คนที่พาชีวิต “วิตนีย์ ฮุสตัน” ดิ่งเหวจนหมดลมหายใจคือ บ็อบบี บราวน์ อดีตสามีซึ่งแรกพบสบรักกันที่งาน “โซลเทรนมิวสิกอวอร์ดส” เมื่อ 23 ปีที่แล้ว ในช่วงนั้นก็มีชายอื่นพยายามพิสูจน์ความ “คู่ควร” ให้ปรากฏแก่นักร้องสาว แต่เธอกลับสนใจอดีตสมาชิกวง New Edition คนนี้เพียงคนเดียว ชีวิตหลังครองคู่อยู่กินมีแต่เรื่องให้เจ็บปวด เจ็บแล้ว เจ็บอีก วิตนีย์ ฮุสตันถูกตบตี ทำร้ายร่างกายมานับครั้งไม่ถ้วน แถมยังโดนทำร้ายจิตใจเพราะสามีนอกใจอีกต่างหาก ผู้ชายคนนี้แหละที่พาสาวผู้แสนดีคนนี้ให้ลิ้มลองยาเสพติด เล่นทั้งแป๊ะ ทั้งโค้ก และอื่นๆ อีกสารพัด จนนักร้องสาวไม่เหลือเค้าความงามและเส้นเสียงที่ทรงพลังดังเดิม
ประกอบกับในช่วงหลังเกิดอาการ “หลุดรั่ว” จนคุมพฤติกรรมตัวเองไม่ได้ เหวี่ยงใส่คนรอบข้างที่ร่วมงานเลยพาชีวิตไปสู่แนวดิ่งลงเรื่อยๆ ชีวิตรักของเธอกับสามีต่างก็ให้ร้ายและกล่าวโทษกันไปมา เมื่อสุภาพบุรุษชายกระโปรงอย่างบ็อบบี บราวน์ แหลคำโตเขียนเล่าว่า วิตนีย์ ฮุสตันต่างหากที่พาเขาถลำไปกับยาเสพติดและอบายมุข !!?
“บ็อบบี บราวน์เหมือนกับยาเสพติดที่ฉันขาดไม่ได้” !!
ชีวิตที่ยอมจำนนต่อความพ่ายแพ้ของวิตนีย์ ฮุสตัน พาเธอไปสู่โศกนาฏกรรม...ในวันนี้
วิตนีย์ นักร้องเสียงสวรรค์ประทาน
พ่อของวิตนีย์ ฮุสตัน เป็นผู้บริหารของบริษัทบันเทิง ขณะที่แม่เป็นศิลปินเพลงแนวกอสเปลชื่อดัง ชีวิตของวิตนีย์รายล้อมด้วยเครือญาติซึ่งเกี่ยวข้องกับแวดวงดนตรีทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นลูกพี่ลูกน้องอย่าง ดีดี และ ดิออน วอร์วิค รวมถึง อารีธา แฟรงคลิน นักร้องแนวอาร์แอนด์บี และโซล ที่ทุกคนยกให้เป็นอันดับหนึ่งในวงการ
วิตนีย์เริ่มต้นเส้นทางสายดนตรีมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กด้วยการเป็นนักร้องในคณะประสานเสียงของโบสถ์ จนต่อมาจึงเริ่มต้นออกแสดงตามไนต์คลับ และสร้างชื่อเสียงเป็นที่ชื่นชอบอย่างรวดเร็ว ถึงขั้นที่มีบริษัทแผ่นเสียงมากมายมาเสนอสัญญามูลค่ามหาศาลให้ตรงหน้า แต่ ซิสซี ฮุสตัน ผู้เป็นแม่กลับปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมด เพราะต้องการให้ลูกสาวเรียนจบเสียก่อน
วิตนีย์เริ่มต้นอาชีพนักร้องได้อย่างเต็มตัว และออกผลงานเพลงชุดแรกเมื่อเธอมีอายุได้ 22 ปี แม้ก่อนหน้านี้จะเคยชิมลางร่วมงานกับคนอื่นอยู่บ้าง ช่วงเวลาอันเหมาะสม, ทีมงานเบื้องหลังชั้นยอด และ "เสียง" ชนิดพิเศษทั้งในแง่ของเทคนิคการร้อง และความสมบูรณ์แบบที่พระเจ้าประทานให้มา ผลงานของวิตนีย์จึงประสบความสำเร็จโดยทันที และเป็นความสำเร็จที่ต่อเนื่องยาวนานไปอีกหลายปี
“บ็อบบี บราวน์” ซาตานผู้พิชิตโฉมงาม
ชีวิตของวิตนีย์เหมือนจะเดินไปข้างหน้าอย่างไร้อุปสรรค จนกระทั่งเมื่อเธอได้พบกับ บ็อบบี บราวน์ ชายที่ว่ากันว่าทำลายชีวิตด้านงามของนักร้องสาว และมีส่วนต่อความตกต่ำของนักร้องที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งของโลก
ในช่วงยุค 80's ที่วิตนีย์โด่งดังขึ้นมา ชื่อของเธอถูกโยงเข้ากับหนุ่มคนดังในแวดวงต่าง ๆ หลายคน ไม่ว่าจะเป็น แรนดัลล์ คันนิงแฮม ควอเตอร์แบ็กผิวสีคนเก่งแห่งวงการอเมริกันฟุตบอล หรือกระทั่ง เอ็ดดี เมอร์ฟี ดาวคนดังแห่งฮอลลีวูด
สุดท้ายวิตนีย์ ฮุสตันเลือกบ็อบบี บราวน์ หนุ่มที่อายุน้อยกว่าเธอเกือบ 6 ปี เขาเป็นอดีตสมาชิกวง New Edition เธอพบกับเขาครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน ปี 1989 ในงาน “โซลเทรนมิวสิกอวอร์ดส”
ห้วงของความรักมักจะมีความหลงปนอยู่ด้วยเสมอ!!
บ็อบบี เป็นสุภาพบุรุษมากและเธอประทับใจเขาตั้งแต่แรกเห็น หนุ่มคนนี้ไม่ได้เกรงกลัวบารมีความโด่งดังของเธอเหมือนกับหนุ่มคนอื่นๆ ขณะเดียวกันก็ยังมีผู้ชายอีกหลายคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ มักจะพยายามสร้างความประทับใจเพื่อพิสูจน์ว่าเขา “คู่ควร” กับเธอมากแค่ไหน ขณะที่บ็อบบี บราวน์ ในสายตาของวิตนีย์ในตอนนั้นมีแต่ความเรียบง่ายกับความรักเท่านั้น
บางครั้ง “ความรัก” ก็มักจะทำให้คนตาบอดจนบดบังด้านอื่นๆ ไปจนหมดสิ้น
3 ปีต่อมา เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1992 ทั้งวิตนีย์และบ็อบบีจูงมือกันเข้าประตูวิวาห์ งานแต่งงานซึ่งจัดกันที่บ้านในนิวเจอร์ซีย์ มีแขกเหรื่อร่วม 800 คนมาเป็นสักขีพยาน
ปีที่เธอแต่งงานเป็นปีเดียวกับที่หนัง The Bodyguard เข้าฉาย และชีวิตของวิตนีย์ก็ดูเหมือนจะทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดทั้งในแง่อาชีพ และชีวิตส่วนตัว แม้จะมีหลายฝ่ายไม่ค่อยเห็นด้วยกับการสมรสครั้งนั้น เพราะคิดว่าบ็อบบี แต่งงานกับเธอเพราะชื่อเสียงเงินทองมากกว่า!!
ตอนนั้นฝ่ายหญิงเป็นนักร้องที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของยุค ผลงานของเธอการันตีทั้งยอดขายอัลบั้ม, คำยกย่องจากนักวิจารณ์ แถมยังมีรูปโฉมที่งดงามและภาพลักษณ์ที่ดีไม่เคยมีเรื่องอะไรเสียหาย หากจะกล่าวว่าเป็น "เจ้าหญิง" แห่งวงการเพลงก็คงไม่ผิดจากความเป็นจริงไปเท่าไหร่นัก ในทางตรงกันข้าม สามีของเธอเป็นเพียงแค่อดีตสมาชิกวงบอยแบนด์ ที่กำลังดิ้นรนเพื่อเส้นทางของศิลปินเดี่ยว ซึ่งชีวิตส่วนตัวเคยมีลูกกับผู้หญิงคนอื่นมาแล้ว เป็นหนุ่ม “แบดบอย” ผู้กร้านโลก
โลกนี้มักจะสร้างให้ผู้หญิงแสนดีส่วนหนึ่งตกเป็นเหยื่ออันโอชะของผู้ชายยอดเลวเสมอ!!
ชีวิตดิ่งลงเหวของเจ้าหญิง
หลังอยู่กินฉันผัวเมีย วิตนีย์ทนเจ็บจากบ็อบบี บราวน์มานับครั้งไม่ถ้วน ไม่ได้แตกต่างจากชื่อภาษาไทยของ The Bodyguard คือ “เกิดมาเจ็บเพื่อเธอ”!! แม้แต่น้อย
ปี 1994 ความรักก็ยังคงหวานชื่น วิตนีย์ ฮุสตัน กับบ็อบบี บราวน์ ฉลองครบรอบแต่งงาน 2 ปีใต้แสงเดือนบนเรือยอชต์ ขณะเดียวกันที่ชื่อเสียงของ วิตนีย์ ฮุสตันในตอนนั้นยังทรงตัว ยอดขายอัลบั้ม และงานภาพยนตร์อาจจะทำรายได้ไม่ฮวบฮาบเหมือนช่วงแรก แต่เธอก็ยังได้รับการนับถือในวงการเพลง
ภายใต้เปลือกนอกที่หวานชื่นถูกเปิดเผยออกมาเมื่อปี 2003 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุจากวิตนีย์ที่กล่าวหาว่าสามีทำร้ายร่างกายของเธอ หลักฐานที่ปรากฏคือ ริมฝีปากแตก และรอยช้ำบนแก้ม นับจากการใช้กำลังครั้งนั้นฝ่ายสามีเริ่มเผยธาตุแท้ แสดงตัวตนออกมาเรื่อยๆ
เค้าลางแห่งความตกต่ำเริ่มต้นขึ้นเมื่อย่างเข้าในทศวรรษใหม่นี้ ภาพลักษณ์ที่เคยดีงามของฮุสตันก็ต้องมัวหมองลงเมื่อชื่อของเธอเริ่มเข้าไปพัวพันกับยาเสพติด รวมถึงปัญหาความยุ่งยากทางกฎหมาย และข่าวลือเสีย ๆ หาย ๆ ที่มีออกมาเป็นระยะ
ด้านการทำงานของวิตนีย์ ฮุสตัน เธอเริ่มถูกพูดถึงในเรื่องการมาทำงานสายบ่อยครั้ง การยกเลิกการแสดงคอนเสิร์ต หรือแผนการไปร่วมรายการโทรทัศน์ในแบบวินาทีสุดท้ายถี่ขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ร่างกายเริ่มผ่ายผอมอย่างเห็นได้ชัด
ภาพลักษณ์ของนักร้องสาวที่ทรงเสน่ห์ และเพียบพร้อมไปทุกด้าน เริ่มแปรเปลี่ยน เธอมีอาการวีนและชอบเหวี่ยงใส่คนอื่นจากการควบคุมตนเองไม่ได้ โดยเฉพาะเวลาปรากฏตัวในที่สาธารณะ ยอดขายผลงานเพลงของเธอหล่นฮวบลงอย่างเห็นได้ชัด หลายปีให้หลังมานี้เรียกว่าไม่มีผลงานที่โดดเด่นออกมาเหมือนทศวรรษก่อนหน้านี้เลย ที่ถูกวิจารณ์กันมากในหมู่นักฟังเพลงคือ เส้นเสียงที่เคยงดงามของเธอถูกทำลายลงจนกลายเป็นนักร้องเสียงแหบแห้งไม่สามารถโหนเสียงสูงที่ทรงพลังได้ดังแต่ก่อน จะเรียกว่าใช้โทนเสียง Hasky ก็คงไม่ใช่ เค้าความงามของสาวผิวดำที่สวยที่สุดคนหนึ่งในวงการบันเทิงไม่เหลืออีกแล้ว
ขณะเดียวกัน บ็อบบี บราวน์ ซึ่งก่อนหน้านี้ภาพลักษณ์ก็ไม่ค่อยจะสู้ดีอยู่แล้ว แถมถูกสบประมาทในเรื่อง “เกาะเมียกิน” เมื่อเริ่มรายการแนวเรียลิตีที่ชื่อว่า Being Bobby Brown เพื่อออกอากาศทาง Bravo network งานที่สื่อต่างประเทศเรียกว่า “น่าขยะแขยง และเลวทรามที่สุด”
เนื้อหาของ Being Bobby Brown ก็คือเรื่องราวจากชีวิตประจำวันของตัวเอง อย่างไรก็ตาม แต่ วิตนีย์ ฮุสตัน คือดาราตัวจริงของเรียลิตีเรื่องนี้ ซึ่งนำเสนอภาพด้านที่เรียกได้ว่า “น่าอับอาย” ของเธอ อย่างในตอนหนึ่งที่บ็อบบี บราวน์ บรรยายถึงอาการท้องผูกของผู้เป็นภรรยา Being Bobby Brown ก็ฉายอยู่ได้เพียงฤดูกาลเดียวกับ 11 ตอนเท่านั้น เพราะวิตนีย์ยืนยันว่าจะไม่ปรากฏตัวในโชว์นี้อีกแล้ว Bravo network จึงปฏิเสธที่จะเซ็นสัญญาออกอากาศต่อ
แต่งงานสิ้นสุดแต่ปัญหาไม่สิ้นสุด
การใช้ยาเสพติด ชีวิตสมรสเริ่มมีปัญหาหนักขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งข่าวลือเรื่องการใช้ยาเสพติด, การนอกใจ และประเด็นการทำร้ายร่างกายลงไม้ลงมือกันถูกพูดถึงมาโดยตลอด
เดือนกันยายน 2006 วิตนีย์ตัดสินใจฟ้องหย่าต่อบ็อบบี หลังจากใช้ชีวิตร่วมกันนานถึง 14 ปีและมีพยานรักด้วยกัน 1 คน โดยขั้นตอนการหย่าสิ้นสุดลงในปีต่อมา และศาลตัดสินให้วิตนีย์ได้สิทธิในการดูแลลูกสาวคนเดียวของพวกเขาคือ บ็อบบี คริสตินา ฮุสตัน บราวน์
ปี 2002 ในการให้สัมภาษณ์แก่ ไดแอน ซอว์เยอร์ ที่ว่ากันว่าเป็นรายการสัมภาษณ์ที่มีเรตติ้งสูงสุดครั้งหนึ่งของประวัติศาสตร์ วิตนีย์เคยปฏิเสธเสียงแข็งเรื่องการเสพยาด้วยคำพูดที่ว่า “ฉันรวยเกินไปที่จะมาเสพยา” อย่างไรก็ตาม 7 ปีหลังจากนั้น เธอเปิดใจอีกครั้งต่อ โอปราห์ วินฟรีย์ คราวนี้นักร้องชื่อดังกลับยอมรับถึงปัญหาหลาย ๆ ด้านของเธอเป็นครั้งแรก
การให้สัมภาษณ์ที่เกิดขึ้นในเดือนกันยายน 2009 นั้น วิตนีย์ยอมรับว่าเธอใช้ทั้ง กัญชา, โคเคน และยังติดเหล้าอย่างหนัก ถึงขนาดต้องเสพยาแทบจะทุกเมื่อเชื่อวัน เธอบอกว่ามันไม่ได้เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข แต่เป็นจังหวะชีวิตที่เธอสูญเสียความเป็นตัวเอง
เรื่องชีวิตคู่ วิตนีย์ยอมรับว่าตลอดการแต่งงานกัน 14 ปี เกิดปัญหาแทบจะตลอดเวลา เธอเคยถูกอดีตสามีถ่มน้ำลายใส่ต่อหน้าลูก, ขณะที่เธอก็เคยใช้โทรศัพท์ทุบศีรษะเขาจนถึงขั้นเลือดตกยางออก และยอมรับเช่นเดียวกันว่า การใช้โคเคนและเฮโรอีนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคู่ของเธอ
มีคำถามมากมายว่าชีวิตวิตนีย์จะเป็นเช่นไรหากไม่ได้ลงเอยกับบ็อบบี บราวน์ บางคนถึงกับกล่าวหาว่าบ็อบบีเป็นคนผลักให้เธอเข้าไปในวังวนของยาเสพติดจนชีวิตตกต่ำ แต่ก็มีความเห็นในทางตรงกันข้ามว่าคงไม่สามารถโทษชายผู้เป็นอดีตสามีคนนี้ได้แต่ฝ่ายเดียว!! ปรบมือข้างเดียวจะดังได้อย่างไร
ว่ากันว่าตัวของวิตนีย์เองก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อชีวิตขาลงในช่วงหลังของตนเองเช่นเดียวกัน ทั้งสองเป็นพวกคลั่งงานปาร์ตี้เหมือนๆ กัน จนมีคนกล่าวเอาไว้ว่าปัญหาก็คือ วิตนีย์ และบ็อบบี้ เหมือนกันมากเกินไปนั่นเอง
เมื่อ 3 ปีก่อน บ็อบบี บราวน์ออกหนังสืออัตชีวประวัติ The Truth, the Whole Truth and Nothing But ที่เขาเขียนเพื่อแฉทุกเรื่องของตัวเอง มีเนื้อหาที่เรียกว่าสร้างจุดขายด้วยเรื่องอื้อฉาวเต็มไปหมด อ้างกระทั่งว่าเคยออกเดตกับมาดอนนาและ เจเน็ต แจ็กสัน ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีเรื่องราวของอดีตภรรยาอยู่ด้วย
ใจความตอนหนึ่งของหนังสือได้อ้างว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับวิตนีย์นั้นแทบจะตรงกันข้ามกับข้อมูลที่ทุกคนรับรู้ ไม่ใช่เขาที่เป็นผู้ชักนำยาเสพติดมาให้ภรรยา แต่เป็นเธอนั่นเองที่ทำให้เขาต้องถลำลึกไปกับอบายมุขพวกนี้จนทำลายชีวิตคู่ลงอย่างยับเยิน
บ็อบบีอ้างว่าตัวเองไม่เคยแตะต้องยาเสพติดอย่างโคเคนมาก่อน จนกระทั่งได้เจอกับวิตนีย์ แม้จะยอมรับว่าตัวเองเคย “ทดลอง” ยามาหลายประเภท และกัญชาคือยาเสพติดที่เขาใช้เป็นหลักเพียงอย่างเดียว
สุภาพบุรุษชายกระโปรง บ็อบบี บราวน์ยังลามปามไปมากกว่านั้น ด้วยการพูดถึงชีวิตแต่งงาน 15 ปี ว่ามันมีปัญหามาตั้งแต่จุดเริ่มต้นแล้ว เพราะเหตุผลของการแต่งงานที่แตกต่างกันระหว่างทั้งคู่ สำหรับเขาแต่งงานก็เพราะความรัก และอยากมีลูก แต่วิตนีย์ ฮุสตันมีจุดประสงค์อย่างอื่น ซึ่งก็คือการพยายามแก้ข้อกล่าวหาที่มีมาในช่วงนั้นว่าวิตนีย์ เป็นเลสเบียน โดยมีคู่รักก็คือ โรบิน ครอว์ฟอร์ด ผู้ช่วยส่วนตัว และเพื่อนสนิทที่คบหากันมาตั้งแต่เด็กนั่นเอง
ไม่ใช่เพียงเจ้าตัวเท่านั้น แต่น้องสาวของบราวน์ที่ชื่อว่า ทีนา ก็เคยออกมาให้ข่าวโจมตีอดีตพี่สะใภ้บ่อยครั้ง ตั้งแต่การเผยแพร่ภาพห้องนอนที่เต็มไปด้วยยาเสพติดของวิตนีย์, ให้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องเสียหาย และน่าเยาะเย้ยของเธอ รวมถึงประเด็นเรื่องการเป็นเลสเบียนด้วย
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าบ็อบบีจะยอมรับผิดอยู่บ้างโดยเฉพาะความผิดของตนที่ทำให้ชีวิตแต่งงานต้องสิ้นสุด เพราะความเจ้าชู้เที่ยวไปหลับนอนกับผู้หญิงคนอื่น แม้จะโทษว่าเป็นเพราะสาว ๆ มักจะเข้าหาเขาเอง แต่อดีตสามีของวิตนีย์ ฮุสตัน ก็ยอมรับว่ามันเป็นความผิดพลาดของเขาจริงๆ
ฉากสุดท้ายของ “วิตนีย์”
ถึงชีวิตแต่งงานจะจบลงด้วยความบาดหมาง แต่วิตนีย์ไม่เคยกล่าวถึงสามีในแง่ลบเลย เรื่องที่ถูกทำร้ายร่างกาย ก็แก้ตัวแทนว่าตนเองก็โต้ตอบเขาด้วยการตบตีเขากลับไปด้วยเช่นเดียวกัน วิตนีย์ยังเปรียบเทียบความรู้สึกต่ออดีตสามีว่า “เหมือนกับยาเสพติดที่ฉันขาดไม่ได้” เธอทำอะไรไม่ถูกถ้าไม่มีเขา ยืนด้วยตัวเองไม่ได้ ยกย่องความเป็นพ่อ และลูกผู้ชายของบราวน์ ที่ช่วยควบคุมดูแลทุกอย่าง เธอยอมรับว่าชอบวิถีชีวิตที่อดีตสามีคอยมาควบคุม มันทำให้เธอรู้สึกดี
ตลอด 2 - 3 ปีที่ผ่านมา วิตนีย์กลับมุ่งมั่นกับงานอีกครั้ง ในปี 2009 วิตนีย์เคยกลับมาประสบความสำเร็จในงานเพลงอีกครั้งจากผลงานอัลบั้ม I Look To You ซึ่งอัลบั้มนี้สามารถเปิดตัวในอันดับต้นๆ ของชาร์ต และทำยอดขายได้มากพอสมควร หลังจากนั้นไม่นานคอนเสิร์ตโปรโมตอัลบั้มของเธอในรายการ Good Morning America ได้ทำให้หลายๆ อย่างเปลี่ยนไปในทางตรงกันข้าม เมื่อเธอขึ้นร้องเพลงด้วยเสียงที่แหบแห้งและร้องเสียงไม่ถึงแถมยังผิดคีย์ เมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักเจ้าตัวก็ได้แต่โยนความผิดว่าเป็นเพราะเธอให้สัมภาษณ์แก่โอปราห์ วินฟรีย์ ทำให้เสียงเธอหาย!!?
ข้อสงสัยว่า วิตนีย์อาจจะสูญเสียเสียงสวรรค์ไปแล้วจริง ๆ เกิดขึ้นอีกครั้งในปี 2010 กับการแสดงคอนเสิร์ตที่ออสเตรเลีย ที่ว่ากันว่าเพียงแค่ขับกล่อมบทเพลงไปได้ 2 เพลงศิลปินหญิงที่มีอายุได้ 46 ปีในตอนนั้นก็ขอหยุดพักแล้ว แฟนเพลงหลายคนแสดงความเห็นว่าการแสดงในวันนั้นเรียกว่าไม่สามารถให้ความบันเทิงแก่ใครได้เลย จนคนดูส่วนหนึ่งขอคืนตั๋ว ร้อนถึงผู้จัดต้องปฏิเสธว่ามีผู้ชมเพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่ต้องการเงินคืน พร้อมยืนยันว่า วิตนีย์ ยังสุขภาพแข็งแรงดี แต่ด้วยวัย 46 คงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเสียงเหมือนเดิมทุกประการ
การแสดงครั้งนั้น Courier-Mail หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในบริสเบนถึงกับเสียดสีอย่างเจ็บปวดว่า “การดูโชว์นี้เหมือนกับการมองเห็นฉากการตายอย่างช้าๆ แต่เจ็บปวดทรมานของตำนานผู้ยังมีลมหายใจ”
หลังจากนั้นอีก 2 ปี วิตนีย์ ฮุสตันก็เสียชีวิตไปจริงๆ
ความจริง … วิตนีย์ ฮุสตันตายไปจากวงการเพลงก่อนที่เธอจะตายจริงในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ณ เบเวอร์ลีฮิลตันโฮเต็ล เบเวอร์ลีฮิลล์ รัฐแคลิฟอร์เนีย
........................................................
เรื่องอารยัน ฤกษ์เกษม ทีมซูเปอร์บันเทิง อินเตอร์ฯ
ที่มานิตยสาร ASTV สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 124 วันที่18-24 กุมภาพันธ์ 2555