xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“เอกยุทธ” VS “ปูเอาอยู่” และเป็ดย่างโฟร์ซีซั่นส์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ใครๆ ในประเทศนี้ ย่อมรู้ดีว่า “เป็ดย่าง” ที่ “โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์” นั้นอร่อยเหาะแค่ไหน ดังนั้น บรรดาคนมีสตางค์ทั้งหลายจึงมักแวะไปลิ้มลองรสนุ่มๆ และเนื้อเป็ดย่างอร่อยๆ ที่นั่นกันอยู่เสมอ

และก็บังเอิญอย่างร้ายกาจที่ “ทอล์ค ออฟ เดอะทาวน์” เที่ยวล่าสุดซึ่งเมาท์กันทุกตรอกซอกซอยของสยามประเทศในเวลานี้เกิดขึ้นที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ แถมยังไปเกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญระดับประเทศ 2 คนด้วยกัน นั่นคือ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีสุดสวยของประเทศ เจ้าของฉายา “ปูเอาอยู่” และนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจการเงินและอสังหาริมทรัพย์ และเจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์

เมื่อนายเอกยุทธโพสต์ข้อความลงในแฟนเพจเฟซบุ๊ก เอกยุทธ อัญชันบุตร เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2555 โดยเปิดประเด็นที่สั่นสะเทือนต่อเกียรติภูมิความเป็นผู้หญิงของนายกฯ นกแก้ว ซึ่งนายเอกยุทธจงใจและเจตนาจะสื่อสารต่อสาธารณชนให้เข้าใจว่า หลังจากที่เขาเจอ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ถนนราชดำริ เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2555 ก็ถูกทำร้ายร่างกายหลังจากนายกรัฐมนตรีเดินออกจากโรงแรมดังกล่าวไม่นานนัก พร้อมทั้งโพสต์ภาพใบหน้าของเขาที่ถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือซึ่งแสดงให้เห็นถึงร่องรอยที่ฟกช้ำที่แก้ม จมูก และเปลือกตาด้านขวาเพื่อเป็นประจักษ์พยานว่าถูกทำร้ายร่างกายจริง

คำถามที่เกิดขึ้นฉับพลันทันทีคือ ทำไมนายเอกยุทธจึงจงใจที่จะโพสต์ข้อความว่า เขาถูกทำร้ายร่างกายหลังเจอ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เรื่องนี้มีต้นสายปลายเหตุอย่างไร

กระนั้นก็ดี ถ้าหากติดตามสิ่งที่นายเอกยุทธโพสต์ลงในเฟซบุ๊กก่อนหน้านี้ก็จะปะติดปะต่อเรื่องราวเชื่อมโยงกันได้
       
เรื่องราวฉาวโฉ่ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อนายเอกยุทธโพสต์ข้อความเริ่มแรกเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ว่า “เจอยิ่งลักษณ์ที่ Four season hotel ก็ดีนะไม่เวอร์มา ไม่ต้องมีสมุนมาเดินเกะกะมากมาย...แต่ไหงเดินขึ้นไปห้องข้างบนล่ะ 5555”

นายเอกยุทธโพสต์ข้อความโดยตั้งข้อสงสัยอย่างจงใจที่จะสื่อให้เห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้มาที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ด้วยภารกิจของความเป็นนายกรัฐมนตรี หากแต่มาด้วยเรื่องส่วนตัวและชี้เป้าให้สังคมเคลือบแคลงถึงการเดินขึ้นไปห้องข้างบนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์

หลังจากนั้น นายเอกยุทธก็โพสต์ข้อความตามมาอีกว่า “หลังจากเจอยิ่งลักษณ์ที่ Four seasons Hotel.เมื่อนายกฯ เดินออกจากโรงแรมไม่นาน มีคนเข้าทำร้ายร่างกายผมในร่างกายภายในโรงแรม....จะให้คิดว่าไงดี? เปิดศึกเล่นเถื่อนเลยหรือ?”

ตามต่อด้วย....

“คนทำบุกเข้าประชิดตัวขณะนั่งดื่มกาแฟกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง แต่ผมรู้ตัวก็เลยต่อสู้กัน และ รปภ.เข้าชาร์จ คนทำก็เลยวิ่งหนีออกหลังโรงแรมที่เป็นซอยเล็กไล่ตามไม่ทัน ท่าทางเป็นคนในเครื่องแบบและพกอาวุธ และผมไม่แจ้งความครับ ไม่รู้โชคดีของคนทำหรือโชคดีของผมที่ยังไม่ได้ใช้อาวุธกัน เถื่อนจริง เล่นแรงอย่างนี้อย่าหวังเลยว่าจะจบแบบทางใครทางมัน”

นอกจากนี้  นายเอกยุทธ ยังโพสต์ข้อความอีกว่า หากวันนี้เขายิงตนได้ ก็อาจมีข่าวว่าตนค้ายาและมียาเสพติด พร้อมทั้งฝากบอกไปยัง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ว่าจะอยู่กันแบบสงบหรือว่าเปิดศึกเถื่อนๆ กันให้ฉิบหายไปทั้งรัฐบาล หากเปิดชื่อคนที่อยู่ในเหตุการณ์และขณะนายกรัฐมนตรีอยู่แล้วจะหนาวกันหมด เพราะเป็นคนใกล้ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องหาหนีคดีอาญาแผ่นดินทั้งนั้น ซึ่งบาดแผลที่ได้ไม่ได้ทำให้จิตใจตนย่อท้อและเกรงกลัว มีแต่ความทรงจำว่าครั้งหนึ่งประเทศไทยมีพวกชั่วมามีอำนาจและบ้านเมืองไร้คนยำเกรงกฎหมาย ก็ต้องอยู่และสู้กันด้วยวิธีเดียวกัน

สิ่งที่พรั่งพรูออกมาจากปากของนายเอกยุทธ รวมทั้งภาพการถูกทำร้ายร่างกายสะท้อนให้ถึงเหตุการณ์ที่รุนแรงยิ่ง พร้อมทั้งนำไปสู่ปริศนาที่สำคัญยิ่งว่า นายเอกยุทธเห็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ปรากฏตัวพร้อม “กับใคร” และ “ไปทำไม” หรือมีใครเดินตามขึ้นไปข้างบนหรือเดินทางลงมาข้างล่างในช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลในไทยรัฐออนไลน์ ทำให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกประการหนึ่งจากคำให้สัมภาษณ์ของนายเอกยุทธที่น่าสนใจยิ่งว่า “เห็นหนุ่มหล่อที่ทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ เดินออกมาหลังนายกรัฐมนตรีด้วย ก็ไม่ทราบว่าที่เข้าพบนายกฯ เป็นเพราะมีการนัดทานข้าว หรือพูดคุยกันทางธุรกิจ”

หนุ่มหล่อที่นายเอกยุทธกล่าวอ้างใช่เป็น “หนุ่มใหญ่” เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับหรูหน้าตาหล่อเหลาละม้ายคล้ายพระเอกเจ้าของฉายาจอมเลื้อย ซึ่งเป็นที่รับรู้กันว่า ให้การสนับสนุนคนเสื้อแดงมาโดยตลอดหรือไม่

แต่ก็อีกนั่นแหละ ไม่มีใครรู้ว่า เหตุที่แท้จริงใช่ประเด็นดังกล่าวหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่นายกฯ นกแก้วแวะไปกินเป็ดย่างอันแสนอร่อยที่ รร.โฟร์ซีซั่นส์ เท่านั้น เพราะเป็นที่รับรู้กันว่า นายเอกยุทธนั้น มีความขัดแย้งกับนายใหญ่ของคนเสื้อแดงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

สิ่งที่ควรรู้เอาไว้ประดับความรู้เพิ่มเติมก็คือ หลังจากนายเอกยุทธหนีออกนอกประเทศภายหลังจากต้องคดีแชร์ชาร์เตอร์อันโด่งดังและกบฏทหารนอกราชการเมื่อปี พ.ศ.2528 และเดินทางกลับเข้ามายังประเทศไทยหลังจากคดีหมดอายุความแล้ว เขาก็วิพากษ์วิจารณ์และต่อต้านรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร อย่างหนักหน่วงและต่อเนื่อง

....หลังเปิดประเด็นในโลกเฟซบุ๊กให้กระหึ่มบ้านเมืองเป็นที่เรียบร้อย นายเอกยุทธ์ก็ปฏิบัติการขั้นที่ 2 ด้วยการเปิดแถลงข่าวขยายความเพิ่มเติม และทิ้งปมปริศนาที่ชวนให้เมาท์กันสนั่นเมืองหนักข้อเข้าไปอีก

ข้อมูลเพิ่มเติมจากการแถลงข่าวทำให้สังคมรับรู้เพิ่มเติมในอีกหลายหลายมิติด้วยกัน

เริ่มจากการเปิดเผยถึงห้วงเวลาในการ “ขึ้นไปห้องข้างบน” ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

“่มเติมจากการแถลงข่าวทำให้สังคมรับรู้ไปอีก ัติการขั้นที่ 2 ด้วยการเปิดแถลงข่าวขยายความเพิ่มเติม และทิ้ประดับความรู้กที่หลังจากเกิดปัญหาเมื่อวันที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมา หลังเจอนายกฯ ในเวลาประมาณ14.00 น. และกลับออกมาในเวลาประมาณ 16.00 น. ซึ่งไม่ทราบว่ามาด้วยสาเหตุอะไรหรือเป็นการส่วนตัว ทั้งนี้ จากที่ตรวจสอบตารางการทำงานนายกฯเมื่อวานนี้ พบว่าเวลาดังกล่าวถูกแจ้งว่าเป็นภารกิจส่วนตัว”
       
นายเอกยุทธกำลังจะโยงและตั้งข้อสังเกตให้สังคมคิดตามถึงเวลา 2 ชั่วโมงที่น.ส.ยิ่งลักษณ์หายขึ้นไปห้องข้างบนว่าไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัวในลักษณะใด

“สถานที่ดีๆ มีมากมาย ซึ่งนายกฯจะสามารถปิดห้องอาหารที่ไหนก็ได้ และหากประชาชนอยู่ในความไม่สงบสุข นายกฯก็ไม่สมควรเป็นนายกฯ เพราะที่ผ่านมาประชาชนให้โอกาสมาแล้ว 6 เดือน ท่ามกลางบรรยากาศอึมครึม ที่นายกฯเอาคนเผาบ้านเผาเมืองมาเป็นรัฐมนตรี เอาคนไม่โปร่งใสมาร่วมรัฐบาล แม้ตนไม่เห็นด้วย แต่การแต่งตั้งก็เป็นตามกระบวนการของกฎหมาย”นายเอกยุทธยิงคำถามเข้าใส่พร้อมวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลอย่างดุเดือด

หรือนายเอกยุทธเจอใครหรือพบเหตุการณ์บางอย่างอันเป็นภารกิจส่วนตัวนายกฯ ยิ่งลักษณ์ที่เปิดเผยไม่ได้ แต่ดันเมาท์เสียงดังจนเล็ดลอดไปถึงหูข้าทาสบริวารที่คอยอารักขาอยู่ด้านล่าง

ประเด็นถัดมาที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การเปิดเผยบุคคลที่เข้ามาทำร้ายนายเอกยุทธ

โดยระบุชัดเจนว่า หลังจากนายกฯออกไปไม่ถึง 10 นาที เขาก็ถูกทำร้ายร่างกาย ถึงขั้นหมายปองเอาชีวิต โดยตัวเขาได้ปัดป้อง และคนร้ายกำลังจะชักอาวุธปืน แต่ รปภ.ส่วนตัวได้มาป้องกันเหตุได้ทันท่วงที ทั้งนี้ ยืนยันว่าคนที่ทำร้ายเป็นคนรู้จักและใกล้ชิดกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดังนั้น อยากถามไปยังนายกฯว่าเหตุเกิดการลักษณะนี้ จะมีการดำเนินการอย่างไร
       
เวลานายกฯไปไหน หากเกิดเหตุลักษณะนี้ ถือว่านายกฯแย่มาก และผมในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่ง การวิจารณ์รัฐบาลในความไม่ชอบมาพากล เพื่อส่วนร่วม และผมยืนยันว่าไม่มีธุรกิจใดกับนายกฯ และ พ.ต.ท.ทักษิณ วันนี้ ผมอยากฝากถามว่านายกฯมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ และบาดแผลที่ได้รับก็ถือว่าเล็กน้อย หรืออาจเป็นเพราะมานั่งผิดที่ ผิดเวลา หรือมาเห็นสิ่งที่ไม่สมควรเห็นหรือไม่”นายเอกยุทธ์แฉ

ทั้งนี้ แม้นายเอกยุทธจะไม่ได้ระบุชัดเจนว่า คนๆ นั้นเป็นใคร ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปิดบัง แต่จากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า คนๆ นั้นมีหน้าที่ติดตามและอารักขานายกรัฐมนตรี โดยมียศสูงถึงขั้นระดับพันตำรวจโทเลยทีเดียว

“ผบ.ตร. กับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ที่รู้เรื่องนั้น ช่วยบอกผมทีว่าใครเป็นคนทำร้าย แต่เบื้องต้นก็พอรู้ ใส่กางเกงยีนและพยายามชักอาวุธทำร้าย โดยสันนิษฐานไว้ก่อนน่าจะเป็นบุคคลนอกเครื่องแบบ ที่เคยเห็นหน้ากันดีว่าทำงานให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ยิ่งเกิดกับผมภายใน 10 นาที หลังจากนายกฯออกไป ทั้งที่ไม่เคยมีเหตุบาดหมางกับใคร นอกจาก พ.ต.ท.ทักษิณ”

“อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าไม่แจ้งความ แต่หากรัฐบาลยืนยันว่าจะติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และให้เวลารัฐบาล 1 วันในการชี้แจง หากยังไม่ชี้แจงผมจะเริ่มเปิดเผยเรื่องที่เกิดขึ้นรายวัน และหากมีความคิดเห็นตรงข้ามรัฐบาลและถูกทำร้าย บ้านเมืองนี้ก็อยู่ยาก ทั้งนี้ สิ่งที่อยากให้ดำเนินการคือหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ  สำหรับอาการบาดเจ็บนั้น มีอาการช้ำในและเลือดไหลอยู่ การรักษาความปลอดภัยคงใช้ชีวิตปกติ เพราะเชื่อว่าเขารอจังหวะจ้องจะทำร้ายผมอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการตรวจสอบกล้องวงจรปิดนั้น โรงแรมคงให้ความร่วมมือ และปล่อยให้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการจะดีกว่า” นายเอกยุทธ์เปิดเกมรุกโดยจี้ให้รัฐบาลจัดการเรื่องนี้
     
   ทั้งนี้ ภายหลังการออกมาทิ้งทุ่นระเบิดครั้งใหญ่ของนายเอกยุทธ เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจยิ่งเพราะกลับปรากฏว่าไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จากฝั่งรัฐบาลในการชี้แจงแถลงไขถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวบุคคลที่มีชื่อปรากฏในข่าวชัดๆ อย่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางไปที่ท่าอากาศยานทหารกองบิน 6 ดอนเมือง เมื่อวันที่ 9 ก.พ.2555 เพื่อเดินทางไปร่วมงานศิษย์เก่าที่ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้าศึกษาในโรงเรียนยุพราชวิทยาลัยในช่วงมัธยมศึกษาตอนปลาย ก่อนไปเรียนต่อระดับปริญญาตรี ที่คณะรัฐศาสตร์ และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปรากฏว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพียงแค่หันมายิ้ม แต่ไม่ได้ตอบคำถามแต่อย่างใด

จากนั้นเมื่อถามย้ำว่า รู้จักนายเอกยุทธหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ตอบคำถาม พร้อมทั้งเดินเข้าห้องพักรับรองทันที

...ถึงตรงนี้แม้จะยังไม่มีบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดว่าความขัดแย้งดังกล่าวที่รุนแรงถึงขั้นทำร้ายร่างกายนายเอกยุทธนั้นมีสาเหตุมาจากอะไร แต่จากปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้หลายคนอดนึกย้อนไปถึงคำทำนายของหมอดูรายหนึ่งที่เคยพยากรณ์ดวงชะตาของนายกฯ ยิ่งลักษณ์เอาไว้ว่า “จะพังเพราะเรื่องส่วนตัว” ไม่ได้
นายเอกยุทธชี้ให้เห็นถึงรอยฟกช้ำในระหว่างการเปิดแถลงข่าวเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมา
สภาพใบหน้านายเอกยุทธ อัญชันบุตร หลังถูกชกที่ใบหน้า ซึ่งนายเอกยุทโพต์ผ่านฟซบุ๊ก Akeyuth Anchanbutr)
ข้อความที่นายเอกยุทธโพสต์ หลังเจอนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ถนนราชดำริ เมื่อวันที่ 8 ก.พ.2555
ข้อความที่นายเอกยุทธโพสต์ หลังถูกทำร้ายร่างกาย
ข้อความที่นายเอกยุทธโพสต์ตอบกลับ ถึงเหตุการณ์ถูกทำร้ายร่างกายที่เกิดขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น