รอดแล้ว … รอดอีก หรือว่าปาฏิหาริย์มีจริง
“เก่ง” เมธัส สวนศรี เก่งสมชื่อ โจทย์เยอะ คดีแยะ ทำผิดซ้ำซาก ไม่ต้องมีแพะก็รอดคุกได้ทุกครั้ง ให้เป็นที่โจษจันกล่าวขานถึง รถยี่ห้อมินิคูเปอร์ สีแดง ป้ายทะเบียนรถ ก-1111 กรุงเทพฯ ของ “เก่ง” เมธัส คงไม่ได้เป็นแค่รถคันที่ “เก่ง” ขับแหกด่านบริการประชาชนและหลีกเลี่ยงการตรวจแอลกอฮอล์เท่านั้น … เพราะรถคันนี้มีอะไรบางอย่างที่บ่งบอกถึงผู้คุ้มภัย ไม่ใช่เครื่องรางของขลังเกจิดังสำนักไหน หากแต่เป็นโลโก้ “สิงห์” ที่ติดผงาดหราอยู่ที่กระจกหลัง เพื่อบอกเป็นนัยว่า “เก่ง” เมธัสผู้นี้มีความสนิทชิดเชื้อกับ “ต๊อด” ปิติ ภิรมย์ภักดี
“สิ่งที่ผมรับไม่ได้คือ เขาพูดว่าตำรวจจะเอาเงินผมหรือ ตำรวจในเครื่องแบบยังโดนแบบนี้ แล้วประชาชนจะอยู่กันอย่างไร สังคมจะอยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นใครอย่ามาขอเลย ขอให้คำนึงถึงศักดิ์ศรีตำรวจบ้าง ขณะนี้กำลังให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจรถ ถ้าเจอสารเสพติด กระสุนปืน จะแจ้งข้อหาเพิ่มทุกอย่างที่เจอ ตำรวจปฏิบัติตามขั้นตอนทุกอย่าง เรียกลงจากรถก็ไม่ลง สวป.เอาเป่าไปยื่นให้เป่าในรถ แต่ก็ขับรถหนีจนตำรวจบาดเจ็บ เครื่องตรวจตกอยู่ในรถ” นี่คือคำพูดของ พล.ต.ต. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รรท. ผบช.ภ. 1
สิ่งที่ทำให้ “เก่ง” เมธัส สวนศรี รอดมาได้ทุกครั้ง เล่าลือกันว่า “เก่ง” เมธัส สวนศรีชิดเชื้ออยู่กับคน 2 คน คนแรกเป็นลูกของ “คนในเครื่องแบบ” ในระดับ “ผู้บัญชาการ” และอีกคนหนึ่งซึ่งได้รับการพูดเล่าลือกันมากในช่วงหลังๆ คือ “ต๊อด” ปิติ ภิรมย์ภักดี ผู้เป็นสามีของนางเอกสาว “นุ่น” วรนุช ภิรมย์ภักดี จะเป็นเรื่องบังเอิญหรือจงใจก็ตามที่รถคันดังกล่าวบังเอิญมี โลโก้ “สิงห์” อยู่ด้านกระจกหลัง เช่นเดียวกับเสื้อยืดโปโล ด้านหลังก็มีตราสิงห์เช่นเดียวกันและเมื่อเทียบสิงห์ตัวดังกล่าว กับ “สิงห์” ซึ่งเป็นตราของของบุญรอดบริวเวอรี่ คือตัวเดียวกันชนิดที่ว่าถอดพิมพ์กันมาเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ร้านเหล้า ROOFของ “เก่ง” เมธัส สวนศรีย่านประชาชื่นที่ติดกัน 3 คูหานั้น ขายเบียร์เฉพาะยี่ห้อ “สิงห์” เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยี่ห้ออื่นไม่ขาย นอกจากนั้น “เก่ง” เมธัสยังเป็นผู้รับสัมปทานบาร์เบียร์จากสิงห์เป็นคนแรกอีกด้วย ส่วนความร่ำรวยของ “เมธัส” ณ เวลานี้ อยากจะตั้งคำถามว่า ร่ำรวยมาจากธุรกิจอะไร !?
ที่สำคัญกว่านั้น “เก่ง” เมธัส สวนศรีกับ “ต๊อด” ปิติ ภิรมย์ภักดี มีความสนิทสนมกันมากชนิดที่เรียกว่า “ซี้ปึ้ก” ยังเป็นผู้จัดหาทุกสิ่งทุกอย่างเพื่ออำนวยความสะดวกในโอกาสต่างๆ โดยเฉพาะในคราวที่ “ต๊อดกับเก่ง” ต้องเดินทางไปฮ่องกงด้วยกันบ่อยครั้ง
การหลุดลอดจากคดีความต่างๆ ที่ผ่านมานั้นเป็นอย่างไรกันแน่ ยังเป็นปริศนาที่ชวนแก่การค้นหา ระหว่างลูกของคนในเครื่องแบบระดับผู้บัญชาการ กับ “ต๊อด” ปิติ ภิรมย์ภักดี
ที่ผ่านมา เรื่องราวของเขา … มีทั้งส่วนที่เป็นทั้งคดีความเบื้องหน้า เป็นที่รับรู้ของสังคมในวงกว้าง และยังมีเรื่องราวยิบย่อยมากมายในชีวิต เพราะไม่ว่าจะลุกหรือขยับมาทำอะไร “เก่ง เมธัส สวนศรี” ผู้ชายบันเทิงที่มาจากการเป็นนายแบบ ถ่ายแบบ และเดินแฟชั่นไม่เท่าไหร่ก็มีชื่อเสียงมาจากข่าวแรกที่ดังกระฉ่อนทำให้คนรู้จักตั้งแต่สมัยอายุ 17ปี คือ ข่าวกักขังหน่วงเหนี่ยวและบังคับขืนใจนางเอกสาววัยรุ่นชื่อดัง ซึ่งเป็นน้องสาวนักแสดงหนุ่มรายหนึ่ง โดยศาลตัดสินจำคุกรวม 5 ปี
แต่ขณะที่ก่อเหตุ เก่งอายุเพียง 17 ปีและยอมรับสารภาพ โทษจึงลดลงเหลือกึ่งหนึ่งและศาลเห็นว่ากระทำผิดเป็นครั้งแรก โทษจำคุกจึงรอให้ลงอาญาไว้ 2 ปี นั่นคือเรื่องราวของดาราสาวที่มีอายุเพียง 14 ปีทำให้ชื่อเสียงของเก่งฉาวขึ้นจนเป็นที่รู้จักว่า “เก่ง เมธัส” คนนี้ หลานลิเกดังอย่าง “พงศ์ศักดิ์ สวนศรี” เพราะรับสารภาพโทษจึงลดลงและรอลงอาญาไว้ เก่งจึงรอดคุกไปในครั้งแรก ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ครอบครัวของนางเอกสาวโดยเฉพาะพี่ชายของดาราวัยรุ่นพอใจกับคดีเท่าใดนัก และนับจากนั้น เก่ง เมธัส ก็ติดชาร์ตดาราดาวร้ายในชีวิตจริงมาโดยตลอด แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่คุกจะจำกัดอิสรภาพของเขาได้ เพราะเงินของย่าที่คอยดูแลประคบประหงม ทั้งเงิน ทั้งรถยี่ห้อดังๆ ให้หลานชายคนนี้ชนิดทีเรียกว่า “ประเคน” ก็ไม่ผิด
นี่คือผลงานในระยะแรก ผลงานในลำดับต่อมา ซึ่งเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์คือ
- คดีใช้อาวุธปืนพยายามฆ่านักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิต
- คดีร่วมกับเพื่อนรุมทำร้ายบุตรชายเจ้าของร้านจิวเวลรีย่านวังบูรพา บริเวณลานจอดรถเดอะบริทคลับ 99
- คดีรุมทำร้ายลูกชายเจ้าของร้านเพชรในผับ ในปี 2549
- ข่าวชกเบ้าตาและกักขังพริตตี้สาว สุดท้าย พริตตี้ได้ออกมาปฏิเสธว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน
- คดีพรากผู้เยาว์เมื่อปี พ.ศ. 2548 จากการที่ เก่ง เมธัส ได้ทำร้ายร่างกาย และล่อลวงนักเรียนหญิงอายุไม่เกิน 16 ปี ไปทำอนาจารและข่มขืนในม่านรูดย่านบางใหญ่ ซ้ำยังถ่ายรูปไว้แบล็กเมล์จนถูกตำรวจชุด ปดส. (กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดต่อเด็ก เยาวชน และสตรี) ตามจับกุมคาห้างฯ ซึ่งศาลได้พิพากษาจำคุก 10 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือต้องโทษจำคุก 5 ปี และไม่รอลงอาญา เนื่องจากผู้ต้องหาเคยก่อคดีลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง ยังอยู่ในขั้นตอนอุทธรณ์สู้คดี
- คดีใช้ปืนตบหน้าผู้รับเหมาก่อสร้าง ปี พ.ศ. 2552
- มีเรื่องกับ รปภ.ในคลับพัทยา
และล่าสุด เมื่อคืนวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา กับคดีแหกด่านไม่ยอมให้ตำรวจที่ สภ.คลองข่อย ตรวจวัดแอลกอฮอล์ เขาคือผู้ต้องหาขับรถแหกด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์เฉี่ยวชนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ พร้อม 5ข้อหาหนัก คือ
1ขับรถขณะเมาสุราเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายแก่กาย
2ขัดคำสั่งเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่
3 ดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติงานตามหน้าที่
4 ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้กำลังประทุษร้าย
5 ทำร้ายเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติงานตามหน้าที่
มีข่าวออกมาว่าศาลจะคัดค้านการประกันตัว แต่ในที่สุดก็รอดคุกไปอีกรอบ เพราะย่า คือนางตะลุม สวนศรี และ นายสมชาย สวนศรี ผู้เป็นพ่อ นำเงินสดมาประกันตัวออกไปได้ ท่ามกลางความงุนงงสงสัยว่ารอดคุกไปได้อย่างไรในเมื่อศาลบอกว่าคัดค้านการประกันตัว แต่ก็ไม่เหนือความคาดหมายของคนอ่านข่าว เพราะทุกครั้งคดีของเก่งก็มักจะจบลงด้วยการรอลงอาญา ต่อสู้คดี และตามมาด้วยการทำผิดซ้ำซากเสมอ
การขับรถหนีด่านในครั้งนี้ยังพบลูกกระสุนปืน แต่เจ้าตัวยังอ้างว่าไม่ได้พก เมาไวน์ไม่ได้เมายา และยืนยันว่าไม่มีสิ่งผิดกฎหมายบนรถอย่างแน่นอน แม้จะฟังไม่ขึ้น ให้การปฏิเสธ แต่ดูเหมือนว่าสังคมก็ไม่ได้เชื่อคำพูดของเก่ง และการทำผิดครั้งแล้วครั้งเล่า ภายหลังการได้รับการประกันตัวเก่ง พ่อและย่าเดินทางไปวัดแก้วฟ้า ย่านบางกรวย จ.นนทบุรี รดน้ำมนต์เพื่อเป็นมงคลแก่ชีวิต และถึงกับเปรยว่าอยากบวชทดแทนบุญคุณให้ย่า และพ่อแม่ในเดือน พ.ค.นี้
แต่ใช่ว่าเก่งจะมีเพียงมุมข่าวไม่ดีเท่านั้น ครั้งหนึ่ง เมื่อปี 2553 เก่ง เมธัส ได้รับรางวัลบุคคลแห่งปี ของงานระฆังทองครั้งที่ 3 ท่ามกลางความคลางแคลงใจและวิพากษ์วิจารณ์ในรางวัล แต่นำมาซึ่งความปลาบปลื้มปีติของเก่งไม่น้อย โดนวิจารณ์จนคนจัดงานต้องออกมาบอกว่าที่ได้รับรางวัลเพราะช่วยงานสมาคมบ่อย หาใช่ทำดีอะไรใหญ่โต
หลายคนถามหาว่าแบ็กอัพเส้นใหญ่ของเก่งเป็นใคร ทำไมรอดคุก แบ็กอัพที่ว่าไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นคนใกล้ตัวของเก่งที่เอาอกเอาใจสารพัด รถคันละยี่สิบล้านยังเคยซื้อให้มาแล้ว คนคนนั้นคือย่าของเก่งนั่นเอง ผู้ซึ่งอยู่เบื้องหลังกรงขังที่โอบอุ้มหลานชายให้รอดคุกมาได้ตั้งแต่อายุ 17 จน กระทั่งอายุ 30 ก็ยังคิดอะไรไม่ได้ หวังจะเกาะชายผ้าเหลืองหลานในการบวชล้างซวยครั้งนี้ ก็ไม่รู้ว่าบวชแล้วธรรมะจะเข้าถึงส่วนไหนได้บ้าง เพราะอุปนิสัยบางอย่างหรือคนโบราณเรียกว่า “สันดาน” อาจต้องชำระนานกว่าจะเข้าถึงรสพระธรรม
แต่ ณ วันนี้ เมื่อมีเสียงเล่าลือที่กล่าวมาแต่ข้างต้น ทำให้เรื่องย่าที่ตามใจหลาน ชักยังไงๆ อยู่ ซะแล้ว!! จริงหรือไม่ เท็จหรือจริงจะพิสูจน์ได้ไหมเนี่ย!!
.............................................
ที่มานิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 133 วันที่ 21- 27 เมษายน 2555