั้นสุดท้ายหยุดกึก หรุบตาต่ำ ภวัตเดินเข้าไปยืนตรงหน้าดารกา
“น้องดากำลังจะออกไปกับหมอไชย ใช่ไหม”
ดารกายืนนิ่งก้มหน้าไม่ยอมตอบคำถาม ภวัตจ้องหน้าดารกาเขม็ง
“อย่าไปเลยน้องดา”
ดารกาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองภวัต
“คือ..น้องดา...ทำไมพี่ภวัตถึงไม่อยากให้น้องดาไปกับหมอไชยล่ะคะ”
ภวัตอึกอัก ทำหน้าลำบากใจนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาเคยเห็นมา

ภวัตนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ตัวเองก้มหน้าก้มตาเดินกำลังจะกลับบ้าน และได้ยินบางอย่างที่หมอไชยพูดกับใครบางคน
“จัดมาเผื่อด้วยเลยนะแก เด็กๆ ขาวๆ อวบหน่อยก็ดี แกรู้สเป็คฉันอยู่แล้วไม่น่าถาม”
ไชยกำลังคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ข้างหน้าภวัต แต่พอหันมาเห็นภวัตก็รีบเอามือป้องปาก
“แค่นี้ก่อนนะแก อย่าลืมล่ะ ขาวๆ อวบๆ”
ไชยรีบกดวางสายแล้วเก็บโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋ากางเกง หันมายิ้มให้ ภวัตค้อมหัวยิ้มให้เล็กน้อย
“เชิญคุณหมอตามสบายเถอะครับ ผมกำลังจะกลับ”
ไชยยิ้มตอบกลับให้ภวัตพยักหน้าส่งๆ ไป
ภวัตเดินค้อมหัวให้อีกทีแล้วเดินออกไป

ภวัตคิดอยู่อย่างนั้น ในขณะที่ดารกาจ้องหน้าภวัตเห็นอีกฝ่ายนิ่งไป จึงถามออกมา
“พี่ภวัตคะ หมอไชย เอ้อ...พี่ไชยน่าจะถึงแล้ว น้องดาต้องรีบไป”
ภวัตอ้าปากทำท่าจะโพล่งอะไรออกมา แต่แล้วก็ชะงัก ในขณะที่ดารกาน้ำตาคลอระหว่างเดินออกไป
“น้องดาไม่ได้อยากไป”
“โอ้โห! น้องดาสวยอย่างที่พี่คิดไว้ไม่ผิดเลย”
เสียงหมอไชยชมดารกาดังขึ้น พร้อมกับที่เขาเดินเข้ามาในห้องโถง ดารกายกมือปาดน้ำตา
“อ้าวหมอภวัตก็อยู่ มารอส่งน้องดาเหรอครับ” ไชยแกล้งพูดเอ่ยทักทายแกมเย้ยหยัน
ภวัตปรับสีหน้าไม่ถูก อยู่ในอาการอึกอัก ไชยทำท่าจะคว้าข้อมือดารกา
“ขออนุญาตควงน้องสาวคนสวยคุณหมอไปดินเนอร์หน่อยนะครับ”
ภวัตตัดสินใจเดินเอาตัวเข้ามาแทรกกลางเหมือนไม่ตั้งใจ
“แต่นี่มันดึกแล้วผมว่าไม่ค่อยเหมาะ”
ไชยชะงักหน้าเปลี่ยนสี
ทั้งสามคนไม่รู้ว่าแนนนี่ซึ่งยืนหลบอยู่ข้างตู้โชว์ และแอบดูเหตุการณ์อยู่ บ่นกับตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์
“พี่ภวัต โลเลหลายใจที่สุด ไปหวงเค้าทำไมกัน จำได้บ้างไหมเนี่ยว่าเมื่อกี้เพิ่งบอกรักแนนนี่ไปหยก ๆ หนอย...ดีละ”
แนนนี่เผลอชี้นิ้วร่ายมนตร์ไปที่ภวัต
“พูดความจริงมาให้หมด!เพี้ยง!”
แต่ไชยดันขยับเข้าหาภวัต ขวางทางมนตร์ของแนนนี่ที่ม้วนมาเป็นสายระยิบระยับเข้าพอดิบพอดี หมอไชยกระตุกดุ๊กดิ๊ก ก่อนจะพูดขึ้นยิ้มกริ่ม หน้าตาเฉย
“แหมไม่ต้องห่วงหรอกครับหมอภวัต ผมก็ไม่ได้คิดจะพาน้องเขาไปที่ไหน ก็แค่เปิดโรงแรมนอนคุยกับน้องดาเขาก็แค่นั้นเองนะครับ เฮ้ย..”
หมอไชยรู้สึกตัวตาเหลือก รีบยกสองมือขึ้นปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน
แนนนี่หัวเราะสะใจ พอได้สติก็รีบเอาสองมืออุดปากตัวเองกันเสียงหัวเราะ
ดารกานิ่งงันกับสิ่งที่ได้ยิน พลันภวัตง้างหมัดชกเข้าที่ปากหมอไชย ดารกากรีดร้องพยายามดึงรั้งแขนภวัตไว้
“ว้าย พี่ภวัตอย่าค่ะ”
ไชยล้มลงจับปากตัวเอง เห็นมีเลือดออกซิบๆ ก็ชี้หน้าภวัต
“หมอภวัต คุณเป็นบ้าเหรอ ต่อยหน้าผมทำไม”
แนนนี่เองก็ตกใจเห็นเหตุการณ์ชักจะเริ่มไปกันใหญ่
“พี่ภวัต ทำไมแค่นี้ต้องถึงขั้นไปต่อยเขาด้วยเล่า”
แนนนี่เห็นหมอไชยกำลังเงื้อหมัดจะต่อยภวัต
“ไปกันใหญ่แล้ว ทำไงดี...ทำไงดี”
แนนนี่พยายามคิดหามนตร์ว้าวุ่น
“ซาเปเร ดูเปร โตเร้โตเร้”
ชิกเก้นกระโดดเข้ามาร่ายมนตร์สะกดช่วย ภวัต ดารกา หมอไชยแน่นิ่งตัวแข็งไม่รู้สึกตัว แนนนี่ปรบมือให้ชิกเก้น
“เก่งที่สุด ชิกเก้นมาได้ทันเวลาเลย”
ชิกเก้นไม่ภูมิใจสักนิด กลับมองแนนนี่ตาขวาง
“ยังมัวมายืนตบมืออยู่ได้ เป็นเรื่องเป็นราวไปใหญ่แล้วเห็นไหม รีบร่ายมนตร์ย้อนเวลาเดี๋ยวนี้เลย เพิ่งเรียนไปไม่ใช่เหรอ” ชิกเก้นร้องบอก
แนนนี่แววตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
“มนตร์ย้อนเวลา ใช่เลย! แนนนี่ก็แค่ย้อนกลับไปตอนหมอไชยยังไม่มา แค่นั้นทุกอย่างก็จบ ชิกเก้นนี่ยิ่งอยู่กับแนนนี่ยิ่งฉลาดขึ้นทุกวันๆ”
แนนนี่หันไปส่งยิ้มหวานให้ชิกเก้น ชิกเก้นค้อนขวับสะบัดหน้าใส่แนนนี่
แนนนี่หันไปเขม้นตามองทั้งสามคน แล้วทำท่าร่ายมนตร์ใส่

รถของไชยแล่นเข้ามาจอดในโรงรถ แนนนี่วิ่งกระหืดกระหอบออกมา หมอไชยเปิดประตูรถลงมาเห็นแนนนี่ก็ยิ้มทักทาย
“อ้าวน้องแนนนี่ น้องดาส่งมาต้อนรับพี่เหรอครับ”
แนนนี่ยิ้มหวานปรี่เข้าไปดักไม่ให้หมอไชยเดินเข้าไปในบ้าน
“ค่ะพี่ดาให้แนนนี่ออกมา...เอ่อ...ออกมาบอกว่าเวลานี้เข้าไปไม่เหมาะ”
ไชยหยุดกึกมองหน้าแนนนี่อย่างสงสัย
“ไม่เหมาะ ไม่เหมาะยังไงครับ”
“ไม่เหมาะน่ะค่ะ เพราะคุณหมออาจจะโดนชก”
ไชยทำหน้าตาสงสัยหนักกว่าเดิม พยายามเบี่ยงตัวจากแนนนี่จะเดินเข้าไปในบ้าน
“ใครจะกล้ามาชกผมครับ น้องดาเหรอ..ไม่มีทาง”
แนนนี่รีบกระโดดขวาง
“คุณหมอเชื่อแนนนี่เถอะค่ะ วันนี้กลับไปก่อนเถอะนะคะ ที่บ้านยุ่งๆ อยู่น่ะค่ะ”
ไชยมองมาที่แนนนี่อย่างขัดใจ
“เดี๋ยวผมขอเข้าไปคุยกับน้องดาเองดีกว่าครับ”
แนนนี่ตัดสินใจดึงแขนหมอไชยเดินกลับไปที่รถ
“เฮ้ๆๆๆ อะไรกันครับน้องแนนนี่”
ไชยบิดตัวซ้ายขวาด้วยอาการบ้าจี้
“อย่าครับน้องแนนนี่ พี่หมอบ้าจี้ ฮ่ะๆๆๆ”

ดารกายืนร้องไห้ต่อหน้าภวัต
“น้องดารักพี่ภวัตค่ะ ยังไงน้องดาก็ยืนยันคำเดิม แต่น้องดามีความจำเป็นจริงๆ ค่ะที่ต้องออกไปกับหมอไชย”
“จำเป็น? จำเป็นอะไรล่ะ น้องดาบอกความจำเป็นให้พี่รู้สิ เรื่องอะไรพี่ก็ช่วยน้องดาได้ไม่ต่างกับหมอไชยหรอก”
ดารกายิ่งน้ำตาไหลไม่หยุด เม้มปากแน่น
ภวัตจ้องหน้าดารกาจะเอาคำตอบ ดารกาเงยหน้ามองภวัตแล้วตัดสินใจเดินเลี่ยงออกไป
“น้องดาไปนะคะ”
ภวัตถอนหายใจออกมาส่ายหน้าอย่างเหน็ดเหนื่อยแล้วเดินตามออกไป
“น้องดา”

ภวัตเดินตามดารกาออกมาถึงโรงรถ
“น้องดาอย่าทำอย่างนี้ มาพูดกับพี่ให้รู้เรื่องก่อน น้องดาเป็นอะไร น้องดา”
ดารกาก้าวฉับๆ อยู่ก็หยุดเท้ากึกมองไปที่โรงรถอย่างประหลาดใจ
“แนนนี่...”
ภวัตงงๆ ก้าวมาหาดารกา มองตามมือดารกาที่ชี้ไปโรงรถ ภวัตกับดารกาเห็นแนนนี่กำลังยื้อยุดฉุดกระชากกับหมอไชย
“แนนนี่”
“พี่หมอไชย...”

“แนนนี่ไม่ควรทำแบบนี้เลย” ภวัตว่าเสียงอ่อย
“พี่ภวัตอย่าดุแนนนี่เลยนะคะ แนนนี่กับพี่หมอไชยคงจะ...”
ภวัตฟังแล้วแปลบในใจ ได้แต่นิ่งงัน ดารกามองภวัตอย่างสังเกต
“หรือว่าที่พี่ภวัตเงียบนี่ เพราะพี่ภวัตรู้นานแล้วว่าแนนนี่กับพี่หมอไชยเค้าชอบกัน นี่น้องดาตกข่าวอยู่คนเดียวอีกแล้วเหรอคะ”
ภวัตมีสีหน้าหงุดหงิดยิ่งขึ้น ไม่ตอบอะไรดารกาที่ทำหน้างุนงงสงสัย
แนนนี่พยายามทั้งฉุด ทั้งดึงไชยที่ดิ้นไปดิ้นมาเพราะโรคบ้าจี้จนกลับขึ้นรถสำเร็จ แต่ประตูยังเปิดค้างไว้
“ยอมแล้วจ้ะยอมแล้วไม่เอาครับน้องแนนนี่ฮ่าๆๆๆ เอาละ ๆ พี่ไปก็ได้ แต่บอกหน่อยได้มั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
แนนนี่โยกหน้าป้องปากกระซิบหมอไชย หมอไชยฟังแล้วตาตั้ง
“ขี้แตก!อ..เอ้ยท้องเสีย! น้องดาเนี่ยนะฮะท้องเสีย”
“เรี่ยราดเลยละค่ะ รถพี่หมอใหม่ๆ หรูๆ อย่างนี้คงไม่เหมาะถ้าจะมีกลิ่น...เอ้อ...”
“อืม...อันที่จริงพี่ก็เพิ่งนึกได้ว่ามีธุระด่วนนะ อืม...”
“งั้นบายค่ะ”
แนนนี่ยิ้มอย่างใจเย็น จับประตูรถปิด หมอไชยหดหัวเข้าในรถแทบไม่ทัน แนนนี่ยิ้มน่ารัก ยกมือบ๊ายบาย “ขับรถดีๆ นะคะไอ้คนลวงโลก”
รถของหมอไชยแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว แนนนี่ถอนหายใจหน่ายๆ พลางหันหลังกลับเห็นภวัตกับดารกายืนมองอยู่ก็รีบพุ่งไปหา
“ทุกอย่างเรียบร้อยค่ะ เยี่ยมไปเลยใช่มั้ยคะฝีมือแนนนี่”
ภวัตหันหลังเดินกลับเข้าบ้านทันที แนนนี่มองตามหลังภวัตไปงง ๆ
“เป็นไรไปอีกล่ะคนนั้นน่ะ”
ดารกาดึงมือแนนนี่มากุมไว้
“พี่ดาดีใจกับแนนนี่นะจ๊ะ”
“ดีใจ?” แนนนี่งง
“ก็ดีใจที่แนนนี่กับพี่หมอไชย”
“โฮ้ยจะบ้าไปกันใหญ่แล้ว แนนนี่กับอีตาหื่นนั่นน่ะนะ”
“ทำไมไปว่าเค้าอย่างนั้น”
แนนนี่มองดารกาอย่างเหนื่อยหน่าย นึกถึงคำพูดหมอไชยตอนโดนมนตร์สะกดขึ้นมาอีก
“แหมไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณหมอ ผมก็ไม่ได้คิดจะพาน้องเขาไปที่ไหน ก็แค่เปิดโรงแรมนอนคุยกับน้องดาเขาก็แค่นั้นเองนะครับ เฮ้ย...”
“เลิกทำเป็นหวังดีไร้สาระกับคนอื่นซะทีได้มั้ย ห่วงตัวเองซะก่อนเหอะ”
“แนนนี่พูดเรื่องอะไร”
“โฮ้ยรำคาญจริง อยู่ให้ห่างจากหมอไชยไว้แค่นั้นแหละ อย่าถามเซ้าซี้”
แนนนี่พูดจบก็ทำท่าจะเดินกลับเข้าบ้าน
“อิจฉาพี่ดาเลยจ้ะแนนนี่”
ได้ยินประโยคนี้ แนนนี่ถึงกับสะดุดขาตัวเองตัวโย้เกือบล้มคะมำ
“วะ ว่า ว่าไงนะ”
“ไม่เป็นไรเลยนะจ๊ะถ้าแนนนี่อยากจะคบกับพี่หมอไชย พี่ดาไม่ว่าอะไรเลยจริง ๆ แต่อย่าให้ถึงกับต้องบอกให้พี่ดาอยู่ห่างๆ กับพี่หมอไชยเลยนะจ๊ะ พี่ดาไม่ได้คิดอะไรกับหมอไชย คนเดียวที่พี่ดารักก็คือ...” ดารากาจะพูดถึงภวัต
“พอๆๆๆพอเลย จะอ้วก” เดินจ้ำเท้าไปทันที “ยึ้ย!!! ทำคุณบูชาโทษโปรดสัตว์ได้บาปจริงจริ๊ง คิดได้ยังไงว่าฉันอิจฉาเธอยะ ...กลับไปบีบคอให้ตายเลยดีไหมเนี่ย ฮึ่ม”
ดารกายังคงยืนอยู่ที่เดิม หันมองตามแนนนี่ไปอย่างครุ่นคิด
“ดูเธอจะยุ่งเรื่องของฉันไปซะทุกเรื่องนะแนนนี่”

แนนนี่ขืนตัวไว้ไม่ยอมท่าเดียว
ที่ซอกอับ ๆ มุมหนึ่งในบ้าน ดารกานั่งซุกตัวอยู่ เหงื่อแตก ลุ้นให้แนนนี่รีบกลับไปเร็ว ๆ
“จะดื้ออะไรกันนักหนานะ กลับๆ ไปก็หมดเรื่อง ฉันจะได้ออกไปซะที ร้อนก็ร้อน เหม็นก็เหม็นจะแย่อยู่แล้ว”
ดารกาสีหน้าเครียดไปทันทีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่บ้านมาลี

ที่โต๊ะอาหารเวลานั้น มีแนนนี่ ธานี ดารกา และปัทมนร่วมโต๊ะกินอาหารเย็นอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า แนนนี่ตักอาหารให้ปัทมนอย่างเอาใจพร้อมถามขึ้น
“คุณแม่อย่าลืมนะคะว่าแนนนี่มีเรื่องจะคุยกับคุณแม่”
“ยังไม่จบอีกเหรอเรื่องคุณน้าคนนั้น ก็แม่บอกแล้วไงว่าเค้าไม่ใช่แม่ของหนูหรอกลูก”
เนื้อตัวดารกากระตุกวาบ รีบก้มหน้ารวบช้อนส้อม หยิบผ้าขึ้นมาเช็ดปากทำท่าจะลุกจากเก้าอี้
ปัทมนกับธานีเงยหน้ามองดารกาพร้อมๆ กัน
“ทำไมรีบอิ่มนักล่ะลูก แม่เห็นหนูทานนิดเดียวเอง”
“นั่นสิน้องดา พักนี้พี่ว่าเราแปลกๆ ไปนะ ไหนบอกกับพี่ว่าไม่มีอะไรไง”
“น้องดารู้สึกเพลียๆ น่ะค่ะ อ่านหนังสือสอบดึกไปหน่อย ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะพี่ธานี ขอตัวไปพักนะคะ”
แนนนี่เหลียวมองตามดารกาไปแว่บหนึ่งแล้วหันกลับมาที่ปัทมน
“แต่ยังไงแนนนี่ก็อยากให้คุณแม่เจอกับน้าคนนั้นนะคะ...”
ปัทมนหน้าตาเริ่มเป็นกังวล ชิงพูดแทรกแนนนี่ขึ้นมา
“ลูกดาท่าทางไม่ดีเลย สงสัยจะเป็นมาก” ปัทมนเป็นห่วงดารกาขึ้นมา
“ผมว่าได้นอนสักพักคงดีขึ้นนะครับคุณแม่” ธานีว่า
แนนนี่หน้างอ นึกน้อยใจที่ไม่มีใครสนใจฟังตัวเอง
“ดา พี่ดา พี่ดา ไม่มีใครสนใจจะฟังแนนนี่เลย”
ปัทมนทอดถอนใจ
“แนนนี่จ๊ะ คุณยายทาฮิร่าของหนูบอกแม่เองว่าพ่อแม่หนูเสียชีวิตไปหมดแล้ว แม่ควรจะเชื่อคุณยายไม่ใช่เหรอลูก แนนนี่มีแค่ยายทาฮิร่าคนเดียวเท่านั้นโอเคมั้ยลูก”
“แต่คุณแม่ก็น่าจะเปิดโอกาสให้แนนนี่ได้พาคุณน้ามาเจอคุณแม่สักนิดก็ยังดี แนนนี่ว่าสิ่งที่น้าคนนั้นเอ้อ...น้ามาลีพูดต้องมีที่มาที่ไปสิคะ จู่ ๆ เค้าจะมาตู่ว่าแนนนี่เป็นลูกได้ยังไงกัน
“....มาลี....”
ปัทมนฉุกคิดมีสีหน้าไม่สบายใจ เมื่อนึกย้อนกลับไปเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ตอนที่เจอมาลีกับดารกาตอนยังแบเบาะ

ปัทมนยืนขวางมาลีอยู่ สีหน้าขึงขัง
“นั่นใช่ลูกคุณรึเปล่าคะ”
มาลีไม่ตอบ ทำท่าขยับจะหนี แต่เจอคนขับรถของปัทมนยืนคุมเชิงอยู่ และขู่ว่าจะโทร.แจ้งตำรวจ
“นี่คุณทิ้งลูกตัวเองงั้นเหรอ?”
มาลีร้องไห้โฮ ยกมือไหว้ปลกๆ
“อย่าทำอะไรมาลีเลย มาลีเลี้ยงมันไม่ได้จริงๆ”
ปัทมนตรงเข้าไปในพงหญ้า อุ้มทารกดารกาเอาไว้แนบอกอย่างเวทนา

ธานีเห็นปัทมนนิ่งไป จึงเอื้อมไปจับมือปัทมนเบาๆ
“คุณแม่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
ปัทมนรู้สึกตัวหันพูดกับแนนนี่
“มันไม่มีทางเป็นไปได้ที่ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นแม่ของลูก...แนนนี่?”
ที่เก้าอี้แนนนี่นั่งอยู่เวลานี้ว่างเปล่า
“แนนนี่งอนหนีไปนานแล้วครับคุณแม่” ธานีบอก
ปัทมนได้แต่ถอนหายใจออกมา

คืนนั้นจักรวาลยกแก้วน้ำมาวางที่โต๊ะรับแขกให้ปัทมน แล้วนั่งลงใกล้ๆ กัน
“ดื่มน้ำหน่อยครับคุณปัท ทำใจให้สบาย เรื่องนี้ไม่น่าเป็นห่วงหรอกผมว่านะ”
ปัทมนเงยหน้ามองจักรวาลแววตาเป็นกังวล
“ท่าทางแนนนี่อยากรู้เรื่อง...มาลีมากเลยค่ะ แถมยังจะพามาเจอปัทอีก ปัทจะทำยังไงดีคะไม่อยากโกหก”
“การไม่พูดไม่ได้แปลว่าโกหกนะครับ ผมว่าเงียบไว้ดีที่สุดถ้าแนนนี่รู้เรื่องทั้งหมด คงไม่เป็นผลดีกับหนูดาแน่ๆ ถ้าเค้ารู้ว่าแม่บังเกิดเกล้าของเค้ามีจิตใจอำมหิต ตั้งใจจะทิ้งเค้าแต่คุณปัทไปช่วยไว้ทัน” จักรวาลพยายามปลอบใจปัทมน
ปัทมนมองหน้าจักรวาลอย่างเศร้าสร้อย
“หนูดาลูกแม่...”

ส่วนดารกายังคงนั่งนิ่ง ๆ อย่างใช้ความคิดอยู่บนเตียง
นึกไปถึงตอนที่แก้วน้ำใบนั้นระเบิดแตกเป็นเสี่ยงๆ ดารกาตกใจมองที่แก้วน้ำแก้วน้ำแตก งงว่าแตกได้ไง
“ลูกพ่อ... ดารกาลูกพ่อ...”
ดารกาหันซ้ายหันขวามองที่มาของเสียง เสียงเรียกดังขึ้นเรื่อยๆ
“ดารกาลูกรัก ลูกรักของพ่อ พ่ออยู่ใกล้ ๆเจ้าแล้ว...”
ดารกาเริ่มกลัวหวาดผวา เอามือปิดหูไม่อยากได้ยินเสียง
“ไม่....หยุดนะ ใคร...ฉันบอกให้หยุด”
เสียงนั้นค่อยๆ เงียบหายไป แต่ยังมีเสียงที่ก้องอยู่ในหัวของดารกา
ดารกาครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตอย่างสงสัย

ดารกาพยายามร้องเรียกให้คนช่วย แท็กซี่เข้ามาปิดปากดารกา เอามือต่อยที่ท้อง ดารกาอ่อนแรงลง เสียงอสูรสดับดังขึ้น
“จงใช้พลังที่เจ้ามี ดารกาลูกรัก”
ดารกาที่กำลังหมดแรง ตาลุกวาว หันไปมองแท็กซี่ที่พยายามฉุดคร่า แท็กซี่หน้าเหวอตกใจสุดขีด ใบหน้าดารกาเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ ตาแดงก่ำ ราวกับปิศาจร้าย น่ากลัวมาก
นึกถึงตอนนี้ดารกามีเหงื่อซึมออกมาทั่วใบหน้า จิตตก
“พ่อ... ดารกาลูกรัก... นี่มันอะไรกันแน่”
ดารกาสูดหายใจเข้า แล้วหลับตาลงพยายามให้นิ่งที่สุด ผ่านเวลาไปครู่หนึ่งดารกาลืมตาขึ้น
“มันก็ไม่เห็นมีเสียงอะไร”
ดารกากวาดสายตาไปรอบห้อง เห็นแก้วน้ำวางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียง ดารกาเพ่งไปแก้วน้ำ ทว่าแก้วน้ำยังเป็นปรกติเหมือนเดิม ดารกาถอนหายใจอย่างโล่งอกยิ้มกับตัวเอง
“สงสัยจะเป็นอย่างที่พี่ภวัตพูด คิดไปเองทั้งนั้น ใช่ เราคิดไปเอง ...เราคิดไปเอง”
ดารกาพูดซ้ำไปมาปลอบใจตัวเอง แล้วล้มตัวลงนอนเหยียดยาวบนเตียง ข่มตาหลับ เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ดารกานอนหลับสนิทอยู่บนเตียง
ขณะที่หน้าต่าง ร่างของอสูรสดับกำลังหัวเราะลอยอยู่ลางๆ บนอากาศ อย่างพึงพอใจ
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ลูกรักของพ่อ พลังเจ้าจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อเจ้ามีความโกรธและความเกลียดประกอบด้วยเท่านั้น ฮ่า ๆ ๆ แล้ววันหนึ่งเจ้าจะคุ้นเคยกับมันเอง”

ที่เมืองเวทมนตร์เวลานั้น ไทเกอร์กลายเป็นแมวหงอย นอนครางอยู่บนที่นอน
“ไม่น่าเลย ไม่น่าเลย ไทเกอร์จะตายไหมเนี่ย โอยโลกมันหมุนไปหมด โอย จะ...อ้วก” ไทเกอร์บ่นงึมงำ
บาบาร่าเอายาดมจ่อจมูกไทเกอร์แล้วค้อนขวับด้วยความหมั่นไส้
“สำออยน่ะ กะอีแค่เมาไม้กวาดไม่ถึงกับตายหรอก ฉันสิเจ็บใจจะตายอยู่แล้วยังไม่เห็นบ่นอะไรเลย ฮึ่ม”
“มันเหมือนกันที่ไหนเล่า” ไทเกอร์ไม่ยอม
บาบาร่าเริ่มหงุดหงิดปิดฝายาดมลุกขึ้นแหวใส่ไทเกอร์
“ก็ไม่เหมือนกันสิ ฉันหนักกว่าแกเยอะ นังแม่มดชั้นต่ำนั่นมันเป็นใครกันนะ แล้วตกลงมันได้อสูรไปรึเปล่า ขอแม่เจออีกครั้งเดียวเท่านั้นจริงๆ จะซัดให้อยู่เลย หนอยๆๆ คิดแล้วมันเจ็บใจ กรอด”
ทาฮิร่าเดินหน้าตายิ้มแย้มเข้ามาทักบาบาร่าแบบพอดิบพอดี
“ทำอะไรอยู่จ๊ะ ดูท่าอารมณ์ดีเชียวบาบาร่าเพื่อนเลิฟ”
“ทาฮิร่าป่วยเหรอ ดูยังไงว่านายบาบาร่ารมณ์ดี นายกำลังจะควักตับตัวเองกินเพราะความโกรธต่างหากเล่า” ไทเกอร์ว่า
“ตับแกสิเจ้าไทเกอร์”
“เป็นอะไรไปล่ะ ที่มานี่ก็เพราะได้ยินว่าพวกเธอไปเที่ยวกันมาแล้วไทเกอร์ไม่สบายฉันเลยถือโอกาสมาเยี่ยม”
บาบาร่าทำหน้าไม่สบอารมณ์ใส่
“เที่ยวเหรอ เที่ยวอะไรเล่า ฉันไปตามอสูรต่างหาก”
ไทเกอร์เหลือบมองบาบาร่าแล้วรำพึงออกมากับตัวเองอย่างหมั่นไส้
“ไม่ได้เที่ยว ไม่ได้เที่ยว ไทเกอร์เห็นแต่ช็อปปิ้งแบรนด์เนมอย่างเดียวไม่ได้เที่ยวหรอก ชิ”
บาบาร่าได้ยินหันไปจ้องไทเกอร์ทำท่าจะยกนิ้วร่ายมนตร์ ไทเกอร์หัวหดพลิกตัวนอนหันไปอีกข้าง
ทาฮิร่าทำทีเป็นหูผึ่ง ฟังอย่างตั้งใจพลางซัก
“เหรอ น่าตื่นเต้นจังแล้วเป็นยังไงล่ะ”
บาบาร่ากระแทกตัวนั่งลงที่เก้าอี้ไม่สบอารมณ์
“จะเป็นยังไง ก็มียัยแม่มดแก่ตัวหนึ่งขโมยซีนไปน่ะสิ”
ทาฮิร่าหน้าร้อนผ่าว เกาปากแกรก ๆ
“ฉันนะเกือบได้ตัวอสูรแล้วเชียว”
“อ้าว เธอจับอสูรได้หรอกเหรอ”
“เปล่า กะจะแย่งจากยัยแม่มดตนนั้นแหละ โอ๊ยพูดแล้วหงุดหงิดไม่หาย อยากรู้จริง ๆ ว่ามันเป็นใคร เก่งมาจากไหน”
“นั่นน่ะสิ ฝีมือต้องไม่เบาเลยนะ ถึงลูบคมแม่มดแถวหน้าอย่างเธอได้ ฮ่ะๆๆๆๆๆๆ” ทาฮิร่านึกแล้วขำขึ้นมา
“ขำอะไรของเธอ” บาบาร่าถาม
ทาฮิร่าหุบปากพลัน
“อุ๊บส์ เปล่านี่”
ทาฮิร่าถอนใจโล่งอก

แนนนี่ยืนหมุนตัวในชุดกระโปรงอยู่หน้ากระจกแต่หน้าตาไม่พอใจเท่าไหร่ ชิกเก้นเดินวนรอบ ๆ ตัวแนนนี่
“จริงเหรอ ชิกเก้นไม่เห็นพี่ภวัตมาบ้านเราบ้างเลยงั้นเหรอ”
“จะโกหกทำไมเล๊า”
“ตั้งแต่วันที่หมอไชยมาพี่ภวัตก็ไม่คุยกับแนนนี่อีกเลยอ่ะ”
“เป็นชิกเก้นๆ ก็ไม่คุย เล่นฉุดกระชากลากถูกะหมอไชยซะขนาดนั้น”
“จะบ้าเหรอ แนนนี่กับอีตาหมอไชยเนี่ยนะ พี่ภวัตนะพี่ภวัตคิดได้แค่นั้นจริงๆ เหรอ”
แนนนี่หมุนตัวเปลี่ยนเป็นอีกหนึ่งชุด อารมณ์เสียมากยิ่งขึ้น
“นี่แหละชุดนี้เลยสวยที่สุดแล้ว จะได้ไปกันซะที” ชิกเก้นว่า
“ไม่ใช่แบบที่แนนนี่อยากได้ พี่ภวัตเลิกทำแนนนี่เสียสมาธิซะทีได้มั้ย!”
แนนนี่ส่ายหัวแล้วหมุนตัวอีกทีเปลี่ยนเป็นอีกชุด
“นี่ก็ไม่เท่าไหร่ โอ๊ย ยังไงดีล่ะเนี่ย”
ชิกเก้นระอา ยกเท้าขึ้นเกาหัว พลางเร่งเร้า
“นั่นสิยังไงกันหืม นี่มันงานมหา’ลัยไม่ใช่งานวันเกิดแนนนี่ที่จะทำตามใจตัวเองนะ รู้จักตรงต่อเวลาหน่อยสิแนนนี่”
แนนนี่หันหน้าหาชิกเก้นหน้างอ
“ก็พี่ภวัตน่ะแหละทำแนนนี่หงุดหงิด แนนนี่อารมณ์ไม่ดีเลยเลือกชุดไม่ถูกเลย”
“แนนนี่นั่นแหละที่เรื่องมากไปเอง แล้วเที่ยวโทษนู่นโทษนี่” ชิกเก้นบ่นงึมงำ
แนนนี่หรี่ตาทำหน้าขู่ก้มลงหน้าเกือบติดกับชิกเก้น
“ชิกเก้นกล้าว่าแนนนี่เหรอ”
ชิกเก้นยังคงเถียงฉอดๆ แบบไม่รู้ชะตาตัวเองว่ากำลังจะถูกแนนนี่เล่นงาน
“กล้าสิทำไมจะไม่กล้า ก็นี่มันวันงานแฟร์ของมหาลัย แนนนี่บอกให้ชิกเก้นเตือนว่า ต้องไปถึงมหาลัยก่อนเวลาไม่ใช่เหรอ ถ้าเตรียมการแสดงกับปีเตอร์ไม่ทันนะชิกเก้นจะหัวเราะเป็นภาษาแมวให้ดู วะฮ่าๆๆๆๆ”
แนนนี่หรี่ตาลงชี้นิ้วร่ายมนตร์ไปที่ชิกเก้น ขนตรงผมชิกเก้นกลายเป็นสีแดงแปร๊ด
พอชิกเก้นเห็นเงาตัวเองในกระจกแล้วตกใจเด้งตัวลอย
“แว้กก ไม่เอา เปลี่ยนกลับเดี๋ยวนี้ น่าเกลียด ไม่เอา ๆๆๆๆ”
ดารกาเปิดประตูผลัวะเข้ามาในชุดเรียบหรู
“แนนนี่เสร็จหรือยังจ๊ะ พี่ภวัตกำลังจะมารับ เราจะได้ออกไปพร้อมกันเลย”
แนนนี่มองชุดดารกาแล้วยิ่งหงุดหงิด
“จะเสร็จแล้วแต่ยังไม่เสร็จ พี่ดาออกๆ ไปก่อนเถอะไป เดี๋ยวแนนนี่เสร็จแล้วตามลงไปเอง”
แนนนี่ดันรุนหลังดารกาให้ออกจากห้องแล้วปิดประตูใส่
“ชิ ทำเป็นใส่ชุดสวยจะมากดดันเค้าล่ะสิ ฮึ่ย”
แนนนี่วิ่งปรู๊ดไปอยู่ที่หน้ากระจกแล้วหมุนตัวอีกรอบเปลี่ยนเป็นชุดใหม่ เวลาผ่านไปแนนนี่หน้าหงิกกว่าเดิมเริ่มหัวเสีย
“โอ๊ย ไม่ไหวแล้ว”
ชิกเก้นเดินมาหยุดมองแนนนี่แล้วส่ายหัว
“เปลี่ยนสีหัวชิกเก้นกลับเหมือนเดิมเดี๋ยวนี้ แล้วชิกเก้นจะบอกให้นะ ยิ่งแนนนี่ไม่มีสมาธิเท่าไหร่ ชุดก็จะยิ่งห่วยลงๆ มากเท่านั้น”
แนนนี่มองสำรวจตัวเองในกระจกแล้วยิ่งโกรธ หมุนตัวอีกทีคราวนี้ชุดไม่เปลี่ยน แนนนี่ทำหน้างงๆ หมุนตัวอีกครั้งก็ยังคงเป็นชุดเดิม
“ดีละ งั้นก็แค่ถอดออก”
แนนนี่พยายามจะถอดชุดออกแต่ถอดเท่าไหร่ก็ไม่ออก
“นี่มันอะไรกันเนี่ย ไม่ไหวแล้วนะ”
ปัทมนเปิดประตูแง้มเข้ามา
“เสร็จหรือยังลูก ทุกคนรอหนูอยู่คนเดียวนะจ๊ะ”
แนนนี่หันไปมองปัทมนแล้วหันกลับมองตัวเองในกระจก พยายามดึงชุดตัวเองเท่าไหร่ก็ไม่ออก
“ไม่เสร็จก็ต้องเสร็จแล้วล่ะค่ะ ฮึ่ย ไม่มีอะไรถูกใจเลยจริงๆ”
แนนนี่จำใจเดินตามปัทมนออกไป
ชิกเก้นกระโดดไปที่หน้ากระจก ยืนเอียงๆ มองขนผมสีแดงของตัวเอง
“อ้าว เฮ้ยแนนนี่ แล้วหัวชิกเก้นล่ะ แนนนี่!!”
ปัทมนเหลียวหาชิกเก้นงง ๆ
“เจ้าชิกเก้นมันร้องอะไร ว้าย ตายแล้วหัวชิกเก้นทำไมเป็นอย่างนั้น”
ชิกเก้นร้องเมี้ยวโวยวายใส่ แนนนี่หัวเราะขำ

แนนนี่เดินลงมาด้วยหน้าตาแบบไม่ค่อยจะมั่นใจนัก ปัทมนหันหลังไปมอง
“ลูกแม่สวยอยู่แล้วไม่ต้องกังวลไปหรอกลูก อ้าวนั่นบ้านคุณจักรมากันแล้ว”
จักรวาลเห็นปัทมนกับแนนนี่เดินลงมาก็หันไปกำชับภวัตกับรัดเกล้า
“ภวัตเดี๋ยวลูกไปส่งน้องดานะ ส่วนยัยเกล้าก็ไปกับแนนนี่ธานีแล้วกัน”
แนนนี่เดินลงมาทันได้ยินพอดี จึงวิ่งเข้าไปหาจักรวาล ถามขึ้น
“ทำไมล่ะคะ แนนนี่ก็อยากไปกับพี่ภวัตเหมือนกัน”
จักรวาลมองหน้าปัทมน ทั้งคู่สบตากันแล้วปัทมนก็เดินเข้ามาช่วยปรามแนนนี่
“ทำตามที่ลุงจักรบอกน่ะดีแล้ว”
แนนนี่หน้างอ ทำท่ากระฟัดกระเฟียด ดารกาเดินเข้ามาพร้อมกับภวัต
จักรวาลเห็นภวัตกับดารกาเตรียมตัวพร้อมแล้วจึงหันไปเร่ง
“เรียบร้อยก็ไปเถอะลูก เดี๋ยวจะช้าไป”
ดารกาสะกิดแขนภวัตให้ดูชุดที่ใส่อยู่
“พี่ภวัตยังไม่ได้บอกน้องดาเลยว่าชุดน้องดาเป็นยังไงบ้างคะ”
ภวัตมองชุดดารกาแล้วยิ้มน้อยๆออกมา
“สวยดีจ้ะ ไปกันเถอะ”
ดารกายิ้มเขินแล้วเดินเคียงคู่ไปกับภวัต
แนนนี่มองตามแล้วหมั่นไส้ ชี้นิ้วไปที่ดารกาเผลอตัวร่ายมนตร์ออกมา
“ลาเปเย เอสก้า เอสก้า”
ทว่าเวทมนตร์ของแนนนี่ดันพุ่งผิดตัวพลาดไปถูกตัวภวัตเข้า

ภวัตอยู่ในชุดราตรีขาดวิ่น สภาพซอมซ่อเดินเคียงคู่กับดารกาออกมาที่หน้าบ้าน พรกับโป่งยืนอยู่ด้วยกันถึงขั้นงง
“ไอ้โป่งเดี๋ยวนี้ไปงานกันเขาแต่งตัวกันอย่างนี้เหรอวะ”
โป่งทำหน้าเหรอหราแล้วก็ดีดนิ้วนึกขึ้นได้
“งานแฟนซีไงจ๊ะน้องพร ที่เขาไม่ต้องเน้นว่าต้องแต่งตัวสวยหล่อน่ะ”
พรมองหน้าโป่งคิดตาม แต่ยังไม่หายสงสัย
“แล้วทำไมคุณหนูดาแต่งมาซะสวยเช้งเลยวะ”
“เออจริงด้วย”
“มัวแต่เมาท์เจ้านาย รีบๆ เข้าไปทำงานเหอะแกน่ะ”
พรบอกโป่งแล้วเดินแยกไปทางหนึ่ง โป่งหันเจอแนนนี่วิ่งโร่หน้าตาตื่นตามออกมา
ในจังหวะที่ดารกากำลังจะหันมาทางภวัต แนนนี่รีบชี้นิ้วไปที่ภวัตแล้วร่ายมนตร์เปลี่ยนชุด
“เอสก้า เอสก้า ลาเปเย”
พลันชุดซอมซ่อที่ภวัตใส่ ก็กลับกลายมาเป็นสูทหรูสำหรับออกงานเหมือนเดิม โป่งขยี้ตาตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา
แนนนี่ถอนหายใจโล่งอก
“โฮ้ยวันนี้มันอะไรกัน ทุกอย่างพลาดๆๆไปซะหมด รวมทั้งชุดนี่ด้วย ฉันไม่ได้อยากใส่แกเลย ฮึ้ยๆๆๆ”
ในขณะที่แนนนี่บ่นงึมงำ พร้อมกับดึงทึ้งชุดที่สวมอยู่ โป่งโผล่เข้ามา
“ฮั่นแน่ ที่แท้ก็เป็นฝีมือของจารย์อีกแล้ว” โป่งว่ายิ้มๆ
“ฉันอารมณ์ไม่ดีโป่ง”
“สอนโป่งมั่งดิ”
“ฉันบอกว่าฉันอารมณ์ไม่ดี” แนนนี่พูดอย่างฉุนเฉียว
“เอ๊ะหรือเปลี่ยนชุดให้โป่งมั่ง เอาหล่อ ๆ แบบคุณภวัต” โป่งล้อ
“พูดไม่รู้เรื่องใช่มั้ย ...ได้”
แนนนี่เสกชุดโป่ง กลายเป็นชุดหมีแพนด้า แล้วก้าวฉับๆ ไปเลย
“เย้ย...เนี่ยนะหล่อ เดี๋ยวสิจารย์ เอาชุดเดิมโป่งคืนมา จารย์!”

โป่งร้องโวยวายตะโกนไล่หลังมา แต่แนนนี่ไม่สนใจ

โปรดติดตามอ่านต่อตอนที่ 8








กำลังโหลดความคิดเห็น