โดย : บอน บอระเพ็ด (skbon109@hotmail.com)
คนที่มีหน้าตาเป็นอาวุธ ประเภท หล่อ สวย ดูดี น่ารัก เท่ ถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อวงการบันเทิง หนัง เพลง(รวมถึงวงการกีฬายุคใหม่)
แต่สิ่งที่สำคัญกว่าที่ทำให้พวกเขาขึ้นมาโดดเด่นโด่งดังยิ่งใหญ่ได้ก็คือความสามารถ
ในต่างประเทศอย่างอเมริกา อังกฤษ และยุโรปนั้น เขายกฝีมือความสามารถมาก่อนหน้าตา ถ้าฝีมือดีหน้าตาหล่อสวย งานบันเทิงก็จะไปรุ่งได้อย่างไม่ยากเย็น สวนทางกับบ้านเราที่เน้นหน้าตาเป็นหลัก ความสามารถเป็นรอง ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่เรามักจะเห็นดาราท่อนไม้ ดาราสากกะเบือ ดาราท่องบท นักร้องเสียงชักโครก นักร้องหลงคีย์ นักร้องเสียงเพี้ยน นักร้องไทยกายใจเกาหลี นักดนตรีมีแต่ท่า นักดนตรีห่วยแตก นักดนตรีแอ๊คอาร์ต และดารา นักร้อง นักดนตรี ที่ไร้ความสามารถ โด่งดังขึ้นมาในยุทธจักรบันเทิงบ้านเราได้อย่างไม่ยากเย็น
สำหรับนักร้องหนุ่มแคนนาเดี้ยน “ไมเคิล บูเบลย์”(Michael Bublé) ที่กำลังรุ่งสุดๆในยุคนี้ พ.ศ.นี้ หมอนี่นอกจากจะหล่อลากเลือดจนสาวเหลียวแล้ว ยังเป็นหนุ่มเสียงทองและมากไปด้วยทักษะความสามารถทางการร้องเพลง เขากับยอดโปรดิวเซอร์มือทอง “เดวิส ฟอสเตอร์”(Davis Foster) ได้ร่วมกันสร้างสรรค์ขับเคลื่อน ดนตรีป็อบ-แจ๊ซ แนวเรโทร สวิง บิ๊กแบนด์ และสแตนดาร์ดในยุคอเมริกันซองบุ๊ค ให้กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งหนึ่ง
ไมเคิล มีผลงานสตูดิโออัลบั้มออกมา 4 ชุดด้วยกัน คือ Michael Bublé (2003), It’s Time (2005), Call Me Irresponsible (2007) Crazy Love (2009) และล่าสุดกลับผลงานชุด “Christmas”(สังกัด Warner Music) ที่เป็นดังธรรมเนียม(ของฝรั่ง)ไปแล้วว่าพอถึงช่วงปลายปีก่อนเทศกาลเฉลิมฉลองคริสต์มาสของทุกๆปี จะมีผลงานอัลบั้มคริสต์มาสจากจากนักร้องนักดนตรีมากหน้าหลายตาออกมา
งานเพลงชุดนี้ไมเคิลยังคงควงคู่พ่อมด “เดวิด ฟอสเตอร์”(David Foster)มาเป็นโปรดิวเซอร์เหมือนเดิม สมทบด้วย “บ็อบ ร็อก”(Bob Rock)อีกคน รายหลังนี่แม้จะโดดเด่นทางด้านงานเพลงร็อก แต่ก็ดูเหมือนจะถูกโฉลกกับไอ้หนุ่มเสียงทองมาตั้งแต่ชุด Crazy Love แล้ว
Christmas แม้เป็นอัลบั้มพิเศษสดุดีเทศกาลคริสต์มาสของไมเคิล และเป็นดังจารึกของเขาไปกลายๆว่า ฉันมีอัลบั้มคริสต์มาสเป็นของตัวเองเหมือนกับศิลปินดังๆทั่วไปแล้ว แต่ว่าด้วยชื่อชั้นความแรงของไมเคิล มันก็สามารถหนุนส่งขึ้นไปครองบัลลังก์อันดับใน 1 บิลบอร์ดชาร์ต Top200 และอันดับ 1 ในบิลบอร์ดแจ๊ซได้อย่างไม่ยากเย็น
อัลบั้มนี้มีทั้งหมด 15 บทเพลง เบิกฤกษ์เปิดตัวกันด้วย “It's Beginning To Look A Lot Like Christmas” ที่ฟังเนิบนุ่มล่องลอย น้ำเสียงของไมเคิลนั้นนุ่มลึก มีไลน์เครื่องสายเท่ๆเล่นเป็นแบ๊คกราวน์ชวนฟัง และชวนให้นึกถึงสายลมหนาว หิมะ ซานตาคลอส กวางเรนเดียร์ ไก่งวง กันด้วย
ต่อกันด้วย “Santa Claus Is Coming To Town”(แทรค 2) เร่งจังหวะคึกคักขึ้นมาหน่อยกับสวิงแจ๊ซ วงบิ๊กแบนด์ เด่นด้วยเสียงทรัมเป็ตเป่าแผดสูงปรี๊ด ไมเคิลปรับน้ำเสียงให้สนุกแบบทีเล่นทีจริงไปตามอารมรืเพลงได้อย่างถึงอารมณ์
“Jingle Bells”(แทรค 3) มาในอารมณ์บรอดเวย์ จังหวะสวิงเร็วจี๋ มี 3 สาวประสานเสียง The Puppini Sisters มาฟีเจอริ่งสร้างสีสัน ฟังแล้วชวนให้นึกถึงละครเพลงที่พ่อหนุ่มไมเคิลวิ่งออกหน้าเวทีมาร้องเพลงโชว์หน้าหล่อๆเสียงเท่ๆ แล้ว 3 สาว พวกวิ่งไล่จับรุมทึ้งกันจนบนเวทีแทบจะกลายเป็นสนามตี่จับไป
“White Christmas”(แทรค 4) มีเจ๊ “ชาเนีย ทเวน”(Shania Twain) เพลงคริสต์มาสอมตะนิรันดร์กาลของบิง ครอสบี้ ที่ได้เจ้าแม่คันทรีมาร่วมฟีเจอริ่งในอารมณ์สนุก เจ๊แกบีบดัดได้ใจ ฟังฉีกหนีอารมณ์เพลงของเก่าได้เป็นอย่างดี
“All I Want For Christmas Is You”(แทรค 5) เพลงดังของสาวอึ๋ม มารายห์ แครีย์ ที่นำมาร้องแนวป็อบช้าๆ ให้ไมเคิลโชว์น้ำเสียงตามสไตล์ถนัดของเขา ภาคดนตรีมีไลน์เครื่องสายเล่นรองพื้น ฟังไพเราะเพราะพริ้ง
ส่วน “Christmas (Baby Please Come Home)”(แทรค 9) เป็นแจ๊ซร็อคสนุกๆ ไมเคิลร้องถ่ายทอดเพลงนี้ออกมาแบบสบายๆ มีไลน์เครื่องสาย เครื่องเป่า แน่นมาช่วยเติมเต็มอารมณ์ พร้อมด้วยลูกโซโลกีตาร์ ทางเปียโนที่เล่นสั้นๆง่ายๆ แต่เจ๋งโคตร เพลงนี้ฟังแล้วมันอดไม่ได้ที่จะต้องโยกตัวขยับแข้งขยับขาตามไปด้วย พับผ่าสิ
สลับอารมณ์มาฟัง“Silent Night”(แทรค 10) บทเพลงช้าเนิบ เปิดนำกันด้วยเสียงเครื่องบราสหนาๆ มีฮาร์พ ดีดคลอไปตลอด ช่วงส่งจินตนาการให้เห็นภาพหิมะตกขาวโพลนในค่ำคืนอันเงียบงัน เหงาหงอยไม่ได้ ท่อนท้ายมีเสียงคอรัสเย็นๆมาร่วมเติมสีสันให้อารมณ์เคลิบเคลิ้ม ล่องลอย แต่ไม่ชวนหลับ น้ำเสียงและวิธีการร้องของไมเคิลในเพลงนี้ ฟังแตกต่างจากเพลงที่แล้วโดยสิ้นเชิง แสดงให้เห็นถึงความเจนจัดในการร้องที่สอดรับกับอารมณ์เพลงได้อย่างยอดเยี่ยม
ส่วน “Blue Christmas”ในแทรคถัดไป(แทรค 11) เป็นการสลับอารมณ์อีกครั้ง ด้วยทางดนตรีแบบนิวออร์ลีนแจ๊ซ เปิดพื้นที่ให้ ทรัมเป็ต ทรอมโบน แคลริเน็ต เล่นปรี๊ดปร๊าด ปร๊าด ป๊าด ใส่กันอย่างสนุก ก่อนที่จะจัดหนักจัดเต็มใส่กันอย่างเต็มที่ในช่วงโซโลกลางเพลง ขณะที่พี่ไมเคิลแกเปลี่ยนสไตล์การร้อง ฟังแล้วชวนให้นึกถึงเอลวิส เพลสลีย์ ราชาร็อคแอนด์โรลไม่น้อยเลย
“Cold December Night” (แทรค 12) บทเพลงที่ไมเคิลร่วมกับ กับ Alan Chang มือเปียโนคู่ใจ แต่งขึ้นมาใหม่เพื่องานนี้ เป็นป็อบร็อกร่วมสมัย ฟังเพลินดีทีเดียว
“Mis Deseos / Feliz Navidad” (แทรค 15) เพลงจากการแสดงสด ไมเคิลดูเอทกับนักร้องสาว “ธาเลีย”(Thalia) เพลงนี้เป็นสเปนจ๋า ฟังสนุก คึกคัก พ่อหนุ่มไมเคิลโชว์ให้เห็นว่าเจาก็ร้องเพลงภาษาสเปนได้ในท่อนนำ ก่อนที่จะมาสลับกันร้อง โดยสาวเจ้าร้องในภาษาสเปนเป็นหลัก ส่วนพ่อหนุ่มไมเคิลร้องในภาษาอังกฤษตามถนัด ช่วงท้ายมีคอรัสมาร้องเติม เสริมความแน่นให้เพลงน่าฟังยิ่งขึ้น ก่อนปิดท้ายกันด้วยเสียงปรบมือก้อง
หลังบทเพลงทั้ง 15 ผ่านพ้นไปแล้ว อัลบั้มนี้ยังไม่จบ เพราะยังมีของแถมเป็นคำอวยพรคริสต์มาสของไมเคิลปิดท้าย
Christmas นับเป็นผลงานเพลงคริสต์มาสที่น่าฟังไม่น้อย โดยส่วนของภาคดนตรีภายใต้การอะเร้นจ์และการโปรดิวของเดวิด ฟอสเตอร์ ร่วมด้วยบ็อบ ร็อกนั้น ทำออกมาได้อย่างมีสีสัน มิติ มีความหลากหลาย ฟังเพลิน ไม่น่าเบื่อ ในขณะที่ฝีมือการร้องเพลงของไมเคิลในนั้น นับวันยิ่งมาหมอยิ่งดูเก๋าเกมมากขึ้น เพราะสามารถถ่ายทอดน้ำเสียงออกมาให้เข้ากับอารมณ์เพลงได้อย่างยอดเยี่ยม และดึงอารมณ์ร่วมของคนฟังให้ สนุก สุข เศร้า เหงา ซึม ไปกับบทเพลงได้เป็นอย่างดี เรียกว่าหมอเอาอยู่
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่อัลบั้มนี้จะขึ้นไปครองแชมป์อันดับ 1 บิลบอร์ดท็อป 200 ได้นานหลายสัปดาห์
และนี่ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่า ไมเคิล บูเบลย์ นั้นเป็นนักร้องประเภท ความสามารถเป็นต่อ รูปหล่อไม่เป็นรอง
*****************************************
แกะกล่อง
ศิลปิน : Dave Koz
อัลบั้ม : Ultimate Christmas
อัลบั้มคริสต์มาสที่จัดหนักกันมาถึง 18 บทเพลงของ Dave Koz ที่มีคนดนตรีมากหน้ามาร่วมฟีเจอริ่ง เช่น Brenda Russell,Peter White,David Benoit เป็นต้น
งานเพลงโดยรวมเป็นเพลงบรรเลงแซ็กโซโฟนหวานๆ สลับอารมณ์ด้วยเพลงร้องเพราะๆ(บ้าง) โดยมีเพลงชวนฟังอย่าง “Santa Claus Is Comin' To Town”, “Sleigh Ride”,“Little Drummer Boy”, “Silent Night”
อัลบั้มนี้แม้ยังคงอวลไปด้วยความหวานในสไตล์ถนัดของเดฟ แต่ว่าฟังไม่เลี่ยน ไม่น่าเบื่อ เพราะดนตรีมีสีสันความหลากหลายทั้ง บอสซาโนว่า,ป็อบ,ป็อบแจ๊ซ,โฟล์ค,อาร์แอนด์บี และไลท์มิวสิค เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบเสียงแซกหวานๆหรือชื่นชอบดนตรีฟังเพลินๆสบายๆ
ข่าวดนตรี
ปฐมคอนเสิร์ตต้อนรับปีใหม่ ของวง TPO
วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดคอนเสิร์ตครั้งแรกแห่งฤดูกาลที่ 7 ของวงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทย (Thailand Philharmonic Orchestra sหรือ TPO) หลังจากสิ้นสุดเหตุภัยน้ำท่วม โดยมี Christopher Hughes วาทยกรชาวอเมริกันมาควบคุมวงนำเสนอบทเพลงของราชาเพลงวอลทซ์ Johann StraussII ได้แก่“Die Fledermaus” Overture, Emperor Waltz, Eljen a Magyar Polka Op.332, และวอลทซ์ยอดนิยม The Blue Danube Waltz
นอกจากนี้ยังมี Qing Lin นักโอโบชาวจีน แชมป์ประกวดโอโบจากหลายประเทศ มาเป็นโซโลอิสท์ในบทเพลง Oboe Concerto in C major K.314 ของ Wolfgang Amadeus Mozart
คอนเสิร์ตจัดขึ้นเพียง 2 รอบ คือ วันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2554 เวลา 19.00 น. และ วันเสาร์ที่ 7 มกราคม 2554 เวลา 16.00 น. ณ หอแสดงดนตรี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา บัตรราคา 500, 300 และ 100 บาท (สำหรับนักเรียนนักศึกษา) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่งกรุณาโทร. 0 2800 2525 - 34 ต่อ 153-154 หรือ www.music.mahidol.ac.th, www.thailandphil.com
คนที่มีหน้าตาเป็นอาวุธ ประเภท หล่อ สวย ดูดี น่ารัก เท่ ถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อวงการบันเทิง หนัง เพลง(รวมถึงวงการกีฬายุคใหม่)
แต่สิ่งที่สำคัญกว่าที่ทำให้พวกเขาขึ้นมาโดดเด่นโด่งดังยิ่งใหญ่ได้ก็คือความสามารถ
ในต่างประเทศอย่างอเมริกา อังกฤษ และยุโรปนั้น เขายกฝีมือความสามารถมาก่อนหน้าตา ถ้าฝีมือดีหน้าตาหล่อสวย งานบันเทิงก็จะไปรุ่งได้อย่างไม่ยากเย็น สวนทางกับบ้านเราที่เน้นหน้าตาเป็นหลัก ความสามารถเป็นรอง ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่เรามักจะเห็นดาราท่อนไม้ ดาราสากกะเบือ ดาราท่องบท นักร้องเสียงชักโครก นักร้องหลงคีย์ นักร้องเสียงเพี้ยน นักร้องไทยกายใจเกาหลี นักดนตรีมีแต่ท่า นักดนตรีห่วยแตก นักดนตรีแอ๊คอาร์ต และดารา นักร้อง นักดนตรี ที่ไร้ความสามารถ โด่งดังขึ้นมาในยุทธจักรบันเทิงบ้านเราได้อย่างไม่ยากเย็น
สำหรับนักร้องหนุ่มแคนนาเดี้ยน “ไมเคิล บูเบลย์”(Michael Bublé) ที่กำลังรุ่งสุดๆในยุคนี้ พ.ศ.นี้ หมอนี่นอกจากจะหล่อลากเลือดจนสาวเหลียวแล้ว ยังเป็นหนุ่มเสียงทองและมากไปด้วยทักษะความสามารถทางการร้องเพลง เขากับยอดโปรดิวเซอร์มือทอง “เดวิส ฟอสเตอร์”(Davis Foster) ได้ร่วมกันสร้างสรรค์ขับเคลื่อน ดนตรีป็อบ-แจ๊ซ แนวเรโทร สวิง บิ๊กแบนด์ และสแตนดาร์ดในยุคอเมริกันซองบุ๊ค ให้กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งหนึ่ง
ไมเคิล มีผลงานสตูดิโออัลบั้มออกมา 4 ชุดด้วยกัน คือ Michael Bublé (2003), It’s Time (2005), Call Me Irresponsible (2007) Crazy Love (2009) และล่าสุดกลับผลงานชุด “Christmas”(สังกัด Warner Music) ที่เป็นดังธรรมเนียม(ของฝรั่ง)ไปแล้วว่าพอถึงช่วงปลายปีก่อนเทศกาลเฉลิมฉลองคริสต์มาสของทุกๆปี จะมีผลงานอัลบั้มคริสต์มาสจากจากนักร้องนักดนตรีมากหน้าหลายตาออกมา
งานเพลงชุดนี้ไมเคิลยังคงควงคู่พ่อมด “เดวิด ฟอสเตอร์”(David Foster)มาเป็นโปรดิวเซอร์เหมือนเดิม สมทบด้วย “บ็อบ ร็อก”(Bob Rock)อีกคน รายหลังนี่แม้จะโดดเด่นทางด้านงานเพลงร็อก แต่ก็ดูเหมือนจะถูกโฉลกกับไอ้หนุ่มเสียงทองมาตั้งแต่ชุด Crazy Love แล้ว
Christmas แม้เป็นอัลบั้มพิเศษสดุดีเทศกาลคริสต์มาสของไมเคิล และเป็นดังจารึกของเขาไปกลายๆว่า ฉันมีอัลบั้มคริสต์มาสเป็นของตัวเองเหมือนกับศิลปินดังๆทั่วไปแล้ว แต่ว่าด้วยชื่อชั้นความแรงของไมเคิล มันก็สามารถหนุนส่งขึ้นไปครองบัลลังก์อันดับใน 1 บิลบอร์ดชาร์ต Top200 และอันดับ 1 ในบิลบอร์ดแจ๊ซได้อย่างไม่ยากเย็น
อัลบั้มนี้มีทั้งหมด 15 บทเพลง เบิกฤกษ์เปิดตัวกันด้วย “It's Beginning To Look A Lot Like Christmas” ที่ฟังเนิบนุ่มล่องลอย น้ำเสียงของไมเคิลนั้นนุ่มลึก มีไลน์เครื่องสายเท่ๆเล่นเป็นแบ๊คกราวน์ชวนฟัง และชวนให้นึกถึงสายลมหนาว หิมะ ซานตาคลอส กวางเรนเดียร์ ไก่งวง กันด้วย
ต่อกันด้วย “Santa Claus Is Coming To Town”(แทรค 2) เร่งจังหวะคึกคักขึ้นมาหน่อยกับสวิงแจ๊ซ วงบิ๊กแบนด์ เด่นด้วยเสียงทรัมเป็ตเป่าแผดสูงปรี๊ด ไมเคิลปรับน้ำเสียงให้สนุกแบบทีเล่นทีจริงไปตามอารมรืเพลงได้อย่างถึงอารมณ์
“Jingle Bells”(แทรค 3) มาในอารมณ์บรอดเวย์ จังหวะสวิงเร็วจี๋ มี 3 สาวประสานเสียง The Puppini Sisters มาฟีเจอริ่งสร้างสีสัน ฟังแล้วชวนให้นึกถึงละครเพลงที่พ่อหนุ่มไมเคิลวิ่งออกหน้าเวทีมาร้องเพลงโชว์หน้าหล่อๆเสียงเท่ๆ แล้ว 3 สาว พวกวิ่งไล่จับรุมทึ้งกันจนบนเวทีแทบจะกลายเป็นสนามตี่จับไป
“White Christmas”(แทรค 4) มีเจ๊ “ชาเนีย ทเวน”(Shania Twain) เพลงคริสต์มาสอมตะนิรันดร์กาลของบิง ครอสบี้ ที่ได้เจ้าแม่คันทรีมาร่วมฟีเจอริ่งในอารมณ์สนุก เจ๊แกบีบดัดได้ใจ ฟังฉีกหนีอารมณ์เพลงของเก่าได้เป็นอย่างดี
“All I Want For Christmas Is You”(แทรค 5) เพลงดังของสาวอึ๋ม มารายห์ แครีย์ ที่นำมาร้องแนวป็อบช้าๆ ให้ไมเคิลโชว์น้ำเสียงตามสไตล์ถนัดของเขา ภาคดนตรีมีไลน์เครื่องสายเล่นรองพื้น ฟังไพเราะเพราะพริ้ง
ส่วน “Christmas (Baby Please Come Home)”(แทรค 9) เป็นแจ๊ซร็อคสนุกๆ ไมเคิลร้องถ่ายทอดเพลงนี้ออกมาแบบสบายๆ มีไลน์เครื่องสาย เครื่องเป่า แน่นมาช่วยเติมเต็มอารมณ์ พร้อมด้วยลูกโซโลกีตาร์ ทางเปียโนที่เล่นสั้นๆง่ายๆ แต่เจ๋งโคตร เพลงนี้ฟังแล้วมันอดไม่ได้ที่จะต้องโยกตัวขยับแข้งขยับขาตามไปด้วย พับผ่าสิ
สลับอารมณ์มาฟัง“Silent Night”(แทรค 10) บทเพลงช้าเนิบ เปิดนำกันด้วยเสียงเครื่องบราสหนาๆ มีฮาร์พ ดีดคลอไปตลอด ช่วงส่งจินตนาการให้เห็นภาพหิมะตกขาวโพลนในค่ำคืนอันเงียบงัน เหงาหงอยไม่ได้ ท่อนท้ายมีเสียงคอรัสเย็นๆมาร่วมเติมสีสันให้อารมณ์เคลิบเคลิ้ม ล่องลอย แต่ไม่ชวนหลับ น้ำเสียงและวิธีการร้องของไมเคิลในเพลงนี้ ฟังแตกต่างจากเพลงที่แล้วโดยสิ้นเชิง แสดงให้เห็นถึงความเจนจัดในการร้องที่สอดรับกับอารมณ์เพลงได้อย่างยอดเยี่ยม
ส่วน “Blue Christmas”ในแทรคถัดไป(แทรค 11) เป็นการสลับอารมณ์อีกครั้ง ด้วยทางดนตรีแบบนิวออร์ลีนแจ๊ซ เปิดพื้นที่ให้ ทรัมเป็ต ทรอมโบน แคลริเน็ต เล่นปรี๊ดปร๊าด ปร๊าด ป๊าด ใส่กันอย่างสนุก ก่อนที่จะจัดหนักจัดเต็มใส่กันอย่างเต็มที่ในช่วงโซโลกลางเพลง ขณะที่พี่ไมเคิลแกเปลี่ยนสไตล์การร้อง ฟังแล้วชวนให้นึกถึงเอลวิส เพลสลีย์ ราชาร็อคแอนด์โรลไม่น้อยเลย
“Cold December Night” (แทรค 12) บทเพลงที่ไมเคิลร่วมกับ กับ Alan Chang มือเปียโนคู่ใจ แต่งขึ้นมาใหม่เพื่องานนี้ เป็นป็อบร็อกร่วมสมัย ฟังเพลินดีทีเดียว
“Mis Deseos / Feliz Navidad” (แทรค 15) เพลงจากการแสดงสด ไมเคิลดูเอทกับนักร้องสาว “ธาเลีย”(Thalia) เพลงนี้เป็นสเปนจ๋า ฟังสนุก คึกคัก พ่อหนุ่มไมเคิลโชว์ให้เห็นว่าเจาก็ร้องเพลงภาษาสเปนได้ในท่อนนำ ก่อนที่จะมาสลับกันร้อง โดยสาวเจ้าร้องในภาษาสเปนเป็นหลัก ส่วนพ่อหนุ่มไมเคิลร้องในภาษาอังกฤษตามถนัด ช่วงท้ายมีคอรัสมาร้องเติม เสริมความแน่นให้เพลงน่าฟังยิ่งขึ้น ก่อนปิดท้ายกันด้วยเสียงปรบมือก้อง
หลังบทเพลงทั้ง 15 ผ่านพ้นไปแล้ว อัลบั้มนี้ยังไม่จบ เพราะยังมีของแถมเป็นคำอวยพรคริสต์มาสของไมเคิลปิดท้าย
Christmas นับเป็นผลงานเพลงคริสต์มาสที่น่าฟังไม่น้อย โดยส่วนของภาคดนตรีภายใต้การอะเร้นจ์และการโปรดิวของเดวิด ฟอสเตอร์ ร่วมด้วยบ็อบ ร็อกนั้น ทำออกมาได้อย่างมีสีสัน มิติ มีความหลากหลาย ฟังเพลิน ไม่น่าเบื่อ ในขณะที่ฝีมือการร้องเพลงของไมเคิลในนั้น นับวันยิ่งมาหมอยิ่งดูเก๋าเกมมากขึ้น เพราะสามารถถ่ายทอดน้ำเสียงออกมาให้เข้ากับอารมณ์เพลงได้อย่างยอดเยี่ยม และดึงอารมณ์ร่วมของคนฟังให้ สนุก สุข เศร้า เหงา ซึม ไปกับบทเพลงได้เป็นอย่างดี เรียกว่าหมอเอาอยู่
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่อัลบั้มนี้จะขึ้นไปครองแชมป์อันดับ 1 บิลบอร์ดท็อป 200 ได้นานหลายสัปดาห์
และนี่ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่า ไมเคิล บูเบลย์ นั้นเป็นนักร้องประเภท ความสามารถเป็นต่อ รูปหล่อไม่เป็นรอง
*****************************************
แกะกล่อง
ศิลปิน : Dave Koz
อัลบั้ม : Ultimate Christmas
อัลบั้มคริสต์มาสที่จัดหนักกันมาถึง 18 บทเพลงของ Dave Koz ที่มีคนดนตรีมากหน้ามาร่วมฟีเจอริ่ง เช่น Brenda Russell,Peter White,David Benoit เป็นต้น
งานเพลงโดยรวมเป็นเพลงบรรเลงแซ็กโซโฟนหวานๆ สลับอารมณ์ด้วยเพลงร้องเพราะๆ(บ้าง) โดยมีเพลงชวนฟังอย่าง “Santa Claus Is Comin' To Town”, “Sleigh Ride”,“Little Drummer Boy”, “Silent Night”
อัลบั้มนี้แม้ยังคงอวลไปด้วยความหวานในสไตล์ถนัดของเดฟ แต่ว่าฟังไม่เลี่ยน ไม่น่าเบื่อ เพราะดนตรีมีสีสันความหลากหลายทั้ง บอสซาโนว่า,ป็อบ,ป็อบแจ๊ซ,โฟล์ค,อาร์แอนด์บี และไลท์มิวสิค เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบเสียงแซกหวานๆหรือชื่นชอบดนตรีฟังเพลินๆสบายๆ
ข่าวดนตรี
ปฐมคอนเสิร์ตต้อนรับปีใหม่ ของวง TPO
วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดคอนเสิร์ตครั้งแรกแห่งฤดูกาลที่ 7 ของวงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทย (Thailand Philharmonic Orchestra sหรือ TPO) หลังจากสิ้นสุดเหตุภัยน้ำท่วม โดยมี Christopher Hughes วาทยกรชาวอเมริกันมาควบคุมวงนำเสนอบทเพลงของราชาเพลงวอลทซ์ Johann StraussII ได้แก่“Die Fledermaus” Overture, Emperor Waltz, Eljen a Magyar Polka Op.332, และวอลทซ์ยอดนิยม The Blue Danube Waltz
นอกจากนี้ยังมี Qing Lin นักโอโบชาวจีน แชมป์ประกวดโอโบจากหลายประเทศ มาเป็นโซโลอิสท์ในบทเพลง Oboe Concerto in C major K.314 ของ Wolfgang Amadeus Mozart
คอนเสิร์ตจัดขึ้นเพียง 2 รอบ คือ วันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2554 เวลา 19.00 น. และ วันเสาร์ที่ 7 มกราคม 2554 เวลา 16.00 น. ณ หอแสดงดนตรี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา บัตรราคา 500, 300 และ 100 บาท (สำหรับนักเรียนนักศึกษา) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่งกรุณาโทร. 0 2800 2525 - 34 ต่อ 153-154 หรือ www.music.mahidol.ac.th, www.thailandphil.com