คำทำนายของเด็กชายปลาบู่ ซึ่ง นายทองใบ คำสี ผู้เป็นบิดาได้เอามาบอกไว้และกลายเป็นคำทำนายที่แพร่หลายมากที่สุดในช่วงนี้ โดยเฉพาะช่วงวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เพราะ เขาเล่นไปพูดถึงเรื่องที่ว่าเขื่อนภูมิพลที่จังหวัดตากจะแตก แต่พอผ่านพ้นวันไปแล้วก็ยังไม่มีเหตุการณ์ใดๆให้พ้องกับคำทำนายนั้นเลย
แต่คำทำนายนี้ยังใช้ได้ไปอีก 2 เทศกาล นายทองใบบอกว่าไม่รู้ว่าปีใหม่ไหนจะเป็นปีใหม่ฝรั่ง ปีใหม่จีน หรือ ปีใหม่ไทย
ที่พูดถึงตรงนี้ขึ้นมา ไม่ใช่เพราะจะมาซ้ำเติมสิ่งที่นายทองใบเอามาบอกแล้วมันพลาดนะครับ เพราะผมเข้าใจว่าแกก้ไม่ได้จะเอาคำทำนายที่ว่ามาหากินอะไร นอกจากจะสร้างสำนักปฏิบัติธรรม อีกทั้งถ้ามองเรื่องของการก่อสร้างอะไรต่อมิอะไรโดยรัฐบาลไทยแล้วโอกาสที่เมกกะโปรเจคท์เหล่านั้มันจะพังก็มีเพราะคอรัปชั่นมันเยอะเหลือเกิน
เพียงแต่เมื่อมานั่งดูอย่างละเอียดก็พบว่ามันมีความคลาดเคลื่อนบางอย่างในเรื่องมิติของเวลา อีกทั้ง Story ที่ขาดตรรกะบางอย่าง ซึ่งทุกอย่างได้อ้างอิงจากบันทึกของพ่อของเขาเอง
อย่างเรื่องที่ขาดตรรกะนั้น ผมมาอ่านเอาตอนที่เขาพูดเรื่องที่คล้ายๆ จะบอกว่า ปลาบู่นั้นมีตาทิพย์เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า ไล่มาตั้งแต่แกเห็นว่ารถไฟลอยฟ้าในเมืองไทย หรือ รถไฟใต้ดินในเมืองไทย ซึ่งพ่อปลาบู่แกบอกไว้ว่าในปีนั้นยังไม่มีรถไฟฟ้าใต้ดินหรือรถไฟลอยฟ้าอย่างใดอย่างหนึ่ง
อันนี้ไล่กลับมาดูจากคำนิยามที่ปลาบู่บอกพ่อเขาว่า เขาเป็นปู่ของปู่ทวดเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีตาทิพย์ มีหูทิพย์ หมดทั้งตัวเป็นไพฑูยร์ ตอนพระพุทธเจ้ามีชีวิตยังบอกว่า เขาจะได้เป็นพระศรีอาริยเมตไตร…พูดง่ายๆเกิดอะไรขึ้นเขารู้หมด ทั้งเหตุการณ์ในอดีต และเหตุการณ์ในอนาคต รวมไปถึงเรื่องราวต่างๆในโลก เพราะ สิ่งที่เขาบอกออกมาแล้วพ่อจดบันทึกไว้นั้น มันไม่ได้กำหนดขอบเขตอยู่ที่ประเทศไทยเท่านั้น แต่อธิบายเป็นฉากๆ ได้เลย
แต่ถ้ารู้ถึงขนาดนี้ปลาบู่ตาทิพย์ผู้หยั่งรู้เหตุการร์ทั่วโลกต้องทราบว่า รถไฟใต้ดิน และรถไฟลอยฟ้านั้นในต่างประเทศเขาทำกันมานานแล้วก่อนปี 2517 เสียอีก อย่างที่อังกฤษนั้นใช้มาตั้งแต่ปีพศ. 2406 โน่นแน่ะ ก่อนปลาบู่เกิดเกือบร้อยปีทีเดียว ไม่นับในยุโรปอื่นๆและอเมริกานะครับที่ก็เก่าแก่ไม่แพ้กัน เรื่องแบบนี้ปลาบู่น่าจะเล่าให้พ่อของเขาฟังเสียเลยว่าเมืองนอกมีมานานแล้ว และอีกหลายปีถัดมาเราก็จะมีเหมือนกัน คือ ไม่ต้องมาถามว่า “ รถไฟลอยฟ้ามันเหาะได้มั้ยพ่อ” รถไฟใต้ดินมันมุดน้ำได้มั้ยพ่อ” อีกแล้ว
แต่เรื่องที่ผมว่ามันคลาดเคลื่อนจั๋งๆเลยก็คือ เรื่องราวบรรยากาศในช่วงเวลาที่ปลาบู่จะตาย เพราะ เมื่อครั้งที่เด็กชายปลาบู่ซึ่งตายตอนอายุได้ 5 ขวบ 8 เดือน 15 วัน ซึ่งตรงกับปี พศ 2517 หรือปี คศ 1974 อันเป็นปีที่เยอรมันตะวันตกได้แชมป์โลกฟุตบอลในบ้านของเขาเอง จากคำบอกเล่าของนายทองใบบอกว่าเด็กชายปลาบู่ให้พ่อไปซื้อเทปมาอัดเสียงของเขาไว้เพื่อบันทึกเป็นหลักฐาน แต่นายทองใบบอกว่าไม่เชื่อว่าลูกจะตายอย่างที่พุดก็เลยไม่ได้ไปซื้อเทปแต่อย่างไร แต่อาศัยแค่การจดที่ปลาบู่เล่าให้ฟัง…
ความคลาดเคลื่อนจุดนี้เริ่มต้นตรงเรื่องของการไปซื้อเทปมาบันทึก เพราะ ช่วงที่เครื่องบันทึกเทปคาสเซตต์พอจะหาซื้อกันได้ในเมืองไทยด้วยราคาที่ไม่แพงนัก “ไม่ใช่” ช่วงเวลาของปี 2517 อย่างแน่นอนครับ!!
เพราะปีที่เริ่มจะแพร่หลายก็คือ ปี 2519-2520 โดยที่วิทยุเทปคาสเซ็ตต์กระเป๋าหิ้วเสียงโมโนที่ในยุคนั้นจริงๆ ก็มีหลายยี่ห้อทั้ง ซันโย เจวีซี เนชั่นแนล(พานาโซนิก) แต่ที่ยอมรับว่าคุณภาพเจ๋งและมีของหนีภาษีเอามาขายกันและแพร่หลายกันอยู่ในปี 2520 ก็ต้องยี่ห้อ โซนี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรุ่น CF 480 S ซึ่งตามประวัติศาสตร์ของการขึ้นไลน์ผลิต โซนี่ คอปเปอเรชั่น บอกเอาไว้ว่า มันเริ่มต้นเมื่อปี คศ 1976 หรือปี พศ 2519 ครับ แต่กว่าจะเข้ามาสู่เมืองไทย โดยทหารเรือหิ้วมาขายหรือโดยของหนีภาษีก็ในปี 2520 อย่างของที่บ้านผมที่ซื้อมาก็อยู่ในเดือนพฤศจิกายน 2520 เช่นกัน
ของที่บ้านผมนั้นเมื่อซื้อมา เขาจะมีเทปเปล่าแถมมาให้ด้วย 1 ม้วนยี่ห้อ Basf ซึ่งก็คอยเอาไว้อัดรายการวิทยุโปรด แต่จำได้ว่าตอนนั้นที่ได้เครื่องมา จำนวนของเทปคาสเซ็ตที่เป็นงานเพลงก็ไม่ได้เยอะอะไร แผนกเครื่องเสียงและแผ่นเสียงของเซนทรัลเทรดดิ้งหรือเซนทรัล วังบูรพานั้นจำหน่ายหนักไปทางแผ่นเสียงลองเพลย์ครับ เพราะ เสียงที่ออกจากแผ่นนั้นไพเราะกว่ามาจากเทปเยอะ แถมเครื่องเล่นแผ่นตอนนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นแบบ All In One คือมีเครื่องเล่นแผ่นอยู่ด้านบน ส่วนด้านหน้าเป็นเครื่องเล่นวิทยุ เรียกว่าอยากฟังแผ่นก็ฟังได้ อยากฟังวิทยุก็ฟังได้
ขณะที่เทปคาสเซ็ตต์เริ่มเข้ามาเป็นที่แพร่หลายแทนที่เครื่องเล่นแผ่นเสียงในเมืองไทยกันจริงๆ ก็ราวๆ ปี พศ.2518 – 2519 ช่วงเวลาที่หนังดังของเปี๊ยก โปสเตอร์ อย่างวัยอลวน รักอุตลุต นำพาบทเพลงของชัยรัตน์ และสุภาพร เทียบเทียมขึ้นมาฮิตด้วยเพลง น่ารัก ชู้วับชู้วับ ฯลฯ ตามมาด้วยปี 2520 ซึ่งเทปคาสเซ็ตต์ก็แพร่หลายมากขึ้นจากงานโฟล์คซองคำเมืองของ จรัล มโนเพ็ชร และเทปคาสเซ็ตต์มาติดรถดังไปทั่วบ้านทั่วเมืองจริงๆ ก็มาจากอัลบั้มลูกทุ่งดิสโก้ของแกรนด์เอ๊กซ์ที่ออกมาในปี 2522 ในช่วงเวลานี้เองที่เพลงใต้ดินของนักศึกษาที่เข้าป่าไปตั้งแต่ปี 2519 ก็เริ่มมีมาวางขายกันเงียบๆ เทปเพลงฝรั่งของพีค็อกกับโฟร์แทร็กก็เริ่มกันในช่วงเวลาใกล้ๆ เคียงกันนี้ หลังจากนั้นไม่นานก็เป็นช่วงเวลาทองของเทปคาสเซ็ตต์ และแผ่นลองเพลย์ทั้งหลายก็หายไปจากตลาดกลายเป็นของคลาสสิกในเวลาต่อมา
เพราะเหตุการณ์ของเรื่องเครื่องเล่นเทปในบ้านเรามันเป็นอย่างนี้แล้ว ผมก็เลยไม่ชัวร์ว่าที่ปลาบู่บอกให้พ่อไปซื้อเทปมาอัดนั้น แกจะซื้อเทปรีลมาอัดหรือย่างไร คือถ้าอย่างงั้นมันก็แพงสุดๆ ไปเลย ซึ่งดูจากฐานะแล้วไม่น่าเป็นไปได้ อีกอย่างที่เกิดขึ้นจริงในช่วงนั้นก็คือ ถามว่าแล้วตอนนั้นมีการอัดเทปเก็บไว้ได้จริงหรือ คำตอบก็คือมี แต่เป็นลักษณะของการไปจ้างบริษัทเขาอัดมากกว่า โดยเราไปเลือกเพลงที่อยากได้ เขาก็จะอัดต่อจากแผ่นเสียงมาอีกทีหนึ่ง
ข้อสรุปของผมคือ ถ้าปลาบู่จะให้พ่อหิ้วเครื่องมาอัดคำทำนายของแกกันนั้น ปลาบู่ต้องตายช้ากว่าเวลาที่พ่อว่าไว้อีกซัก 4 ปีครับ!!
ความคลาดเคลือนนี้จึงนำไปสู่ความน่าสงสัยในเรื่องที่เขาบอกว่า ปลาบู่แกทายถูกหมดเรื่องเครื่องบินชนตึกเวิล์ดเทรดในปี 2544 เรื่องที่จะมีซึนามิเมืองไทย ในปี 2547 เรื่องที่จะมีแผ่นดินไหวใหญ่ในปี 2552 ฯลฯ คือถ้าปีและเหตุการณ์ใหญ่ๆ มันแม่นยำขนาดนั้น ทำไมช่วงเวลาที่อ้างอิงเรื่องเทปเหล่านี้ถึงได้คลาดเคลื่อนไปได้
จริงๆ ผมก็อดจะคิดเหมือนกันไม่ได้ว่า เด็กชายปลาบู่แกมีตัวจริงในโลกหรือเปล่าหรือมันเป็นแค่จินตนาการที่คุณพ่อเขาสร้างขึ้นเพื่อรองรับบางอย่างที่อยู่ในใจของเขา ส่วนข้อมูลต่างๆ นั้นก็เกิดมาจากการรับรู้ข่าวสารในช่วงหลังๆ นี่เอง
ก็เหมือนเรื่อง Beautiful Mind ที่รัสเซล โครว แสดงจนตัวหนังได้ออสการ์นั่นแหล่ะครับ ที่จอห์น แนช นักคณิตศาสตร์ผู้เสนอทฤษฏีการค้าใหม่ให้แก่เศรษฐศาสตร์ของโลก ก็หลอนกับเรื่องตัวเลขและพูดคุยกับบุคคลในห้วงคิดของเขาอยู่ตลอดเวลา แต่สุดท้ายแล้ว บุคคลที่ว่าก็ไม่มีตัวตนแต่อย่างไร
ความจริงเรื่องของเด็กชายปลาบู่นี้จะน่าเชือถือกว่านี้มากถ้าคุณพ่อของเขาไม่เลือกวิธีที่จะทุบเปรี้ยงและฟังธงเป๊ะๆ ว่าจะเกิดเหตุการณ์เมื่อไหร่ คือถ้าเขาใช้วิธีแบบนอสตราดามั่วหรือนอสตราดามุสที่ใช้การทายไปเรื่อยๆ แบบกำกวมเหมือนหมอดูที่ให้ผู้ที่ตั้งใจจะเชื่ออยู่แล้วเอาไปตีความเข้าข้างเอาเองมันอาจจะให้ผลต่อสังคมมากกว่าที่เป็นอยู่
อย่างเรื่องเขื่อนแตกนั้นถ้าบอกเพียงแค่จะมีมวลน้ำมหาศาลออกมาจากเขื่อนอย่างที่ไม่คาดหมาย อันเนื่องมาจากการคำนวนผิดพลาดของคนตัวเตี้ยๆ และคนงี่เง่าในรัฐบาลหลายต่อหลายตัว จนทำให้เกิดน้ำท่วมบริเวณที่ใต้เขื่อนอย่างมากมายจากนั้นก็ไล่จังหวัดที่เกิดน้ำท่วมมา พร้อมบรรยายถึงสภาพความเสียหาย สภาพที่คนเมืองต้องอพยพหนีน้ำกันจ้าละหวั่น ที่สำคัญควรตบท้ายในคำทำนายต่อด้วยว่า ถ้าปล่อยให้พวกโง่และกระหายจะกินเมืองเหล่านี้รับประทานประเทศกันต่อ ความเสียหายซ้ำซากจะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แค่นี้เองเครดิตของปลาบู่ก็จะพุ่งจู๊ดเป็นจรวดกันทีเดียว คงไม่ต้องมาโดนแจ้งความให้ดำเนินคดีแบบนี้เป็นแน่