อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ตอนที่ 8
บรรยากาศในงานแฟร์มหา’ลัยปีนี้ เป็นไปอย่างคึกคัก พิธีกรยืนถือไมค์ใบหน้ายิ้มแย้ม กล่าวเปิดตัวการแสดงของแนนนี่ ปีเตอร์และดารกาอยู่หน้าม่านบนเวทีภายในหอประชุม
“การแสดงต่อไปนี้ผมบอกได้แต่เพียงว่าขอให้ทุกท่านเตรียมประสาทหูและประสาทตาของท่านให้พร้อม เพราะหากท่านพลาดไปเพียงวินาทีเดียวอะไรๆ อาจไม่เป็นอย่างที่ท่านคิด ขอเชิญทุกท่านพบการแสดงต่อไปของเราได้เลยครับ ...มายากลเดอะแนนนี่แอนด์ปีเตอร์ และวอยซ์โซโลบายดารกาครับผม”
พิธีกรพูดจบก็เดินกลับเข้าด้านข้างเวที พร้อมเสียงปรบมือกราวใหญ่จากผู้ชม
ม่านบนเวทีคลี่ตัวเปิดออก แนนนี่ ปีเตอร์และดารกายืนประจำที่ของตัวเอง เป็นสองโชว์ที่เล่นบนเวทีเดียวกันแบบแบทเทิ่ล แนนนี่เริ่มโชว์มายากลมีปีเตอร์ทำหน้าที่ผู้ช่วย แม้จะเป็นแค่เวทมนตร์เบสิค แต่ก็สร้างความฮือฮา เรียกเสียงปรบมือจากผู้ชมกราวใหญ่
ครั้นพอดารกาเริ่มโชว์โอเปร่าด้วยเสียงสูงแสนอัศจรรย์กังวานหวาน ผู้ชมหันไปดูดารกาเป็นตาเดียว มีคนลุกขึ้นยืนปรบมือให้เกียรติ ที่เหลือเริ่มลุกตาม เสียงปรบมือกึกก้องห้องประชุม
แนนนี่กำลังร่ายมนตร์อยู่ก็ชักหน้าเสีย ลองแสดงกลใหม่ก็แล้ว คนดูยังฮือฮาอยู่กับเสียงโซปราโน่ของดารกาอยู่ดี แนนนี่ งัดไม้ตายร่ายมนตร์ชี้ไปที่ปีเตอร์
ปีเตอร์ยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง ทำเป็นยืดหน้ายิ้มรับเวทมนตร์แนนนี่ ผู้ช่วยอีกคนนำฉากดำมาบังตัวปีเตอร์ เมื่อเปิดออกมาตรงที่ปีเตอร์เคยยืนอยู่ กลับเหลือแค่เพียงลูกแตงโมลูกหนึ่งเท่านั้น!!
แน่ละ แนนนี่เสกปีเตอร์เป็นแตงโมไปแล้ว
ผู้ชมส่งเสียงฮือฮาชี้ชวนกันดูแตงโมปีเตอร์ พร้อมกับปรบมือสนั่นฮอลล์
แนนนี่คลี่ยิ้มอย่างพอใจกับการตอบรับ ค้อมคำนับรับเสียงปรบมือแล้วหันไปที่แตงโมปีเตอร์แล้วร่ายมนตร์
แต่ปรากฏว่าแตงโมปีเตอร์ยังคงอยู่เหมือนเดิม
แนนนี่หน้าเสีย ตกใจนิดหนึ่ง แล้วตั้งสติชี้นิ้วร่ายมนตร์ไปที่แตงโมปีเตอร์อีกครั้ง
“บาเซลากา ลา โบกาลาเซ เมลอนโต้”
แตงโมปีเตอร์ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ส่วนดารกาที่ร้องเพลงอยู่เริ่มเหลือบมองไปที่แตงโมปีเตอร์
ผู้ชมเริ่มส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาหันมาทางดารกาอีกครั้ง
แนนนี่หน้าเสียตัดสินใจเดินไปที่แตงโมปีเตอร์แล้วอุ้มลงจากเวที
“ทำไมนะ ทำไมมันไม่ได้ดั่งใจฉันแบบนี้ โอ๊ยฉันเกลียดวันนี้จริงๆ เลย” แนนนี่ฉุนเฉียว ทำท่าฮึดฮัด
ดารกายังคงร้องเพลงตามคิวของตัวเองต่อไป จังหวะนั้นไชยกับบุษบาถือดอกไม้มายื่นให้ดารกาหน้าเวที
ดารกามองไชยและบุษบาด้วยสีหน้าลังเล แต่แล้วก็เดินไปรับ ไชยยิ้มกริ่มจับมือดารกาตอนรับดอกไม้ไป
“วันนี้น้องดาของพี่สวยมากครับ” ไชยยิ้มกรุ้มกริ่ม
ดารกาสะดุ้ง รีบชักมือหนี เดินกลับไปยืนที่ตำแหน่งเดิมสีหน้าเจื่อนๆ แต่ก็ร้องเพลงต่อจนจบ
ด้านแนนนี่อุ้มแตงโมปีเตอร์มาที่ลับตาและปลอดผู้คน
“ได้โปรดเถิดแตงโมปีเตอร์ ช่วยคืนร่างทีนะ นะๆๆๆๆ”
แนนนี่หันมองซ้ายขวาแล้วร่ายมนตร์คืนร่างให้แตงโม
“บาเซลากา ลา เมลอนโต้”
สิ้นเสียงมนตรา ที่แตงโมมีแสงสว่างวาบๆ แนนนี่ยิ้มอย่างดีใจ
“เย้ เธอกลับมาแล้ว ดีใจจริง ๆ เลยปีเตอร์ ..ปี..เตอร์”
ทว่าพอแสงวาบบนแตงโมค่อยๆ จางลง ก็ปรากฏเป็นส้มโอลูกโตอยู่แทน
“ส้มโอปีเตอร์!!!”
แนนนี่หน้านิ่วเริ่มหงุดหงิดแต่ฝืนฉีกยิ้มไว้
“ฉันมีสมาธิ ฉั๊นมีสมาธิ ฉันรักวันนี้ วันนี้ดีจังเล๊ย เอาใหม่นะส้มโอปีเตอร์ ให้โอกาสแนนนี่อีกทีนะ บาเซลากา ลา เมลอนโต้เอ้ยเกรฟรุตโต้ ส้มโอ กลายเป็นปีเตอร์ ปี...เตอร์!”
คราวนี้ส้มโอปีเตอร์กลายเป็นมะม่วงซะงั้น แนนนี่เริ่มกุมหัว
“อะไรกันเนี่ยเล็กลงเรื่อยๆ เลย หวังว่าเสกครั้งต่อไปจะไม่เล็กเป็นลูกมะยมนะ ปีเตอร์ ปีเตอร์ คืนร่างซะเถอะ”
จังหวะนั้นเสียงชิกเก้นดังลอดเข้ามา
“ก็สติมันแตกแบบนี้ เวทมนตร์มันจะไปได้ผลได้ยังไงเล่า”
พร้อมกับที่ชิกเก้นโผล่มาจากด้านหลังแนนนี่
“ชิกเก้น! แนนนี่กำลังต้องการความช่วยเหลือเลย” แนนนี่ดีใจยิ่งกว่าได้แก้ว
“รวบรวมสมาธิใหม่สิ หลับตานิ่งๆ สักพักแล้วร่ายมนตร์ดูอีกที” ชิกเก้นพูดบอกเสียงเรียบ
แนนนี่พยักหน้าสูดหายใจเข้าแล้วหลับตาลงอย่างเชื่อฟัง
“ได้ แนนนี่จะลองดู”
เวลาผ่านไปแนนนี่ลืมตาขึ้น แล้วชี้ไปที่มะม่วงปีเตอร์ลองร่ายมนตร์ใหม่อีกครั้ง
“บาเซลากา ลา แมงโกแมงโกปีเตอร์...ปีเตอร์!”
มะม่วงปีเตอร์ลูกนั้นเริ่มขยายใหญ่ขึ้นๆ จนกลับมาเป็นร่างปีเตอร์ดังเดิม
แนนนี่กระโดดตัวลอยดีใจที่ทำสำเร็จ…ซะที
“เย้ ปีเตอร์กลับมาแล้ว แนนนี่ทำสำเร็จแล้วชิกเก้น”
ปีเตอร์ยังมีท่าทางสะลึมสะลือ จำเรื่องราวอะไรไม่ได้ แต่ทำจมูกฟุดฟิดก้มลงดมที่แขนตัวเองไปมา
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมเรามาอยู่กันตรงนี้ แล้วทำไมตัวปีเตอร์ถึงมีแต่กลิ่น...แตงโมล่ะแนนนี่ โอย มึน”
แนนนี่หัวเราะใส่หน้าปีเตอร์กำลังจะอ้าปากตอบก็ตาเหลือก
“ฮ่า ๆ ๆ ขำจัง อ้าว เย้ย...ปีเตอร์”
คุยๆ อยู่ร่างปีเตอร์เริ่มบูดเบี้ยวย่อส่วนลงอีกครั้ง จนกลายเป็นแตงโมในที่สุด แนนนี่หน้าเหยเก
“ก็...ก็เมื่อกี้ปีเตอร์หายแล้วนี่นา ทำไมถึง...” แนนนี่สงสัย
“เป็นอย่างนี้สักพักแหละจนกว่าเวทมนตร์จะคลายน่ะ ไม่แปลกหรอก” ชิกเก้นว่า
แนนนี่หน้าเศร้า เริ่มสงสารปีเตอร์ หลับตาชี้นิ้วไปที่แตงโมปีเตอร์กำลังจะร่ายมนตร์อีก แต่ก็ชะงักเมื่อมองไปเห็นอะไรบางอย่างที่อีกด้านหนึ่ง
แนนนี่เห็นดารกาจูงมือไชยเข้ามาแล้วหลบฉากไปที่มุมมืดหนึ่งอีกข้างของหลังเวที
“พี่ดา..จูงหมอไชยเนี่ยนะ ท่าทางแปลกๆ”
ดารกายกมือไหว้หมอไชย
“คิดว่าน้องดาขอร้องล่ะค่ะ พี่หมอไชยตัดใจจากน้องดาซะเถอะนะคะ”
“นี่น้องดาพูดอะไรอย่างนั้นจ๊ะ น้องดาทั้งสวยทั้งน่ารัก มาบอกให้พี่ตัดใจ อยากได้อะไรรึเปล่าจ๊ะ นั่นแน่ หรือว่าเป็น
แผนเรียกร้องความสนใจ ไม่เบาน๊า...เรา”
ไชยว่าพลางเชยคางดารกายิ้ม ๆ
“อยากได้อะไรจ๊ะคนสวยของพี่”
“น้องดากำลังจะหมั้นกับพี่ภวัตค่ะ” ดารกาโพล่งออกมา
ไชยชะงักกึก ก้มหน้าไปเกือบชิดใบหน้าดารกาแล้วหัวเราะใส่
“ฮ่า ๆ ๆ จะหมั้น...กับหมอภวัต เหรอจ๊ะ...”
ดารกาเอียงหน้าหลบหมอไชยอย่างฉุนๆ แต่พยายามข่มอารมณ์ตัวเองไว้
“ค่ะ น้องดากำลังจะต้องหมั้นกับพี่ภวัตเร็ว ๆ นี้แล้ว” ดารกาย้ำคำ
“ฮ่า ๆ ๆ ฝันอยู่เหรอจ๊ะน้องดาจ๋า หมอภวัตมันต้องแต่งกับยัยบุษต่างหากล่ะ น้องดาอย่าคิดไปเองอย่างนี้สิจ๊ะ” ไชยว่าน้ำเสียงเย้ยหยันอยู่ในที
พอดารกาได้ยินชื่อบุษบาขึ้นมา ก็หันกลับมาประจันหน้ากับหมอไชยแววตาแดงวาบ
“ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะคะ”
“ไม่ ทำไมต้องถอนในเมื่อน้องดาน่ะไม่ได้มีอะไรเหมาะกับหมอภวัตเลย น้องบุษต่างหากที่คู่ควรกับหมอภวัต” ไชยไม่ยอมถอนคำพูด
ดารกาโกรธจัดตาแดงวาบขึ้นกว่าเดิม จ้องไปที่ไชย ซึ่งไม่ทันสังเกต จึงพูดต่ออารมณ์ดี
“ส่วนน้องดาน่ะต้องเป็นของพี่เท่านั้นจ้ะ”
ไชยเข้าสวมกอด ก้มหน้าจะจูบดารกา ดารกาหอบหายใจลึก ความโกรธอัดแน่นแล้วระเบิดออกมาเป็นแรงผลักร่างไชยจนตัวกระเด้งลอยขึ้นบนอากาศ แล้วตกลงมาหงายหลังหัวฟาดพื้นอย่างแรง
ดารกาตาแข็งทื่อราวกับไร้ชีวิต มองร่างหมอไชยที่นอนกองอยู่ที่พื้นแล้วเดินออกไป
แนนนี่ก้าวช้าๆ ออกจากที่ซ่อน มือหนึ่งอุ้มแตงโมปีเตอร์ อีกมือหนึ่งกอดชิกเก้นแน่น
“ชิกเก้นเห็นอย่างที่แนนนี่เห็นใช่มั้ย” แนนนี่ตกใจ อึ้ง ตะลึงงัน
“ไปดูเค้าก่อนเหอะเร็ว” ชิกเก้นเตือนให้ไปดูไชย
แนนนี่รีบเข้าไปที่ร่างไชย วางแตงโมปีเตอร์ลง
“หมอคะ หมอไชย เป็นไงบ้างเนี่ย ชิกเก้น!เลือดออกด้วย” แนนนี่ตกใจ หันมาทางชิกเก้น
บริเวณพื้นตรงหัวของไชยมีเลือดไหลออกมาเป็นทาง ไชยยังคงแน่นิ่งไม่ได้สติ
แนนนี่เริ่มลนลานจนทำอะไรไม่ถูก
“ช่วยเค้าแนนนี่ เราต้องช่วยเค้า” ชิกเก้นเตือนซ้ำ
“จ..จ้ะ..ช่วยเดี๋ยวนี้”
แนนนี่หลับตาลง พยายามตั้งสมาธิเพื่อร่ายมนตร์ช่วยหมอไชยให้ฟื้น เป็นจังหวะเดียวกับที่บุษบาเดินเข้ามาเห็นหมอไชยนอนอยู่ที่พื้นไม่ได้สติพอดี ก็กรีดร้องโวยวาย
“ตายแล้ว พี่ไชยเกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
แนนนี่หน้าเสียลุกขึ้นยืน ในขณะที่บุษบาพุ่งเข้าไปดูอาการหมอไชยแล้วหันมาจ้องหน้าแนนนี่
“แกทำอะไรพี่ชายฉัน นังเด็กมารร้าย เลือด! พี่ไชย ภวัต! ฉันจะฟ้องภวัต”
บุษบาไม่ได้พูดเปล่า หยิบโทรศัพท์มือถือกดโทรออกหาภวัตมือไม้สั่น
แนนนี่ตกใจส่ายหน้าเป็นพัลวัน
“นี่หยุดนะ ฉันไม่ได้ทำอะไร ฉันกำลังจะช่วยพี่ชายคุณต่างหาก” แนนนี่อธิบาย
“ช่วยให้เลือดพี่ชายฉันหมดตัวน่ะสิ นังแม่มด นังคนใจร้าย” บุษบาแว้ดม่า โทรศัพท์มือถือติดพอดี “ภวัตคะคุณมาหาบุษที่หลังเวทีเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” บุษบาร้องไห้โฮ “เดี๋ยวนี้เลยนะคะ แนนนี่น้องสาวคุณทำร้ายพี่ชายบุษค่ะ”
ครู่เดียว ภวัต ธานี และรัดเกล้า ต่างเข้ามารุมที่ร่างหมดสติของไชย ภวัตรี่จับชีพจรของไชย
“เกิดอะไรขึ้น”
“เรียกรถพยาบาลเถอะค่ะ”
รัดเกล้าหันพูดกับธานี
“แนนนี่เองค่ะ มีรถพยาบาลจอดแสตนด์บายที่เต็นท์ปฐมพยาบาลค่ะ”
แนนนี่พูดจบทำท่าจะรุดไป บุษบาคว้าแขนแนนนี่ไว้
“ไม่ต้องคิดหนีเลยนังเด็กแม่มด เธออยู่ที่นี่ตรงนี้ฉันจะเรียกตำรวจมาจัดการเธอ”
“ก็บอกแล้วไงล่ะ ว่าฉันไม่ได้ทำไม่ได้ทำ จะเอายังไง เรียกฉันว่าแม่มดงั้นเหรอ ดีละ เดี๋ยวจะเสกให้ลงไปกองอยู่กับพี่ชายเลย” แนนนี่ชักโมโห
“หยุดนะแนนนี่ คุณบุษรู้สึกแย่กับอาการพี่ชายเค้ามากพอแล้ว ยังมีแก่ใจจะซ้ำเติมเค้าอีกงั้นเหรอ” ภวัตเอ็ดเสียงดัง
“แต่เค้า...”
“ไม่ต้องเถียง ภวัตพูดถูกแล้ว ถ้าเราอยากจะช่วยเค้าก็รีบไปเรียกรถพยาบาลมาเถอะ” ธานีเห็นด้วย
“แต่แนนนี่...”
“ทำตามที่พี่ธานีบอกเถอะแนนนี่ ไม่อย่างนั้นก็บอกทางพี่ เดี๋ยวพี่ไปเอง”
แนนนี่ก้าวออกไปอย่างหงุดหงิด แต่มาเจอดารกายืนนิ่งอยู่
“พี่ดา...”
ดารกามองเหตุการณ์ด้วยสีหน้างงงัน แนนนี่เข้าไปคว้าแขนดารกา
“พี่ดาบอกพวกเขาไปสิว่าเรื่องมันเกิดอะไรขึ้น เรื่องมันเป็นยังไง”
ดารกาทำหน้าประหลาดใจ
“แนนนี่พูดเรื่องอะไรพี่ดาไม่รู้เรื่อง”
แนนนี่มือตก ปล่อยแขนดารกา
“พี่ดาครั้งนี้แนนนี่ไม่ยอมแน่ พี่ดาเป็นคนทำก็ต้องยอมรับ ปีเตอร์เป็นพยานให้แนนนี่ได้”
แนนนี่ขัดเคืองใจ รีบหันไป พอเห็นแตงโมปีเตอร์ แล้วแทบอยากทึ้งหัวตัวเอง
“ปีเตอร์....โธ่เอ๊ย”
“หยุดซะที เลิกเล่นตลกได้แล้ว เธอทั้งคู่นั่นละ พอกันเลย”
บุษบาตั้งท่าจะก้าวเข้าเล่นมางานดารกาอีกคน พลันเหลือบไปเห็นหมอไชยเริ่มรู้สึกตัวลุกขึ้น
“พี่ไชย พี่ไชยรู้สึกตัวแล้วค่ะ”
แนนนี่หันขวับไปทางหมอไชย เริ่มมีความหวังขึ้นมา
“คุณหมอบอกเขาไปสิคะว่าใครเป็นคนทำร้ายคุณหมอ”
หมอไชยยกมือกุมหัวตัวเองที่เลือดไหลแบบงง ๆ
“เลือดนี่ มาได้ยังไงวะ” ไชยพูดอย่างงงๆ
แนนนี่โมโหมากจ้องหมอไชยทีดารกาที
“ที่แท้ก็เตี๊ยมกันมากับพี่ดา จะไม่รู้เรื่องได้ยังไงกัน”
แนนนี่ตรงเข้าไปผลักหมอไชยแล้ววิ่งหนีออกไป ภวัต ธานี และรัดเกล้าได้แต่มองหน้ากันเองส่ายหัวอย่างระอาในความประพฤติของแนนนี่
ดารกาครุ่นคิดด้วยความว้าวุ่น พยายามเรียกความทรงจำ แต่ก็จำอะไรไม่ได้เลย
แนนนี่วิ่งออกมาโดยอุ้มแตงโมปีเตอร์อยู่ในมือ และกำลังซุ่มดูบุษบากับคนรถค่อยๆ พยุงไชยขึ้นรถ ไชยยังคงกุมหัว
“แน่ใจนะครับว่าจะไม่ใช้รถพยาบาล” ภวัตถามย้ำ
“แน่ใจครับ อีกเดี๋ยวไอ้กอบก็พาผมถึงโรงพยาบาลแล้ว” ไชยว่า
หมอไชยยกมือลาทุกคน ฝ่ามือนั้นมีเลือดโชกจากศีรษะ บุษบาหน้าซีดเผือด
“เลือดพี่ไชยยังไม่หยุดไหลนะคะ” บุษบาว่า
หมอไชยเซหน่อยหนึ่งมาเกาะกรอบประตูรถ ที่แท้เป็นเพราะแนนนี่ตัดสินใจชี้นิ้วไปที่หมอไชยพร้อมกับร่ายมนตร์
จู่ๆ หมอไชย ก็ยืดตัวยืนตรงขึ้นมาเองได้ เอามืออีกข้างแตะที่หัวก็ไม่มีเลือดใหม่ติดออกมาแล้ว บุษบาเข้าไปจับเนื้อตัวหมอไชยอย่างประหลาดใจ
“แกล้งทำให้บุษสบายใจรึเปล่าคะ จู่ๆ ก็หายเองได้ด้วย” บุษบายังไม่วางใจ
ภวัตรุดเข้าดูแผลอีกคน
“ขอผมดูแผลนิดนะครับ ....เลือดหยุดแล้ว”
ไชยยิ้ม ขึ้นบิดซ้ายขวาโชว์
“ไงล่ะ หายละ”
“เป็นไปได้ยังไง” บุษบางง
“ไม่เห็นต้องสงสัยเลย นี่ใครล่ะหมอไชยซะอย่าง” ไชยว่า
แนนนี่เบ้ปากหมั่นไส้
“หมอไชยซะอย่าง ชิ แนนนี่ต่างหากล่ะ”
ภวัตเริ่มมีสีหน้าสบายใจขึ้น กำชับส่งหมอไชยอีกครั้ง”
“ยังไงก็รีบไปตรวจหน่อยดีกว่านะครับ อย่าเพิ่งสบายใจไป
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง รถของไชยแล่นออกไป บุษบาเกาะแขนภวัตแจ
“แต่ยังไงบุษก็ไม่ปล่อยให้เรื่องนี้จบง่าย ๆ หรอกนะคะ ภวัตต้องจัดการแม่น้องสาวตัวดีของภวัตให้บุษ”
แนนนี่ออกอาการเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน หมั่นไส้บุษบา
“ไปกันเหอะชิกเก้น แนนนี่ยังไม่อยากเสกหนอนเข้าปากยัยเจ๊นั่น”
แนนนี่ทำท่าจะก้าวไปแต่แล้วแตงโมปีเตอร์ในอ้อมแขนก็กระดุกกระดิกๆ แล้วค่อยๆ กลายเป็นปีเตอร์ที่ค่อย ๆ คืนร่างอยู่ในอ้อมแขนของแนนนี่
ปีเตอร์มองแนนนี่ตาหวานฉ่ำ สวมกอดแนนนี่ด้วยความดีใจ
“แนนนี่จ๋า กอดปีเตอร์เสียแน่นเลย”
แนนนี่เริ่มรู้สึกตัวเช่นกันว่าตัวเองกำลังกอดปีเตอร์อยู่ก็ตกใจร้องโวยวายเสียงดัง
“ว้าย ปีเตอร์ออกไปไกล ๆ แนนนี่นะ”
กลุ่มของภวัตแว่ว ๆ เหมือนได้ยินเสียงของแนนนี่จึงหันมองตามกันไป และเดินไปดู ภวัตหน้าเสีย เพราะมาทันได้เห็นแนนนี่กอดกับปีเตอร์พอดี
แนนนี่หันเจอพวกภวัต หน้าเจื่อนสนิท รีบแกตัวเป็นพัลวัน
“เปล่านะคะ มันไม่ใช่อย่างที่ทุกคนเห็นเลยนะ”
ภวัตเม้มปากแน่น โกรธแนนนี่มากจนเดินหนีไป
“ว้ายไปไหนล่ะคะภวัตรอบุษด้วย”
บุษบาวิ่งตามภวัตออกไป ธานีสวดแนนนี่กับปีเตอร์ยับ
“พี่รู้นะว่าแนนนี่กับปีเตอร์สนิทกัน แต่สองคนก็ไม่ควรทำอย่างนี้ ว่าขนาดนี้แล้วยังไม่อยู่ห่างๆ น้องฉันอีก”
“เอ้อ..ห่างแล้วครับห่างแล้วๆ” ปีเตอร์รีบถดตัวหนีไปอีก
“วันนี้มันวันอะไรกันนะ แนนนี่พูดอะไรไปก็ไม่มีใครเชื่อ”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิจ๊ะ พี่ดาไง อย่างน้อยมีพี่ดาที่เชื่อแนนนี่นะ” ดารการีบพูดเหมือนจะปลอบใจ
“กรี้ดไปไกล ๆ เลยพี่ดานั่นล่ะที่ทำเรื่อง!”
“แนนนี่! ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ น้องดาอุตส่าห์พูดดีด้วยแท้ๆ” รัดเกล้าพลอยโกรธแนนนี่ไปด้วยอีกคน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่เกล้า เอางี้ ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรตรงนี้แล้ว เราไปลานรำวงการกุศลแก้เครียดกันดีกว่าค่ะ นะคะ”
ดารกาพูดพลางดึงแขนธานี รัดเกล้า ให้เดินไปด้วยกัน
ปีเตอร์รีบสะกิดแนนนี่ให้ไปด้วย พร้อมทำท่ารำ แนนนี่ตีมือปีเตอร์อย่างโกรธๆ เพราะไม่รู้จะไปลงที่ใคร
ดารกาดูรื่นเริงขึ้นหลังจากที่ไม่มีหมอไชย จัดการพาทุกคนยกเว้นแนนนี่เข้าแถวซื้อบัตรรำวง
“นอกจากจะสนุกแล้วยังได้ช่วยเหลือน้ำท่วมด้วยนะคะ” ดารกาพูดเสียงระรื่น
“อันที่จริงเราบริจาคไปเลยก็ได้นะ พี่ไม่ชอบเต้นอ่ะ” รัดเกล้าว่า
“ฮ่ะๆๆๆๆ” ธานีขำก๊าก แล้วทั้งคู่ก็เปิดฉากทะเลาะกันตรงลานรำวงนั่นเอง
“ขำอะไรพี่ธานี”
“เค้าเรียกรำวง ให้มารำไม่ใช่มาเต้น ฮ่ะๆๆๆ ยัยเป๋อเอ๊ย”
“ก็แค่พูดผิด ไม่เห็นต้องขำอะไรซะขนาดนั้น รำวงใครจะไม่รู้จัก”
“แน่ใจนะว่ารู้จัก”
“รู้จัก”
“เอ้างั้นเชิญครับ รำให้ดูหน่อย”
“เฮ้ยไม่นะ ไม่เอา รำไม่เป็น”
ธานีไม่ฟังเสียง รีบดันหลังรัดเกล้าเข้าลานรำวง แล้วรำป้อวนรอบตัว ภวัตที่ยืนกอดอกโดยมีบุษบาอยู่ใกล้ๆ หัวเราะขำธานีกับรัดเกล้า
ส่วนแนนนี่นั่งหน้าตูมอยู่อีกมุมหนึ่ง ระหว่างนั้นปีเตอร์เดินเข้ามายื่นบัตรรำวงให้ตรงหน้าแนนนี่
“ไปเร็ว รำวงกัน”
แนนนี่ยิ่งเซ็งมองผ่านไหล่ปีเตอร์ไปเห็นบุษบาอยู่ไม่ไกลจึงร่ายมนตร์ไปที่บุษบา
บุษบาต้องมนตร์แนนนี่ เดินตรงมาที่ปีเตอร์แล้วดึงแขนปีเตอร์ไป
ปีเตอร์งงแต่ก็ถลาตามบุษบาออกไป
“เย้ย อะไรกันเจ๊เบาๆ ดิ จะไปไหน แนนนี่ช่วยด้วย”
แนนนี่มองไปเห็นคนจับคู่กันรำวงอย่างสนุกสนาน ดารกาเดินมาพร้อมภวัตยื่นตั๋วให้ที่หน้าแนนนี่
“แนนนี่ออกไปรำวงกับพี่ภวัตสิจ๊ะ”
แนนนี่หน้าบึ้งใส่มองดารกาตาขวาง ปัดมือดารกาออกแล้วสะบัดหน้าหนี
“ไปรำเอาเองเถอะพี่ดา ตัวเองเป็นคนก่อเรื่องแท้ๆ”
ดารกายืนถือตั๋วรำวงค้าง น้ำตาค่อยๆ ซึมออกมาอย่างเสียใจ
ภวัตมองแนนนี่กับดารกาอย่างไม่สบายใจแต่ยกมือโอบไหล่ดารกา
“แนนนี่ไม่อยากก็ไม่เป็นไร เราไปกันเถอะน้องดา”
ภวัตโอบไหล่ดารกาเดินไป แนนนี่มองตามภาพนั้นอย่างขัดใจ
ทางด้านคู่ของธานีกับรัดเกล้ารำวงกันแบบสะเปะสะปะ จังหวะหนึ่งเท้าของรัดเกล้าเผลอไปเหยียบเท้าธานี
อย่างจัง จนธานีสะดุ้งรีบชักเท้าออก
“โอ๊ย น้องทอมคะ เธอเหยียบเท้าพี่เป็นร้อยรอบแล้วรู้ไหมคะ”
รัดเกล้าสะดุ้ง รีบชักเท้ากลับอีกที
“แหมพี่ธานีก็พูดไป เกล้าเหยียบโดนไม่กี่ครั้งทำเป็น...ทีตัวเองรำไม่ได้เรื่องเกล้ายังไม่เห็นว่า”
“น้อย ๆ หน่อยยัยเกล้า ไม่รู้อะไรใช่ไหมเนี่ยพี่น่ะระดับไหนแล้ว เธอน่ะแหละไม่เป็น มา เดี๋ยวพี่ธานีสอนให้นะจ๊ะ”
ธานีพูดพลางขยับจะไปจับมือรัดเกล้า ทว่ารัดเกล้ารู้ทัน รีบเบี่ยงตัวหลบแล้วเหยียบเท้าธานีเข้าให้อีกที
“แน่ะ จะมาแต๊ะอั๋งเกล้าอีกแล้ว เสียใจเกล้ารู้ทันนะพี่ธานี ฮ่าๆ” รัดเกล้าหัวเราะชอบใจ
ธานีซื้ดปากเจ็บเท้า
บุษบากับปีเตอร์รำวงไปก็เบ้ปากกันไปมา
“ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมฉันต้องมาจับคู่กับเธอ ฮึ่ย”
ปีเตอร์กระสับกระส่าย คันตัวยุกยิกๆ รำไม่เป็นท่า ไม่เป็นสุข บุษบามองแล้วขัดใจจนต้องเบือนหน้าหนี
“เป็นอะไรอีกยะเนี่ย เห็บ หมัดหรือตัวอะไรไต่ไม่ทราบ” บุษบาแขวะ
ปีเตอร์เกาแขนตัวเองยิกๆ แล้วร่างปีเตอร์ก็ค่อยๆ หดตัวลงๆ จนกลายเป็นสัปปะรด
บุษบาหันกลับมาอีกทีไม่เห็นปีเตอร์ บุษบาเห็นสัปปะรดวางอยู่ที่พื้นแทน
บุษบามองซ้ายมองขวาไม่เห็นปีเตอร์ ก็ก้มลงมองสัปปะรดบนพื้นปากคอสั่น
“แก แกกลายร่างได้ แกเป็นมนุษย์สัปปะรด อ๊าย...มนุษย์สัปปะรด”
บุษบาวิ่งหน้าตาตื่นออกจากลานเวทีรำวง
ทาฮิร่านั่งอยู่บนเตียง โดยมีแนนนี่นั่งกระเง้ากระงอดบ่นกระปอดกระแปดไม่หยุดปากอยู่ข้าง ๆ
“แนนนี่ไม่ได้โกหกนะคะยาย แนนนี่ไม่ชอบสร้างภาพอยู่แล้ว แนนนี่ไม่ได้ทำ บอกไม่ได้ทำก็ไม่มีใครเชื่อ”
ทาฮิร่านั่งนิ่งตีหน้าเฉยเมย แนนนี่หันมองหน้าทาฮิร่าพอไม่เห็นยายหืออือแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด
“ยายอ่ะ ทำไมยายไม่ตอบอะไรแนนนี่ ยายไม่เชื่อแนนนี่ใช่ไหม”
ทาฮิร่าเหลือบตามองแนนนี่แต่ก็ไม่ตอบอะไรออกมา แนนนี่ออกอาการเซ็งนึกถึงสัปปะรดปีเตอร์ขึ้นมาได้ ก็ลุกพรวดขึ้น กวาดตามองหารอบห้องก็ไม่เจอ
“ปีเตอร์ ปีเตอร์ สัปปะรดปีเตอร์หายไปไหน”
แนนนี่วิ่งพล่านไปทั่วห้อง ทาฮิร่ายังคงนั่งนิ่งสีหน้าเฉยอยู่อย่างเดิม
แนนนี่หันขวับไปหาชิกเก้น
“ชิกเก้นแกล้งแนนนี่ใช่ไหม บอกมาสัปปะรดปีเตอร์ไปไหน”
ชิกเก้นหน้าตาเหรอหรา ลุกจากที่เดิมไปนอนข้างๆ ทาฮิร่า
“อย่ามาโทษชิกเก้นนะ ชิกเก้นไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลย”
จังหวะนั้นพรเดินเข้ามาพร้อมจานผลไม้พอดี
“คุณแนนนี่มาทานผลไม้เร็วค่ะ พรปอกมาสดๆ เลย”
แนนนี่ตาโตพุ่งไปหาพรในทันที
“ผลไม้ ผลไม้อะไรน่ะพี่พร”
พรวางจานผลไม้ลงที่โต๊ะ ตอบแนนนี่แบบงง ๆ
“สัปปะรดค่ะคุณแนนนี่”
แนนนี่ได้ยินก็ตาเหลือก ยกจานสัปปะรดขึ้นมากอดน้ำตาไหลพราก
“ฮือ ไม่น่าเลยแนนนี่ขอโทษ แนนนี่ผิดเองทำให้ปีเตอร์เป็นแบบนี้ โฮๆ”
พรมองแนนนี่อย่างงงๆ แล้วเดินออกจากห้องไป
“เป็นอะไรไปหว่า หรือว่าซ้อมละคร ไปดีกว่าเดี๋ยวจะหาว่ารบกวน” พรบ่นงึมงำแล้วออกไป
ทาฮิร่าเห็นพรเดินออกไปแล้ว ก็หันกลับมาดูแนนนี่อย่างเหนื่อยหน่ายในความสติแตกของหลานจอมแก่น
“เอ้า พอละ เลิกฟูมฟายสติแตกเสียที ดูนี่สิ”
ทาฮิร่าร่ายมนตร์ให้ปรากฏภาพของสัปปะรดปีเตอรวางอยู่ที่โต๊ะด้านล่าง
แนนนี่ใช้มือปาดเช็ดน้ำตาแล้วยิ้มออกทันที
“นั่นมันโต๊ะข้างล่างนี่ยาย เย้ ปีเตอร์ยังไม่โดนใครกิน”
ชิกเก้นเห็นถึงกับส่ายหัวอย่างเอือมระอา
“ประจำ เป็นอย่างนี้ประจำ เฟอะฟะขี้ลืมแล้วก็โวยวาย”
ทางด้านทาฮิร่ามาโผล่กลางชุมชนบ้านมาลี มองซ้ายมองขวามองหาบ้านมาลี
“มาโผล่เอาตรงนี้ แล้วฉันจะรู้ไหมเนี่ยว่าอยู่หลังไหน ทำไมฉันต้องมาลำบากแบบนี้หนอ”
ทาฮิร่ามองหาอย่างมุ่งมั่น เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้น ที่แนนนี่พูดเรื่องแม่ และเอ่ยชื่อมาลีขึ้นมา
แนนนี่นั่งกระเง้ากระงอดบีบนวดขาให้ทาฮิร่าอย่างเอาอกเอาใจ
“จริงเหรอยาย แนนนี่มีแต่ยายจริง ๆ เหรอ ก็เขาบอกแนนนี่ว่าเขาเป็นแม่น่ะ”
ทาฮิร่าปรายตามองแนนนี่แว่บนึง
“แนนนี่มียายมีแม่ปัทมนแล้วยังไม่พอเหรอ”
ทาฮิร่าทำหน้าอ้อนแนนนี่
“มันก็ดีอยู่ เพียงแต่แนนนี่แค่คิดว่า ถ้าแนนนี่มีพ่อมีแม่เพิ่มมาอีกก็ยิ่งดีขึ้นไปอีกนี่นา”
ฟังแนนนี่ว่า ทาฮิร่าจึงถอนหายใจอีกเฮือก
“เอาเป็นว่ายายบอกแค่นี้แล้วกันนะว่าแนนนี่ มีแต่ยายกับแม่ปัทมนแค่นั้นในโลกนี้”
ทาฮิร่าถอนหายใจออกมาอีกรอบ
“ฉันละไม่เข้าใจจริงๆ ว่ามาอ้างตัวเป็นพ่อแม่ยัยแนนนี่เพื่ออะไรกัน”
ค่ำคืนนั้นสดับนั่งอยู่หน้าโต๊ะหมู่เสียงของอสูรลอยเข้ามา
“เจ้าต้องจัดการเจ้าเด็กนั่น”
สดับได้ยินแล้วทำหน้างง
“เด็ก เด็กไหนครับท่าน”
อสูรพุ่งเข้าร่างสดับ จู่ๆ สดับก็ตัวแข็งทื่อตาเป็นสีแดงวาบขึ้นมา ยกมือขึ้นตบหัวตัวเองอย่างแรง
“ไอ้โง่ ไอ้เด็กแนนนี่นั่นยังไงล่ะ มันนั่นแหละที่จะเป็นตัวทำลายอสูร” อสูรสดับตวาด
“แต่นังมาลีบอกเด็กนั่นมันเป็นลูกผม” สดับแย้ง
สดับตบหัวตัวเองอีกที
“โง่ แกนี่มันโง่ดักดานจริงๆ เด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกแก แต่มันจะเป็นคนฆ่าแกจำใส่หัวเอาไว้” อสูรสดับเอ่ยขึ้น
“ทำอะไรอยู่น่ะพี่ เสียงดังเอะอะ”
มาลีเดินเข้ามาในห้อง อสูรวูบออกจากร่างสดับทันควัน สดับหันไปหามาลี
“มาก็ดีแล้วแกโทร.ไปนัดเด็กแนนนี่นั่นให้เข้ามาหน่อยสิ” สดับว่า
มาลีทำท่าดีใจรีบเกาะแขนสดับ
“พี่อยากเจอลูกแล้วใช่ไหม ฉันดีใจจริงๆ เลย”
สดับสะบัดแขนออกจากมาลีแล้วตวาดซ้ำ
“เด็กนั่นมันไม่ใช่ลูก แกน่ะมันโง่ ไป ไปโทร.หามันอย่างที่ฉันบอก”
มาลีทำหน้างงไม่เข้าใจที่สดับพูด
สดับทำท่าขยับตัวจะพุ่งใส่ มาลีรีบวิ่งออกจากบ้านก่อนจะถูกสดับทำร้าย
ภวัตเดินกลับเข้าห้องตัวเอง รัดเกล้าเดินตามเข้ามานั่งลงบนเตียงของภวัต
“เกล้าไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ แนนนี่กับน้องดาถูกเลี้ยงคู่กันมาตั้งแต่เด็ก ทำไมถึงได้แตกต่างกันขนาดนี้”
ภวัตชะงักไปครู่หนึ่งอย่างใช้ความคิด รัดเกล้าเห็นภวัตนิ่งจึงพูดต่อ
“แนนนี่ควรจะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีกว่านี้จริงๆ”
ภวัตมองหน้ารัดเกล้าแล้วโพล่งสิ่งที่ตัวเองคิดออกมา
“พี่ไม่เชื่อว่าแนนนี่จะเป็นคนทำร้ายหมอไชย”
รัดเกล้าขัดใจ หันขวับมองหน้าภวัต
“พี่ภวัต”
ภวัตจ้องหน้ารัดเกล้ากลับ แววตาดูมั่นใจมากๆ
“ถึงแนนนี่จะแก่นจะซนแค่ไหน ก็ไม่มีทางทำร้ายคนได้ขนาดนั้น” ภวัตออกตัวแทน
รัดเกล้าฟังภวัตพูดแล้วถอนหายใจเล็กน้อยลุกขึ้นยืน
“เอาเถอะค่ะ ไม่ว่าพี่ภวัตจะว่ายังไง เกล้าก็ยังยืนยันว่าผู้หญิงที่เหมาะจะเป็นพี่สะใภ้เกล้าคือน้องดา!”
รัดเกล้าพูดจบก็เดินออกจากห้องไป
ภวัตมองตามหลังรัดเกล้าไปอย่างหนักใจ ตัดสินใจล้วงโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกงกดส่งข้อความ
โทรศัพท์มือถือแนนนี่วางอยู่ข้างๆ สัปปะรดปีเตอร์ จังหวะนั้นมีแสงที่โทรศัพท์สว่างวาบขึ้น ดารกาเดินผ่านมาเห็นแสงจากโทรศัพท์ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจหยิบขึ้นมาดู เป็นข้อความเข้าจากภวัต
“พี่ภวัต” ดารกามองรอบตัวแล้วกดเปิดอ่านข้อความ สักพักก็กดพิมพ์ข้อความส่งกลับ ที่หน้าจอเห็น “ข้อความถูกส่ง”
เวลาผ่านไปดารกายังคงยืนมองโทรศัพท์มือถือแนนนี่ ด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ทำไมยังไม่ส่งกลับมานะ”
ภวัตกดเปิดดูข้อความที่ถูกส่งกลับมาจากแนนนี่
“แนนนี่เกลียดพี่ภวัตและต่อไปนี้แนนนี่จะแกล้งพี่ดาทุกครั้งที่มีโอกาส”
ภวัตเงยหน้าจากโทรศัพท์แววตาเจ็บปวด
ดารกาจ้องอยู่ที่โทรศัพท์แนนนี่ในมืออย่างหงุดหงิด
“ส่งกลับมาซะทีสิ”
“สัปปะรด สัปปะรด โอ๊ย แนนนี่เอ๊ยเมื่อไหร่ไอ้โรคขี้ลืมนี่จะหายไปซะทีเนี่ย”
เสียงพูดของแนนนี่ดังขึ้นมา พร้อมๆ กับแนนนี่วิ่งเสียงดังตึงตังลงมาจากชั้นบน ดารกาหันไปตามเสียงอย่างตกใจ รีบวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมแล้ววิ่งออกไป แนนนี่เดินมาถึงก็คว้าสัปปะรดขึ้นมากอด
“แนนนี่ขอโทษนะปีเตอร์”
จังหวะนั้นโทรศัพท์มือถือมีแสงสว่างวาบแสดงข้อความเข้า แนนนี่หันไปหยิบมือถือขึ้นมากดอ่าน
“ออกมาหาพี่หน่อย ภวัต”
แนนนี่เงยหน้าขึ้นแววตาเป็นประกายอย่างดีใจ
คืนนั้นมีเสียงมาลีบ่นกระปอดกระแปดดังลอดออกมาจากในบ้าน
“ดึกป่านนี้แล้วจะไปหาคุณหนูได้ยังไง เป็นแม่ก็เป็นแม่เหอะ เดี๋ยวได้ถูกนังคุณนายเจ้าของบ้านมันไล่เปิง”
ทันใดนั้นเองทาฮิร่าที่แปลงร่างเป็นแนนนี่ก็โผล่เข้ามา มาลีตกใจราวกับเห็นผี
“คุณหนู! มาได้ยังไงเนี่ย หายตัวได้รึไง”
“ใช่ เอ้ยไม่ใช่ ๆๆ คิดถึงเอิ่ม..”แม่” น่ะจ้ะ เลยมาหา” แนนนี่ทาฮิร่าหลุดปาก
“แม่? เรียกฉันว่าแม่งั้นเหรอ”
“หรือว่าหล่อนเอ้ยน้าไม่ใช่แม่หนูเหรอจ๊ะ”
“โถๆๆๆ คุณหนูของแม่ แม่นี่ละจ้ะเป็นแม่ของลูกแท้ ๆ เลย”
“ทำไมแม่ต้องเรียกหนูว่าคุณหนูล่ะ”
ถูกแนนนี่ทาฮิร่าถามคำนี้ขึ้น มาลีสีหน้าหลุกหลิก ส่อพิรุธบางอย่าง
“ก็เรียกๆ ไปอย่างนั้นเองนั่นละ” มาลีโบ้ย ไม่ยอมบอกความจริง
แนนนี่แกล้งทำหน้าโกรธ งอนๆ ตัดพ้อมาลี “แม่ทำตัวห่างเหินหนูต่างหาก ไม่เห็นหนูเป็นลูก”
“ไม่จริงนะไม่จริงเลย ฉันน่ะสุดแสนอยากจะเรียกคุณหนูว่าลูก แต่เห็นคุณหนูแนนนี่เธอบอกว่าหนูไม่ชอบ” มาลีรวบรวมความกล้า “จริงมั้ยจ๊ะ ลูกดารกาไม่ชอบให้แม่เรียกชื่อนี้ใช่มั้ยล่ะจ๊ะ”
“คุณหนูแนนนี่?” แนนนี่ทาฮิร่าสงสัย
“คนสวยๆ ที่อยู่บ้านเดียวกับหนูนั่นละ” มาลีบอก
“ชื่อแนนนี่”
“ใช่จ้ะ” มาลียิ้ม
“ส่วนหนูชื่อดารกา” แนนนี่ทาฮิร่าชี้ที่ตัวเองแบบพยายามจับต้นชนปลายเรื่องราว
“ก็ใช่น่ะสิจ๊ะ”
“เค้าบอกว่าหนูเป็นลูกแม่”
“ก็ใช่อีกนั่นละจ้ะ”
“แล้วก็ยังบอกอีกด้วยว่าหนูไม่ชอบชื่อดารกาของตัวเอง ให้แม่เรียกหนูว่าคุณหนู”
“ถูกเผงเลยจ้ะ” มาลีดีใจ
“สรุปว่าลูกสาวของแม่ชื่อดารกา”
“ก็ใช่น่ะสิจ๊ะ ก็หนูนั่นแหละ”
แนนนี่ทาฮิร่าสีหน้าคลายสงสัย แต่นึกเห็นใจดารกาขึ้นมา
“โธ่เอ๋ย เด็กหนอเด็ก แม่ดารกาเธอช่างน่าเห็นใจซะจริงๆ” แนนนี่ทาฮิร่าพึมพำออกมา
มาลีได้ยินไม่ชัดจึงยื่นหน้าเข้าฟัง “หนูว่าไงนะลูก”
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร อืม...” ทาฮิร่าสวมบทบาทเป็นแนนนี่ต่อ มองเข้าในบ้าน “แล้วนี่แม่อยู่คนเดียวเหรอจ๊ะ”
“ทำเหมือนไม่เคยเจอพ่อเค้าไปได้ เออ!จริงสิ หนูรีบกลับไปก่อนเหอะ”
“หนูอยากเห็นหน้าพ่อสักหน่อยน่ะจ้ะ” แนนนี่ทาฮิร่าออดอ้อน
แนนนี่ทำท่าจะก้าวเข้าไป มาลีฉุดแขนไว้
“เข้าไปมีหวังตายโหงแน่ ๆ บอกให้กลับก็รีบกลับไปซี่”
“ทำไมเหรอ ข้างในมีอะไร ทำไมหนูเข้าไปไม่ได้”
“เอ่อ...พ่อหนูเมามากน่ะ นะ..เชื่อแม่เหอะ อย่าเข้าไปเลย”
แนนนี่พยักหน้าหงึกหงัก แต่ไม่วายมองเข้าไปข้างใน
“งั้นหนูลานะคะ”
แนนนี่ไหว้ลามาลีแล้วหมุนตัวจะออกไป ทันใดนั้นเองก็ถูกกระชากผมแล้วลากตัวไปอย่างแรง มาลีร้องวี้ดว้าย เมื่อเห็นสดับจิกผมแนนนี่
“มาให้ฉันเอาเลือดชั่วของแกไปให้นายซะดีๆ”
แนนนี่ทาฮิร่าเจ็บเอามากๆ พยายามดิ้นจากมือสดับ แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเจ็บ
“แม่ นี่น่ะเหรอพ่อหนู”
“โว้ยมาถามอะไรตอนนี้ พี่ดับปล่อยคุณหนูไปเถอะ อย่าหาเรื่องกลับเข้าคุกเลยนะพี่นะ ฆ่าคนตายมันไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะ”
แนนนี่ทาฮิร่าตาเหลือก บ่นงึมงำได้ความตกใจ
“นี่มันคิดจะฆ่าแนนนี่เชียวหรือนี่!”
“เอ็งหลีกไป รึอยากตายอีกคน นายสั่งยังไงข้ามีหน้าที่ทำอย่างนั้น”
แนนนี่ครุ่นคิดหาทางออก สดับกระชับมือที่จิกผมแนนนี่และลากร่างแนนนี่ถูลู่ถูกังไป แนนนี่ตัดสินใจร่ายมนตร์ดับไฟฟ้า ทั้งห้องกลายเป็นมืดมิดเห็นเพียงร่างตะคุ่มของทั้งสามคน
“อ้าวเฮ้ย ทำไมไฟดับ นังมาลี แกไม่ได้จ่ายค่าไฟอีกแล้วใช่มั้ย”
“จ่ายแล้วพี่ ฉันจ่ายแล้วจริงๆ”
“แกบังอาจโกหกฉันงั้นเหรอ ฮึ้ยนังนี่!”
ทันใดนั้นเองไฟติดสว่างขึ้นมาดังเดิม มาลีชะงักอยู่ในท่าหลบฝ่ามือทั้งที่อยู่ห่างสดับเป็นเมตร ขณะที่สดับเองก็ง้างมือค้าง มีแนนนี่คนเดียวที่หายไป
“เห็นมั้ยล่ะ ไฟติดแล้ว โอ้ย”
สดับก้าวเข้าทำร้ายมาลีอยู่ดี
“นังคุณหนูตัวดีมันหายไปไหน”
แนนนี่ทาฮิร่ายืนมองสดับอยู่ไม่ไกลที่หน้าห้อง สดับหันเจอก็ก้าวฉับๆ พุ่งเข้าไปหา
“หนอย คิดจะหนีเหรอนังตัวแสบ”
สดับชนโป้กเข้ากับกำแพงมนตร์ที่ทาฮิร่าเสกขึ้น
“เฮ้ยนี่มันอะไรกันวะ ใคร ใครทำอะไรข้าแบบนี้ โอ้ย!”
สดับหน้าหันไปตามแรงชกด้วยเวทย์มนตร์ของแนนนี่ทาฮิร่า ที่ทำท่าชกลมพร้อมร่ายมนตร์ใส่สดับ มาลีมองดูอาการสดับตกใจ รนรานเข้าไปช่วย
“พี่ดับ พี่เป็นอะไรไป”
“อีมาลี เอ็งใช่มั้ย เอ็งกล้าทำข้างั้นเหรอ”
สดับเงื้อมือปรี่เข้าหามาลี แนนนี่ร่ายมนตร์ให้สดับสดุดล้ม ข้าวของที่วางกองอยู่สูงพังครืนลงทับร่างสดับ มาลีเข้าไปช่วยอีก
“ว้ายพี่ดับ”
“นังมาลี!!! อย่าให้กูออกไปได้นะมึง” สดับตะโกนอย่างคั่งแค้น
ร่างของแนนนี่ทาฮิร่าค่อยฟูฟ่องกลายร่างเป็นทาฮิร่าตัวจริงขึ้นมา
ทาฮิร่ามองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าครุ่นคิด แววตาเป็นกังวลต่อความปลอดภัยของแนนนี่
อ่านต่อหน้า 2
อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ตอนที่ 8 (ต่อ)
ภวัตเปลี่ยนเสื้อเสร็จหันมาอีกทีก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อเห็นแนนนี่นั่งมองตาแป๋วส่งยิ้มให้ตัวเองอยู่ที่ปลายเตียง
“จะต้องให้พี่พูดอีกกี่ทีแนนนี่ถึงจะฟัง ว่าพี่ไม่ชอบให้แนนนี่โผล่มาในห้องพี่แบบนี้อีก”
แนนนี่รีบพูดแทรกขึ้นทันที
“ค่า...รู้แล้วค่าว่ามันจะดูไม่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยู่กับคนไม่ดีแบบแนนนี่ด้วย”
แนนนี่พูดประชดจบ ก็มีสีหน้าสลดลง ภวัตมองแนนนี่ด้วยความสงสาร
“ไม่ใช่อย่างนั้น พี่กำลังจะลงไปรอแนนนี่ที่สวนพอดี”
“ก็แล้วถ้าคนมาเห็นพี่ภวัตคุยกับแนนนี่ที่สวนอยู่สองต่อสองมันก็ไม่ดีอยู่ดี”
ภวัตคิดตามแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง สักพักเดียวแนนนี่หน้าตาลิงโลดขึ้นมา
“แต่ไม่เป็นไร แค่พี่ภวัตบอกมาว่าอยากเจอ แนนนี่ก็พอใจแล้ว”
ภวัตส่ายหัวใส่แนนนี่กึ่งเอ็นดู
“โตเสียทีเถอะแนนนี่ พี่อยากจะพูดกับแนนนี่เรื่องน้องดา”
แนนนี่หน้าเริ่มงอขึ้นมา เมื่อภวัตเอ่ยถึงดารกา
“มันไม่ใช่อย่างที่แนนนี่คิด พี่แค่อยากจะบอกแนนนี่ว่ายังไงซะน้องดาก็เป็นพี่สาว อยากให้รักกันมาก ๆ เลิกคิดที่จะแกล้งอะไรน้องดาอีก”
แนนนี่ทำหน้าไม่เข้าใจอ้าปากเถียงเสียงดัง
“พี่ภวัตเอาอะไรมาพูด แนนนี่คิดจะแกล้งพี่ดาอะไรที่ไหนกัน เอะอะๆ ก็ว่าแนนนี่ทำร้ายพี่ดา”
ภวัตหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดให้แนนนี่ดู
“อ่ะ แล้วนี่อะไร”
แนนนี่มองหน้าภวัตงงๆ ขณะเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์แล้วก้มอ่าน แนนนี่อ่านไปมือสั่นไปสีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นโมโหแล้วเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง
“มันมาจากไหน...แนนนี่ไม่เคยคิดจะทำอะไรบ้า ๆ แบบนั้น แนนนี่ไม่ได้เป็นคนส่งมา”
แนนนี่ลุกขึ้นยืนชี้หน้าภวัตอย่างสติแตก
“พี่ภวัตน่ะงี่เง่า ถ้าแค่พี่ภวัตอยากจะรักกับพี่ดาก็แค่บอกแนนนี่มาก็เท่านั้น ไม่เห็นต้องมาหาเรื่องกล่าวหาอะไรกันแบบนี้เลย”
แนนนี่หันหลังทำท่าจะออกไป ภวัตตกใจที่แนนนี่โกรธมากขนาดนั้นรีบดึงแขนแนนนี่รั้งไว้
“แนนนี่ฟังพี่ก่อน”
แนนนี่หันกลับมาร่ายมนตร์ใส่ภวัตด้วยความโมโห
“เอาเลยพูดออกมาให้หมด”
ภวัตโดนเวทมนตร์แนนนี่ที่เสกใส่ให้พูดความจริง
“แนนนี่พี่ขอโทษ พี่รักแนนนี่นะ”
แนนนี่ถึงกับแน่นิ่งร้องไห้ออกมา เผลอตัวชี้หน้าภวัตอีกครั้ง
“พี่ภวัตพูดเพราะเวทมนตร์ของแนนนี่ จริงๆ พี่ภวัตไม่เคยรักแนนนี่ พี่ภวัตรักพี่ดา”
แนนนี่ร้องไห้สะอึกสะอื้น สะบัดมือจากภวัตแล้วหายตัวไปจากห้อง
ภวัตสะดุ้งสุดตัว ออกจากเวทมนตร์ของแนนนี่ เห็นร่างแนนนี่ค่อยๆ จางกำลังจะเลือนหาย ก็รีบตะโกนตามไป
“แต่พี่รักแนนนี่จริง ๆ แนนนี่”
ร่างแนนนี่หายวับไปต่อหน้าภวัตอีกครั้ง
แนนนี่กลับมาถึงห้องก็โถมตัวลงบนเตียง ฟุบหน้าร้องไห้จนหลับไป ชิกเก้นได้แต่มองแนนนี่อย่างสงสาร
“นี่ล่ะน๊าที่ไหนมีรักที่นั่นมักจะมีทุกข์...แมวอย่างเราไปนอนดีกว่า”
ชิกเก้นหันหลังเดินไปที่นอน ทาฮิร่าปรากฏตัวแว้บขึ้นมาหน้าที่นอนชิกเก้น
“ตื่น ๆ แนนนี่ตื่นเดี๋ยวนี้”
ชิกเก้นตกใจสะดุ้งตัวลอย
“แว้ก มาทำไมดึกขนาดนี้ตกใจหมด”
ทาฮิร่าเหลือบมองชิกเก้นแว่บหนึ่ง ก็เดินหนีตรงไปที่เตียงแนนนี่
“ย่ะ เชิญตกใจไปตามสบายเถอะแมวขวัญอ่อน ฉันมีเรื่องสำคัญจะพูดกับแนนนี่ด่วน”
ชิกเก้นเปลี่ยนใจ เป็นเดินตามทาฮิร่าไปอย่างอยากรู้อยากเห็น
ทาฮิร่าเขย่าตัวเรียกแนนนี่
“ตื่น แนนนี่ตื่นมาฟังยายเดี๋ยวนี้”
แนนนี่งัวเงียปรือตาขึ้นมามองหน้ายาย ทาฮิร่าดึงแขนแนนนี่ให้ลุกขึ้นมา แต่แนนนี่ยังอิดออดงอแงจะไม่ยอมลุก
“ฟังนะแนนนี่ ต่อไปนี้ยายขอสั่งห้ามไม่ให้หลานไปที่บ้านของผู้หญิงชื่อมาลีอีกเป็นเด็ดขาด”
แนนนี่ลุกขึ้นนั่งอ้าปากหาวไปพูดไป เหมือนไม่ใส่ใจคำพูดทาฮิร่า”
“ก็เขาเป็นแม่ ทำไมแนนนี่ถึงไปหาเขาไม่ได้”
ทาฮิร่านิ่งไปจ้องหน้าแนนนี่จริงจัง
“ยายบอกได้แค่ว่า เขาไม่ใช่แม่”
แนนนี่เห็นหน้าตาจริงจังของทาฮิร่าเลยหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง
“ถ้าอย่างนั้น ทำไมเขาต้องมาคิดว่าแนนนี่เป็นลูกล่ะ”
ทาฮิร่าลุกขึ้นยืนหน้าเครียด
“เชื่อยายแล้วกัน ต่อไปนี้อย่าไปที่นั่นอีกเด็ดขาด”
ทาฮิร่าพูดจบก็หายตัวไป แนนนี่นั่งหน้างอบ่นพึมพำกับตัวเอง
“ห้ามโน่นห้ามนี่ตลอด เหตุผลมีก็ไม่บอก คอยดูนะแนนนี่ต้องรู้ให้ได้ว่า ทำไมน้ามาลีถึงคิดว่าแนนนี่เป็นลูก”
วันต่อมาพรเดินถืออาหารเข้ามาในบ้านอิงอร แต่ไม่เห็นเจ้าของบ้าน จนเมื่ออิงอรที่นอนซมอยู่ที่โซฟาปรือตาขึ้นมาเห็นเงาพรลางๆ ก็หลอนสุดขีด รีบลุกพรวดหลับตาปี๋ยกมือไหว้ปลก ๆ
“แว้ก ไปที่ชอบๆ เสียทีเถิดเจ้าประคู้ณ ทำไมถึงมากันบ่อยนัก”
พรหันมาปลอบอิงอร
“พรเองค่ะคุณอิงไม่ใช่ผี”
อิงอรค่อยๆ เอามือออกเปิดมามองเห็นเป็นพรก็รีบนั่งตัวตรง พรมองอิงอรอย่างขำๆ แล้วปลอบใจอีก
“โถ คุณอิง ผีน่ะมาได้ก็กลับได้ค่ะ คุณอิงเจอมาหมดทั้งแม่มด แมวผี ยังไม่ชินอีกเหรอคะ”
อิงอรมองเลยไปด้านหลังพร
“เออ แล้วไหนล่ะคุณจักรน่ะ”
“คุณจักรออกไปซื้อต้นไม้กับคุณปัทตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”
อิงอรขัดใจ แล้วนึกอะไรขึ้นได้หันไปคว้ากระเป๋าสตางค์ หยิบแบงค์ออกมาสองสามใบยัดใส่มือพร
“อ่ะ ฉันมีงานพิเศษให้ทำ”
พรมองเงินในมือตัวเองทำหน้างงๆ
“งานง่าย ๆ ก็แค่คอยกีดกันน้องปัทกับคุณจักร ไม่จำเป็นไม่ต้องให้เจอกันบ่อย”
พรยิ้มออกมา กำเงินแล้วเก็บลงกระเป๋า อิงอรมองหน้าพรอย่างรู้ทัน
“แต่..งานแรกของเธอคือต้องพาคุณจักรมาดินเนอร์กับฉันสองต่อสองให้ได้ก่อน ถ้าสำเร็จเธอจะได้มากกว่านี้อีก”
แนนนี่นั่งซึมอยู่ในห้อง ชิกเก้นเดินวนไปมา ลอบมองอย่างเป็นห่วง
“ซึมทั้งวัน อย่างนี้จะไหวไหมเนี่ย”
ชิกเก้นกระโดดเข้าไปหาแนนนี่ แล้วถามขึ้น
“ไม่ออกไปไหนเหรอวันนี้”
แนนนี่ปรายตามองชิกเก้นอย่างไร้อารมณ์ แต่ก็ฝืนยิ้มให้
“ออกไปก็ว่าไปก่อเรื่อง อยู่เฉยๆ ก็...เป็นห่วงล่ะสิ”
แนนนี่ลุกขึ้นบิดซ้ายบิดขวา
“อยากอยู่บ้านน่ะ อยู่บ้านลั้นลากับชิกเก้นไง”
“อย่าคิดมากเลยแนนนี่ จำไม่ได้เหรอว่าภวัตเคยบอกอะไรกับแนนนี่”
แนนนี่ทำท่าคิด แต่คิดไม่ออก ชิกเก้นเลยบอกออกมา
“ทำไมถึงจำไม่ได้ ภวัตเคยบอกว่าคนที่ภวัตรักคือแนนนี่ไง”
แนนนี่แววตาเป็นประกาย ยิ้มออกทันที
“ใช่ๆ เวทมนตร์พูดความจริง เพราะฉนั้นสิ่งที่ภวัตพูดออกมาต้องเป็นความจริง พี่ภวัตรักแนนนี่”
แนนนี่กระโดดตัวลอย เต้นรอบห้อง
“จริงๆ ด้วยพี่ภวัตรักแนนนี่ พี่ภวัตรักแนนนี่ ลืมไปได้ยังไงเนี่ย”
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นที่โต๊ะ แนนนี่คว้ามากดรับสาย
“เออใช่ ผลสอบออกวันนี้นี่นา งั้น...เดี๋ยวเจอกันนะปีเตอร์”
คืนนั้นแนนนี่กลับจากดูผลสอบที่มหา’ลัย ก็มานั่งหน้าม่อยอยู่ที่โต๊ะอาหาร ปัทมนลุกมานั่งข้าง ๆ โอบไหล่แนนนี่พลางปลอบใจ
“เครียดทำไมล่ะลูก แม่ยังไม่เห็นเครียดเลย”
แนนนี่เอียงหัวซบปัทมนเสียงอ่อย
“แนนนี่เกือบตก”
ปัทมนยิ้มอย่างอ่อนโยน
“แต่ก็ไม่ตกนี่จ๊ะ”
ธานีนั่งฟังปัทมนกับแนนนี่แล้วหัวเราะขำออกมา
“คุณแม่ชินแล้วล่ะแนนนี่ ฮ่าๆ”
แนนนี่ทำหน้างอนใส่ธานี
“พี่ธานีน่ะ แนนนี่อุตส่าห์ดีใจที่ทุกคนเป็นกำลังใจให้”
ธานีเห็นดารกากำลังเดินเข้ามาก็โบ้ยหน้าไปที่ดารกา
“โน่น คนโน้นอีกคนทำคะแนนเป็นที่หนึ่งจนคุณแม่ชินแล้วเหมือนกัน”
ที่ดารกาเดินยิ้มถือผลสอบมายื่นให้ปัทมน พอปัทมนก้มหน้าดูผลสอบเสร็จแล้วจึงยื่นให้ธานีดูต่อ ยิ้ม ๆ
ธานีรับมาดูแล้วทำตาโต
“โอ้โห น้องสาวคราวนี้เป็นที่หนึ่งของคณะเสียด้วย”
ผาดยกอาหารมาวางบนโต๊ะ
“นี่ไงคะ อาหารจานโปรดคุณดา ผาดทำเตรียมไว้ฉลองให้เรียบร้อยแล้วค่ะ”
แนนนี่มองตามแล้วเบะปากใส่ ส่วนดารกาก้มลงมองอาหารแล้วยิ้ม
“แหม...แล้วถ้าน้องดาสอบไม่ได้ล่ะคะป้า”
“ไม่มีทางหรอกค่ะ ป้ารู้ว่าคุณดาทำได้แน่นอน”
รัดเกล้าเดินถือขนมเข้ามา
“เอ๊ะ เกล้าตกข่าวอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมทุกคนถึงหน้าตาเบิกบานกันขนาดนี้”
ธานีคว้าขนมรัดเกล้าใส่ปากแล้วชิงตอบ
“น้องดากับแนนนี่เขาเพิ่งได้ผลสอบกันน่ะ”
“งั้นก็ต้องฉลองกันหน่อยสิคะ เดี๋ยวเกล้าจัดให้ปาร์ตี้ฉลองสอบเสร็จให้แนนนี่กับน้องดา”
แนนนี่พูดแทรกขึ้นลอย ๆ
“แนนนี่ไม่มีเรื่องอะไรจะให้ฉลอง พี่เกล้าใช้คำว่าฉลองสอบเสร็จให้พี่ดาคนเดียวก็ได้นะคะ”
ธานีหันไปจ้องแนนนี่แล้วรีบปราม
“แนนนี่ประชดประชันอย่างนี้ไม่น่ารักนะ”
ดารกาเดินเข้าไปหาแนนนี่
“คราวนี้ผ่านไปแล้วก็ช่างมันเถอะ เดี๋ยวเทอมหน้าพี่ดาสัญญาจะติวให้แนนนี่เอง”
แนนนี่ยิ่งฟังยิ่งอารมณ์ไม่ดี เบะปากเบือนหน้าหนีไปทางอื่นอย่างไม่แยแส
แนนนี่หงุดหงิดเดินเข้าห้องมาก็ปิดประตูห้องดังปัง ชิกเก้นนอนอยู่ถึงกับสะดุ้งโหยง
“ฮึ่ย ปิดประตูซะดัง มีมารยาทมั่งสิ”
แนนนี่หน้างอไม่ใส่ใจคำพูดชิกเก้น จนชิกเก้นเดินเข้ามาหาแนนนี่
“หงุดหงิดอะไรมาอีกล่ะเนี่ย”
แนนนี่ไม่ตอบ แต่กลับชี้นิ้วไปที่สิ่งของ โน่น นั่น นี่ เปะปะไปเรื่อย
ที่เก้าอี้โดนเวทมนตร์จากแนนนี่เข้า ก็มีดอกไม้ผุดขึ้นพันขาเก้าอี้ ที่ตู้เสื้อผ้ามีไฟลุกฉับพลันก็เป็นน้ำตกไหลลงมาดับไฟ ชิกเก้นตาลุกมองตามอย่างงุนงง
“พอแล้ว เดี๋ยวมีคนมาเห็นก็งานเข้ากันพอดี”
แนนนี่หรี่ตาไปที่ชิกเก้นแว่บนึง ชิกเก้นขนพองขึ้นมาด้วยความรู้สึกสยอง
“อย่านะแนนนี่ อย่าได้คิดเชียว”
แนนนี่ชี้นิ้วไปที่ชิกเก้น ที่ตัวชิกเก้นค่อย ๆ ลอยขึ้นจนติดเพดานแล้วก็ร่วงแผล็วลงมาที่พื้น
“แว้ก อย่านะแนนนี่ หยู๊ด หยุด....แว้ก”
ชิกเก้นตัวลอยขึ้นไปจนติดเพดาน แล้วร่วงลงครั้งแล้วครั้งเล่า แนนนี่นั่งตบมือหัวเราะชอบใจ ได้ระบายอารมณ์
เวลาเดียวกันอิงอรกำลังฝึกเต้นแอโรบิคตามดีวีดี วิดีโอหมุนซ้ายหมุนขวา อยู่ในห้อง จังหวะหนึ่งหันไปทางห้องแนนนี่แล้วตาลุกโพลง
อิงอรเห็นเต็มสองตาว่าแนนนี่กำลังร่ายมนตร์ ชิกเก้นลอยขึ้นลงไปมาอยู่อย่างนั้น
อิงอรตาค้าง มือไม้สั่น เต้นไม่เป็นจังหวะ พอตั้งสติได้รีบคว้าโทรศัพท์มือถือกดถ่ายคลิปวิดีโอ
“เอาเลย ลอยขึ้น ลอยลง ขึ้นสูงๆ เลย”
เวลาผ่านไป อิงอรถ่ายเสร็จก็เปิดดูย้อนหลัง แล้วสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง
“คราวนี้แหละ ใคร ๆ ก็ต้องเชื่อฉัน”
ชิกเก้นลอยตุ๊บป่องอยู่กลางห้องถลึงตาใส่แนนนี่
“พอได้แล้วนะแนนนี่ หยุด!”
แนนนี่เริ่มไม่สนุกทำหน้าเบื่อหน่าย หยุดตามคำสั่งของชิกเก้น
“ก็ได้ ก็ได้ หยุดก็ได้เอ้า”
ร่างชิกเก้นหล่นตุ้บลงที่พื้น ร้องลั่นห้อง
“แว้ก”
แนนนี่กลับมานั่งบ่นพึมพำกับตัวเอง
“น่าเบื่อที่สุด โอ๊ย...คิดถึงยายที่สุดเลย ยายหายไปไหนเนี่ย ทำไมไม่มาหาแนนนี่ ในโลกใบนี้มีแต่ยายทาฮิร่าคนเดียวที่รักแนนนี่”
ชิกเก้นกำลังเดินเข้ามาหาแนนนี่ ได้ยินเต็มสองหูถึงขั้นหยุดกึก ทำหน้างอนแล้วสะบัดหน้าใส่แนนนี่
“ยายคนเดียวใช่สิ มียายคนเดียวที่รักแนนนี่”
แนนนี่รู้สึกตัวรีบหันไปง้อชิกเก้น
“โอ๋ๆๆ ถ้าชิกเก้นไม่อยู่แนนนี่ก็คิดถึงชิกเก้นนะ ว่าแต่ว่า...ตอนนี้ยายจะทำอะไรอยู่น๊า”
ทาฮิร่าที่หนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัวพูดถึงกำลังนอนซมอยู่บนเตียงภายในบ้านที่เมืองเวทมนตร์ ไม่นานหลังจากนั้นบาบาร่าเดินเข้ามาพร้อมตะกร้าของเยี่ยม
“เป็นยังไงบ้างเนี่ย โถถึงขั้นหน้าซีดปากสั่นเลยเหรอ”
บาบาร่าวางตะกร้าเยี่ยมแล้วนั่งลงข้างๆ คนป่วย ทาฮิร่าปรือตาขึ้นมามองบาบาร่า
“ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก”
บาบาร่าก้มหน้าลงแทบจะชนกับหน้าของทาฮิร่า พินิจพิเคราะห์สีหน้าทาฮิร่าแล้วออกความเห็น
“ฉันว่าอายุเธอครบรอบที่จะต้องนั่งมนตร์ต่ออายุแล้วนะ”
ทาฮิร่าหัวเราะออกมาได้
“เธอนี่งมงายเหมือนเดิม ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงเราสองคนก็อายุพอๆ กันทำไมเธอถึงไม่ป่วยล่ะ”
บาบาร่าลุกขึ้นเลิกคิ้วทำเสียงสูง
“พูดเหมือนไม่รู้จักกันเลยนะ ฉันเนี่ย...เป็นแม่มดที่ดูแลตัวเองสม่ำเสมอจ้า เธอจำไม่ได้แล้วเหรอ ที่ฉันชวนเธอไปจำศีลล่วงหน้าพันปีแล้วเธอไม่ไปน่ะ”
ทาฮิร่าขมวดคิ้วคิดตาม บาบาร่าพูดต่อ
“มัวแต่ยุ่งวุ่นวายหายตัวไปโน่นนี่นั่น แล้วเป็นไงล่ะทีนี้”
ทาฮิร่าเถียงไม่ออกหันหลังไปไออย่างรุนแรง บาบาร่ามองทาฮิร่าแล้วส่ายหน้าแต่แล้วก็พลันนึกอะไรขึ้นได้
“เออใช่ อสูรไง ฉันคิดวิธีเพิ่มพลังให้เธอได้แล้ว”
ทาฮิร่าหันขวับตาโต บาบาร่าลงไปนั่งข้างๆ จับมือทาฮิร่าให้คำมั่น
“ฉันสัญญานะว่าฉันจะจับอสูรให้ได้ แล้วแปลงพลังร้ายมาเปลี่ยนเป็นพลังดี เพื่อช่วยรักษาเธอ”
ทาฮิร่าสีหน้าเป็นกังวล
“โอยเหนื่อยเธอเปล่าๆ ฉันว่าอย่าไปยุ่งอะไรกับอสูรเลยนะ”
ส่วนที่เมืองมนุษย์วันต่อมา แนนนี่เดินลงบันไดมา เห็นทุกคนกำลังช่วยกันยกของไปที่สนามบ้านภวัต
พรยกถาดอาหารเดินผ่านแนนนี่
“อ้าวคุณแนนนี่ ทำไมยังอยู่ที่นี่ล่ะคะ ไปเร็วค่ะอาหารพร้อมแล้วนะคะ”
แนนนี่ฝืนยิ้มพยักหน้าให้พร
ปัทมนกับดารกาเดินมาเห็นแนนนี่ก็หยุดเรียก ดารกาเชื้อชวนน้ำเสียงระรื่น
“แนนนี่ลงมาพอดีเลย พี่กับคุณแม่กำลังจะเดินไปบ้านพี่ภวัต ไปด้วยกันไหมจ๊ะ”
“จริงสินี่เป็นงานฉลองของลูก ทำไมไม่ชวนยายทาฮิร่ามาด้วยล่ะจ๊ะ”
ฟังปัทมนว่าแนนนี่มีสีหน้าสลดลง อย่างเห็นได้ชัด
“แนนนี่ติดต่อกับยายทาฮิร่าไม่ได้มาหลายวันแล้วค่ะ”
ปัทมนเห็นหน้าแนนนี่เศร้าสร้อยก็หน้าเสีย
“แต่แนนนี่ก็ยังดีที่อย่างน้อยมียายทาฮิร่า....” ดารกาว่า
“ลูกดา...”
ปัทมนมองหน้าดารกาแล้วฉุกนึกถึงมาลีกับสดับที่ตัวเองเห็นสภาพมากับตาเมื่อไม่กี่วันก่อน
บ่ายวันนั้นปัทมนกับจักรวาลเดินมองเข้าไปทีละบ้าน
“ขอโทษนะคะ เลยกลายเป็นพาคุณจักรมาลำบากด้วย”
จักรวาลหันไปส่งยิ้มหวานให้ปัทมน
“อย่าคิดอย่างนั้นเลยครับคุณปัท ผมเต็มใจครับ ว่าแต่ว่าคุณปัทแน่ใจนะครับว่าจำหน้าเขาได้น่ะ”
ปัทมนพยักหน้ารับ
“จำได้ดีเลยค่ะ เพียงแต่ปัทไม่แน่ใจว่าเขาอยู่บ้านหลังไหน”
จักรวาลมองเห็นสดับเดินเมาเป๋มาแต่ไกล
“คุณปัทเดินระวังนะครับ”
สดับเมาแอ๋ เดินเซผ่านจักรวาลกับปัทมนไป เพียงไม่กี่ก้าวก็ร่วงลงไปนอนกองกับพื้น จักรวาลรีบพาปัทมนเดินเลี่ยงไป
พอดีกับที่มาลีเปิดประตูบ้านออกมา มองสดับที่พื้นอย่างเหนื่อยใจ
“อย่างนี้อีกแล้ว”
สดับเงยหน้าเห็นมาลีก็ส่งเสียงโหวกเหวก
“มาลี นังมาลี หิวเว้ย ผัวหิวหาอะไรมาให้กินหน่อยเว้ย”
ปัทมนได้ยินเสียงสดับโวยวายเสียงดังลั่นก็ชะงัก หันหลังกลับทันที ปัทมนเห็นมาลีกำลังลากสดับกลับเข้าบ้าน อย่างทุลักทุเล
“คุณพระ”
จักรวาลเอี้ยวตัวมองตามปัทมนไปที่มาลีกับสดับ ปัทมนสะกิดจักรวาล
“กลับเถอะค่ะคุณจักร”
จักรวาลมองหน้าปัทมนแบบงง ๆ
“อ้าว แต่เรายังหาพวกเขาไม่เจอเลยนะครับ”
ปัทมนส่ายหัวแล้วเดินก้มหน้านำจักรวาลออกไป
“เจอแล้วค่ะคุณจักร”
จักรวาลตกใจ มองไปที่มาลีกับสดับแล้วเข้าใจทันที
“ปัทคงไม่บอกลูกดาเรื่องพ่อแม่ที่แท้จริงของเขา คุณจักรคงไม่คิดรังเกียจชาติกำเนิดของลูกดานะคะ”
จักรวาลยิ้มให้ปัทมนอย่างอ่อนโยน เหมือนจะปลอบโยนอยู่ในที
“ไม่เลยครับ ไม่มีทางที่ผมจะคิดแบบนั้น ผมว่าเรื่องชาติกำเนิดของคนเราแม้ว่าจะเลือกไม่ได้ แต่เราก็เลือกที่จะเป็นคนดี..อย่างที่หนูดาเป็นได้”
คืนเดียวกันนั้นอิงอรนั่งส่องกระจกเอียงซ้ายเอียงขวา อยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
“นี่เธอว่าหน้าฉันอ่อนไปไหม หรือแก้มควรจะแดงกว่านี้”
พรเดินเข้าไปใกล้มองที่กระจกแล้วหันกลับมองหน้าอิงอร
“โห ธรรมชาติมาก ๆ ค่ะ แต่..ลองเติมปากด้านในสีแดงนิดนึงดูไหมคะคุณอิง พรเคยเห็นดาราเขาทำกันในละคร มันดูเซ็กซี่ดีนะคะ”
อิงอรแววตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
“เหรอ เซ็กซี่เลยเหรอ เออดีๆ”
อิงอรหันกลับมาทางกระจกแล้วบรรจงทาลิปสติกเพิ่ม
“แหม พรแน่ใจเลยค่ะว่า คืนนี้คุณอิงจะต้องสวยเด่นที่สุดในงาน” พรสอพลอออกมาพลางยิ้ม
อิงอรยิ้มให้ตัวเองและพรจากในกระจก
“ฉันก็ว่างั้นแหละ แต่เอออย่าลืมที่ตกลงกันไว้นะ เธอยังไม่ได้พาคุณจักรมาดินเนอร์กับฉันสองต่อสองเลย”
ถูกอิงอรทวง พรทำหน้าตกใจทำเป็นเฉไฉต่อ
“ไม่ลืมหรอกค่ะคุณอิง รับรองเลยว่าหลังจากที่คุณจักรได้เห็นคุณอิงคืนนี้ จะต้องหันมาสนใจคุณอิงคนเดียวแน่ๆ แล้วไหนจะแผน “เด็ด ๆ” ของคุณอิงอีก”
อิงอรหันหน้ามาหัวเราะกับพรเสียงดัง
“ฮ่า ๆ ๆ ดีนะที่ไหวพริบฉันดี ไม่อย่างนั้นคิดไม่ได้นะเนี่ย”
อิงอรพูดจบก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดเปิดดูคลิปแนนนี่กับชิกเก้นที่แอบถ่ายไว้
“แล้วทุกคนก็จะได้รู้ว่าแนนนี่ลูกสาวยัยน้องปัทน่ะเป็นแม่มด คุณจักรคงตกใจแล้วก็เลิกรักยัยน้องปัทในที่สุด”
โป่งเดินตามหลังแนนนี่อยู่ในซอยบ้านมาลี อย่างระแวดระวัง
“มันจะดีเหรอครับอาจารย์ เราแอบออกมากันอย่างนี้”
แนนนี่หันหลังปรายตามองโป่งเหยียดๆ
“กลัวอะไร”
โป่งปัดมือปฏิเสธเป็นพัลวัน
“เปล่าเลยครับเปล่า ศิษย์มีอาจารย์แบบโป่งไม่กลัวอะไรอยู่แล้วครับ”
แนนนี่หัวเราะชอบใจ ก่อนจะบอกเหตุผล
“ที่ต้องแอบเนี่ย เพราะไม่อยากให้ยายรู้”
โป่งทำหน้าสงสัยถามต่อ
“แล้วทำไมยายต้องห้ามไม่ให้อาจารย์มาเจอพ่อกับแม่ด้วยล่ะครับ”
แนนนี่หยุดกึก พร้อมกับที่เสียงคำสั่งของทาฮิร่าดังขึ้นในหัว
“ฟังนะแนนนี่ ต่อไปนี้ยายขอสั่งห้าม ไม่ให้หลานไปที่บ้านของผู้หญิงชื่อมาลีอีกเป็นเด็ดขาด”
แนนนี่นึกถึงทาฮิร่าแล้วก็ชักลังเลหันกลับไปถามโป่ง
“กลับไหม”
โป่งทำหน้าเหยเก พลางชี้ไปที่ด้านหน้าแนนนี่ พอแนนนี่หันกลับมาอีกทีเห็นสดับยืนอยู่แล้ว
“อ้าว พะ...พ่อ”
แนนนี่มองหน้าสดับ แล้วรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ยังฝืนยิ้มให้
“คือ...ที่บ้านแนนนี่มีจัดงานเลี้ยงน่ะค่ะ แนนนี่เลยจะมาถามว่าพ่อกับแม่อยากไปไหม”
สดับดูเหมือนไม่สนใจฟัง เอาแต่จ้องหน้าแนนนี่เขม็ง แล้วย่างสามขุมจะคว้าคอแนนนี่
“กำจัดเด็กนี่” เสียงอสูรสดับสั่ง
โป่งหูไวตาไว เห็นท่าไม่ดีรีบแทรกตัวเข้ามาปัดมือสดับทิ้ง
“จะทำอะไรน่ะ”
สดับหันมองโป่งตาขวางเงื้อมือจะต่อยหน้าโป่ง
“อย่าเสือก”
โป่งชิงต่อยก่อน สดับเซไปเล็กน้อย สดับหันกลับมาต่อยเข้าที่ตัวโป่งอย่างแรง โป่งกุมท้องตัวงอ สดับตั้งท่าจะต่อยโป่งซ้ำ
“อยากตายก่อนใช่ไหม ได้”
แนนนี่เห็นโป่งกำลังแย่รีบร่ายมนตร์ออกมา
“อูมสะละเต อูมสะละตี”
สดับโดนเวทมนตร์แนนนี่เข้าไปกลายเป็นหันหลังไปชกต่อยถังขยะข้างๆ แนนนี่รีบคว้ามือโป่งออกวิ่ง
“ไปเร็วโป่ง หนีเร็ว”
ธานีกับรัดเกล้าเดินตักอาหารอยู่ด้วยกันที่บริเวณสนามหญ้าบ้านรัดเกล้า
“แนนนี่ยังไม่ลงมาเหรอคะ สงสัยจะยังไม่หายงอน” รัดเกล้าถามหา
“ไม่รู้สิ แต่รุ่นแนนนี่ไม่น่าจะงอนได้นาน เดี๋ยวอยู่คนเดียวเบื่อๆ ก็คงมาเองแหละ”
ธานีว่า แล้วชวนรัดเกล้าเดินถืออาหารที่ตักมาให้ปัทมนกับจักรวาล ปัทมนเองก็มองหาแนนนี่
“ธานีไม่ได้อยู่กับแนนนี่เหรอลูก”
“เปล่าครับแม่ เมื่อกี้น้องเกล้าก็เพิ่งถามถึง อาจจะอยู่กับภวัตก็ได้มั้งครับ”
จักรวาลส่ายหัว บุ้ยปากให้ธานีกับรัดเกล้ามองไปอีกทาง ธานีมองตามเห็นดารกากับภวัตกำลังเดินตรงมา
“อ้าว ไม่อยู่กับผม ไม่อยู่กับคุณแม่ ไม่อยู่กับเจ้าภวัต งั้นผมขึ้นไปดูบนห้องหน่อยดีไหมครับคุณแม่”
ดารกาเดินมาถึงเห็นหน้าทุกคนก็งงๆ
“อยากได้อะไรเพิ่มไหมคะคุณแม่ เดี๋ยวน้องดาไปเอามาให้”
ปัทมนยิ้มให้ดารกาแล้วส่ายหน้า
“กำลังสงสัยกันอยู่จ้ะว่าแนนนี่หายไปไหน”
พรยกถาดน้ำเดินเข้ามาสมทบ
“คุณแนนนี่เหรอคะ พรเห็นคุยอะไรกันกับเจ้าโป่งอยู่พักนึง แล้วก็ออกไปด้วยกันน่ะค่ะ”
ภวัตได้ฟังก็ขมวดคิ้วเกิดสังหารณ์ใจไม่ดี ค่อยๆ เดินห่างออกมาจากกลุ่ม โดยไม่มีใครสังเกต
แนนนี่จ้ำอ้าววิ่งนำหน้าโป่ง
“ทางนี้โป่งเร็วเข้า แว้ก เขาตามมาทันแล้วโป่ง”
แนนนี่ลนลานเสกเวทมนตร์ไปที่สดับ พอสดับโดนเวทมนตร์แนนนี่กลับกลายเป็นย่นระยะทางเร็วขึ้นมาจนแทบจะคว้าโป่งได้
“จ๊าก อาจารย์ไหงมันกลายเป็นงี้ไปได้ล่ะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน สงสัยเพราะแนนนี่กลัวเกินไปน่ะ”
สดับวิ่งขึ้นมาผลักโป่งล้มลงไป แล้วเงื้อมือจะดึงแนนนี่
“แกจะหนีฉันพ้นเรอะ”
ภวัตตามมาทันคว้าคอเสื้อสดับไว้แล้วต่อยเข้าที่หน้าของสดับเต็มแรง สดับไม่ทันตั้งตัวถึงกับเซไป ภวัตรีบวิ่งเข้าไปหาแนนนี่ สดับลุกขึ้นได้ก็ชักมีดออกมา
“แกเป็นใครวะ สะเออะจะมาช่วย”
แนนนี่หันไปเห็นมีดจึงรวบรวมสติชี้นิ้วร่ายมนตร์ มีดในมือสดับโดนเวทมนตร์แนนนี่ก็หลุดกระเด็นไป สดับมองเห็นมีดกระเด็นตกอยู่ไม่ไกลก็วิ่งไปเก็บ ภวัตตามไปเตะสดับล้มลงกับพื้น
แนนนี่วิ่งไปทำท่าจะร่ายมนตร์ใส่สดับแต่แล้วก็ชะงัก
“พ่อ”
โป่งยืนอยู่ข้างหลังตะโกนเข้ามา
“จัดการเลยครับอาจารย์อย่าช้า พ่อที่ไหนจะฆ่าลูกตัวเองแบบนี้ครับ”
แนนนี่ได้สติก็ร่ายมนตร์ใส่สดับ
“นั่นน่ะสิ อย่างแกต้องไม่ใช่พ่อฉันแน่ๆ”
สดับโนมนตราเข้าไปก็สะดุ้งสุดตัวตาลุกโพลง แล้วร่างก็ลอยขึ้นกลางอากาศถูกเหวี่ยงกระเด็นออกไป ภวัตตาตั้ง
พอแนนนี่เห็นภวัตตาค้างอยู่ ก็รีบคว้าข้อมือภวัตวิ่งออกไป
“ไปเร็วพี่ภวัต โป่ง จะอยู่ทำไมเล่า”
ภวัตกับแนนนี่กลับมานั่งหมดแรงกันที่โซฟาบ้านปัทมน ภวัตหันมองหน้าแนนนี่แบบระแวง
แนนนี่มองหน้าภวัตกลับแล้วทำหน้าไม่ถูก
“ทำไมต้องมองกันแบบนี้ด้วย ไอ้ที่พี่ภวัตเห็นเมื่อกี้มันก็แค่เรื่องบังเอิญ”
“เรื่องบังเอิญ...ที่แนนนี่สามารถยกผู้ชายตัวใหญ่ๆ ขึ้นมาได้เนี่ยนะ”
แนนนี่ลุกพรวดชี้ที่ตัวเองให้ภวัตดู
“แล้วพี่ภวัตว่า แนนนี่ดูมีแรงพอจะทำอย่างนั้นได้ไหมล่ะคะ”
โป่งฟังอยู่ด้วยรีบยกมือขึ้นขออนุญาตภวัตกับแนนนี่พูด
“ขออนุญาตพูดแทรกครับอาจารย์ คุณภวัตครับ ผมขอยืนยันว่าสิ่งที่คุณแนนนี่ทำน่ะล้วนแล้วแต่เป็นมายากล
ทั้งหมดทั้งสิ้นครับ”
ภวัตมองหน้าโป่งทำหน้างง ๆ
“มายากล! ไปเลยไป ถ้าไม่มีอะไรทำตรงนี้ก็ออกไปช่วยเตรียมของจัดงานเลย”
โป่งคอตกรีบเดินออกไป ภวัตหันกลับมองหน้าแนนนี่ สีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม
แนนนี่รู้ตัวตอบกลับภวัตสีหน้าเคร่งขรึม
“เอาเถอะค่ะพี่ภวัตอย่าถามอะไรต่อเลย เพราะเรื่องบางเรื่องแนนนี่ก็อธิบายไม่ได้เหมือนกัน”
แนนนี่ กับภวัตกลับเข้ามาร่วมกลุ่มในงาน ดารกา ธานี และรัดเกล้าเดินตรงเข้ามาหาแนนนี่
“แนนนี่ไปไหนมาน่ะ พี่ดาเป็นห่วงแทบแย่”
แนนนี่มองหน้าภวัตแล้วหันกลับมาตอบดารกา
“พี่ดาจะมาห่วงแนนนี่ทำไม พี่ภวัตก็ไปพาแนนนี่มาแล้วไงคะ”
ดารกาหน้าเจื่อนลง ธานีเห็นบรรยากาศเริ่มไม่ดีจึงรีบตัดบท
“เอ้า ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว แนนนี่ไปหาคุณแม่หน่อยแล้วกันนะ ท่านเป็นห่วงอยู่”
แนนนี่พยักหน้าแล้วเดินออกจากกลุ่มไปคนแรก
ภวัต ธานี รัดเกล้าและดารกาเดินตามแนนนี่ไป ในบรรยากาศกร่อย ๆ
แนนนี่เดินตรงเข้าไปหาปัทมนกับจักรวาล
“แนนนี่ไปทำธุระนิดหน่อยค่ะคุณแม่ แนนนี่ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อน”
ปัทมนยิ้มให้แนนนี่อย่างอ่อนโยน
“ก็ยังดีที่มีโป่งไปเป็นเพื่อนนะลูก หิวหรือเปล่าเนี่ยไปเดินหาอะไรทานก่อนสิจ๊ะ”
ผาดเดินถือจานอาหารมาส่งให้แนนนี่
“นี่ค่ะ ผาดตักมาให้แล้ว ผาดรู้ว่าคุณแนนนี่ชอบทานอะไร”
แนนนี่ยิ้มรับจานอาหารมาจากผาด
“ขอบคุณมากค่ะป้าผาด”
กลุ่มของธานีเดินตามเข้ามาสมทบ ธานีแกล้งใช้มือหยิบอาหารจากจานของแนนนี่
“แหม รู้สึกว่ามีแต่คนเอาใจนะเนี่ย”
แนนนี่ทำหน้างอนใส่ธานี
“ก็คงมีแต่ป้าผาดพี่พรเนี่ยแหละค่ะ”
เสียงบุษบาดังแทรกขึ้นมาหลังแนนนี่พูดจบลง “อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยนะคะ
บุษบาเดินเข้ามายกมือไหว้จักรวาลและปัทมนเสร็จก็เดินตรงไปควงแขนภวัตทันที
“สวัสดีค่ะ แหมภวัตเนี่ยถ้าวันนี้บุษไม่ได้บังเอิญคิดถึงภวัตขึ้นมาก็คงไม่รู้ว่ามีปาร์ตี้กัน ฉลองกันเนื่องในโอกาสอะไรเหรอคะ”
แนนนี่มองบุษบาที่ยืนคล้องแขนกับภวัตอยู่ตาเขียวปั๊ด
“ฉลองสอบเสร็จให้แนนนี่กับน้องดาน่ะครับ อ้อ แล้วก็น้องดาได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งของคณะด้วย”
ภวัตบอก ดารกาอมยิ้มภูมิใจ
บุษบาสีหน้าเปลี่ยนไป มองดารกาอย่างหมั่นไส้ แต่ก็ทำฝืนเดินไปโอบไหล่ดารกา
“โอว คอนเกรทฯนะจ๊ะน้องดาคนเก่ง เสียดายถ้าพี่รู้ก่อนพี่จะได้เตรียมของขวัญมาให้ แหมน่าเสียดายนะจ๊ะที่ไม่ได้มีญาติๆ มาร่วมยินดีด้วยน่ะ” บุษบาพูดอย่างต้องการจะสื่อความหมายถึงดารกาโดยตรง
ดารกาหน้าเสีย น้ำตารื้นขึ้นมาทันที รัดเกล้ารีบพูดช่วยดารกา
“ทำไมจะไม่มีคะก็คุณพ่อ น้าปัท แล้วก็พวกเรา”
แนนนี่มองบุษบาอย่างหงุดหงิดแล้วค่อยๆ เดินถอยออกจากกลุ่ม
“ไม่มีญาติแล้วยังไงยะ แนนนี่ก็ไม่มีเหมือนกันแหละ ปากอย่างนี้มันน่านัก…”
ภวัตเริ่มจับสังเกตเห็นแนนนี่ค่อยๆ ถอยออกไป และเริ่มจับตามอง แนนนี่จ้องที่บุษบาแล้วเริ่มร่ายมนตร์ พอบุษบารับจานสปาเก็ตตี้มาจากพร ก็ตักเส้นสปาเก็ตตี้เข้าปาก
เส้นสปาเก็ตตี้ที่ปากบุษบา กลายเป็นหนอนสีเขียวตัวใหญ่ บุษบารู้สึกผิดปกติที่ปาก พอคายออกมาถึงกับตาลุกโพลง
“กรี๊ดดด...นี่มันหนอนนี่นา กรี๊ดๆๆ”
ทุกคนแตกฮือด้วยความตกใจ
อิงอรเดินนวยนาดเข้ามาในชุดสวยกำโทรศัพท์มือถือในมือแน่น กะแฉปัทมนและแนนนี่เต็มที่
อ่านต่อหน้า 3
อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ตอนที่ 8 (ต่อ)
เหตุการณ์ที่เมืองเวทมนตร์ ทาฮิร่าไอค่อกแค่ก ฝืนลุกไปหยิบอ่างเวทมนตร์ ทาฮิร่านั่งหน้าอ่างเวทมนตร์แล้วเริ่มหลับตาร่ายมนตร์
“มูสลามาตูลาตู”
ภาพที่ปรากฏในอ่างเวทมนตร์เริ่มเห็นเป็นภาพที่แนนนี่ใช้เวทมนตร์เสกสปาเก็ตตี้ที่บุษบาตักเข้าปากให้กลายเป็นหนอน ทาฮิร่าขมวดคิ้วด้วยความหนักใจ
“เมื่อไหร่จะเชื่อฟัง เลิกใช้เวทมนตร์ที่โลกมนุษย์เสียทีเนี่ย ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไปมีหวังโดนจับกลับมาสังหารที่นี่แน่ๆ”
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ทาฮิร่ายังคงนั่งครุ่นคิด
“ต้องเอาตำรากลับมาที่นี่ให้เร็วที่สุด ถ้าต่อไปแนนนี่เก่งกว่านี้คงมีแต่แย่กับแย่”
ทาฮิร่าแววตามุ่งมั่น ลุกขึ้นยืน แต่ไอไปด้วย แล้วหมุนตัว
ทาฮิร่าก้มดูตัวเองในร่างของแนนนี่อย่างพอใจแล้วก็หายตัวแว้บไป
แนนนี่ทาฮิร่าโผล่เข้ามาในห้องแนนนี่ เดินตรงไปที่กระจก
“ เยี่ยม...สวยเนียนไม่มีผิดเพี้ยน”
แนนนี่ทาฮิร่าหันมองซ้ายมองขวา
“ทางสะดวก...ใช้ได้”
แนนนี่ทาฮิร่า ผลุบหายตัวเข้าไปในตะเกียงแก้วทันที
เวลาเดียวกันอิงอรเห็นคนอื่นๆ กำลังตกใจแตกตื่นก็รีบหาจังหวะเสียบ
“กำลังสนุกสนานกันอยู่พอดีเลยนะคะ อิงก็มีอะไรตื่นเต้น ๆ มาโชว์เหมือนกันค่ะ รับรองต้องอึ้งกันเลยทีเดียว”
ในขณะที่บุษบายังคงพะอืดพะอมกับหนอนอยู่ถึงกับหน้าเบ้
“ หวังว่าคงไม่ตื่นเต้นแบบหนอนเมื่อกี้นี้นะคะ”
อิงอรหัวเราะเสียงแหลม
“ตื่นเต้นแบบอะเมซิ่งกว่าค่ะ”
อิงอรชูโทรศัพท์ขึ้น
“มันอยู่ในนี้แล้ว น้องปัทกับคุณจักรต้องตั้งใจดูให้ดีนะคะ รับรอง...”
ทุกคนมารุมกันอยู่หน้าโทรศัพท์มือถือของอิงอร
อิงอรกดปุ่มเล่นภาพคลิปวิดีโอที่เครื่อง เวลาผ่านไปวิดีโอเล่นจบทุกคนนิ่งไปครู่หนึ่ง อิงอรกดปุ่มหยุดแล้วทำหน้าภาคภูมิใจกับผลงานของตัวเอง
“เป็นยังไงบ้างคะฝีมืออิง ในที่สุดอิงก็ได้รู้ว่าอิงไม่ได้บ้าไม่ได้เจอผี แต่...มันคือ”
แนนนี่กวาดสายตามองหน้าทุกคน จังหวะนั้นทุกคนกลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมๆ กัน
“ฮ่าๆๆๆ ขอบคุณมากครับคุณอิง อุตส่าห์ถ่ายตอนแนนนี่ซ้อมมายากลมาให้พวกเราดู”
อิงอรหน้าเหวอไป
“มายากล ไม่ใช่มั้งคะคุณจักร ถามน้องปัทดูดีกว่าว่าน้องปัทน่ะเล่นของแล้วก็เลี้ยงผี”
“เป็นไปไม่ได้หรอกครับ แล้วการที่แนนนี่ทำอะไรแบบนี้ก็ไม่แปลก”
อิงอรตาโต คิดเตลิดไปใหญ่
“หา นี่แปลว่า..ทุกคนรู้กันอยู่แล้ว”
โป่งรีบพูดแทรกขึ้นมา
“รู้สิครับ อาจารย์แนนนี่ของโป่งมีชื่อเสียงอยู่แล้วเรื่องเป็นนักสุดยอดมายากล”
แนนนี่กอดอกยิ้มอย่างภูมิใจ
“ป้าอิงมีอย่างอื่นที่ตื่นเต้นกว่านี้ไหมคะ ถ้าไม่มีแนนนี่จะได้เล่นให้ดู”
อิงอรหน้าเหยเก รู้สึกกร่อยอย่างแรง ทำอะไรต่อไม่ถูกเลยแกล้งเป็นเอามือกุมหัวเซไปซบจักรวาล
“อุ๊ย คุณจักรคะอยู่ ๆ อิงก็มึนหัวค่ะ สงสัยจะเมาใช่ไหมพร”
พรรีบพยักหน้ารับมุกที่อิงอรส่งมาทันที
“เอ้อ ค่ะ แหมพรให้คุณอิงดื่มมากไปหน่อย”
จักรวาลขยิบตาส่งสัญญาณให้โป่ง
“งั้นไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมให้โป่งเดินไปส่งที่บ้าน”
โป่งเดินมาช่วยพยุงอิงอร ทว่าอิงอรยึดแขนจักรวาลไว้แน่น
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไรให้คุณจักรไปก็ได้”
โป่งแกะมืออิงอรออกจากแขนจักรวาล
“ไม่ต้องเกรงใจครับคุณอิง เดี๋ยวโป่งไปส่งเอง”
อิงอรโดนโป่งดึงออกไปสำเร็จในที่สุด
“เอ้า พวกเราไปสนุกกันต่อดีกว่าไหม ภวัตหาเครื่องดื่มให้น้องดาสิลูก น้องดายังไม่ได้เลย” จักรวาลบอกภวัต
บุษบาชิงคว้าแขนภวัตหันไปส่งเสียงอ้อน
“ภวัตขา บุษก็อยากได้เครื่องดื่มเหมือนกัน เดี๋ยวบุษเดินไปด้วยนะคะ”
แนนนี่มองบุษบาแล้วเบะปากหมั่นไส้เผลอปากร่ายมนตร์ออกมาเบา ๆ
“พูดเยอะดีนัก พูดออกมาเลย คิดอะไรพูดอย่างนั้น”
จู่ๆ บุษบาก็ชะงักหันไปทางจักรวาล
“ภวัตคะ คุณพ่อคุณเนี่ยหัวเริ่มล้านแล้วนะคะ อีกหน่อยแก่ตัวลงคุณจะเป็นแบบนี้ไหม”
บุษบาพูดเสียงดัง ตกใจในสิ่งที่ตัวเองพูด พยายามเม้มปากให้หยุดก็หยุดไม่ได้
ทุกคนมองหน้ากันไปมาด้วยความแปลกใจ
“แล้วเนี่ย ยิ่งแก่แล้วยิ่งเจ้ากี้เจ้าการ เที่ยวจัดการนู่นนี่นี่นั่น โอ๊ยไม่ไหวเลย บุษว่านะคะ โอ๊ย..ช่วยด้วย คุณพ่อคุณเนี่ย”
จักรวาลเริ่มงง และทำท่าจะลุกแต่ถูกปัทมนดึงไว้ รัดเกล้าเห็นท่าไม่ดีรีบเข้ามาดึงบุษบาออกไป
“ไปเถอะค่ะพี่บุษ ท่าทางจะเมามากละ เดี๋ยวบุษพากลับเองนะคะ”
บุษบาโดนรัดเกล้ากึ่งลากออกไป ธานีตะโกนหันไปทางปัทมนขอไปกับรัดเกล้า
“ผมไปเป็นเพื่อนน้องเกล้านะครับคุณแม่”
แนนนี่ปิดปากหัวเราะออกมา
“ไปซะ รีบๆ ไปเลยปากแบบนี้ ฮ่าๆ”
ภวัตมองไปเห็นแนนนี่หัวเราะอยู่ก็คิดหนัก
ส่วนทาฮิร่าในร่างแนนนี่ ผลุบเข้ามาในตะเกียงแก้วแล้วเริ่มส่งเสียงถามหาตำราเวทย์ทันที
“พี่ตำราจ๋า แนนนี่มาแล้วจ้าพี่ตำราอยู่ไหนจ๊ะ แนนนี่อยาก เรียนเวทมนตร์ม๊ากมาก”
ตำราดีใจรีบลอยออกมาแปะที่หน้าแนนนี่ทาฮิร่าทันที
“อยู่นี่ อยู่นี่ อยากเรียนจริงๆ เหรอ ไม่ใช่มาหลอกให้ดีใจ” ตำราเวทมนตร์ว่าขึ้นอย่างประหลาดใจ
แนนนี่ทาฮิร่าดึงตำราออกจากหน้า
“ไม่ได้หลอกให้ดีใจ จะเริ่มกันเลยไหมล่ะ เอาเลยแนนนี่พร้อมแล้ว”
ตำราลอยไปลอยมาอย่างดีใจแต่แล้วก็หยุดนิ่ง ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ
“ทำไมวันนี้มาแปลก ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ” ตำราเวทย์เริ่มสงสัยในพฤติกรรม
“ไม่ได้อะไรเลยจ้ะพี่ตำรา ถ้าพี่ตำรายึกยื้อแบบนี้แนนนี่ก็เริ่มหมดอารมณ์แล้วล่ะ”
แนนนี่ทาฮิร่า ทำท่าจะออกจากตะเกียง ตำรารีบลอยลงมาอยู่ในมือแนนนี่
แนนนี่ทาฮิร่ารีบถือตำราไปนั่งเปิดที่โต๊ะ
“มา คราวที่แล้วถึงไหนกันนะ”
ผ่านเวลาไปแนนนี่ทาฮิร่า ปิดตำราอย่างลิงโลด
“เย้ ในที่สุดก็จบ”
“เห็นไหมล่ะ นี่ยังไม่ถึงชั่วโมงเลย ถ้าตั้งใจแบบนี้ตั้งแต่แรกก็จบไปนานแล้ว” ตำราเวทมนตร์ว่า
แนนนี่ทาฮิร่ากอดตำราไว้กับอก
“ไปพี่ตำราจ๋า แนนนี่จะพาพี่ตำรากลับเมืองเวทมนตร์เอง”
ภวัตเดินครุ่นคิดเรื่องแนนนี่อยู่คนเดียวเครียดๆ ภายในสวน
“พี่จะทำยังไงกับเธอดีแนนนี่”
ภวัตมองไปที่หน้าต่างห้องแนนนี่ เห็นแนนนี่ทาฮิร่า กำลังปีนหน้าต่างออกมา ภวัตเขม้นตามองแน่ใจว่าเป็นแนนนี่จึงตะโกนเรียก
“แนนนี่ทำอะไรน่ะ ระวังจะตกลงมา”
แนนนี่ทาฮิร่า ตกใจสะดุ้งโหยงเผลอปล่อยมือที่เกาะอยู่ขอบหน้าต่างหล่นตุ้บลงมาที่พื้น
“เย้ย”
ภวัตตกใจรีบวิ่งไปตรงที่แนนนี่ตกลงมา พอไปถึงภวัตเห็นแนนนี่ทาฮิร่า กำลังปัดเศษใบไม้ออกจากเนื้อตัว
“เป็นยังไงบ้างแนนนี่ เจ็บตรงไหน”
แนนนี่ทาฮิร่า ส่ายหัวยิ้มแป้นให้ภวัต
ภวัตแหงนมองขึ้นไปที่หน้าต่างห้องแนนนี่แล้วมองที่เนื้อตัวแนนนี่อย่างประหลาดใจ
“ไม่เป็นอะไรเลย”
แนนนี่ทาฮิร่า พยักหน้าให้ ภวัตเดินเข้าประชิดตัว
“พี่เป็นห่วงแนนนี่นะ เป็นห่วงมาก...เป็นพิเศษแต่พี่..พี่จะเสียใจมากถ้าแนนนี่เล่นคุณไสยแบบที่ป้าอิงบอก”
ภวัตขยับเข้าใกล้ตัวแนนนี่ทาฮิร่า ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
แนนนี่ทาฮิร่า ค่อยๆ ขยับถอยออกมาเรื่อยๆ ในขณะที่ภวัตจับไหล่แนนนี่ไว้แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้
“พี่...พอใจที่แนนนี่เป็นแบบนี้ อย่าคิดไปยุ่งอะไรกับคุณไสยเลย พี่...”
แนนนี่ทาฮิร่า เห็นหน้าภวัตยื่นเข้ามาใกล้ก็เริ่มทนไม่ไหวกลายร่างกลับเป็นทาฮิร่า พอภวัตเห็นเป็นทาฮิร่าที่อยู่ข้างหน้าก็ตกใจรีบปล่อยมือ
“แนนนี่ เอ้อ... ไม่ใช่ เอ้อ สงสัยจะเมา ขอโทษครับผมขอตัวก่อน”
ทาฮิร่ามองตามภวัตไปยิ้ม ๆ
ทาฮิร่าในร่างแนนนี่มองตำราในมืออย่างพอใจ เวลานั้นทาฮิร่ากลับมาเมืองเวทมนตร์แล้ว
“อยู่ไหนจ๊ะทาฮิร่า เป็นยังไงบ้างแล้วเนี่ย”
ทาฮิร่าได้ยินเสียงบาบาร่าดังลอยมาก็ตกใจ รีบคืนร่างกลับเป็นทาฮิร่าดังเดิม
บาบาร่าค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นข้างหน้า
“อ้าวดีขึ้นแล้วนี่ท่าทาง ฉันนึกว่าจะแย่กว่านี้เสียอีก”
ทาฮิร่ายิ้มให้บาบาร่าแล้วหันหลังจะเดินไปเก็บตำรา
“หายแล้วล่ะจ้ะ ขอบใจนะที่เป็นห่วงน่ะ” ทาฮิร่าว่ายิ้มๆ
บาบาร่าตาไวเขม้นมองไปที่มือทาฮิร่า
“นั่นเธอถืออะไรอยู่ในมือน่ะ”
ทาฮิร่าหยุดกึกตกใจหน้าซีดรีบเอาตำรามากอดไว้ที่อก บาบาร่ารู้สึกผิดสังเกตจึงหายตัวแว้บไปดักหน้าทาฮิร่าไว้
ทาฮิร่าได้แต่อ้ำอึ้งพูดไม่ออก
ภวัตนั่งใส่ยาที่แผลตัวเอง อยู่ในอาการเหม่อลอย
ภวัตครุ่นคิดไปถึงฉากไล่ล่าของแนนนี่ ภวัตกับสดับ แนนนี่เข้ามาผลักร่างสดับได้อย่างน่าประหลาดใจ
นึกถึงตรงนี้ภวัตขมวดคิ้วบ่นพึมพำกับตัวเอง
“แนนนี่... เราไปรู้จักวิชาคุณไสยอะไรนั่นได้ยังไง”
ภวัตยิ่งคิดยิ่งเครียด รู้สึกเป็นห่วงแนนนี่ขึ้นมาอีก
“เป็นไปได้ยังไง เรื่องแบบนี้มันมีจริงด้วยเหรอ”
ภวัตนึกถึงตอนที่แนนนี่ชอบโผล่มาในห้องหลายต่อหลายครั้ง
“แต่จะว่าไป แนนนี่ก็ทำตัวประหลาด”
ภวัตบ่นกับตัวเอง พลางนึกไปถึงตอนที่ แนนนี่มักโผล่มาหาภวัตดื้อ ๆ ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยอยู่หลายต่อหลายครั้ง
ภวัตนึกอยากพิสูจน์บางอย่าง สีหน้าภวัตเวลานี้หมายมาด และมุ่งมั่นอย่างมาก เขาคว้าโทรศัพท์มากดโทรออก
“จะแม่มดหรือคุณไสย พิสูจน์ให้รู้กันไปเลย”
ภวัตตัดสินใจโทร.หาแนนนี่ทันที
โทรศัพท์มือถือดังขึ้นในมือของแนนนี่ที่อยู่ในห้องนอนแล้ว
“ว่าแล้วว่าต้องไม่จบ”
แนนนี่ตัดสินใจกดรับโทรศัพท์
“ถ้าพี่ภวัตจะยังมีคำถามถามแนนนี่ต่อ แนนนี่จะขอวางค่ะ”
“เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งวางนะ พี่อยากเจอแนนนี่ตอนนี้ เอ้อ แนนนี่มาหาพี่ได้ไหม” ภวัตพูดทางปลายสาย
พอแนนนี่ได้ยินที่ภวัตพูดดีด้วยก็ยิ้มเขินออกมา
“พี่ภวัตอยากเจอแนนนี่จริงเหรอคะ ได้ค่ะแนนนี่จะไปหาเดี๋ยวนี้”
แนนนี่กดวางโทรศัพท์ยิ้มให้ตัวเองอย่างดีใจ
“พี่ภวัตอยากเจอแนนนี่”
แนนนี่ดีดนิ้วเปาะหายตัวแว๊บไปในทันที
ภวัตแอบซุ่มดูแนนนี่จากประตูห้องน้ำที่แง้มเอาไว้
“ไม่มาสักที”
เสียงแนนนี่ดังขึ้น “ใครว่าล่ะคะ มาตั้งนานแล้วต่างหาก”
แนนนี่ยืนยิ้มแป้นอยู่ด้านหลังภวัต ภวัตตกใจรีบผลักประตูห้องน้ำออกไปแล้ววิ่งไปอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง
“แนนนี่เล่นของจริงๆ ด้วย”
แนนนี่หน้าเสียเดินตามภวัตออกไป
“ทำไมต้องตกใจแนนนี่ขนาดนั้นด้วย”
ภวัตชี้หน้าแนนนี่ น้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“ก็แนนนี่ใช้คุณไสย แนนนี่เล่นของ ไม่งั้นทำไมถึงทำอะไรที่มันไม่น่าเชื่อได้มากมายขนาดนี้”
แนนนี่เสียใจอย่างหนัก เริ่มร้องไห้ออกมา
“ที่แท้พี่ภวัตก็ไม่ได้อยากเจอแนนนี่จริงๆ พี่ภวัตเพียงแค่จะพิสูจน์ว่าแนนนี่เล่นของต่ำๆ พวกนั้น”
ภวัตมองที่แนนนี่แล้วอึ้งไป แนนนี่ร่ายมนตร์เกิดเป็นควันสีชมพู แล้วหายตัวไปทันทีต่อหน้าต่อตา
คราวนี้ภวัตหน้าซีดตกใจมากกว่าเดิม
ควันไฟสีชมพูหวานลอยเข้ามาทางหน้าต่าง แล้วเลยลงไปในตะเกียงแก้ว ทาฮิร่าและชิกเก้นซึ่งนั่งอยู่ในมุมห้อง หันมาสบตากัน
ทาฮิร่าเบือนหน้ากลับมาที่ตะเกียงเอ่ยขึ้น
“นายภวิตแน่ๆ”
“เค้าชื่อภวัต.... เรียกผิดตลอด เวรก๊ำ....เวรกรรม” ชิกเก้นติงแกมบ่น
ทาฮิร่าลุกพรวดขึ้นยืนก่อนจะเอ่ยออกมาน้ำเสียงมุ่งมั่นและหมายมาดเต็มที่
“ต้องไปจัดการขั้นเด็ดขาด”
ว่าพลางทาฮิร่า ชูมือขึ้นวนไปมา ร่ายเวทมนตร์
“ฮูลา .... ฮูลา ...อโลเวรา” ทาฮิร่าลืมตาขึ้นมามองหา “ไหนล่ะ นายภวิต”
“เค้าก็อยู่บ้านเค้าน่ะซิ” ชิกเก้นบอกหน่ายๆ
“อ้าว แล้วนี่ไม่ใช่บ้านเค้าเรอะ”
ชิกเก้นส่ายหน้าแล้วบอกไปตรงๆ “หือ ...ฮึ คุณยายท่องคาถาผิด”
“เอ๊ะ” ทาฮิร่าฉุน
“อย่าเข้าไปวุ่นวายเลย คุณยาย .... ปล่อยให้เด็กๆ เขาจัดชีวิตกันเองเถอะ” บ่าวสอนนายเข้าให้
“ถ้าไม่วุ่นวายก็ไม่ใช่ทาฮิร่า” ทาฮิร่าว่าคาถาบทใหม่ “ฮูเร ฮูเร อโลเวรา...”
คราวนี้เกิดกลุ่มควันสีแดงปรากฏขึ้น แล้วจางหายไปพร้อมกับร่างทาฮิร่า
“เอากะนางซิ นางก็ไปของนางจนได้” ชิกเก้นบ่นพึมพำ
ภวัตเดินกลับไปกลับมาช้าๆ ด้วยสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด อยู่ภายในห้องนอน จังหวะนั้นควันสีแดงปรากฏขึ้นแล้วกลายเป็นร่างทาฮิร่า ยืนอยู่ตรงหน้าภวัตพอดิบพอดี ภวัตตกใจสุดๆ ร้องลั่น
“เฮ้ย” ภวัตผงะหงายหลังเกือบล้ม
“นายภวิต” ทาฮิร่าเรียกเสียงเคร่ง
ภวัตที่งงอยู่แล้ว คราวนี้งงสุดๆ “คะ ...คะ ... คุณยาย”
“จะไม่เชิญฉันนั่งเรอะ” ทาฮิร่าถาม
ภวัตหน้าตาเลิ่กลั่ก “คะ ... คะ ... คุณยาย เข้ามาได้ยังไงครับ”
“ถ้าอยู่แถวบ้านก็เข้าทางปล่องไฟ แต่แถวนี้มีแต่ปล่องเมรุ ฉันเลยเข้าทางหน้าต่าง” ทาฮิร่าบอกและไม่รอให้เชิญอีกแล้วนั่งลงเอง “นั่งเองก็ได้”
“หนะ ....หน้าต่าง”
“ฮื่อ ....ฮึ” ทาฮิร่าพยักหน้า
“คุณ...คุณยายคง...คงไม่ได้ปีน”
ทาฮิร่าส่ายหน้าก่อนบอกหน้าตาเฉย “...ฉันเป็นแม่มด...ฉันก็เข้ามาแบบแม่มด”
“มาอีกคนแล้ว” ภวัตถอนหายใจเฮือกใหญ่
ทาฮิร่าฉุนกระแทกไม้เท้าลงพื้นจนภวัตสะดุ้งโหยง “บังอาจ”
ภวัตอ่อนใจในท่าทีของทาฮิร่า “คุณยายครับ ...”
“หาว่าฉันมุสาใช่มั้ย”
“ผมไม่ทราบว่าจะอธิบายความรู้สึกกับคุณยายยังไง แต่ว่าวันนี้มีคนบอกผมว่า เป็นแม่มดถึง 2 คน”
“นายภวิต” ทาฮิร่าเรียกชื่อผิดอยู่อย่างนั้น
“ภวัตครับ ผมชื่อภวัต”
“ฉันกับเธอก็ไม่ได้สนิทสนมกลมเกลียวอะไรกันมาก่อน แต่นับจากนี้ไปเราคงต้องติดต่อกันมากขึ้น เพราะแนนนี่หลานสาวของฉันสนิทสนมกลมเกลียวกับเธอ” ทาฮิร่าพูดเข้าธุระ
“ดีครับ .... เพราะเราจะได้ร่วมมือกันรักษาแนนนี่อย่างจริงจัง” ภวัตเว้นจังหวะนิดนึง ขณะทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามทาฮิร่า แล้วพูดต่อสีหน้าท่าทางจริงจังขึ้น “แนนนี่คิดว่าตัวเองเป็นแม่มด”
ทาฮิร่าพยักหน้าช้าๆ สีหน้าจริงจังมากๆ “...ฉันว่าก็ยังดีกว่าที่แกจะรู้ว่า ตัวเอง เป็นอสูร!”
ภวัตชักจะไม่ไหว เพิ่มน้ำเสียงเข้มขึ้นอีก “นี่ผมซีเรียสนะครับ...”
“เอ๊ะ ฉันก็ซีเรียสนะยะ เครียดด้วย”
“แต่คุณยายก็ยังพูดเล่น”
ทาฮิร่าผุดลุกขึ้น จนภวัตแทบหงายหลัง
“ชะช้า เดี๋ยวแม่สาปให้เป็นคางคกซะเลย” ทาฮิร่าไม่รู้ว่าตัวเองขู่ประโยคเดียวกับหลานสาว ภวัตฟังจนชินชา
“ก็เอาซีครับ คุณยาย” ภวัตแทบจะหมดความอดทน “...แล้วเราจะได้เข้าเรื่องกันเสียที”
ทาฮิร่าฉุนจัดนัยน์ตาเป็นสีเหลืองวาบ วาวโรจน์ ยกมือขึ้น ม้วนวนไปมาท่องเวทมนตร์ “อัมปรัม...อัมปรา
อัมปรัมปรา...”
มีแสงปรากฏวูบวาบรอบตัวทาฮิร่าครู่หนึ่ง ครั้นพอแสงจางหายไป ร่างทาฮิร่ากลายเป็นคางคกต่อหน้าชายหนุ่ม
ภวัตอ้าปากค้าง ตะลึง ส่วนทาฮิร่าในร่างคางคกเบิกตากว้างพูดไม่ออก ได้แต่ทำตาปริบๆ
ชิกเก้นตะโกนร้องเรียกแนนอยู่หน้าตะเกียง
“แนนนี่ แนนนี่ เมี้ยว แนนนี่”
ครู่เดียวก็มีควันสีชมพูหวานลอยออกมา พอควันจางลงปรากฏร่างแนนยืนกอดอก หน้าตาบึ้งตึง
“ไม่รู้จะเรียกอะไรกันนักหนา หนวกหูจะตายอยู่แล้ว”
“ก็ไม่อยากจะรบกวนหรอก ถ้าหากคุณยายไม่ไปหาคุณหมอ ภวัต”
แนนนี่สะดุ้ง ตกใจ ร้องออกมา “ฮ้า”
“ไปแล้วไปลับ...ป่านนี้ยังไม่กลับมาเลย” ชิกเก้นรายงาน
“ตายแล้ว”
ไวเท่าความคิดแนนนี่หมุนตัวกลายเป็นควันสีชมพูลอยออกไปทันควัน
“รอด้วย”
ชิกเก้นกระโจนตามออกไปทางหน้าต่าง
พอตั้งสติได้ภวัตค่อยๆ ทรุดตัวลงตรงหน้าคางคก ดวงตาจับจ้องมองเขม็ง คางคกทาฮิร่าจ้องมองตอบตาโปน
“นายภวิต”
ภวัตสะดุ้งโหยง ถอยกรูดออกมาทันที “คางคกพูดได้”
จังหวะนั้นมีเสียงเรียกของแนนนี่ดังขึ้นมาจากข้างหลัง “พี่ภวัต”
“เฮ้ย!” ภวัตสะดุ้งเฮือก แล้วหันขวับไป
แนนนี่ที่ภวัตเห็นเวลานี้อยู่ในชุดแม่มด
“แนนนี่”
“คุณยายแนนนี่อยู่ที่ไหนคะ” แนนนี่ถามหาทาฮิร่า
“เมี้ยว” เสียงชิกเก้นร้องดังขึ้นมาอีก
ภวัตหันไปมอง ชิกเก้นกระโจนเข้ามาทางหน้าต่าง ทะลุเหล็กดัด และมุ้งลวด ภาพภวัตยกมือกุมขมับ
“พี่ภวัต คุณยายแนนนี่อยู่ที่ไหน”
ภวัตอึ้งๆ อยู่ ชี้ไปที่คางคก “ครั้งสุดท้ายที่เห็น...ท่านยืนอยู่ตรงนั้น”
แนนนี่และชิกเก้นมองตาม แล้วทั้งคู่พากันเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ในขณะที่คางคกทำตาปริบๆ
แนนนี่และชิกเดินตรงไปหาคางคกทาฮิร่า
“คุณ ... คุณยายหรือคะ” แนนนี่ทรุดตัวลงไป สีหน้าและน้ำเสียงไม่ค่อยแน่ใจนัก ขณะโน้มตัวลงมอง
คางคก
คางคกทาฮิร่าสะบัดเสียงตอบ “ก็จะใครเสียอีกล่ะ”
“เวรก๊ำ เวรกรรม เป็นแม่มดดีๆ ไม่ชอบ” ชิกเก้นว่า
“หน็อย! แกนึกว่าฉันอยากเป็นคางคกนักหรือยะ ไอ้แมวปากมาก”
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ”
ภวัตเดินทำหน้ามึนๆ ไปทรุดตัวลงนั่งบนเตียง ตามองภาพตรงหน้าอยู่ในอาการเลื่อนลอย
“ทำไมคุณยายถึงได้กลายเป็นคางคกล่ะคะ” แนนนี่ถาม
“นั่นซิ! เป็นกบเสียยังจะไฮโซกว่า” ชิกเก้นสบโอกาสเย้ยหยัน
“แหม...ม ฉันจะสาปแกให้เป็นตัวอีกัวน่า”
ชิกเก้นร้องห้ามเสียงหลง “Don’t … ชิกเก้นเกรงว่าคุณยายจะกลายเป็นอีน่ากลัวแทนเสียวจริงๆ”
จังหวะนั้นแนนยืดตัวขึ้น แล้วหรี่ตามองพอจะเดาเหตุการณ์ออก
“อย่าบอกนะคะว่า คุณยายจะสาปพี่ภวัตแต่กลับท่องคาถาผิด”
“เฮ้อ...” ทาฮิร่าในร่างคางคกถอนหายใจ
“เชื่อเหอะว่า นางกำลังจะพูดยังงั้นเลย...” ชิกเก้นใส่อีก
“ไอ้ชิกเก้น” ทาฮิร่าเสียงเขียว
“เราต้องพาคุณยายกลับไป”
แนนนี่ค่อยๆ ช้อนตัวคางคกขึ้นมา หันไปทางภวัต
“แนนนี่ไปก่อนละนะคะ พี่ภวัต”
พูดจบร่างแนนนี่ก็กลายเป็นควันสีชมพูหายแว๊บไปต่อหน้าต่อตา
“ชิกเก้นก็ไปก่อนละนะครับ คุณหมอ” ชิกเก้นกระโจนแผล็วหายออกไปอีก
ภวัตไม่รู้สึกรู้สา ค่อยๆ หลับตาลงแบบอ่อนอกอ่อนใจเต็มทน
ครู่ต่อมาแนนนี่ก็อุ้มคางคกทาฮิร่ามาปรากฏตัวในห้อง ไล่เลี่ยกับชิกเก้นที่กลับจากห้องภวัตค่อยๆ ปรากฏตัวตามมา แนนนี่วางคางคกทาฮิร่าลงหันมาทางชิกเก้น
“ฝากคุณยายคางคกเดี๋ยวนะชิกเก้น แนนนี่จะเข้าไปเอาหนังสือเวทมนตร์”
“ไม่ต้อง ยายนึกออกแล้ว” ทาฮิร่าร้องบอก
“แน่ใจนะ คุณยาย ไม่ใช่เปลี่ยนจากคางคกไปเป็นเขียด... เป็นปาดไปโน่น” ชิกเก้นพูดอย่างสยองๆ
“อัมปรัม ... อัมปรา ...อัมปรัมอัมปรา อาดีลา...” ทาฮิร่าในร่างคางคกไม่ฟังชิกเก้น ร่ายมนตร์ทันที
คางคกหายไป กลับกลายเป็นทาฮิร่า นั่งทำท่าแบบคางคกอยู่
แนนนี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก
“ค่อยยังชั่ว”
“ลุกขึ้นมาได้แล้วคุณย้าย เฮ้อ! ท่าทางจะติดใจท่านั่งแบบคางคก” ชิกเก้นแขวะเข้าอีกดอก
แนนนี่รีบเข้าไปช่วยพยุงทาฮิร่าขึ้นแล้วพามานั่ง
“ค่อยยังชั่ว” ทาฮิร่าว่า
“คุณยายไปหาพี่ภวัตทำไมคะ” แนนนี่ถามทันที
“ยายอยากรู้ว่านายคนนั้นทำอะไรให้หนูโกรธ”
“เขาไม่เชื่อว่าหนูเป็นแม่มด” แนนนี่บอกอย่างเคืองๆ
“ยายคอนเฟิร์ม เขาไปแล้ว” ทาฮิร่าบอก
“แล้วเขาเชื่อมั้ยคะ” แนนนี่ถามน้ำเสียงกระตือรือร้น
ทาฮิร่าโอบไหล่แนนนี่พลางปลอบใจโยน
“หลานรัก มีบางอย่างที่เจ้าต้องรู้ไว้ นายภวิตน่ะออกจะโง่อยู่สักหน่อย”
“เขาชื่อภวัตค่ะ แล้วเขาก็ไม่ได้โง่ด้วย” แนนนี่แย้งขึ้น
“อย่าเถียง” ทาฮิร่าเอ็ด
“เวรก๊ำ เวรกรรม” ชิกเก้นบ่นพึมพำอย่างปลงๆ
“เพราะถ้าฉลาด เขาจะต้องรู้ทันทีว่าหลานเป็นแม่มด” ทาฮิร่าว่า
“แนนนี่จะต้องทำให้เขาเชื่อให้ได้”
สีหน้าของแนนนี่ขณะที่พูดประโยคนี้หมายมาด มุ่งมั่นและแน่วแน่มากๆ
อ่านต่อตอนที่ 9