ครอบครัว “เสก โลโซ” และ ทีมแพทย์สถาบันธัญญารักษ์เผยอาการเสกดีขึ้น ไม่หวาดระแวงใครจะทำร้าย ไม่เซื่องซึมแต่เบิกบานมากกว่าปกติต้องให้ยาในการรักษา 6 เดือน รวมระยะเวลาพักฟื้นอาจใช้เวลา 6-12 เดือนแล้วแต่อาการ เผยเสกสบายดีสุดแฮปปี้ เล่นกีต้าร์ เล่นเปียโน เปิดคอนเสิร์ตให้คนไข้ฟังทุกเย็น แถมเมื่อปีใหม่ก็สั่งพิซซ่ามาเลี้ยงพยาบาลและคนไข้
หลังจากเข้ารับการบำบัดยาเสพติดที่สถาบันธัญญารักษ์ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ล่าสุด “ปลิว ศุขพิมาย” แม่ของ “เสก โลโซ” เสกสรร ศุขพิมาย “อมร ศุขพิมาย” พี่ชาย , “ทยุตา ศุขพิมาย” น้องสาว และ “อุดม โปร่งฟ้า” ทนายของเสก พร้อมกับ “นายแพทย์วิโรจน์ วีรชัย" ผู้อำนวยการสถาบันธัญญารักษ์ และทีมแพทย์ก็ได้เปิดแถลงข่าวถึงอาการของเสก
โดยทีมแพทย์เผยว่า ขณะนี้เสกมีอาการดีขึ้นตามลำดับ ไม่หวาดระแวงว่าใครจะเข้ามาทำร้ายหรือสะกดรอยตาม ไม่มีอาการเซื่องซึม แต่มีอาการเบิกบานมากกว่าปกติ แพทย์ต้องให้ยาในการรักษาเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน และหลังจากนั้นจึงจะมาประเมินกับญาติของเสกว่า จะเข้ารักษาตามโปรแกรมของโรงพยาบาล หรือกลับไปรักษาตัวที่บ้าน แต่อยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์ และจะต้องเข้ามาตรวจตามกำหนด
“ช่วง 1-2 สัปดาห์แรกเป็นระยะที่สำคัญ ตอนนี้อารมณ์ของเสกก็ดีขึ้น การรับประทานอาหารก็ดีขึ้น แต่อาจจะมีการนอนหลับน้อย แต่สิ่งที่เสกทำได้ดีก็คือเขาจะมีความเอื้ออาทรรักใครต่อผู้ป่วยคนอื่นๆ เขาได้มาเปิดคอนเสิร์ตให้แก่ผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในตึกได้ดู ซึ่งก็เป็นที่ชื่นชอบ เราก็ได้ให้เสกพักผ่อน เราก็ได้มีกีต้าร์ มีเปียโน ซึ่งตรงนี้การที่เขาได้มีสมาธิ การได้อยู่กับตัวเอง ทำให้การรู้สึกตัวต่างๆ ของเขาดีขึ้นค่อนข้างมาก”
“เขาได้พูดถึงสิ่งที่เขากระทำในอดีต และเขาก็ยอมรับว่าความอารมณ์แปรปรวน และการถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเร้าจากคนรอบข้างหรืออะไรก็ตาม แต่ในปัจจุบันความสงบในตัวเขาเกิดขึ้นค่อนข้างเยอะ เขามีสัญญาใจกับผมว่าเขาอยากจะทำอัลบั้มสักอัลบั้มนึงในขณะที่อยู่ที่นี่ เห็นเขาได้เขียนเพลงและเอามาร้องให้ฟังด้วย แต่ผมขออุบไว้ก่อนว่ามีเพลงอะไรบ้าง อันนี้คงจะแถลงในโอกาสต่อไป”
“สำหรับอารมณ์ของเสกในวันนี้ถือว่าดีขึ้นเยอะ ถ้าเทียบกับวันสองวันที่แล้ว แต่เรายังต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 3-4 สัปดาห์น่าจะเป็นที่พอใจ แต่เคสนี้ยังถือว่ายากอยู่ โดยปกติในช่วงระยะแรกเราจะให้ยาเพื่อปรับอารมณ์ให้คงที่ อันนี้ไม่ได้พูดในกรณีคุณเสก แต่บางรายเราจะให้ยาบางตัว อย่างเช่นยาลดภาวะซึมเศร้า เพื่อลดความอยากในการจะใช้สารเสพติด แต่ว่าก็ต้องพิจารณาอีกทีหลังจากผ่านช่วง 1 เดือนแรกไปก่อน”
เมื่อถามถึงขั้นตอนการรักษาว่า หากรักษาไปถึงระยะหยุดการให้ยาจะอนุญาตให้กลับไปรักษาตัวที่บ้านได้หรือไม่? คุณหมออธิบายว่า
“เรามีสองทางเลือก ก็คือหลังจากที่หยุดรักษาบำบัดด้วยยา หลังจากที่ผ่าน 1 เดือนแรก แล้วจะเข้าโปรแกรมฟื้นฟูของทางโรงพยาบาลก็ได้ หรือจะไปฟื้นฟูต่อที่บ้านแต่ว่ามารักษาที่โรงพยาบาลเป็นระยะก็ได้ แต่ต้องเกิดจากการตัดสินใจร่วมกันทั้งทางคณะแพทย์และคนไข้ ซึ่งต้องประเมินดูจากความพร้อมของคนไข้ คนไข้พร้อมที่จะอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลานานหรือเปล่า เพราะคอร์สในการฟื้นฟูต้องใช้เวลา 2-3 เดือนขึ้นไป ถ้าคนไข้สะดวกก็โอเคอยู่โรงพยาบาล แต่ถ้าคนไข้มีธุระที่จะต้องออกไปทำข้างนอกบ้าง และครอบครัวพร้อมที่จะให้ความร่วมมือที่จะให้การบำบัดรักษา ก็สามารถจะเป็นผู้ป่วยนอกได้”
“การบำบัดทั้งโปรแกรมจะใช้เวลานาน 6 เดือนถึง 1 ปี ส่วนกรณีของคุณเสกหลังจากผ่านขั้นตอนแรกแล้ว จากนั้นจึงจะเข้าสู่ขั้นตอนการฟื้นฟูซึ่งจะใช้เวลา 2-3 เดือน และขั้นตอนการติดตามรักษาการมาพบแพทย์ก็จะอยู่ในระยะ 6 เดือนถึง 1 ปี อย่างกรณีของคุณเสก 1 เดือนน่าจะประเมินได้แล้ว แล้วเราจะตัดสินใจร่วมกับทางญาติ โดยเฉพาะตัวคุณเสกเอง ซึ่งถึงตอนนั้นเราเชื่อว่าสภาวะการตัดสินใจน่าจะสมบูรณ์แล้ว แต่ทักษะการร้องเพลงยังเยี่ยมนะ(หัวเราะ)”
“การรักษาในแต่ละรายจะมีความแตกต่างกัน ซึ่งของคุณเสกเรายอมรับว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา การปรับตัวเรื่องอารมณ์ของเขาดีขึ้น แต่ก็คงจะต้องดูอาการเป็นระยะๆ เสกมีอาการระแวงตอนนี้มีไม่มากแล้ว เป็นลักษณะที่ว่าระวังระไวมากกว่า อย่างการที่เขาเคยพูดว่ามีรถตามเขา เขาบอกว่าอยากจะขอโทษแกรมมี่ เพราะมันเป็นอาการที่เกิดจากอาการระวังระไวของคนที่ใช้สารกระตุ้น แต่ ณ ปัจจุบันอาการนั้นคุณเสกบอกว่าไม่มีแล้ว”
“แต่อารมณ์ฉุนเฉียวยังมีอยู่ บางทีหงุดหงิดง่าย ยาที่เราให้เป็นยาที่ใช้ปรับอารมณ์ให้คงที่ ในเรื่องของสิ่งเร้าต่างๆ ที่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นการกดดันต่างๆ ไปกระตุ้นเขา มันก็จะทำให้เขามีอาการที่ไม่รุนแรงจนเกินไป อาการของเสกที่ดูอย่างน้อยต้องอยู่ในสถาบันธัญญารักษ์ 1 เดือน แต่โปรแกรมต่อไปถ้าอาการดีขึ้นมาก และเรามั่นใจว่าจะได้รับยาต่อเนื่อง ซึ่งเราต้องปรึกษากับทางครอบครัวด้วยว่าจะสามารถกลับบ้านได้หรือเปล่า อันนี้กรณีที่หนึ่ง แต่ไม่ได้บอกว่าต้องอยู่ในสถาบันฯ 6 เดือนนะ แต่ระยะที่ต้องรับยาอย่างน้อยต้อง 6 เดือน แต่ช่วงเดือนแรกนี่สำคัญเพราะเป็นช่วงปรับยา ปรับอารมณ์คนไข้ด้วย โดยรวมคุณเสกอารมณ์ดีขึ้นมาก”
“ส่วนการพูดคุยกับสื่อคิดว่าคุณเสกน่าจะได้มีโอกาส ถ้าหากเขาได้มีการควบคุมอารมณ์ ถ้าเขาถูกกระตุ้นจากสื่อมวลชนแล้วเขาสามรถจะนิ่งได้ก็คงจะมีความพร้อม แต่ตอนนี้ความพร้อมตรงนั้นก็ยังไม่มี คงต้องรอสักระยะนึงถึงจะได้มาแถลงข่าวร่วมกัน ซึ่งต้องขอเรียนตามตรงว่า ที่เราไม่อยากให้เยี่ยมก่อนหน้านี้เพราะไม่อยากให้ผู้ป่วยมีเรื่องไม่สบายใจ เช่นคำถามที่บางทีอาจจะไปกระทบจิตใจผู้ป่วย ไม่อยากให้คุณเสกได้รับตรงนี้ ถ้าได้มีโอกาสสัมภาษณ์ก็อยากให้ถามคุณเสกในเชิงสร้างสรรค์”
“ส่วนการเจอหน้าอดีตภรรยา คือไม่ว่าจะเป็นการเจอหน้าใครก็ตามแต่ต้องอยู่ที่การตอบสนองของเขา ว่าอยู่ในช่วงอารมณ์ไหน ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่าเราก็คงจะต้องศึกษาไป เพราะผมเชื่อว่าต่อให้เป็นทั่วไปเวลาเจอกันไม่ว่าจะกับเพื่อนหรือคนรัก ก็อาจจะมีช่วงที่ยิ้มให้กันหรืองอแงกันบ้าง แต่ในขณะที่ตอนนี้เขาไม่สบายอยู่ เราอยากให้เขาโฟกัสอยู่กับตัวเขาเองซึ่งมันจะดีที่สุด”
ด้าน “นางปลิว” แม่ของเสกเผยความรู้สึกว่า รู้สึกดีใจที่เสกเข้าทำการรักษา แพทย์ดูแลรักษาเสกดีมาก ขณะที่ “นายอมร” พี่ชายของเสกนั้นบอกว่า น้องชายมีอาการดีขึ้น และเปิดคอนเสิร์ตเล่นดนตรีให้คนไข้คนอื่นๆ ฟังทุกเย็น แถมเมื่อช่วงปีใหม่ยังโทรสั่งพิซซ่ามาเลี้ยงเพื่อนผู้ป่วยอีกด้วย
นางปลิว “พอใจกับผลการรักษาค่ะ หมอรักษาดีเขาดีขึ้นเยอะเลยค่ะ เขาก็บอกว่าแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ และจะเอาดอกไม้ให้แม่ กำลังใจเสกก็ดี ดีใจที่เขาได้รับการรักษาที่ถูกต้อง
นายอมร “เขาก็บอกตลอดว่าแม่ไม่ต้องห่วงเด้อ เขาสบายดี ที่ผ่านมาแม่ทำกับข้าวที่เสกชอบทานมาให้บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริก พวกผักต่างๆ ผัดหมูอะไรพวกนี้ ตอนนี้อ้วนขึ้นด้วยครับ หน้าใสไม่เหมือนกับตอนที่มาช่วงแรก เขาอยากให้แม่มาเยี่ยมบ่อยๆ เขาบอกยังอยากกลับมาร้องเพลงเหมือนเดิม 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะเสกเป็นคนของประชาชนอยากจะร้องเพลงให้ทุกคนฟัง เขาขาดไม่ได้หรอก การที่ประชาชนให้การต้อนรับเขามันทำให้เขามีกำลังใจ
“อย่างเมื่อปีใหม่เขาบอกเขาโทรสั่งพิซซ่ามาเลี้ยงเพื่อนๆ ที่อยู่ในโรงพยาบาลด้วยกัน แต่บอกแม่ว่าไม่มีเงินจ่ายหรอกนะขอยืมพันนึงเขาพูดเป็นภาษาโคราช(หัวเราะ) ผมไม่ค่อยได้มาเยี่ยมแต่แม่มาเรื่อยๆ”
ทนายอุดม “ตอนนี้คุณเสกแต่งเพลงค่อนข้างเยอะ เพราะมีเวลาว่างเยอะ แล้วเขาเป็นคนหัวไว เขาบอกว่าชีวิตเขาเกิดมาเพื่อร้องเพลง อยากกลับมาออกอัลบั้ม เราได้ไปขอโทษทางแกรมมี่แล้ว ทั้งอากู๋ ไพบูลย์ คุณเล็ก บุษบา และคุณกริช ทอมมัส ทุกคนรู้ว่าเมื่อก่อนเสกไม่ได้มีนิสัยก้าวร้าวแบบนี้ วันนั้นมันไม่ใช่ตัวเขา เชื่อว่าผู้ใหญ่จะให้อภัย(กลัวกระแสตอบรับลดน้อยลงมั้ย?) เราก็คิดในจุดนี้อยู่แต่ก็ทำใจอยู่แล้ว ต่อไปก็อยู่ที่คุณเสกที่จะตัดสินใจ เพราะหลังจากนี้เขาตั้งใจที่จะไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ ไปทำสาธารณะกุศล ไปช่วยป.ป.ส.เพื่อรณรงค์ให้เห็นโทษภัยของยาเสพติด เขาเสนอตัวเองเลย”
“ต้องขอขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้ความร่วมมือ ตั้งแต่ที่เสกเข้ามารับการบำบัดสื่อก็ไม่ได้มาทำข่าวซอกแซกว่าคนไข้อยู่ยังไงมีความเป็นอยู่ยังไง และสื่อสารไปในทางสร้างสรรค์และเป็นผลบวกกับคุณเสก ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาล ทางคุณกานต์ได้หย่าขาดจากทางคุณเสกไปแล้ว เขาก็คงไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวในเรื่องของการดูแลรักษา แต่ถ้าเขาจะมาเยี่ยมในฐานะเป็นแม่ของลูกเป็นเรื่องปกติ แต่ค่ารักษาพยาบาลครอบครัวศุขพิมายออกเองทั้งหมด”
“ส่วนเรื่องคดีความที่หย่ากันแล้ว มีสื่อหลายท่านที่สอบถามผมมา ผมขอเรียนว่าคนไข้ยังอยู่ในภาวะที่เครียดเรื่องครอบครัว ดังนั้นเราไม่อยากพูดในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสินสมรสหรือการฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดู ซึ่งจากที่คุณหมอบอกว่าคุณเสกสามารถรักษาหายและกลับมาดูแลทรัพย์สินและครอบครัวของตัวเองได้ และตอนนี้ทางญาติก็ได้ให้คุณกานต์เข้าไปดูแลทรัพย์สินที่เป็นบ้านที่ซอยวัชรพล รวมถึงทรัพย์สินที่เป็นชิ้นใหญ่ๆ ในระหว่างที่คุณเสกรักษาตัว ส่วนทรัพย์สินปลีกย่อยอย่างเงินบัญชีอะไรต่างๆ คุณแม่กับน้องสาวคุณเสกเป็นคนดูเล และผมก็มคำสั่งว่าห้ามยุ่งกับทรัพย์สินจนกว่าคุณเสกจะออกมาและดูแลทรัพย์สินของเขา”
สำหรับกรณีที่มีข่าวว่า “กานต์” อดีตภรรยาของเสก ฟ้องร้องเรียกค่าเลี้ยงดูเป็นเงิน 50 ล้านบาทนั้น “อุดม โปร่งฟ้า” ทนายของเสกเปิดเผยว่า
“จะถามแล้วถามอีกผมก็ขออนุญาต เพราะมันจะเป็นผลกระทบโดยตรงกับตัวคุณเสก และคุณกานต์ ความเป็นจริงเราอยากให้ทั้ง 2 คนกลับมาคืนดีกัน อยู่ในครอบครัวเดียวกัน เพื่อที่จะให้ลูกต้องมีปมด้อย ซึ่งในวันนี้เราก็ให้คุณกานต์พาลูกทั้งหมดกลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว กุญแจรถปอเช่เราก็เอาไปให้ ตอนที่คุณเสกเองมีสติสัมปชัญญะอยู่เขาได้มอบอำนาจให้ผมเป็นคนดูแลได้ แต่ผมก็ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ดังนั้นสินสมรสทั้งหมด ถ้ามีปัญหากันจริงๆ เราแบ่งอย่างเป็นธรรมแน่นอน เรื่อง 50 ล้าน จริงหรือไม่นั้น ขออย่าให้กระทบมากกว่านี้เลย ก่อนหน้านี้คุณกานต์ก็มาเยี่ยม แต่การมาแต่ละครั้งไม่ว่าเป็นญาติหรือใครก็แล้วแต่ ต้องอยู่ในความดูแลของคุณหมอ เพราะคุณเสกอยู่ในช่วงบำบัด ถ้าเขาเกิดอยากยาขึ้นมาแล้วสั่งยา มันจะมีปัญหา”