“สีดา” หอบร่างผอมซูบขึ้นศาลสืบพยานคดีฉ้อโกง “โก้ ธีรศักดิ์” เจ้าตัวร่ำไห้เปิดใจตอนนี้หมดตัวแล้ว บ้านถูกยึดต้องอาศัยคนอื่นซุกหัวนอน พร้อมโต้เข้าบ่อนทุกวัน แต่ยอมรับว่าเล่นการพนันบ้างแต่เป็นการเล่นสนุกๆ กับเพื่อนที่บ้านไม่ได้ติด พ้อข่าวที่ออกไปทำชีวิตตนพังไม่มีใครกล้าคบ บอกถ้าเป็นคนอื่นฆ่าตัวตายไปแล้ว ยิ่งถ้าอยู่คนเดียวเหมือนตนตายมาคนคงรู้อีกทีตอนเน่าแล้ว แต่ตนขอสู้ไม่ถอย
หลังจากที่อดีตนักแสดง “โก้ ธีรศักดิ์ พันธุจริยา” ได้ออกมาแจ้งความดำเนินคดีกับดารารุ่นเก๋า “สีดา พัวพิมล” แม่ของดาราหนุ่มผู้ล่วงลับ “อ๊อฟ อภิชาติ พัวพิมล” ในข้อหาฉ้อโกงเงินรวม 5.5 แสนบาท เพราะอ้างว่าจะเอาเงินไปทำละครเรื่อง “แม่นาคพระโขนง” ให้กับบริษัทเจเอสแอล แต่สุดท้ายพอสอบถามไปยังเจเอสแอลกลับได้คำตอบว่าโปรเจกต์ละครเรื่องนี้ถูกพับไว้ไม่มีกำหนด จึงเป็นเหตุทำให้โก้ตัดสินใจแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ศาลแขวงพระโขนง ได้นัดพร้อมไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่าย โดยเป็นการสืบพยานฝ่ายโก้ก่อน ซึ่งในวันเดียวกัน หลังจากสืบพยานเสร็จโก้ได้ออกมาเปิดใจว่า ก่อนหน้านี้แม่สีดายินดีที่จะจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวคืนให้ แต่ปรากฏว่าอยู่ๆ ก็กลับคำบอกกับศาลว่าจะสู้คดีให้ถึงที่สุด แถมยังบอกกับศาลว่าจะไม่ยอมคุย และไม่ไกล่เกลี่ยใดๆ กับตน ซึ่งโก้เผยว่าก่อนหน้านี้รู้สึกสงสาร แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมไกล่เกลี่ยกันดีๆ ตนก็จะดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้ถึงที่สุด
ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าของวันนี้(29 กุมภาพันธ์) ศาลแขวงพระโขนง ได้นัดสืบพยานทางฝ่ายของนางสีดา จำเลย โดยเจ้าตัวได้เดินมาถึงศาลตั้งแต่ช่วงเช้า พร้อมเปิดใจให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ถึงชีวิตความเป็นอยู่ปัจจุบันด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด และดูผอมซูบลงอย่างเห็นได้ชัด
“ตอนนี้อาศัยเขาอยู่เพราะไม่มีบ้านอยู่ เพราะบ้านถูกยึดไปแล้ว ตอนนี้คือหมดตัวเลย(หัวเราะแห้งๆ) ลำบากมาก แม่ไม่รู้ว่าพูดไปความน่าเชื่อถือมีมากน้อยแค่ไหน อันนี้แม่ไปบังคับไม่ได้ ก็แล้วแต่แต่ละบุคคล แต่อยากให้รู้ว่าข่าวที่ออกมาว่าเราเล่นการพนัน เราเข้าบ่อนทุกวัน เราแค่อยากรู้ว่าที่คิดกันแบบนั้นคุณนั่งเทียนคิดกันเหรอ คุณไม่มาถามเราสักคำนึงว่าความเป็นอยู่เราเป็นยังไง เพราะงานเราแทบจะไม่มีก็ว่าได้ ยิ่งมาออกข่าวแบนนี้ว่าเราเป็นหนี้เป็นสิน เราไปยืมเงินเขาติดหนี้เขา อย่าใช้คำว่ายืมเลย ใช้คำว่ากู้ดีกว่า กู้เงินเขาทุกวันเอาไปเข้าบ่อน คุณรู้ได้ไงคุณไม่รู้เลยว่าเราจะตายวันตายคืนอยู่แล้ว(เสียงโกรธ)”
“เราไปกู้เงินนอกระบบเราก็ไม่อยากพูดหรอกนะ แต่เอามาทำงาน คิดว่าเดี๋ยวงานก็เสร็จๆ มันระยะสั้นๆ แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น มันกลายเป็นดินพอกหางหมูไปแล้ว บางทีก็ไปช่วยคนอื่นเราก็ต้องมานั่งรับผิดชอบอีก (ยืนยันว่าไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับการพนัน?) ไม่มีค่ะ เราก็ไม่ได้ไปบังคับให้ใครมาเชื่อถือหรอก แต่ถามว่าเล่นสนุกๆ มั้ยก็เล่นๆ ถามว่าบ้านหนูจัดงานปาร์ตี้เพื่อนชวนหนูจะไม่เล่นเหรอ เราสนิทกันเราอยากเล่นเราก็เล่น แต่ข่าวบอกว่าเข้าบ่อนทุกวัน ถ้าเล่นแบบนั้นมันอยู่แบบนี้ไม่ได้หรอก ถูกหรือเปล่า”
“ตอนที่เราหาเงิน กู้ทุกวัน กู้คนโน้นคนนี้ที่เป็นข่าว ทำไมเราจะกู้มาเล่นการพนันอย่างเดียวเหรอ มันไม่ใช่ แต่ที่ก็ไปคือเอาไปสำรองจ่ายเพราะเราไม่มีเงิน เราอยากได้งานเราก็ไม่อยากเสียหน้าขอเบิกก่อนมันไม่ใช่นิสัยเรา เรากลัวว่าเขาจะมองเราไม่ดี เราอยากได้งานแต่จะทำงานทั้งทีไม่รู้จักลงทุนเลยเหรอ เราก็กลัวเขาไม่เชื่อถือเรากลัวเสียเครดิตเรา เพราะอยากได้งาน เราก็เออช่างมัน เพราะช่างมันๆ ชีวิตถึงได้เป็นแบบนี้ไง”
“เครียดมากๆ ดูสิผอมดำสูบบุหรี่ขนาดนี้ เครียดทุกวัน นั่งร้องไห้คนเดียวทุกวัน ใช้สมองเองคนเดียว คิดคนเดียว แก้ปัญหาเองคนเดียว ไม่มีใครเลย ไม่มีเงิน ไม่มีงาน ไม่มีสามี ไม่มีลูก(ร้องไห้) ถ้าอ๊อฟอยู่เราคงไม่เป็นแบบนี้หรอก เขาคงช่วยเราได้ แต่ตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่เราก็ไม่เคยขอความช่วยเหลือลูกนะ แต่ถ้าเขาอยู่เราคงไม่เป็นแบบนี้แน่ๆ เขาต้องช่วยเรา ตอนนี้เราไม่มีใครช่วยเลย เราก็ไม่รู้จะทำยังไง มีแต่เจ้าหนี้ ตอนนี้ชีวิตเหมือนกบในกะลา เปิดออกมาพร้อมที่เขาจะเอาไปต้มกินเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
“เวลามีปัญหาไม่ค่อยพูดอะไรกับใคร จะแก้ปัญหาเอง การมีข่าวแบบนี้มันเป็นการทำลายกันโดยสิ้นเชิง(ร้องไห้) ถึงจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจเราก็ไม่รู้นะ แต่คุณรู้มั้ยว่ามันอาจะเป็นความสุขของคุณแต่มันบนความทุกข์ของเรา เราไม่ได้คิดจะหาโอกาสออกมาพูดด้วย เราไม่คนที่จะไปอธิบาย แต่ถ้าอยากรู้ถามมาเลย จะตอบ แต่ให้เราแจ๋นไปแบบนี้เราไม่ไป การที่เราไม่ได้ออกสังคมให้ใครเห็น ไม่ได้หมายความว่าเราเข้าบ่อนทุกวัน ในอินเตอร์เน็ตบอกว่าเล่นบอล เรายังไม่รู้จักเลยบอลเล่นยังไง”
“มันเสียไปหมดแล้ว มันพัง เราถามว่าคนที่จะจ้างงานเราเขาจะเชื่อใจคุณเหรอว่าเราจะเชื่อใจได้ขนาดไหน ด้านการเงินเขาจะเชื่อใจเราเหรอ เขาก็ต้องไม่ไว้ใจเราแน่นอน เพราะเขาต้องกลัวเราทำงานไม่เสร็จเอาเงินไปเข้าบ่อน ตอนนี้มันไม่มีอะไรสักอย่างในชีวิต หมอดูเคยดูหลายปีแล้วตอนนั้นทำร้านอาหาร หมอดูบอกว่าเบญจเพสใหญ่อายุ 50 กว่าจะเจอทุกข์หนัก เราก็ถามว่าทุกข์อะไร เขาก็บอกถึงขนาดหมดตัวเลยนะ เสียทั้งชื่อเสียง คือเสียหมดเลย ตอนนั้นยังคิดว่าเราจะไปทำอะไรเพราะการพนันเราก็ไม่ใช่นักเล่นตัวยง ส่วนเสียชื่อเสียงเราก็ไม่เคยไปทำอะไรกับใคร ไม่เคยไปว่าใคร อยู่ๆ โครมเดียว แล้วเบญจเพสใหญ่จริงๆ”
“งานละครมันไม่มี ถ้ามีมันก็ดี แต่ทุกวันนี้เรามีความรู้สึกว่าเราก็มองหน้าคนไม่ติด จะว่าอย่างนั้นก็ได้ เพราะเรามีข่าวออกทุกวันว่าเรากู้หนี้ยืมสินเขาทุกวัน ทั้งดาราและนอกวงการ ก็เราไม่มีเราจำเป็น เราไม่ทำอย่างนี้เราจะเอาตรงไหนมาให้รายวัน แล้วพวกนี้ร้อยละ 20 ต่อวัน ร้อยละ 60 ต่อเดือน ต้นทบดอก ดอกทบต้น ตอนนี้ยังไม่ได้ใช้หนี้นอกระบบเลย เพราะก่อนหน้านี้ก็ไปบวชอยู่ แต่เราไม่โกงใครหรอก ชาตินี้นะบอกเลยว่าไม่ได้เกิดมาเพื่อจะโกงใคร ทุกวันนี้ถึงยังไม่มีแต่เราก็คิดว่าเราต้องใช้ให้หมด แต่เราคิดว่าวันนึงเราต้องมีเงินมาใช้หนี้”
เมื่อถามว่าหนี้ทั้งหมดเท่าไหร่? เจ้าตัวก็ตอบทันทีว่า…
“ไม่อยากคิด โอเคล่าสุดกันตนาเขาช่วยงานมา รับค่าตัวก็จ่ายหนี้หมดเลยนะ เราให้หมดเลยไม่เอามากินมาใช้เลย คิดอย่างเดียวไม่อยากเป็นหนี้ใคร ไม่อยากทำบาปเพราะว่าพ่อแม่ชาติตระกูลไม่ได้อบรมมาแบบนี้ ถ้าอ๊อฟอยู่อาจจะไม่ต้องถึงขนาดไปกู้หนี้ยืมสินเขาขนาดนี้ เพราะอ๊อฟคงช่วยเราได้ แต่นี่เราจะไปอ้าปากกับใครล่ะ คนที่เคยรักเคยเมตตาเขาก็ไม่แล้วเพราะกลัวว่าเราจะเอาเงินไปถลุงไปเล่นการพนัน เราก็ไม่รู้จะยังไงเพราะเราตัวคนเดียว เราปากเดียว กับคนเป็นร้อยปากว่าเราเล่นการพนัน ถามว่าเขาจะเชื่อใคร”
“แต่ก็ยังสู้ค่ะเพราะเป็นสู้อยู่แล้ว สู้ไม่ถอย แต่ต้องสู้เพื่อความถูกต้องนะ ถ้าผิดจะเป็นคนไม่สู้ แล้วไม่ใช่คนออกสื่อ ถ้าใครไม่เข้าใจเราก็ไม่เป็นไรนะ นี่ครั้งแรกที่พูดนะเนี่ย ถ้าเป็นคนอื่นเขาฆ่าตัวตายแล้ว ถ้าอยู่ในสภาพแบบแม่อยู่คนเดียวตายเมื่อไหร่ก็ได้ คนจะไปรู้อีกทีโน่นเหม็นเน่าแล้ว แต่เราสู้ไง ต้องใช้หนี้ให้หมด แต่ว่ามันอาจจะไม่ใช่วันนี้พรุ่งนี้ วันนึงมันต้องเป็นของเรา แต่ว่าเราก็ไม่รู้ว่าวันไหน แต่เราก็รอวันนั้น เข้าใจไหมว่าวันนี้แม่อยู่ในโลกมืดสนิท แต่ความมืดนี่แหละทำให้ได้เห็นอะไรชัดมาก ในทุกแง่ทุกมุมทุกอย่าง และสอนให้เราได้รู้จักการรอคอย สิ่งที่เราหวังว่าจะหมดหนี้มันก็จะหมด”
“ครั้งนี้เจอมรสุมใหญ่ที่สุดในชีวิตไม่เคยเจอ มีคนดูถูกดูแคลน แม้กระทั่งเพื่อน แม้กระทั่งอะไรทุกอย่าง แม้กระทั่งเอ่ยปากกันว่าตอนอ๊อฟอยู่ เราผลาญเงินอ๊อฟเอาไปเล่นการพนันจนหมด พูดได้ยังไง คุณไม่อายปากคุณบ้างเลยเหรอสิ่งที่คุณพูดมา (ตอนนี้เพื่อนในวงการไม่ได้คุยกับใครเลย?) ไม่ได้คุยค่ะ และเราก็คิดว่าคงไม่มีใครอยากคุยกับเราด้วย เขากลัวเราไปยืมเงินเขา(หัวเราะ) (อยากให้ปัญหาจบยังไง?) ไม่รู้ เราก็ต้องแก้ปัญหาให้ดีที่สุดให้ถูกต้องที่สุด”
“งานในวงการก็อยากเล่น แต่ไม่มีใครจ้างจะให้ทำยังไง งานละครก็ไม่กล้าไปเสนอที่ไหนหรอก เพราะว่าถูกทำงายหมดแล้วชื่อเสียง พวกที่พูดคุณอาจจะสนุกแต่เราไม่สนุกกับพวกคุณ กับเขา(โก้ ธีรศักดิ์)ก็ยังไม่ทราบเดี๋ยวรอศาลบอกละกัน แม่บอกตรงๆ ว่าไม่ได้หลบเลี่ยง แต่ใจเย็นอีกนิดนึง ตอนนี้เราไม่คุยแล้วเพราะว่าเราถือว่าไม่ได้ไปฉ้อโกงเขาหรือใคร”
“ส่วนเงินตรงนี้เราถือว่าเป็นในรูปของหุ้นส่วน เพราะฉะนั้นบริษัทยังไม่ได้มีการปิดหรือเลิกกิจการ หลักฐานเรามีอยู่แล้ว เราไม่ต้องการให้กระทบใคร เราไม่อยากให้ใครมาเดือดร้อนกับเรา ขนาดเขาต้องการให้เราหาพยาน เรามีเยอะแยะ แต่เราขี้เกรงใจ อยากอะไรก็ได้ง่ายๆ ชีวิตมันถึงเป็นแบบนี้ไง ต่อไปนี้ก็เป็นบทเรียน สิ่งที่เราต้องจำ จำไว้นะ สีดา ได้รับบทเรียนคำว่าอะไรก็ได้ ไม่เป็นไรคำนี้ ให้หยุดซะ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น”