นครศรีธรรมราช - ตำรวจมึนนักค้ายารายสำคัญอยู่ในความควบคุมของเรือนจำนครศรีธรรมราช หลบหนีลึกลับ-เรือนจำอุบข่าวเงียบ เผย ยาบ้า ยาไอซ์ ทะลักผู้เสพลามถึงวัยกลางคน-คนมีอายุ
วันนี้ (1 ก.พ.) พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้แถลงผลการจับกุมยาเสพติดหลังจากที่มอบหมายให้ พ.ต.อ.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผกก.สส.ภ.จว.นศ.พร้อมกำลังติดตามจับกุมผู้ต้องหายาเสพติดโดยได้มีการทำการล่อซื้อยาเสพติดจาก นายธีรพล หรือเซ้ง ผลหิรัญ อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1001 ม.3 ต.เขาแก้ว อ.ลานสกา นครศรีธรรมราช
โดยมีการนัดหมายส่งของกันที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ริมถนนนาพรุ-พังสิงห์ ม.2 ต.นาพรุ อ.พระพรหม นครศรีธรรมราช หลังจากที่มีการส่งมอบ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวทำการจับกุมพร้อมด้วยของกลางยาไอซ์จำนวน 27.55 กรัม บรรจุอยู่ในถุงพลาสติก
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาได้รับสารภาพว่าได้ซื้อยาเสพติดมาจากนายบอลและนายเบส 2 พี่น้องซึ่งมีอายุประมาณ 23-24 ปีซึ่งเป็นคนพื้นที่ อ.ลานสกา ก่อนจะนำมาขายต่อให้กับวัยรุ่นในพื้นที่ อ.พระพรหม นครศรีธรรมราช ก่อนจะถูกจับกุมตัวในที่สุด
ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผกก.สส.ภ.จว.นศ.ระบุว่า สถานการณ์ยาเสพติดในจังหวัดนครศรีธรรมราชค่อนข้างจะมากกว่าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้มีการจับกุมอย่างต่อเนื่องแต่ก็มีการลักลอบจำหน่ายกันมากขึ้นโดยพบว่าขณะนี้ผู้ที่เป็นลูกค้าไม่ใช่วัยรุ่นเท่านั้นแต่กลับเป็นบุคคลที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปจะมีการเสพยาไอซ์กันมากขึ้นและยาไอซ์มีการแพร่ระบาดอย่างมาก
และเมื่อช่วงสองวันที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ได้สืบทราบมาว่า นายวาสิทธิ์ สมวงศ์ หรือ เล็ก อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 267 ม.1 ต.ช้างกลาง อ.ช้างกลาง นครศรีธรรมราช ซึ่งถือเป็นผู้ต้องหายาเสพติดคนสำคัญ เนื่องจากมีเครือข่ายค่อนข้างมาก มีเงินหมุนเวียนหลายล้านบาท
โดย นายวาสิทธิ์ ได้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.54 พร้อมของกลางยาบ้า 3,800 เม็ด การจับกุมผู้ต้องหารายนี้เป็นไปอย่างลำบาก มีความเสี่ยงสูงมีการไล่ล่า เนื่องจากผู้ต้องหามีอาวุธปืน และเมื่อจับกุมตัวได้เราได้ส่งฝากขังเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช คดีถึงชั้นศาลจะมีการนัดสืบพยานวันที่ 10 ก.ค.56
แต่ขณะนี้ผู้ต้องหาได้หลบหนีไปแล้ว โดยทราบว่า เมื่อช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา นายวาสิทธิ์ ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่เรือนจำว่าไม่สบาย ป่วยเป็นเบาหวาน ทางเจ้าหน้าที่เรือนจำได้นำส่งโรงพยาบาลค่ายวชิราวุธ และมีการนำมารักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลมหาราช นครศรีธรรมราช และผู้ต้องหาได้ขอเข้าห้องน้ำก่อนจะหลบหนีไปทั้งๆ ที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้สอบข้อมูลจาก นายธรรมรัตน์ รัตนนาวินกุล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ก็ได้รับการยืนยันว่า ผู้ต้องหาหลบหนีไปแล้วจริงๆ โดยทางเจ้าหน้าที่เรือนจำเองก็ไม่ได้ประสานมายังตำรวจแต่อย่างใด มีการปิดเรื่องไว้
“กระทั่งมีพลเมืองดีโทร.มาแจ้งเราจึงตรวจสอบข้อมูล จึงพบว่าเป็นเรื่องจริง จนถึงขณะนี้ทางเรือนจำเองยังไม่มีการประสานเรื่องนี้มายังเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใดพบว่าจริงดังกล่าว โดยตอนนี้ตำรวจเองก็ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่มีการประสานมาจากเรือนจำ” ผกก.สส.ภ.นครศรีธรรมราช กล่าว
วันนี้ (1 ก.พ.) พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้แถลงผลการจับกุมยาเสพติดหลังจากที่มอบหมายให้ พ.ต.อ.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผกก.สส.ภ.จว.นศ.พร้อมกำลังติดตามจับกุมผู้ต้องหายาเสพติดโดยได้มีการทำการล่อซื้อยาเสพติดจาก นายธีรพล หรือเซ้ง ผลหิรัญ อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1001 ม.3 ต.เขาแก้ว อ.ลานสกา นครศรีธรรมราช
โดยมีการนัดหมายส่งของกันที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ริมถนนนาพรุ-พังสิงห์ ม.2 ต.นาพรุ อ.พระพรหม นครศรีธรรมราช หลังจากที่มีการส่งมอบ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวทำการจับกุมพร้อมด้วยของกลางยาไอซ์จำนวน 27.55 กรัม บรรจุอยู่ในถุงพลาสติก
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาได้รับสารภาพว่าได้ซื้อยาเสพติดมาจากนายบอลและนายเบส 2 พี่น้องซึ่งมีอายุประมาณ 23-24 ปีซึ่งเป็นคนพื้นที่ อ.ลานสกา ก่อนจะนำมาขายต่อให้กับวัยรุ่นในพื้นที่ อ.พระพรหม นครศรีธรรมราช ก่อนจะถูกจับกุมตัวในที่สุด
ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผกก.สส.ภ.จว.นศ.ระบุว่า สถานการณ์ยาเสพติดในจังหวัดนครศรีธรรมราชค่อนข้างจะมากกว่าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้มีการจับกุมอย่างต่อเนื่องแต่ก็มีการลักลอบจำหน่ายกันมากขึ้นโดยพบว่าขณะนี้ผู้ที่เป็นลูกค้าไม่ใช่วัยรุ่นเท่านั้นแต่กลับเป็นบุคคลที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปจะมีการเสพยาไอซ์กันมากขึ้นและยาไอซ์มีการแพร่ระบาดอย่างมาก
และเมื่อช่วงสองวันที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ได้สืบทราบมาว่า นายวาสิทธิ์ สมวงศ์ หรือ เล็ก อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 267 ม.1 ต.ช้างกลาง อ.ช้างกลาง นครศรีธรรมราช ซึ่งถือเป็นผู้ต้องหายาเสพติดคนสำคัญ เนื่องจากมีเครือข่ายค่อนข้างมาก มีเงินหมุนเวียนหลายล้านบาท
โดย นายวาสิทธิ์ ได้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.54 พร้อมของกลางยาบ้า 3,800 เม็ด การจับกุมผู้ต้องหารายนี้เป็นไปอย่างลำบาก มีความเสี่ยงสูงมีการไล่ล่า เนื่องจากผู้ต้องหามีอาวุธปืน และเมื่อจับกุมตัวได้เราได้ส่งฝากขังเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช คดีถึงชั้นศาลจะมีการนัดสืบพยานวันที่ 10 ก.ค.56
แต่ขณะนี้ผู้ต้องหาได้หลบหนีไปแล้ว โดยทราบว่า เมื่อช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา นายวาสิทธิ์ ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่เรือนจำว่าไม่สบาย ป่วยเป็นเบาหวาน ทางเจ้าหน้าที่เรือนจำได้นำส่งโรงพยาบาลค่ายวชิราวุธ และมีการนำมารักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลมหาราช นครศรีธรรมราช และผู้ต้องหาได้ขอเข้าห้องน้ำก่อนจะหลบหนีไปทั้งๆ ที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้สอบข้อมูลจาก นายธรรมรัตน์ รัตนนาวินกุล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ก็ได้รับการยืนยันว่า ผู้ต้องหาหลบหนีไปแล้วจริงๆ โดยทางเจ้าหน้าที่เรือนจำเองก็ไม่ได้ประสานมายังตำรวจแต่อย่างใด มีการปิดเรื่องไว้
“กระทั่งมีพลเมืองดีโทร.มาแจ้งเราจึงตรวจสอบข้อมูล จึงพบว่าเป็นเรื่องจริง จนถึงขณะนี้ทางเรือนจำเองยังไม่มีการประสานเรื่องนี้มายังเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใดพบว่าจริงดังกล่าว โดยตอนนี้ตำรวจเองก็ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่มีการประสานมาจากเรือนจำ” ผกก.สส.ภ.นครศรีธรรมราช กล่าว