xs
xsm
sm
md
lg

"เสก" เข้าบำบัดแล้ว ด้าน ป.ป.ส.ชี้ ไม่สามารถเอาผิดเสกได้เพราะเจ้าตัวยอมรับ และยอมบำบัด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอมร ศุขพิมาย (แสน นากา) พี่ชายของเสก และ นางปลิว ศุขพิมาย แม่ของเสก
"เสก" เข้าบำบัดอาการติดยาแล้ว แพทย์เผยตรวจพบแอมเฟตามีนในร่างกายเสกแต่ไม่ทราบชนิด ต้องรอเจ้าตัวอาการดีขึ้นก่อนจึงจะถาม แจงอาการของเสกถือเป็นขั้นที่รุนแรงที่สุดของผู้ติดยา ต้องใช้เวลารักษาอย่างน้อย 4 เดือน ด้าน ป.ป.ส.ชี้ ไม่สามารถเอาผิดเสกได้เพราะเจ้าตัวยอมรับและยอมบำบัด

หลังออกมายอมรับว่า ตนเองติดสิ่งเสพติดจากกรณีถูกอดีตภรรยาเผยแพร่ภาพออกมา ล่าสุดมีรายงานว่า ทางด้านของนักร้องชื่อดัง "เสก โลโซ" ได้เดินทางเข้ารับการบำบัดอาการติดยาแล้ว ด้านความเคลื่อนไหวของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ที่นักร้องดังมีกำหนดจะเข้ามาให้ข้อมูลในวันนี้ (29) นั้น ทางด้านของ เสก โลโซ ได้ทำหนังสือขอผ่อนผันพร้อมส่งทนายไปเป็นตัวแทน

โดยในวันนี้ได้มีการเปิดแถลงข่าวขึ้นที่ ป.ป.ส. ซึ่งมี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เลขาธิการ ป.ป.ส.ร่วมด้วย นายถิรชัย วุฒิธรรม เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, นายแพทย์ บุญเรือง ไตรเรืองวรรัตน์ ผอ.ศพส.กระทรวงสาธารณสุข, นายณรงค์ รัตนานุกูล รองเลขาธิการ ป.ป.ส., นางปลิว ศุขพิมาย มารดาเสก, นายอมร ศุขพิมาย (แสน นากา)พี่ชาย, นายอุดม โปร่งฟ้า ทนายส่วนตัวเสก และ นายแพทย์ อังกูร ภัทรากร รองผู้อำนวยการสถาบันธัญญารักษ์ แพทย์เจ้าของไข้ เสก โลโซ ร่วมในการแถลงข่าวด้วย

โดย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เลขาธิการ ป.ป.ส.เปิดเผยว่า... "สืบเนื่องจากภาพของเสก โลโซ กำลังประกอบการยาเสพติด ป.ป.ส.ในฐานะเจ้าพนักงานได้ใช้ พรบ.อำนาจการปราบปรามยาเสพติด พ.ศ.2519 เชิญตัว เสก โลโซ มาเพื่อให้ข้อมูลโดยเราได้ยื่นหนังสือไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว นี่ก็ครบกำหนด 7 วัน ก่อนหน้านี้เราเองได้ประสานงานไปยังครอบครัวของเสก"

"โดยได้ทราบว่าเสกเองได้มีการปรึกษากับผู้ใหญ่ แล้วทางครอบครัว ทนายความก็ได้มาหารือกับทางเรา เพราะอาการของเสก โลโซน่าเป็นห่วง จึงแนะนำให้เขาเข้ารับการบำบัด ซึ่งเสกเองก็สมัครใจที่จะเข้ารับการบำบัดโดยเร่งด่วนเมื่อวานนี้ วันนี้ทางแม่ของเสกและทนายได้เดินทางมาหาเราเพื่อขอผ่อนผันการให้ปากคำ หลังจากที่เสกบำบัดครบถ้วนแล้วก็จะเดินทางมาให้ปากคำต่อไป ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของกฏหมาย"

"ในส่วนของ ป.ป.ส. เราได้รวบรวมข้อมูลหลักฐานเบื้องต้นอยากให้เขาเข้ามาให้ปากคำกับเราก่อน แต่ตอนนี้เราเองก็มีข้อมูลพอสมควรแล้ว กรณีเสกเป็นเรื่องของบทเรียนสำคัญที่เราจะได้มองเห็นภาพว่าจริงๆ แล้วเรื่องของยาเสพติดสำคัญมาก ทำได้เลยว่าทำลายทุกอย่าง และยังมีเรื่องของอารมณ์และจิตใจที่เขาเป็นเสกอยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนไปเร็วมาก และถ้าไม่รีบรักษาเขาก็จะมีปัญหาในอนาคต"

"เราเองได้มีการประชุมกับค่ายเพลงต่างๆ ได้มีมติว่าสัญญาที่จะระบุต่อไปกับศิลปินดาราในค่ายต่างๆ ถ้าพบว่าเสพยาเสพติดจะต้องพ้นสภาพการเป็นสมาชิกในค่ายเพลง และสั่งแบนผลงานถึง 2 ปีด้วยกัน โดยจะใช้มาตรการทางกฏหมายเข้ามาควบคุมอย่างจริงจัง นี่เป็นความร่วมมือที่จะทำให้สังคมดีขึ้นเพราะดาราเป็นตัวแบบของสังคม เสกเองก็ได้เดินเข้าสู่ทางกฏหมายอย่างเคร่งครัด คือการเข้าสู่การบำบัดอย่างสมัครใจ และจะเข้ามาร่วมมือกับเราหลังจากที่ได้รับการบำบัด และทางบริษัทเองจะระงับการโปรโมทผลงานเขา 2 ปี"

มาตรการการขยายผลไปยังศิลปิน-ดาราต่อไปจะมีการจัดการยังไงบ้าง?

"มาตรการเราไม่นิ่งนอนใจ เราเร่งปราบปรามอยู่แล้วหากรู้เบาะแส ซึ่งยาไอซ์เองเป็นตัวที่สำคัญในช่วงนี้ เรามีมาตรการจัดการกับเป้าหมายรายสำคัญทั้งผู้ค้าและผู้เสพ ทั้งรายใหญ่และรายย่อย สื่อควรใช้กรณีนี้แจ้งเตือนไปยังศิลปิน ดารา รวมถึงประชาชนทั่วไปที่ยังมีการใช้กยาเสพติด หากรู้ตัวก็เข้าสู่การบำบัดซะ จากการพิจารณาในกรณีของเสกก็คิดว่าจะให้รับการผ่อนผันไปก่อน 30 วันเพื่อให้เขาเข้าสู่การดูแลของแพทย์ ส่วนในเรื่องของการเป็นพรีเซ็นเตอร์อะไรเหล่านั้น เราต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ"

ด้าน นายณรงค์ รัตนานุกูล รองเลขาธิการ ป.ป.ส. แจงว่า... "เราทราบจากสื่อว่าเสกเขาเสพยาแล้วออกมายอมรับกับสื่อ ในข้อมูลเท่านี้สำหรับการดำเนินคดีมันไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ เพราะข้อหาเสพยาจะต้องมีหลักฐานต่างๆ พร้อมกับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกันในผลของปัสสาวะว่าเป็นยาเสพติดประเภทไหน ชนิดไหนที่จะไปกล่าวหา และดำเนินการในขึ้นตอนต่อไป"

"แต่ในกรณีนี้เรายังไม่พบ แต่เมื่อเกิดภาพต่อสาธารณชนมากๆ เข้า ทางเราเองในฐานะดูแลนโยบายด้านยาเสพติดก็เลยต้องใช้อำนาจทางพระราชบัญญัติเรื่องของยาเสพติด พ.ศ.2519 เชิญตัวคุณเสกเข้ามา เพื่อที่จะเข้ามาให้ข้อมูลว่าจริงๆ แล้วเรื่องมันเป็นยังไง โดยใช้อำนาจตามมาตรา14 ว่าในเรื่องของการให้ข้อมูลเบาะแสเรื่องของยาเสพติด"

"ถ้าไม่เข้ามาจะสามารถเอาผิดได้โดยใช้มาตรา16 ในการเชิญเขาเข้ามา เนื่องจากยาเสพติดเป็นปัญหาร้ายแรง ถ้าเสกเข้ามาและยินยอมพร้อมใจเข้ารับการบำบัด เราก็มีกฏหมายพระราชบัญญัติ พ.ศ.2522 มาตรา94 กำหนดไว้ว่าถ้าในกรณีผู้เสพหรือผู้ติดยอมรับและสมัครใจเข้าบำบัด ก็สามารถเข้าบำบัดได้โดยไม่ต้องแจ้งข้อกล่าวหา แล้วถ้าเข้าบำบัดตามขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุขก็สามารถออกมาเป็นคนดีของสังคมได้ โดยไม่มีความผิดอะไรทั้งสิ้น"

"ซึ่งเสกเองตอนแรกเขาเป็นคนขอนัดเข้ามา แต่ทางแม่และทนายมาบอกเราว่าเสกยังมีอาการที่ติดยา คุณหมอที่เข้ามาประชุมด้วยก็บอกว่าอย่างนี้ต้องเข้ารับการรักษาเสียก่อน ทางครอบครัวจึงตัดสินใจพาเสกเข้ารับการรักษา และนัดเราเข้ามาเพื่อจะมายื่นหนังสือขอขยายระยะเวลา เราก็คงจะพิจารณาประกอบไปกับความเห็นของทางแพทย์ว่า ในกรณีนี้ควรจะขยายระยะเวลาได้เท่าไหร่ที่จะมาให้ปากคำตามหนังสือที่เรายื่นไป"

ขณะที่ นายแพทย์ บุญเรือง ไตรเรืองวรรัตน์ ผอ.ศพส.กระทรวงสาธารณสุข กล่าวเสริมถึงการรักษาและบำบัดเสก..."ทางคุณเสกเองสมัครใจที่จะมาเข้ารับการบำบัด เขามาด้วยอาการสงบไม่มีอาละวาดอะไรครับ ทางสาธารณสุขเองได้ชี้แจงถึงขั้นตอนในเรื่องของการบำบัดสำหรับคนไข้"

"ผมขอเรียกเสกว่าคนไข้แล้วกันนะครับ เราได้รับคนไข้เข้ามารักษาในสภาพที่มีอาการอ่อนเพลีย ประกอบกับข้อมูลของทางญาติที่ให้ว่ามีการใช้สารเสพติด เมื่อมีการตรวจก็ได้รับการยืนยันว่ามีการเสพสารเสพติดอยู่จริง เมื่อตรวจร่างกายก็พบสภาพร่างกายที่อ่อนแอและอ่อนเพลีย มีอาการทางอารมณ์ทางสมองที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเป็นผลจากการใช้ยาเสพติดในระยะเวลาที่นานพอสมควร"

"สารเสพติดที่เราพบในตัวคนไข้ เป็นสารเสพติดประเภทกระตุ้นด้วยแอมเฟตามีน ก็อาจจะมีการใช้หลายแบบส่วนใหญ่ก็คงเป็นสูดดม จะเป็นยาไอซ์ ยาอี ยาบ้า ยาเลิฟหรืออะไรก็ตามแต่ จัดอยู่ในกลุ่มนี้ทั้งหมด ขึ้นตอนการรักษามี 4 ขั้นตอนด้วยกัน คือการเตรียมการสำหรับการดูแลผู้ป่วย สองคือการให้ยาเพื่อเข้าไปทดแทนในช่วงที่เขาเสพยา สามเป็นขั้นตอนของการฟื้นฟู และสุดท้ายเป็นขั้นตอนติดตาม"

"ช่วงนี้ก็อยู่ในช่วงดูแลหลังจากที่เขาใช้สารเสพติด และก็ให้ยาทดแทน ให้เขาได้พักผ่อนเพื่อลดอาการของผลข้างเคียงที่มาจากการใช้ยา ก็คงต้องให้เวลากับเขาพอสมควรเพราะสารเสพติดตรงนี้มันไม่ได้ติดเฉพาะร่างกาย พวกนี้ต้องใช้เวลารักษาอย่างน้อย 4-6 เดือนในการดูแลรักษา"

"ระยะเวลาในการใช้ยาของคนไข้จากการที่คนไข้เข้ามา มีอาการอ่อนเพลียและหลับ ในประวัติก็ไม่พบจึงต้องรอให้คนไข้อาการดีขึ้นก่อน ทางเราจะทำการสอบถามอีกที แต่เท่าที่ดูจากอาการน่าจะใช้ยามามากกว่า 1 ปีขึ้นไป ด้วยความที่มีผลแทรกซ้อนทางด้านอารมณ์ ซึ่งถือเป็นขั้นที่ผู้เสพที่อยู่ในขั้นติดมากรุนแรงที่สุด"

"ยาเสพติดก็คือสารเคมีนี่คือโรคชนิดนึง เป็นโรคของการเปลี่ยนแปลงสภาพสมอง เกิดจากสารเคมีที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่นิสัย เป็นโรควิกลจริตหรือโรคบ้าแต่อย่างใด แต่นี่คือโรคที่ติดเชื้อจากสารเคมี เมื่อไหร่ก็ตามที่ตรวจพบสารเคมีจำพวกนี้ในร่างกายเขาผู้นั้นคือคนป่วย ถือเป็นคนไม่สบาย ซึ่งอาจจะมีอาการหูแว่ว หรืออาการทางสมองได้ เท่าที่พูดคุยคนไข้มีความตั้งใจที่อยากจะหาย เพื่อกลับไปเป็นขวัญใจประชาชนอีกครั้ง เบื้องต้นประเมินแล้วสามารถรักษาได้ครับ อย่างที่บอกคนไข้มาในอาการสงบไม่มีคลุ้มคลั่ง เป็นคนไข้ที่น่ารักมากครับ"

นายอุดม โปร่งฟ้า ทนายส่วนตัว เปิดใจในฐานะผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับเสกมากที่สุดคนหนึ่ง

"ผมเองเป็นตัวแทนของครอบครัวศุขพิมาย มาปรึกษากับทางท่านถิรชัยตลอดว่าเราจะทำยังไงให้เป็นทางออกของสังคมและตัว เสก โลโซ ก่อนที่จะได้หมายเรียกทางเสกเองก็ได้ปรึกษากับผมว่าอยากจะขอเข้าบำบัดกับทางโรงพยาบาล เพราะอยากจะเลิกเสพยาให้ได้จะต้องทำยังไงบ้าง"

"สาเหตุที่เขาต้องเสพยามันมีหลายๆ ปัจจัยซึ่งผมเองไม่สามารถเปิดเผยได้ตรงนี้ แต่สำคัญคือเขาต้องการที่จะเข้ารับการบำบัด ผมเองประสานไปหลายที่ แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ จนมาตาสว่างเมื่อรองเลขา ป.ป.ส.ได้เรียกผมเข้ามาพบในวันที่ 27 ธันวาคม ที่ผ่านมา ก็ได้รับการแนะนำโรงพยาบาลที่จะพาเสกเข้ารับการบำบัด ซึ่งเป็นโรงพยาบาลบำบัดจิตอันดับ 1 ของเอเชีย ที่รักษาผู้ป่วยทางด้านยาเสพติด คือโรงพยาบาลธัญญารักษ์ พอมาปรึกษากับทางเสกและคุณแม่เสกแล้วทุกคนก็ยินดี เราจึงพาเสกเข้ารับการบำบัดที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม ที่ผ่านมา ตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการรักษาตัวจนกว่าจะหาย และยินดีปฎิบัติตามหลักเกณฑ์ของแพทย์ และกฏหมายทุกประการ"

"ตัวผมเองอยู่ใกล้ชิดกับเสกมากที่สุดตั้งแต่เกิดเรื่องภาพ เรียกว่าแทบจะนอนอยู่ด้วยกัน48 ชั่วโมง ผมเฝ้าติดตามอยู่กับเขาตลอด เพราะเป็นห่วงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยเขามีอารมณ์ศิลปิน จะมีอารมณ์ที่ค่อนข้างอ่อนไหว ผมสามารถยืนยันแทนตัวเสกได้เลยว่าเสกพยายามจะบำบัดตัวเองจากยาเสพติดจริงๆ ครั้งนี้เขาเต็มใจที่จะเข้ารับการรักษา"

ทราบแหล่งที่มามั้ยว่าเสกเอายามาจากไหน?

"ผมกับเสกเราจะคุยกันแต่เรื่องทั่วไป ในเรื่องของการใช้ยาเราไม่กล้าถามเนื่องจากอารมณ์เขาจะขึ้นๆ ลงๆ เลยจะต้องเลี่ยงคำถามที่จะไปทำลายความรู้สึกของเขา ก็เลยไม่ได้ข้อมูลมากมาย ตัวผมเองไม่เคยเห็นเขาเสพยาหรือเห็นอุปกรณ์เสพยาใดๆ ตลอดที่อยู่ด้วยกัน"

อย่างที่เสกเคยบอกว่าถูกตามทำร้ายนี่เป็นเพราะหลอนจากฤทธิ์ยาหรือว่าเขาถูกติดตามจริงๆ?

"ก็เป็นไปตามที่ถามครับ อย่างเวลาที่เห็นรถวิ่งไปมาก็บอกว่ามีคนตาม ครั้งสุดท้ายที่เขาไปเล่นคอนเสิร์ตที่บุรีรัมย์ เขาขับรถไปเอง เห็นรถวิ่งไปวิ่งมาก็บอกว่ามีรถที่ตามเขามา ซึ่งเป็นพฤติกรรมของผู้ที่ติดยาเสพติด คือจะคิดผูกพล็อตเรื่องไปมาในลักษณะคือเป็นการคิดไปเองของเขา จึงจำเป็นต้องพาเขาเข้ารับการบำบัด ซึ่งจริงๆ มันไม่มีเหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้น"

"การพูดคุยกันบางครั้งเขาก็รู้ตัว บางครั้งเขาก็หลอนจิตของเขามันจะอ่อนไหวมาก ต้องบอกว่าการแถลงข่าวอะไรต่างๆ นานาที่เขาทำออกไปมันไม่ใช่ตัวเขาเอง แต่พอเขารู้สึกตัวกลับมาเป็นตัวเขา เขาจะพูดเสมอว่าเขาเป็นห่วงแฟนเพลง เป็นห่วงพี่น้องประชาชนของเขามากๆ ตัวเขาเองจะเล่นเฟซบุ๊ก เล่นเครื่องมือสื่อสารเรียกว่าค่อนข้างติดเลยด้วยซ้ำ เขาก็จะติดตามความเคลื่อนไหว ความนิยมในตัวเขา หลังๆ กระแสค่อนข้างจะเป็นลบกับตัวเขา เขาจึงหาวิธีการก็มาปรึกษาผมว่าเขาจะทำอย่างไรเพื่อจะออกมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ บอกกล่าวกับพี่น้องประชาชนว่าเขาจะเลิก ไม่เสพมัน"

เมื่อถามว่าที่เสกตัดสินใจเข้ารับการบำบัดเพราะรู้สึกว่าควบคุมมันไม่ได้เหมือนอย่างที่เคยแถลงข่าวไว้ใช่หรือไม่? เจ้าตัวก็ออกตัวแทนว่า..."อย่างใช้คำว่าควบคุมไม่ได้ เสกเองได้หยุดการเสพมา ผมเชื่อว่าอย่างน้อย 1 สัปดาห์"

ด้าน นายถิรชัย วุฒิธรรม เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ชี้แจงว่า

"ผมเองเหมือนอยู่ในหมวกสองใบ ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทวงยุติธรรม ซึ่งก็เป็นรัฐมนตรีกำกับดูแล ป.ป.ส. อยู่ ส่วนนึงก็เป็นคนที่ครอบครัวศุขพิมาย โดยมีทนายอุดม โปร่งฟ้า ให้ความเชื่อถือมาปรึกษาหารือถึงพฤติกรรมของ เสก โลโซ ขอเรียนยืนยันอีกครั้งว่าเขามุ่งมั่นที่จะเข้ารับการบำบัด โดยคำแนะนำของทางญาติและทนายความ ซึ่งถือว่าเขาได้แสดงเจตนารมณ์สำนึกผิดรับในสิ่งที่เกิดขึ้น และพร้อมที่จะมาให้ปากคำหลังมีการบำบัดฟื้นฟูเบื้องต้นก็ประมาณ 1 เดือนเป็นอย่างต่ำ"

"ส่วนตัวผมคิดว่านี่เป็นเรื่องดีและถือเป็นกรณีตัวอย่าง ในเมื่อคนที่ทำผิดแล้วสำนึกและขอโอกาสกลับตัว ประเทศไทยเองเป็นดินแดนแห่งโอกาส วัฒนธรรมไทยเราก็จะมองว่าคนที่ทำผิดแล้วสำนึกผิดนั้นสังคมพร้อมที่จะให้อภัย และกลับตัวเป็นคนดีของสังคมต่อไป ในส่วนนึงของ เสก โลโซ เองก็ถือว่าเป็นบุคคลที่ทำประโยชน์ให้กับวงการบันเทิง ก็อยากให้เห็นคุณค่าของเขา ในเมื่อเขาสำนึกแล้วก็อยากให้เขาได้มีโอกาสออกมาสร้างสรรค์ผลให้กับพี่น้องแฟนเพลงได้อีก ผมเสียดายหากพวกเราไม่ช่วยให้โอกาส ฟื้นฟูจิตใจของคนเหล่านี้ให้กลับมาเป็นส่วนนึงของสังคมได้ เขาเองก็ค่อนข้างที่จะเป็นศิลปินที่มีความละเอียดอ่อนอยู่"

"อีกประเด็นนึงผมได้โทรไปประสานกับคุณไพบูลย์(ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม) เมื่อวานนี้ ทางคุณไพบูลย์ก็ฝากผมมากราบเรียนสื่อมวลชนวันนี้ โดยอนุญาตให้กล่าวถึงได้เลยว่าทางแกรมมี่ไม่ได้รู้สึกติดใจในพฤติกรรมก้าวร้าว เพราะคุณไพบูลย์เองก็ตระหนักดีว่าในตอนที่พูดเสกเขาไม่ได้เป็นตัวเสกเอง เขาพูดในขณะที่เขาเป็นผู้ป่วยติดสารเคมี"

"และแกรมมี่เองก็พร้อมตลอดเวลาถ้าในอนาคตเสกจะได้เข้ารับการบำบัดทางกฏหมายเรียบร้อยแล้ว ทางแกรมมี่ก็พร้อมที่จะให้โอกาสกลับมาร่วมงานกัน แถมท้ายอีกนิดนึงด้วยว่าในช่วงที่เสกพูดก้าวร้าวออกไปนั้น ในช่วงที่เสกเขาอาจจะรู้สึกตัวได้ก็ยังส่งเอสเอ็มเอสมาขอโทษคุณไพบูลย์ ตอนนี้คุณไพบูลย์เองก็ยังเก็บข้อความนี้ไว้ เพราะตระหนักดีว่าในช่วงนึงที่กระทำไปนั่นไม่ใช่ตัวเสก พอเสกกลับมาเป็นเสกรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปก็ส่งข้อความมาขอโทษ"

"ซึ่งก็อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านความรู้สึก แน่นอนว่าในส่วนที่รู้สึกสำนึกดีนั่นเขาจะต้องกลับมายังไงก็อยากให้สื่อมวลชนช่วยเป็นสื่อในกระบวนการคืนคนดีสู่สังคม อนาคตเขาก็อาจจะมาเป็นแรงสำคัญในการมาช่วย ป.ป.ส. เผยแพร่เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ได้ ซึ่งเสกเองก็พร้อมที่จะทำหน้าที่นี้อยู่ตลอดเวลาในฐานะที่ผมเป็นคนกลาง และเป็นสักขีพยานร่วมรับรู้มาตลอด ขอยืนยันตรงนี้และอยากจะให้คิดเป็นมิติเดียวกัน โอกาสการสำนึกตัวคืนคนดีกลับสู่สังคม ขอโอกาสเสกเขากลับคืนมา"

นายแพทย์ อังกูร ภัทรากร รองผู้อำนวยการสถาบันธัญญารักษ์ แพทย์เจ้าของไข้ เสก โลโซ เผยถึงความคืบหน้าการรักษาให้ฟังว่า...

"อย่างที่ทราบดีว่าอาการของผู้ป่วยอาจจะมีหูแว่ว ประสาทหลอน หลงผิดคิดอะไรไปต่างๆ นานา แต่ก็จะมีบางช่วงบางตอนที่เขาแสดงความรู้สึกที่ค่อนข้างดี อย่างเมื่อคืนนี้ เขาก็ได้มีการพูดคุยสอบถามกับทางเราว่า ครอบครัวของเขาเป็นอย่างไรบ้าง ก็บอกเขาไปว่าทางครอบครัว คุณแม่ของเขาสบายดีไม่ต้องเป็นห่วง แล้วก็ฝากบอกไปถึงทุกๆ คนที่อยู่ข้างนอก"

"ซึ่งอาการของเสกที่เราไม่ได้นำมาเผยแพร่ต่อสาธารณชนมาก เพราะราอยากให้เขาไปรักษาตัวอย่างสงบ ขณะนี้เสกสบายดีและเชื่อว่าเขาจะมีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ ตัวเสกเองได้รับการดูแลรักษาอย่างดีครับ เรามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายทางด้านจิตเวชคอยดูแล และให้เขาอยู่ในห้องพิเศษ และเชื่อว่าเสกจะกลับมาเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงได้เหมือนเดิม"

ทางด้านของแม่เสก ที่เดินทางมาร่วมแถลงข่าวด้วยได้ยกมือไหว้ขอบคุณที่ให้โอกาสลูกชาย

"ดีใจมากที่เขายอมเข้ารักษาตัว ถ้าหายแล้วก็อยากให้เขากลับมาเป็นตัวอย่างที่ดีของสังคมต่อไป เขาอยากจะหายดีเพื่อแฟนเพลงของเขา แม่เองก็ได้เข้าไปเยี่ยมเสกเขาแล้วก็ดีใจที่เขามีอาการดีขึ้น กินข้าวเสร็จก็นอนหลับ 2-3 วันมานี่เขาก็นอนหลับอย่างเดียวเลย ก็หวังว่าถ้าเสกเขาดีแล้วครอบครัวเขา งานเขาจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม กลับมาเป็นเสก เป็นลูกของพ่อเหมือนเดิม"

ด้านนายอมร ศุขพิมาย (แสน นากา) พี่ชายของเสกได้ยืนยันว่าทางครอบครัวไม่มีใครรู้มาก่อนว่านักร้องดังติดยา

"ตลอดเวลาที่ผ่านมาพ่อกับแม่ก็สอนแต่ให้ทำความดีไม่คิดร้ายใคร บ้านเราเป็นคนทำสวนทำนาทำไร่ ไม่เคยรู้จักแสงสี ผมเองก็เพิ่งจะมารู้ข่าวนิดๆ หน่อยๆ ก็ช็อกนิดนึงครับเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่พอเราเห็นเขาเข้ารับการรักษาแล้วเราก็สบายใจขึ้น"

"เมื่อวานเราก็เข้าไปคุยกับทางแกรมมี่มา ผมเองก็เป็นศิลปินในสังกัดแกรมมี่โกลด์ของป๋ากริช ทอมมัส เมื่อวานเข้าไป ก็ได้ไปเจอพี่เล็ก บุษบา ป๋าตี่ ผมก็ซื้อดอกไม้ไปขอโทษแทนน้องผมด้วย พี่ๆ เขาก็ดีกันทุกคนครับ เพราะเขาเข้าใจ พี่เล็กเองยังพูดเลยว่า เสก ไม่ใช่ตัวของเสก เสกเองตอนที่แกรมมี่ประกาศตัดขาดเขา เขาเองก็เสียใจ เสกเองเขาบอกว่าแกรมมี่เองเป็นคนสร้างเขาขึ้นมาให้เป็น เสก โลโซ คุณความดีตรงนี้ก็อยู่ในใจของเขาเสมอ"

ทั้งนี้ ทนายส่วนตัวของเสก ได้ย้ำว่า การเข้ารับการบำบัดครั้งนี้เป็นการกระทำโดยสมัครใจของเสก วอนขอให้สื่อมวลชนงดการเผยแพร่ภาพ และติดตามเสกขณะเข้ารับการบำบัดเพื่อให้เสกได้รักษาตัวอย่างสงบ แต่จะนัดแถลงข่าวอาการคืบหน้าทุกๆ 5 วัน ที่โรงพยาบาลธัญญารักษ์ และเสกจะต้องเข้ามาให้ข้อมูลเกี่ยวกับยาเสพติดกับทาง ป.ป.ส.ภายใน 30 วันหลังจากนี้














กำลังโหลดความคิดเห็น