“ชิ” อนุชา ลังประเสริฐ บอกพร้อมให้อภัยและโอกาส “นาธาน โอร์มาน” กลับมาทำงานต่อ !! บอกนัยถึงกลยุทธ์ใหม่แห่ง “ผลประโยชน์” ที่จะกลับมาร่วมหัวจมท้ายกันอีกครั้ง ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า นับแต่มหากาพย์เริ่มต้นบทแรกโกอินเตอร์นั้น อดีตผู้จัดการส่วนตัวของนาธานน่าจะมีความเกี่ยวข้องและรู้เห็นเป็นใจอยู่มาก แต่จำต้องถอน แยก และตัดขาดจากตัวนาธานชั่วคราวเพราะช่วงนั้นนาธานถูกกระแสสังคมยี้ใส่อย่างรุนแรง วันนี้นาธานอ้างว่า “ติดคุกใช้หนี้” ก็น่าจะรู้แล้วว่า คุกไม่ได้ทำให้สันดานเดิมของนาธานเปลี่ยนไป การแบ่งรับแบ่งสู้ของ “ชิ” อนุชาในครั้งนี้จะเป็นกลยุทธ์ใหม่ที่งัดออกมาใช้เพื่อสานผลประโยชน์ร่วมกัน
8 ธันวาคมที่ผ่านมา อดีตนักร้องผู้เป็นตำนานของการโกหกหลอกลวงระดับชาติ “นาธาน โอร์มาน” เป็นหนึ่งในนักโทษที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ หลังจากที่เขาถูกศาลจังหวัดเลยตัดสินให้จำคุกในข้อหาฉ้อโกงเงินของ “สิทธิพร โคตรอุดมพร” หรือที่นาธานเรียกติดปากว่า “น้ามด” เป็นจำนวนเงิน 740,000 บาท โดยนาธานก้าวเข้าไปนอนในคุกตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีกำหนดที่จะต้องอยู่ในคุกนานหนึ่งปี เนื่องจากเจ้าตัวยอมรับสารภาพ โทษจำคุกสองปีของข้อหานี้จึงถูกลดลงมาเหลือกึ่งหนึ่ง และเมื่อถึงวาระของการพระราชทานอภัยโทษ นักโทษชายนาธานจึงได้รับการปล่อยตัวให้เป็นอิสระ
คำถามที่หลายคนอยากรู้ก็คือ นับตั้งแต่วินาทีแรกที่นาธานออกจากคุก จอมลวงโลกรายนี้จะกลับตัวกลับใจหรือไม่และเขาจะจัดการอย่างไรกับชีวิตของตัวเองต่อไป ในเมื่อตลอดสามปีที่ผ่านมาเขามีชีวิตอยู่กับการโกหกหลอกลวง มีรายได้จากการเป็นมิจฉาชีพมาโดยตลอด นอกจากนี้นาธานยังมีหนี้สินที่ต้องชดใช้ให้กับน้ามดเป็นจำนวนเงิน 702,800 บาทอีกด้วย
แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้นก็คือ นับตั้งแต่นี้ต่อไป กุนซือของนาธานจะเดินหมากต่อไปอย่างไร?
นาธานบอกว่าวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา คนที่เดินทางมารับตัวเขาออกจากเรือนจำเป็นญาติ หาใช่นักแต่งเพลงตามที่มีข่าวพาดพิงถึงแต่อย่างใด เป็นที่น่าสงสัยว่าคน(ที่ดูเหมือน) ไร้ญาติ อย่างนาธาน พ่อกับแม่ที่แท้จริงไม่เคยปรากฏตัว แม้กระทั่งกำพืดที่แท้จริงยังไม่สามารถระบุชี้ชัดได้ แล้วเขามี “ญาติ” ฝ่ายไหนมารับตัวตอนออกจากเรือนจำ!?
ตลอดระยะเวลากว่า 9 เดือนที่นาธานอยู่ในคุก อดีตผู้จัดการคนสนิทอย่าง “ชิ อนุชา ลังประเสริฐ” บอกว่าเคยเขียนจดหมายไปหาอดีตนักร้องในการดูแลคนนี้เพียงหนึ่งฉบับถ้วน และเป็นจดหมายที่มีเนื้อหาไปในทางสอนสั่ง อบรมให้นาธานประพฤติปฏิบัติตัวให้ดีขึ้น นอกจากจดหมายฉบับนั้น ชิบอกว่าไม่ได้ติดต่อสื่อสารอะไรกับนาธานอีกเลย ถือเป็นการขาดการติดต่อจากนาธานที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่รู้จักกันมา
คงจะทำใจให้เชื่อยากเหลือเกินว่ามหากาพย์ลวงโลกของนาธานเกิดจากคนเพียงคนเดียว ไม่มีผู้ร่วมขบวนการมาคอยช่วยคิดช่วยกำหนดแผนการ เพราะต่อให้นาธานใช้สาลิกาลิ้นทองก็ยากที่จะ “กล่อม” ให้ใครต่อใครหลงเชื่อถ้อยคำของเขาแบบหัวปักหัวปำเช่นนี้ และหากจะแกะรอยเส้นทาง “แก๊งนาธาน” ซึ่งมีจุดกำเนิดเรื่องลวงโลกตั้งแต่การ “โก ฮอลลีวูด” ของนาธานในช่วงต้นปี 2552 ตัวละครที่น่าสงสัยที่สุดคงหนีไม่พ้นอดีตผู้จัดการที่ชื่อ “ชิ” รายนี้
วันที่เกิดข่าวว่านาธานกำลังจะมีงานแสดงภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง The Prince of Red Shoe (ที่ในวันนั้นนาธานตอบอ้อมแอ้มแค่เพียงว่าภาพยนตร์ที่เขาเล่นน่าจะชื่อประมาณ Red Shoe หรืออะไรทำนองนั้น) กับดาราฮอลลีวูดอย่าง “บรู๊ซ วิลลิส” และ “คริสติน่า ริชชี” ก็มีชิคนนี้แหละที่อยู่เคียงข้าง คอยรับหน้าบรรดาสื่อหลายสำนักที่ดาหน้าไปขอสัมภาษณ์ แน่นอนว่าในฐานะผู้จัดการส่วนตัว ชิย่อมต้องทำหน้าที่ประสานงานในลักษณะนั้น แต่ในฐานะผู้จัดการส่วนตัวผู้ที่มีผลประโยชน์ร่วมกันกับนาธานทำให้หลายต่อหลายคนสงสัยว่าเขาจะไม่มีส่วนรู้เห็นเลยหรือว่าศิลปินในการดูแลได้ไปแสดงภาพยนตร์ฮอลลีวูดหรือไม่!!
การแสดงภาพยนตร์ฮอลลีวูดไม่ใช่การแสดงละครโปรเจคกต์ของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ขนาดแค่แสดงภาพยนตร์ในประเทศยังต้องมีสัญญาว่าจ้างและเอกสารนับสิบใบให้เซ็นและตรวจดู เรื่องนี้มีหรือที่ผู้จัดการส่วนตัวผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลเรื่องผลประโยชน์ของศิลปินจะไม่ล่วงรู้ว่าจริงหรือเท็จ
ย้อนกลับไปในวันนั้น ชิปากยื่นปากยาวบอกใครต่อใครที่ไปสัมภาษณ์นาธานว่าที่ศิลปินของเขามีโอกาสได้ “โกฮอลลีวูด” ก็เพราะหนังสือชีวประวัติของเขาที่ได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษไปเข้าตาผู้กำกับชื่อดัง วันนั้นทั้งชิและนาธานต่างประสานเสียงเล่าเรื่องนี้เป็นตุเป็นตะ สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันราวกับอ่านมาจากสคริปต์แผ่นเดียวกัน
วันนี้หากใครได้ย้อนกลับไปอ่านหนังสือเล่มนั้นจะต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “คนเล่าเรื่องไม่บ้าก็เมา” เพราะเรื่องราวที่นาธานบอกว่าเป็นประวัติของเขาเต็มไปด้วยเรื่องโป้ปดเกินความจริงไปหลายขุม
อย่าว่าแต่ผู้กำกับชื่อดังของฮอลลีวูด แม้แต่เด็กประถมก็คงไม่หลงเชื่อ !!
จากวันนั้นถึงวันนี้ที่แก๊งนาธานทำมากกว่าแค่การ “โกหกว่าได้เล่นหนังฝรั่ง” เรื่องราวดำเนินมาไกลเกินกู่ เห็นได้ชัดว่าในช่วงแรกเริ่ม คู่หูจอมลวงโลก “ชิ - นาธาน” ไม่ได้วางเป้าหมายว่าจะเดินสายเป็นมิจฉาชีพอย่างเต็มตัวเช่นที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ พวกเขาเพียงแต่ “ปั้นเรื่อง” การโกอินเตอร์ขึ้นเพื่อชุบชีวิตเด็กหลังเขาหิมาลัย(ตามที่พวกเขาสร้างเรื่องขึ้น) ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง หลังจากที่ไม่มีผลงานเพลงนานหลายปีและดูเหมือนว่าชื่อเสียงของนาธานก็เริ่มจะแผ่วลงไป
ครั้งนั้นนาธานออกพ็อกเกตบุ๊กพูดถึงชีวประวัติของตัวเองออกมาหนึ่งเล่มแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ที่สำคัญเรื่องราวของเขาในหนังสือเล่มนั้นออกจะเป็นแฟนตาซีสุดล้ำเกินจินตนาการมากกว่าจะเป็นประวัติของใคร หลังจากที่มหกรรมการโกหกของนาธานถูกปูดขึ้นมา สังคมเริ่มรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา หนังสือเล่มนั้นก็ถูกถามถึงขึ้นในฐานะเอกสารประกอบการอ้างอิงเพื่อนำไปสู่การกระชากหน้ากากนาธานจอมลวงโลก
มาวันนี้คู่หู “ชิ - นาธาน” ใช้ยุทธวิธี “แยกกันตี(กิน)” คนนึงยอมรับว่าโกหกและฉ้อโกงชาวบ้านจริง ส่วนอีกรายสละเรือออกมาก่อน โดยยังคงวางกลยุทธ์ให้นาธานมีที่ยืนของตัวเอง หากจำกันได้ก่อนหน้าที่จะเดินเข้าซังเตไปใช้กรรม นาธานเคยพูดในทำนองว่าเขาจะขายความแรงแบบเดียวกับที่ “เลดี้ กาก้า” นักร้องสุดซ่าปฏิบัติไว้ นี่อาจจะเป็นแนวทางที่ชิเคยวางไว้ให้นาธานเดิน แม้จะเคยขายความเป็นคนดีสุดๆ แต่ดันดำเนินกลยุทธ์ผิดบวกกับความละโมบทำให้กลายมาเป็นมิจฉาชีพเต็มตัว ครั้งนี้ก็ขอใช้ความเป็น “จอมลวงโลก” เป็นจุดขายมันเสียเลย
ทางฝั่งชิก็รับบทเป็นอดีตผู้จัดการผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ไม่เคยรู้ว่านาธานโกหก ไม่รู้มาก่อนว่านาธานไม่มีเชื้อสายเนปาล ไม่เคยรู้ว่านาธานโกหกว่าได้ไปแสดงภาพยนตร์ฮอลลีวูด ไม่รู้เรื่องที่นาธานไปหลอกลวงต้มตุ๋นโกงเงินใครต่อใคร และเพราะ “เพิ่งมารู้” ทีหลังนี่เองที่ทำให้ชิเขียนหนังสือแฉนาธานออกมาเป็นตุเป็นตะ แล้วเลยเถิดไปสู่การสร้างภาพยนตร์โปรเจกต์ยักษ์ในชื่อ “ลับลวงแหล” โดยโฆษณาเรียกน้ำย่อยเอาไว้ว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่ทุกเรื่องราวของจอมลวงโลกที่ชื่อนาธานรายนี้
ส่วนทางฝั่งนาธานหลังจากออกจากคุกก็ย้ำว่าจะเปลี่ยนนิสัย พร้อมกับเกริ่นถึงพ็อกเกตบุ๊กเล่มใหม่ที่เขาจะบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองระหว่างที่อยู่ในคุกเพื่อเป็นอุทาหรณ์ไม่ให้คนอื่นๆ ทำผิดแบบตน เห็นได้ชัดว่านาธานมีแนวโน้มจะเปลี่ยน “จุดขาย” อีกครั้ง
แน่นอนว่างานนี้ทั้งชิและนาธานยังคงมีที่ทางสำหรับตัวเอง คนนึงขายความเป็นอดีตผู้จัดการที่ “ถูกหลอก” เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ในสังคม อีกคนขายความเป็นจอมลวงโลกที่รอให้สังคมลุ้นว่าจะ “กลับเนื้อกลับตัว” จริงดั่งคำพูดหลังก้าวออกจากเรือนจำหรือไม่
ที่แน่ๆ ชิประกาศแล้วว่าให้อภัยนาธานและพร้อมที่จะทำงานร่วมกับเขาเสมอ ฝ่ายนาธานก็แบ่งรับแบ่งสู้ พูดเพียงแค่ว่ายังไม่ได้พูดคุยกับชิและจะขอสกรีนคนที่เข้ามาในชีวิตตัวเองมากขึ้น งานนี้ถ้านาธานสกรีนแล้วว่าชิเหมาะสำหรับการกลับมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขา ก็ต้องภาวนาว่าขอให้ “กลยุทธ์” ใหม่ของผู้จัดการสมองใสเป็นไปในทางที่สร้างสรรค์กว่าที่ผ่านมาแล้วกัน
นาธานโผล่เปิดใจ “เช้าดูวู้ดดี้”
วู้ดดี้ทุ่มเงินหกหลักฉก “นาธาน โอมาน” จากรายการ “แมงโกทีวี” ทางช่องเคเบิลของเนชั่น เคลียร์พื้นที่ให้จอมลวงโลกไปนั่งจ้อแต่เช้า พร้อมซักถามเรื่องราวตอนอยู่ในคุก พร้อมจิกกัดเรื่อง “ทำสบู่หล่น” และการเป็นขวัญใจนักโทษและผู้คุมตลอดระยะเวลา 10 เดือนที่อยู่ในเรือนจำ ก่อนจะถามถึงอนาคตของนาธาน ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า “นักร้อง” เป็นอาชีพที่อยากทำมากที่สุด แต่เฉไฉไม่พูดตรงๆ ว่าจะกลับมาร่วมงานกับ “ชิ อนุชา” อดีตผู้จัดการส่วนตัวหรือไม่
นี่คือ บางส่วนที่นาธานเปิดใจในเช้าวันที่ 15 ธันวาคม 2554
วู้ดดี้ “เมื่อเขาประกาศรายชื่อแล้วคุณเป็นหนึ่งในนั้น(คนที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ) รู้สึกอย่างไรบ้าง”
นาธาน “ก็รู้สึกดีใจ ก็คิดว่าตัวเองอาจจะยังไม่เข้าโพย เพราะยังอยู่ในชั้นกลาง เพิ่งกลับเข้าไปสู่ชั้นปกติ แล้วคนที่ออกส่วนมากจะเป็นชั้นเยี่ยม แต่ปรากฏว่าคดีของธานเป็นคดีทั่วไป พอมีพระราชกฤษฎีกามาปุ๊บ พอเขาประกาศเสร็จแล้วก็ประกาศรายชื่อก็มีชื่อนาธาน โอมาน ธานก็ดีใจมาก น้ำตาไหล เพราะว่าในเรือนจำเนี่ย สิ่งที่สำคัญของนักโทษทั่วประเทศที่เขาต้องการก็คืออภัย ฉะนั้นธานก็เลยเข้าใจความหมายของคำว่าอภัย แล้วพอมีชื่อธานปุ๊บ ธานก็น้ำตาไหล ร้องไห้ เพื่อนๆ ทุกคนทั่วเรือนจำก็ร่วมกันกราบพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัว ขอบคุณสำหรับการอภัยโทษของพระองค์”
วู้ดดี้ “ย้อนกลับไป 10 เดือนที่แล้ว วันแรกที่ได้เข้าไปอยู่ในเรือนจำรู้สึกยังไง ช็อกไหม”
นาธาน “ก็ช็อกเหมือนกัน แต่ว่าก่อนที่จะเข้าไปสามวินาทีก็ต้องนึก ทำใจแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด มันคงเป็นกรรมของเราในชาตินี้ที่ตามมาถึงแล้ว ก็ทำใจเต็มที่เลย เพราะธานคิดว่าเข้าไปปุ๊บต้องโดนซ้อม โดนตี โดนขาใหญ่มัด เอาน้ำอึราดหรืออะไรก็แล้วแต่ คิดสารพัดเลยน่ะ แต่ปรากฏพอเข้าไปข้างในปุ๊บ เราก็ต้องถอดเสื้อผ้าหมดเลยเพื่อให้เขาตรวจ ซึ่งอายมาก แต่มันเป็นกฎระเบียบของข้างใน แล้วเป็นความรู้สึกที่แย่มากๆ เมื่อเข้าไปครั้งแรก”
วู้ดดี้ “วันที่ตัดสินว่าต้องติดคุก วันนั้นประกันตัวได้ แต่ไม่มีใครประกันเลย เสียใจไหม”
นาธาน “ภายใน 12 วันทำใจเลย แล้วก็รู้สึกว่าคงไม่มีใครประกันแล้วล่ะ พ่อ แม่ หรือว่าใครก็แล้วแต่ เราคงจะทำแย่มาก คงจะเลวสุดๆ น่ะ หรืออาจจะเป็นสิ่งที่แย่ก็เลยรู้สึกว่าไม่เป็นอะไร ทำใจ ตัดสินไปเลย เพราะความจริงเราสามารถสู้ได้ เราสามารถสู้คดีได้ จนถึงที่สุดน่ะ เพราะเราต้องเอาหลักฐานหลายๆ อย่างแต่ไปถึงปุ๊บก็บอกผู้พิพากษาว่าตัดสินเลยครับท่าน สารภาพเลยครับ ยอมรับเลยครับ”
วู้ดดี้ “ตอนที่ถูกคุมตัวในเรือนจำต้องทำอย่างไรบ้าง”
นาธาน “ตื่นตีห้าครึ่ง หกโมงเช้าก็เตรียมออกจากห้อง แล้วหกโมงครึ่งหัวหน้าก็เปิดห้อง เปิดห้องปุ๊บเราต้องกวาดพื้น กวาดใบไม้ ทำความสะอาดแดนกลาง แล้วใครมีหน้าที่อะไร ทุกคนก็เตรียมทำหน้าที่ ฝ่ายกองงานศึกษาก็เตรียมเข้ากองงาน แต่ธานประจำฝ่ายควบคุม ฝ่ายควบคุมก็จะประกาศ เดินเอกสารให้นาย เตรียมเอกสารแล้วก็เช็กรายชื่อคนใหม่ กรอกประวัติคนใหม่ แล้วก็เตรียมเช็กยอดหน้าแถวว่าตอนนี้มีกี่คนแล้ว เช็กยอดตอนเช้าแปดโมง แล้วก็บ่ายโมง แล้วก็ก่อนเข้าห้อง เช็กสามครั้ง”
วู้ดดี้ “ได้ยินว่าเป็นดาวเด่นในนั้นด้วย เป็นยังไงบ้าง เป็นซูเปอร์สตาร์เลย ตอนที่คุณเข้าไปมีข่าวออกมาเยอะมากว่า โอ้โห เขามีความสุขมากที่อยู่ในนั้น เพราะเขาได้โชว์ทุกวันเลย”
นาธาน “ก็มีความสุขครับ (ยิ้ม) เป็นนักร้องให้เพื่อนๆ แล้วเข้าไปปุ๊บ ต้องเขียนไดอารี่ให้เพื่อนๆ เกือบ 300-400 เล่มในเวลาไม่ถึงเดือน (วู้ดดี้ “เขียนยังไง”) ก็คือนาธานขอลายเซ็นหน่อย แล้วก็เขียนที่อยู่ให้หน่อยนะ เขียนอะไรก็ได้ ความรู้สึกของเรา ธานก็จะเขียนว่าขอพ้นโทษไวไวนะครับ ขอให้มีความสุขกับชีวิตข้างนอกที่กำลังจะเกิดใหม่ ฟ้าหลังฝนย่อมดีเสมอ แล้วก็ขอให้ปรับเปลี่ยนชีวิตใหม่ที่ไม่ดี อะไรที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไป ชีวิตที่แย่ๆ ในนี้ก็เก็บไว้เป็นประสบการณ์ ให้ออกไปทำตัวใหม่ ก็เขียนเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ หลายคน แล้วก็แลกเปลี่ยน คนนี้คดีอะไรๆ ก็แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เขาก็จะมาเล่าๆ ให้เราฟัง แล้วเขาอยากรู้เรื่องข้างนอกเป็นยังไง ดาราเป็นยังไงเหรอนาธาน แล้วร้องเพลงเป็นยังไง ลิปซิงก์เป็นยังไง แล้วก็ดาราคนนี้เป็นยังไง ดาราคนนั้นเป็นยังไง เหมือนเป็นหนังสือกอสสิปให้เขาอ่านยังนี้น่ะครับ”
วู้ดดี้ “จากนี้ไป วางแผนหรือยังว่าจะทำอย่างไรต่อ กลับเข้าสู่วงการไหม”
นาธาน “ก็ยังไม่ทราบเลยครับ แต่จริงๆ แล้วสายเลือดเรา เราเป็นศิลปินน่ะ เกิดมาเป็นนักร้อง ก็ยังไม่รู้เลย คือทำอะไรได้หลายๆ อย่าง เป็นคนเกิดมามีศิลปะ แล้วก็เลยรู้สึกว่าก็คงอาจจะเป็นนักร้องกับบัวผัน เพลงลูกทุ่ง ฟีเจอริ่งสไตล์อีสานอะไรแบบนั้น เพราะว่าชอบดนตรีอีสานมากเลยครับ”
วู้ดดี้ “พูดถึงน้ามด ตอนนี้ยังติดต่อกันอยู่ไหมครับ”
นาธาน “ไม่ได้ติดต่อแล้วครับ ให้เป็นทางกฎหมาย เพราะธานต้องชดใช้เขา กำหนดระยะเวลาสิบปี ก็คือเราต้องใช้เขา เพราะว่าเขาเป็นคนให้สัมภาษณ์เองว่าเขาจะไม่ขอติดต่อเราอีก แต่ว่าธานเขียนจดหมายไปหาเขาด้วยนะ เขียนไปว่าธานขอโทษทุกสิ่งทุกอย่าง ขอให้ทุกคนมีความสุข แล้วก็ใกล้จะปีใหม่แล้ว ธานไม่โกรธอะไรหรอก เรื่องที่เกิดขึ้นเพราะเป็นกรรมของธานเอง เรื่องที่เกิดขึ้นธานไม่โทษใครเลย เพราะเป็นเรื่องของเราเอง แล้วก็เป็นกรรมที่เราทำไว้แย่มากอย่างนี้”
วู้ดดี้ “มีคนพูดกันในอินเทอร์เน็ตว่านาธานควรจะใช้เงินเขา สงสารน้ามด คุณรู้สึกยังไงบ้างกับเรื่องนี้”
นาธาน “สงสารน้ามด แต่ตัวธานติดคุกอย่างนี้ ธานก็ติดคุกอยู่แล้ว ธานเสียอิสรภาพทุกๆ อย่าง ซึ่งจริงๆ แล้วเงินส่วนนี้ธานก็ต้องชดใช้เขาอยู่แล้ว เป็นส่วนของกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้ไม่ใช่ว่าธานไม่ใช้เขา เพียงแต่ว่าธานเพิ่งออกมา ออกมาปุ๊บจะไปจ่ายเงินเลยก็ไม่ใช่ เพราะว่าข้างในไม่ได้มีบัตรเครดิต ไม่มีอะไรทุกอย่าง ใช้เงินแค่วันละสองร้อยบาท ใช้คูปองสองร้อยบาท สองร้อยบาทพี่คิดดู”
วู้ดดี้ “คูปองสองร้อยบาททำอะไรบ้าง”
นาธาน “สองร้อยบาทคือ อยากจะซื้ออะไรก็ซื้อเลยตอนเช้าก็มีตลาดอยู่ในเรือนจำ ตอนเช้าเราก็เดินตลาด”
วู้ดดี้ “ชีวิตก็สบายเหมือนกันนี่”
นาธาน “ถ้าเกิดคิดว่าสบายก็สบาย แต่ถ้าเกิดคิดว่าเราขาดอิสรภาพ แล้วทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎระเบียบ ทุกอย่างทั้งหมดเลย ซึ่งเราไม่มีอิสระแค่นั้นเอง”
วู้ดดี้ “เอาเงินไปซื้ออะไรบ้าง”
นาธาน “ก็ซื้อกับข้าว เงินเหลืออีกห้าสิบบาทยังให้เพื่อนอีก (วู้ดดี้ “ใจบุญมาก”) เพราะว่าจริงๆ แล้วไม่มีอะไรที่ต้องซื้อนอกจากกับข้าวน่ะ ที่สำคัญที่สุดก็คืออาหาร แล้วถ้าจะดูดบุหรี่ตอนนั้นก็ดูดยาเส้น ยาเส้นสีทองซึ่งคอก็แหก แต่ก็ใครมีบุหรี่ มีบุหรี่ลาวมาเราก็เพื่อนๆ ขอดูดหน่อยนะ เขาก็จะให้ครับ ทุกคนมีน้ำใจหมดเลย”
วู้ดดี้ “ตอนเข้าไปในเรือนจำ นักโทษคนอื่นมาถามคุณไหมว่า ตกลงคุณลับลวงแหลจริงไหม”
นาธาน “เขาก็ถาม มันก็มีหนังสือเล็กๆ ที่เข้าไป ทีวีก็มีบางช่องที่เป็นข่าวทีวี เขาก็จะ เฮ้ย นาธานทำไมเขาว่ามึงอย่างนั้นวะ ธานก็บอกว่าก็คดีฉ้อโกงน่ะ ทำยังไงได้ล่ะ ส่วนมากเขาจะให้กำลังใจมากกว่า คดีของน้องเล็กๆ นะนาธาน ของพี่คดีใหญ่มากเลย แล้วพี่เขาก็เศร้า เราก็เลยปลอบใจเขา ปรากฏคุยไปคุยมา พี่ติดกี่ปีครับ พี่ติดตั้ง 18 ปีน้อง พี่อยู่มากี่ปี พี่อยู่มา 7 ปีแล้ว อุ้ย ไม่เป็นไรครับพี่ เราเพิ่งเข้าไปใหม่ๆ เราก็ไปสอนเขา ไปให้กำลังใจ ก็คุยๆ พี่คดีอะไรครับ ของนาธานคดีฉ้อโกง พี่ล่ะครับ พี่คดีฆ่าน้อง อ๋อ คดีฆ่าเหรอ เราก็นิ่งไปแป๊บนึง แล้วก็งั้นก็เป็นกำลังใจให้นะครับ ขอให้ทุกคนออกไปแล้วทำตัวใหม่ สิ่งที่นักโทษทั่วประเทศกลัวมากที่สุดก็คือ กลัวว่าออกไปแล้วสังคมจะไม่ยอมรับ แล้วก็ทุกคนจะแอนตี้ จะรู้สึกว่าขี้คุก ธานก็เลยบอกว่าไม่เป็นไร ธานเป็นนักร้อง นักร้องยังขี้คุกได้เลย ดาราฮอลลีวูดเขาก็ขี้คุก วิทนีย์ ฮุสตัน ปารีส ฮิลตัน ยังอยู่ในคุกสบายเลย ฉะนั้นนี่คือมองโลกในแง่ดี”
วู้ดดี้ “คุณอยู่ในเรือนจำ 10 เดือน มันเปลี่ยนชีวิตคุณไหม”
นาธาน “เปลี่ยนมาก เปลี่ยนชีวิตเลย ลบมุมมองที่แย่ๆ ของเราออกไป แล้วเรารู้สึกว่าเราจะดิ้นรนไปทำไม ในเมื่อคนเขายังอยู่ได้เลย แล้วทำไมเราถึงอยู่ไม่ได้ แล้วเรารู้สึกว่า แอบคิดในใจถ้ามีโอกาสอีกครั้งนึงก็จะพยายามเดินอย่างระวัง จะระวังที่สุด จะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน จะไม่โกหก จะเป็นตัวเองให้มากที่สุด ที่ผ่านมาเราเป็นคนอื่น ทีนี้เรากลับมาแล้ว ถ้าเกิดได้โอกาสอีกครั้งนึง เราจะเป็นตัวเองให้มากที่สุด แต่ก็คิดว่าคงไม่มีโอกาสหรอก แต่ปรากฏพอวันที่ออกไป วันที่ 5 ก็มีนักข่าวเป็นร้อย เยอะมาก เราก็รู้สึกว่าเขารู้ได้ไง ธานยังถามนักข่าวเลยว่าพี่ทำไมพี่ถึงยังตามข่าวธานอยู่ พี่ไม่เบื่อเหรอ”
วู้ดดี้ “แล้วเขาตอบว่ายังไง”
นาธาน “ไม่เบื่อหรอกนาธาน เพราะนาธานมีแต่คนสนใจ มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด คนเขาชอบนาธานมากนะ เขาถึงสนใจ ตอนนี้เขาอาจจะเกลียดมาก ธานก็คิดว่าได้จากพ่อหลวงนี่แหละ จากพระเจ้าอยู่หัว ธานรู้สึกว่าพระเจ้าอยู่หัวทำให้ธานเป็นผ้าขาวอีกครั้งนึง ที่เหลือก็คืออยู่ที่ว่าผ้าขาวผืนนั้นจะทำให้สกปรกหรือเปล่า อยู่ที่ตัวเราเอง”
วู้ดดี้ “คุณก็ต้องระมัดระวัง แต่บอกว่าคุณได้สร้างอะไรไว้หลายอย่าง ตุ๊กกี้เคยมาออกรายการเรา แล้วพูดว่า ถ้าไม่มีนาธานเชียงคานไม่ดัง คุณรู้สึกยังไงบ้าง”
นาธาน “(ยิ้ม) ก็รู้สึกดีใจ แล้วรู้สึกว่าบางทีเราอาจจะมีเหตุอยู่ที่นั่น แล้วการโปรโมตสถานที่ท่องเที่ยวที่เชียงคานอาจจะน้อย (วู้ดดี้ “เป็นพรีเซ็นเตอร์เขาเลยดีไหม”) ก็คิดอยู่เหมือนกัน (หัวเราะ) ก็คิดว่าคนมาเชียงคาน บางทีมาถ่ายหน้าเรือนจำ อุ้ย นาธานอยู่ที่นี่ ก็อยากจะฝากบอกให้ทุกคนไปเที่ยวเชียงคานเยอะๆ เพราะตอนนี้อากาศหนาวแล้ว และอากาศดีมาก จังหวัดเลยมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกเยอะ มีวัดที่สวย มีคนที่น่ารัก และมีอาหารที่อร่อย ใครที่ยังไม่เคยไปเชียงคานก็ลองไป แล้วธานคิดว่ายังมีอีกหลายอำเภอ อย่างอำเภอท่าลี่ หรือพระธาตุศรีสองรัก”
วู้ดดี้ “แล้วถ้าเกิดคนที่ติดตามอยู่มีความรู้สึกว่า คุณติดคุกเกือบปีก็จริง คุณประกาศว่าจะกลับตัวกลับใจ แต่ถ้าเขายังไม่เชื่อล่ะ จะบอกเขายังไงดี”
นาธาน “มันต้องใช้เวลา แล้วธานรู้สึกว่าธานไม่ต้องการให้ใครมาเชื่อธานหรอก ทุกคนอาจจะยังเกลียดธานอยู่ หรือโกรธธาน แต่ว่าตอนนี้พ่อหลวงหรือพระเจ้าอยู่หัวให้อภัยธานแล้ว คนอื่นจะไม่ให้อภัยไม่เป็นไร เพราะธานถือว่าพระเจ้าอยู่หัวคือสูงสุดของธานแล้ว เป็นบุญของธานมากเลยที่ธานมีโอกาสได้มาเกิดอีกครั้งนึงบนโลกนี้ เพราะธานถือว่าธานตกนรกไป แล้วธานเพิ่งโผล่มาบนดิน ทุกคนคิดว่านาธานยังโกหกเหมือนเดิม ธานว่าต้องใช้เวลา แล้วตัวธานเองธานสบายใจแล้วกับสิ่งที่ธานไปชดใช้มา แต่ส่วนอื่นธานรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้เกี่ยวกับคนอื่นแล้ว มันอยู่ที่ตัวธานแล้ว”
วู้ดดี้ “ตั้งแต่ออกมามีใครติดต่อให้ไปทำอะไรในวงการหรือยัง”
นาธาน “ก็มีคนติดต่อให้ธานเขียนหนังสือ แล้วก็เล่นหนัง (วู้ดดี้ “เล่นหนังด้วย”) ไม่ได้เล่นหนัง หมายถึงว่าเขาจะเอาเรื่องของธานไปทำหนัง”
วู้ดดี้ “พี่ชิไม่ใช่เหรอ แล้วคุณจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยไหม”
นาธาน “ธานคงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรอก เพราะธานคงไม่เล่นเอง ถ้าเกิดเขาจะทำจริงๆ ก็คงให้คนอื่นเล่น แต่ว่าธานต้องดูไดอะล็อก ดูสคริปต์ หรือว่าดูบทว่าเป็นยังไง ว่ามันจะเหมือนจริงหรือเปล่า ถ้าเกิดจะทำเนี่ย มันน่าจะเป็นหนังที่สามารถสอนคนได้ เอาตั้งแต่ธานเกิดขึ้นมาจนธานมาอยู่ที่เรือนจำ ธานว่ามันน่าสนใจ ชีวิตในเรือนจำก็น่าสนใจ แล้วมันมีดีเทลอีกเยอะ มันละเอียดอ่อนมากในการทำหนัง”
วู้ดดี้ “คิดว่าจะกลับไปร้องเพลงอีกไหม”
นาธาน “คิดว่าอยากร้องเพลง ไม่จำเป็นต้องอยู่ตามค่ายใหญ่ ค่ายดังก็ได้ครับ”
วู้ดดี้ “อาร์เอสติดต่อกลับมาบ้างไหม”
นาธาน “ไม่ได้ติดต่อครับ แล้วก็คิดว่ายังมีค่าย(วู้ดดี้ “คีตาล่ะติดต่อมาบ้างไหม”) คีตาเจอข้างในครับ(หัวเราะ) เจอนักแต่งเพลงข้างใน แล้วก็เจอนักแต่งเพลงหมอลำ นักแต่งเพลงคนอีสาน ที่เป็นนักแต่งเพลงท้องถิ่น ที่ได้แรงบันดาลใจเยอะ”
..............................................................
ที่มา นิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 115 วันที่ 17-23 ธันวาคม 2554