xs
xsm
sm
md
lg

"จีเอ็มเอ็ม แซท" เดิมพันครั้งใหญ่อยู่ที่ "พรีเมียร์ลีก"!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลังมีปัญหาในเรื่องของลิขสิทธิ์ของชื่อ ล่าสุดกล่องทีวีดาวเทียม "จีเอ็มเอ็ม วันสกาย" โดย "บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่" ก็ถูกปรับเปลี่ยนโฉมเสียใหม่เป็น "จีเอ็มเอ็ม แซท" (GMM Z) ภายใต้การดูแลของ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท จำกัด ที่มี "ธนา เธียรอัจฉริยะ" นั่งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

ที่ผ่านมาแกรมมี่ฯ เองได้มีการออกข่าวและโฆษณาประชาสัมพันธ์มาบ้างแล้วประปราย แต่สิ่งที่จะเริ่มกันอย่างจริงจังก็คือสปอร์ตโฆษณา จีเอ็มเอ็ม แซท พาเหรด (GMM Z PARADE) ที่ได้ทั้งทีมผู้บริหารคนสำคัญของบริษัทมาเข้าฉากกันอย่างพร้อมหน้าร่วมกับศิลปินในสังกัด นำโดย เบิร์ด ธงไชย ซึ่งจะดีเดย์ออกอากาศกันในวันที่ 1 เมษายนนี้
โจ้ ธนา เธียรอัจฉริยะุกุล กับความท้าทายครั้งใหม่
จีเอ็มเอ็ม แซท แม้จะเป็น "น้องใหม่" แต่ดูเหมือนทางฟากของ "อากู๋" ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ดูจะเอาจริงเอาจังและคาดหวังกับธุรกิจนี้เป็นอย่างมากด้วยงบประมาณเบื้องต้นที่เทลงไป 3,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าไว้ว่าสิ้นปีพ.ศ. 2555 กล่องดาวเทียม จีเอ็มเอ็ม แซท จะขายได้ 1.5 ล้านกล่อง รับเงินเหนาะๆ กว่า 2,500 ล้านบาท!

นอกจากนี้นายใหญ่ของแกรมมี่ยังหวังไปไกลถึงขนาดที่ว่าในอนาคตธุรกิจนี้จะกลายเป็น "ท่อน้ำหลัก" ที่จะสามารถทำรายได้ให้กับแกรมมี่ฯ ในแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 50% จากธุรกิจทั้งหมดโดยได้ส่งสองทายาท "ฟ้าใหม่-ระฟ้า" เข้ามาเรียนรู้งานนี้อย่างเต็มที่ด้วยเหตุผลที่ไม่มีอะไรมากกว่าในอนาคตทั้งสองนั้จะต้องเป็นทายาทสืบสานงานต่อจากผู้เป็นพ่อนั่นเอง

แน่นอนว่าคนที่ต้องแบกรับการประกาศกร้าวดังกล่าวของนายใหญ่แกรมมี่ฯ คงจะเป็นไปใครไปไม่ได้นอกจาก "โจ้ ธนา เธียรอัจฉริยะกุล"

"จริงๆ ผมจะเป็นเหมือนพวกสถาปนิก คอยออกแบบ คอยจัด คอยเซ็ตอัพอะไรที่อยู่เบื้องหลังมากกว่า งานนี้ก็เหมือนตกกระไดพลอยโจนเหมือนกันที่ต้องออกมาอยู่ข้างหน้า (หัวเราะ) แต่ผมไม่มองว่านี่คือการท้าทายหรือว่ากดดันอะไร ผมจะมองว่าผมทำแล้วสนุกมัย ทำแล้วมันมั้ยมากกว่า..." ซีอีโอหนุ่มที่เคยทำให้มวยรองในวงการโทรศัพท์มือถืออย่าง "ดีแทค" ลุกขึ้นมาต่อยกับมวยต่อได้อย่างสูสีมาแล้วเผยถึงบทบาทหน้าที่ใหม่ในการทำงานของตนเอง

"ถ้าถามว่าอนาคตตรงนี้มันดูดีมั้ย ผมว่ามันดูดีนะ อย่างจากเดิมที่ตั้งเป้าไว้คร่าวๆ ที่ 1.5 ล้านกล่องในปีแรก ตอนนี้กระแสตอบรับนั้นทำให้เราปรับเป็นที่สองล้านกล่องแล้ว"

ทั้งนี้ซีอีโอจีเอ็มเอ็ม แซท ออกปากยอมรับว่าตลาดนี้แกรมมี่ฯ ยังถือว่าเป็นมวยรอง เพราะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ซึ่งถือว่าเป็นของใหม่ ฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุดก็คือจะต้องเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรงเพื่อให้รู้ว่าอีกฝ่านต้องการหรือไม่ต้องการอะไร รวมถึงบอกได้ว่ากล่องของตนมีอะไรดี

"มันไม่เหมือนเราขายเพลงขายแล้วก็จบ แต่มันเหมือนเราขายเครื่องเสียง มันต้องมีเรื่องของการซ่อม เรื่องบริการหลังการขาย เรื่องระบบการจ่ายเงิน ในฐานะน้องใหม่ก็คือตอนนี้ต้องเดินเยอะๆ ครับ ไปเยี่ยมช่าง เยี่ยมร้านค้า เรียกว่าให้เขาด่าเยอะๆ เพื่อที่เราจะได้รู้ปัญหา รู้ความต้องการ"

"นอกจากนี้ก็มีการจัดกิจกรรม GMM Z Festival ตอน Fun City สนุกกัน สนั่นเมือง ที่จะเดินสายไป 12 จังหวัดทั่วไทยตลอด 2 เดือน ก็จะมีการออกบูท เล่นเกม มีกิจกรรมต่างๆ มีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำว่ากล่องของเราจุดเด่นของเราคืออะไร นอกจากนี้เราก็ยังพาศิลปินในสังกัดไปร่วมสร้างความสนุกด้วย"

สำหรับจุดเด่นของกล่องจีเอ็มเอ็ม แซทที่ถูกโฆษณาออกมา ก็คือสามารถติดตั้งได้กับจานดาวเทียมทุกสี ทุกรุ่น มีช่องให้ชมมากกว่า 220 ช่อง พร้อม 3 ช่องพิเศษ คือ ช่อง 0 จีเอ็มเอ็ม แซท ฮิตส์ เนื้อหาก็จะเป็นความบันเทิงที่มาจากแกรมมี่ ทั้ง เพลง หนัง ละคร/ช่อง 399 จีเอ็มเอ็ม แซท จีเนียส ช่องสารคดี และช่องหนังดี ซีรี่ส์ ดัง ช่อง 400 จีเอ็มเอ็มแซท เธียเตอร์

อย่างไรก็ตาม งานนี้คงต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าไรนัก โดยเฉพาะเมื่อมองไปถึง "ตลาด" ของธุรกิจนี้ที่มีมานานกว่า 20 ปี โดยมี "กล่อง" ที่เป็นทางเลือกทั้งเจ้าเล็ก - เจ้าใหญ่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อ Psi, Thaisat, IPM, DYNASAT, Q-pro, DTV ฯลฯ หรือแม้กระทั่งเคเบิ้ลทีวีเจ้าใหญ่อย่าง "ทรู" เองก็ยังต้องออกวางขาย True+ Life ที่มาพร้อมกับสรรพคุณที่ว่าเป็นกล่องรับสัญญาณดาวเทียมที่สามารถนำไปตั้งกับจานดาวเทียมได้ทุกระบบโดยไม่มีค่าบริการรายเดือน ทั้งนี้ก็เพื่อจะเอาเจ้ากล่องที่ว่านี้มาลงแข่งกับกล่องผี กล่องเถื่อน Dreambox Dreamer หรือจะเป็นประเภท OpenBox ที่สามารถดูช่องของทรูวิชั่นส์ในราคาที่ถูกแสนถูกเพราะจ่ายเฉพาะค่าเช่าสัญญาณอินเทอร์เน็ต รวมถึงกล่องที่มาใหม่อย่าง Master box ที่ไม่จำเป็นต้องมีอินเทอร์เน็ตก็ดูได้นั่นเอง
ลิขสิทธิ์จะตกไปอยู่ในมือใครกันแน่?
"ผมว่าไอ้พวกกล่องรับสัญญาณดาวเทียมโดยทั่วไปมันก็รับช่องได้ไม่ค่อยจะแตกต่างกันสักเท่าไหร่อยู่แล้วนะ คือมีเป็นร้อยๆ ช่องแต่ดูกันจริงๆ ไม่กี่ช่องหรอก อย่างถ้าใครเป็นแฟนเพลงของแกรมมี่ฯ ก็ต้องดูช่องแกรมมี่ฯ เป็นหลัก ใครเป็นแฟนของอาร์เอสฯ ก็ดูละครช่องอาร์เอส ซึ่งถ้าหากแต่ละค่ายอยากจะหาสมาชิกเพิ่มก็คงจะต้องมีอะไรที่พิเศษมากกว่านั้น..." หนึ่งในคนที่ใช้การดูทีวีด้วยการรับสัญญาณจากจานดาวเทียมเผย

นอกเหนือไปจากการเป็นเจ้าของคอนเทนต์ทางด้านบันเทิงที่ค่อนข้างใหญ่ที่ทำให้แกรมมี่ฯ เองดูเหมือนจะมีความได้เปรียบ(เล็กๆ)ในการกระโดดลงมาสู่ธุรกิจนี้ ทางนายใหญ่แกรมมี่ฯ ยังได้เดินรอยตามความสำเร็จของอาร์เอสฯ ที่เคยทำกำไรเป็นกอบเป็นกำจากการได้เป็นเจ้าของสิทธิ์ในการถ่ายทอดสุดฟุตบอลโลกครั้งที่ผ่านมาด้วยการคว้าลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลแห่งชาติยุโรป 2012 ที่กำลังจะมีขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายนนี้โดยจับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับทางช่อง 3 เข้ามาเป็นจุดชูในการขายกล่องอีกด้วย

ผลดังกล่าวนั้นจะทำให้บรรดาคนที่ใช้กล่องรับสัญญาณดาวเทียมยี่ห้ออื่นๆ หรือแม้แต่บรรดาคนที่เป็นสมาชิก ทรู วิชั่นส์อยู่คงต้องวิ่งวุ่นหาเสาหนวดกุ้งมาติดอีกครั้งเพราะแกรมมี่ฯ เองคงไม่ปล่อยสัญญาณการถ่ายทอดสดออกมาให้อย่างแน่นอน

แน่นอนว่าช่วงระยะเวลาเทศกาลสั้นๆ ของฟุตบอลยูโรฯ คงจะไม่มีผลอะไรมากมาย งานนี้แกรมมี่ฯ เลยหวังไกลไปถึงรายการฟุตบอลยอดฮิตของบ้านเราอย่าง "พรีเมียร์ลีก" ของอังกฤษ (หลังได้สิทธิ์ฟุตบอล "บุนเดสลีกา เยอรมัน"มาแล้ว) โดยว่ากันว่าอากู๋นั้นเอาจริงถึงขนาดงดจ่ายเงินปันผลในช่วงปลายปีที่ผ่านมาเพื่อเตรียมเงินสดไว้ในกระเป๋าราว 3 พันล้านบาทในการแย่งประมูลสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก 3 ฤดูกาลคือ 2012/13, 2013/14 และ 2014/15 เลยทีเดียว

ท่าทีพร้อมคำประกาศกร้าวว่า "เอาแน่" ของอากู๋ที่ปรากฏเป็นข่าวออกมาเป็นระยะๆ ทำเอา “อรรถพล ณ บางช้าง” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายรายการ บริษัท ทรู วิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่เป็นเจ้าของสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลรายการนี้มายาวนานต้องออกมายอมรับว่าถึงตอนนี้คาดว่าค่าลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 3 ฤดูกาลหน้าจากเดิมที่ 2 พันล้านบาทนั้นได้เพิ่มขึ้นเป็นถึง 4 พันล้านไปแล้ว

แต่ถึงแม้จะเพิ่มขึ้นขนาดไหนคาดว่าทางทรูฯ เองก็คงจะต้องสู้อย่างเต็มที่แน่นอนเพราะการปล่อยให้ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกหลุดลอยไปก็เหมือนกับเส้นเลือดใหญ่ของตนเองถูกตัด หรืออย่างน้อยๆ หากทรูฯ เองไม่ได้เป็นเจ้าของสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว การเข้าร่วมกับทางแกรมมี่ฯ ตามที่อากู๋เคยเปรยๆ ขึ้นมาก็ยังคงดีกว่าไม่ได้มีส่วนร่วมเอาเสียเลย

ไม่เพียงแค่ทรูฯ และ แกรมมี่ฯ เท่านั้นหากแต่ทางฟากอาร์เอสฯ ซึ่งได้ลิขสิทธิ์ฟุตบอล "ลาลีกา สเปน" มาแล้วก็กระโดดเข้าร่วมสนามแข่งประมูลฟุตบอลรายการนี้ด้วยเช่นกัน

โดยแหล่งข่าวแจ้งว่างานนี้ "เฮียฮ้อ" สุรชัย เชษโชติศักดิ์ ได้ประกาศก้องว่าต่อให้การประมูลมีราคาที่สูงเกินกว่า 5 พันล้านบาทก็จะสู้ พร้อมเกทับบลัฟไปยังคู่แข่งด้วยว่าอาร์เอสฯ จะไม่ไปฮั้วหรือจับมือกับใครอย่างแน่นอน

ท้ายสุดก็คงจะต้องจับตาดูกันด้วยใจระทึกว่าการเดิมพันครั้งใหญ่ครั้งนี้ของแกรมมี่ฯ เองจะลงเอยกันเช่นไร? เพราะหากไม่ได้ลิขสิทธิ์นี้มา เชื่อว่าจะส่งผลกระเทือนถึงธุรกิจจีเอ็มเอ็ม แซทไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน

แต่ทั้งนี้ไม่ว่าสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดต่างๆ จะไปตกอยู่ในมือใคร งานนี้เห็นท่าว่าคนบ้าบอลอาจจะต้องจ่ายเงินเยอะหน่อย เพราะหากจะดูกันให้คบทุกลีกก็คงจะต้องซื้อกล่องมาหลายๆ ใบ แถมยังต้องจ่ายรายเดือนให้กับเจ้าของสิทธิ์หลายเจ้าอีกต่างหาก
กำลังโหลดความคิดเห็น