“แกรมมี่” ตัดหาง “เสก” พ้นสภาพศิลปินในสังกัดเหตุเสพยา จัดการสั่งเก็บอัลบั้ม บอกส่วนที่วางแผงไปแล้วถ้าใครเจอก็เก็บเอาไปบริจาคด้วยแล้วกัน ยันไม่เคยดักฟังโทรศัพท์ สวนอีกฝ่ายคิดไปเองหรือเปล่า พร้อมลั่นไม่เคยเอาเปรียบ หลังเสกยกประเด็นทำเงินให้บริษัทเป็นพันล้านขึ้นมาพูด
กลายเป็นประเด็นร้อนไปแล้ว สำหรับกรณีของ “เสก โลโซ” หลังเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าตัวได้เปิดบ้านแถลงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ถูก “กานต์ วิภากร ศุขพิมาย” อดีตภรรยาโพสต์ภาพขณะกำลังพี้ยาผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมแฉซ้ำว่าถูกนักร้องดังทำร้ายร่างกาย แถมยังทอดทิ้งลูกเมีย มีนิสัยเจ้าชู้ฯ จนตกเป็นข่าวฉาวโฉ่ไปทั้งวงการ
ทั้งนี้ ในรายละเอียดของการแถลงข่าวนั้น นอกจากนักร้องดังจะยอมรับถึงการกระทำต่างๆ ทั้งในเรื่องของสิ่งเสพติด เรื่องความสัมพันธ์กับหญิงสาวคนอื่นที่มิใช่ภรรยาตนเองแล้ว เจ้าตัวยังได้พาดพิงไปถึงต้นสังกัดอย่าง “จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่” ด้วยว่ารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากที่อีกฝ่ายนั้นมีการส่งคนมาตามประกบ รวมถึงดักฟังโทรศัพท์
โดยนักร้องดังยังได้เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาตนทำรายได้ให้กับค่ายเพลงค่ายนี้กว่า 1,000 ล้านบาท จึงอยากจะให้ทางแกรมมี่เข้ามาชี้แจงและเจรจาว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร เนื่องจากตนก็เป็นหนี้บุญคุณทางแกรมมี่ที่ทำให้มีชื่อเสียงขึ้นมา เพราะฉะนั้นอย่าทำให้ตนต้องแฉว่าที่ผ่านมาแกรมมี่ทำอะไรกับตน หรือว่ามีวิธีการทำมาหากินอย่างไรบ้าง?
ล่าสุดวันนี้(20 ธ.ค.) “กริช ทอมมัส” กรรมการบริหารและรองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจเพลง ได้ตั้งโต๊ะแถลงโต้กลับขึ้นที่ตึกแกรมมี่ ชั้น21 พร้อมประกาศยกเลิกสัญญาการเป็นนักร้องของเสกมีผลนับตั้งแต่วันนี้
“ประเด็นมันอยู่ที่เสพหรือไม่เสพ ถ้ามีหลักฐานโอเคว่าเสพ เราย้ำมาตลอด กติกาเรามี เราทำตรงนี้มา 28 ปีจะย่างเข้าปีที่ 29 แล้ว กฎกติกาเดียวตลอดอยู่แล้ว ถ้าเสพมีหลักฐานยืนยัน ก่อนหน้านี้มันมีแค่ภาพ เราจะไปตัดสินเขาเลยมันก็ไม่ได้ เป็นอะไรที่พูดลำบากมันพูดลำบาก มันเหมือนคนหยิบของมาถ่ายรูปเล่นกับเพื่อน เราจะบอกว่าเสพหรือไม่ล่ะ ตอนนี้โดยวาจาตัวเขาก็ยืนยันแล้ว”
“ก็เป็นไปตามกติกาที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้ เราตั้งอยู่ในหลักของเมตตาธรรม ถ้าเราไม่มีหลักฐาน เจ้าตัวไม่ยืนยันเราก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อคืนนี้เจ้าตัวออกมายืนยันแล้วก็เป็นไปตามกติกาที่เราวางไว้คือยุติสัญญา จบ เสกเขาไม่ใช่ศิลปินของค่ายแกรมมี่แล้ว เรื่องนี้คงไม่ต้องไปคุยกันเพราะมันเข้าข่ายอยู่แล้ว เราก็ว่าไปตามกฎกติกาที่มีอยู่ ไม่ต้องคุยไม่ต้องมาเคลียร์อะไรกันแล้ว เพราะนี้มันเข้าข่ายอยู่แล้ว ก็ว่าไปตามกฎกติกา ถ้าเจ้าตัวยืนยันว่าเสพ เราก็ต้องเลิก ตามหลักเขาจะต้องเป็นคนเข้ามาที่ตึกถ้าเขาต้องการคำปรึกษาเขาก็คงจะติดต่อเขามา ซึ่งเราก็มีให้คำปรึกษาเดียวก็คือให้เขาปรับตัว เขาเองยังเหลือสัญญากับเรา 3 ปี”
“ที่เขาแถลงผมก็ได้เห็นอยู่ สำหรับเราก็ไม่ได้เป็นใหญ่โตอะไรมาก แต่สำหรับเขาคงเรื่องใหญ่อยู่เรื่องนี้เราก็ไม่อยากให้เกิด เมื่อเกิดแล้วก็ต้องรับผล ก็เลิกตามสภาวะการเป็นศิลปินแกรมมี่โดยสิ้นเชิง สำหรับงานเพลงของเขาที่เพิ่งจะออกมา(ชุดล่าสุด Love Song) เรากำลังพิจารณาอยู่ว่าถ้าเก็บไว้ก็จะเก็บ ถ้าเก็บไม่ไหวก็คงต้องปล่อยไป เราก็จะหยุดโปรโมทใครเจอก็ช่วยเก็บมาด้วยแล้วกันจะเอาไปบริจาค คอนเสิร์ตของเขาเราส่งคืนหมดแล้ว ถ้าเจ้าภาพอยากจ้างก็ว่ากันเองถ้าเจ้าภาพอยากจ้างก็ว่ากันไป ความเสียหายในส่วนนี้มันก็หลายสิบล้านอยู่ แต่เป็นเงินของเสกหมดนะ”
“แล้วก็ยังมีเพลงที่ทำค้างอยู่ชุดนึง ทำเสร็จแล้วทั้ง 12 เพลง ก็โยนทิ้งเลยแล้วกัน ความเสียหายหลายล้านอยู่ ไม่เป็นไรโยนทิ้งได้ ส่วนเรื่องลิขสิทธิ์เพลงก็เป็นไปตามข้อตกลงที่มีอยู่ เสกตกลงอะไรกับเราไว้เราก็ว่าไปตามข้อตกลงที่มีอยู่ บังเอิญเสกเป็นคนแต่งเพลงด้วย โปรดิวซ์เอง เรียบเรียง อัดเสียงเอง ก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะเอาไปร้องและแสดงได้ เขาพึงได้ตามข้อตกลง ก็ยังได้อยู่แต่สิทธิ์อื่นเราก็ยังดูแลอยู่ ถ้ามีคนเอาเพลงของเสกไปคัฟเวอร์เราก็ต้องส่งส่วนแบ่งไปให้ผู้แต่ง”
“ที่เขามาอ้างทำงานให้เรามากกว่าพันล้าน คือบริษัทเราอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ก่อนจะมีเสก ไปดูย้อนหลังได้ว่า ถ้ารายได้ขนาดนั้นเราคงรวยกว่านี้เยอะเลย เราทำงานร่วมกันมันไม่มีบุญคุณต่อกันหรอก ก็จัดสรรไปตามสิทธิ์พึงมีพึงได้ของแต่ละคนอยู่แล้ว ที่มันตกลงกันยังไง เพราะฉะนั้นเราคงไม่มาพูดเรื่องบุญคุณว่าใครทำให้แกรมมี่รวย พูดไปมันก็ไม่จบหรอก”
บอกงงเสกจะแฉอะไรแกรมมี่เพราะไม่มีอะไรให้แฉ ลั่นไม่ซีเรียส ยันทางบริษัทไม่มีความขัดแย้งกับอีกฝ่าย
“แฉอะไรวะ ก็ยังงงๆ อยู่นะ เราจะมีอะไรให้แฉ ไม่รู้เลย เราก็ทำถูกต้องตามทำนองครองธรรมทุกประการ มันคอมมอนเซนส์นะ เราจะทำไปเพื่ออะไร เราก็คงไม่โต้ตอบอะไร คงไม่มีใครไปทำอย่างนั้นมั้ง เราเป็นองค์การค้าขายธุรกิจ ไม่ใช่องค์การสืบราชการลับ ใครจะไปติดตามดักฟังโทรศัพท์เขานั่นคงเป็นเรื่องที่เขาคิดมั้ง เราไม่ว่าง ไม่ซีเรียสว่าไปเถอะ เขาก็ไม่ได้ระบุนี่ว่าเราเป็นฝ่ายไปจองล้างจองผลาญอะไร”
“เราไม่มีการขัดแย้งกันเรื่องผลประโยชน์ อย่างที่บอกบริษัทเราไม่เคยทวงบุญคุณใครเลย แต่มักจะโดนศิลปินทวง เรื่องนี้ถ้าจะกระทบกับภาพลักษณ์ของเราก็ไม่เป็นไร เรายอมรับได้”
“ทางเราคงไม่คิดจะฟ้องหรือไปทำอะไรเขา เพราะเขาก็ไม่ได้มาด่าอะไรเรานี่ ถ้าบอกแกรมมี่โกง อันนี้คงเข้าข่ายแล้ว เราเห็นใจเขานะ ที่เราพูดตรงนี้ไม่ได้โกรธอะไรเขาเลย ในสภาพอย่างนี้เราก็ต้องให้กำลังใจเขาเห็นใจเขา ให้เขาปรับปรุงตัว เราก็ไม่คงซ้ำเติมเขา สภาพความเครียดต่างๆ คงจะให้เขาดูแลตัวเองดีกว่า เขาเลือกอย่างนี้ก็อย่าไปซ้ำเติม ก็ให้เขามีสติดีขึ้น ก็เข้าใจความตึงเครียดในชีวิตเขานะ เราพยายามจะสนุก แต่บนความเครียดมันสนุกไม่ได้หรอก กับป.ป.ส.(สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) แจ้งไปแล้ว คงได้ข้อมูลเดียวกัน เป็นหน้าที่ของเขาโดยตรงอยู่แล้ว ว่าไปตามกฎกติกาสังคม”
เผยก่อนหน้านี้ก็เคยเตือนเสกมาตลอดเรื่องการเสพยา ส่วนที่อีกฝ่ายอ้างว่าเป็นศิลปินเลยต้องใช้ยา บอสแกรมมี่บอกตนอยู่วงการนี้มา 30 ปีไม่เห็นต้องใช้เลย
“ก่อนหน้านี้ไม่ชัด แต่ก็คอยเตือนๆ ไว้ ก็เตือนกันตลอด เสียดายนะชีวิตคนมาจบแค่ตรงนี้ ก็แล้วแต่ถ้าเลือกจะเป็นอย่างนี้ ศิลปินไม่ต้องเสพยาหรอก ทำหรือเปล่ามันเรื่องของเขา เราก็เตือนเรื่องพวกยาเสพติด เรื่องภาพลักษณ์กับสังคม เราก็เลือกทำตามกฎแล้วกัน แต่ว่าเท่าที่ดูคนรุ่นใหม่ๆ ไม่น่าจะมีนะ เราไม่ใช่ผู้พิพากษา แต่ว่าถ้าทำเรื่องแบบนี้ทุกอย่างก็ต้องยุติ ผมเองก็อยู่ในวงการนี้มา 30 ปีแล้ว ผมไม่เห็นต้องใช้เลย เดี๋ยวนี้รุ่นใหม่ๆ ไม่มีแล้วหลายวงๆ รุ่นใหม่ๆ อย่างตูน(บอดี้สแลม) เวลาว่างเขาก็ออกกำลังกายตลอด เขามีสติ แบบรับได้ก็ไม่มีปัญหา อย่างพี่เบิร์ด(ธงไชย แมคอินไตย์) ก็ไม่เห็นใช้ยาเลย นอกจากยาสีฟันนะ แยกกันให้ออกแล้วกันว่าศิลปินไม่ต้องใช้ยา”
“กับศิลปินคนอื่นๆ ก็เตือนเขานั่นแหละ ก็บอกว่านี่คือผล เสียดายนะถ้าชีวิตต้องมาจบแค่นี้ เสกเองถ้าเขาต้องการคำปรึกษาจากบริษัทคงจะติดต่อเข้ามา คำปรึกษาเดียวที่จะให้คือไปรักษาตัว วันนั้นที่ไปบ้านเขาเพื่อจะตามมาคุยที่บริษัท เข้ามาคุยกันเถอะ มาปรึกษาหารือกันเถอะ ว่าจริงหรือไม่จริง จะได้ร่วมดำเนินการแก้ไข เมื่อเสกไม่มาเราก็ไม่ได้ว่าอะไร เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะเลือกทำอย่างนั้น”
“การจะกลับมาร่วมงานกันคงไม่แน่นอน ผมว่าถึงวันนั้นค่อยว่ากันดีกว่า ถ้าเขารักษาตัวหาย พิสูจน์ทราบได้ มันจะกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าเรามองว่ามีประโยชน์ซึ่งกันและกันก็กลับมา ถ้าไม่มีประโยชน์ซึ่งกันและกัน ก็ไม่ต้องกลับมา ก็คุยกันได้อยู่แล้วเรื่องการค้า (อยากฝากอะไรถึงเสก?) ผมเองก็อยากให้น้องพ้นสภาวะนี้เร็วๆ แล้วกัน เอาใจช่วย”