“พ่อเป็นแรงบันดาลใจให้ผมกล้าที่จะก้าวมาทำทุกอย่างด้วยตนเอง” เพียงแค่ประโยคสั้นๆ ที่ออกมาจากใจของหนุ่ม “โยชิ - นิมิต มนัสพล” หนึ่งในหนุ่มหล่อ มาดเข้ม แห่งวง C-Quint ที่วันนี้เขาจะเล่าถึงความประทับใจและคำสอนของพ่อที่ทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ในยุคที่สังคมเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วด้วยสติ
1
โยชิเป็นหนุ่มหล่อคนสุดท้องในครอบครัว ที่เติบโตมากับพี่ชายอีกสองคน ในครอบครัวจีนที่หลายคนอาจจะมองว่าลูกๆ จะต้องอยู่ในกรอบระเบียบที่คุณพ่อและคุณแม่ตั้งเอาไว้ให้ และดูแลอย่างประคบประหงมเหมือนไข่ในหิน ทว่าสำหรับครอบครัวนี้แล้ว คุณพ่อและคุณแม่ไม่ได้จำกัดอะไรมากมาย โยชิบอกว่า “ลูกชายยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ”
“พ่อจะบอกเสมอว่า ถ้าอยากทำอะไรก็ไปทำได้ ปล่อยให้เรามีอิสระทางความคิด ตอนเด็กๆ ผมจะเป็นเด็กที่ติดบ้านมาก เวลาพี่ชายจะออกไปไหน ไม่ว่าจะไปซื้อเกมที่สะพานเหล็ก หรืออกไปข้างนอกก็ตาม พ่อจะบอกพี่ชายตลอดว่า ให้พาผมออกไปข้างนอกด้วย เพราะจะทำให้ได้เห็นโลกภายนอกมากขึ้น ว่าคนแต่ละคนเป็นอย่างไร ดูว่าคนข้างนอกเขาใช้ชีวิตกันอย่างไรบ้าง ให้เราได้ออกไปเรียนรู้โลกภายนอกด้วยตนเองครับ”
ความสัมพันธ์ในบ้านของพี่น้องที่มีแต่ผู้ชาย จึงทำให้หลายอย่างสามารถพูดคุยกันได้แทบจะทุกเรื่อง แต่ส่วนใหญ่แล้ว หนุ่มโยชิ มักจะพูดคุยปรึกษาในเรื่องงานจากพี่ๆ เสียมากกว่า
“ผมว่าอาจจะเป็นเพราะว่าเราเป็นผู้ชายมั้งครับ ก็จะเข้าใจกันง่าย ไม่ทะเลาะกัน มีอะไรก็ไถ่ถามกัน นานๆ ที ไม่ได้มานั่งคุยกันตลอดเวลา”
ในช่วงเวลาส่วนใหญ่ที่จะทำให้พี่น้องทั้งสามคนได้พบหน้ากันคือช่วงเวลาคุณพ่อต้องการปรึกษาเรื่องของธุรกิจ ของทางบ้าน ซึ่งธุรกิจของคุณพ่อก็คือ ส่งออกเสื้อผ้าแบรนด์ Good Start ซึ่งถือเป็นธุรกิจของครอบครัว ที่คุณพ่อมักจะมาคอยถามไถ่เรื่องแฟชั่นให้ดูทันสมัยมากขึ้น จากลูกๆ ทั้งสามคน
“ส่วนใหญ่ถ้าจะมาเจอกันก็ตอนที่ คุณพ่อมาปรึกษาให้พวกเราช่วยเรื่องธุรกิจนิดหน่อย คุณพ่อจะมาปรึกษาให้เราช่วยออกแบบเสื้อหน่อย ท่านก็อยากมาให้เราแชร์แบบที่ให้เข้ากับวัยรุ่นหน่อย หรืออยากให้เราช่วยออกแบบหน่อยว่า เทรนด์เสื้อผ้าตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว เราก็จะให้ไอเดียท่านว่า เวลาเราไปซื้อเสื้อ เราอยากใส่เสื้อแบบไหน ให้เหมือนว่าเราเป็นลูกค้าของพ่อคนนึง เพื่อให้คุณพ่อรู้ว่า ตอนนี้ลูกค้าส่วนใหญ่เขาชอบใส่แบบไหนกันบ้าง ก็ให้คุณพ่อไปออกแบบเอง แต่สำหรับพี่ๆ โย ก็จะปรึกษาเรื่องการทำธุรกิจ เพราะตอนนี้โยกำลังทำธุรกิจ ก็ให้พี่ชายช่วยออกแบบโลโก้บริษัทบ้าง ส่วนใหญ่จะคุยกันเรื่องงานซะมากกว่าครับ”
2
โยชิ เล่าย้อนถึงความประทับใจในตัวคุณพ่อ อีกหลายๆ แง่มุม ซึ่งตอนนั้นเขาเองยังเด็ก และจำได้ดีว่า คุณพ่อมักจะพาไปวิ่งออกกำลังกายในตอนเช้าทุกเช้า เพราะคุณพ่อของโยชิ หลงรักการออกกำลังกายและรักสุขภาพอย่างมาก
“ตอนเด็กพ่อจะพาไปวิ่งตอนเช้า คุณพ่อชอบวิ่งมาราธอน ปั่นจักรยานทางไกลมาก ปั่นไปไกล บางวันคุณพ่อปั่นไปถึงอยุธยาเลยครับ มันก็โอเคนะครับ ผมว่ามันเป็นกิจกรรมที่ทำให้ผมนึกย้อนไปตอนเด็กแล้วเป็นบรรยากาศที่ดีมาก เพราะเราต้องตื่นออกไปวิ่งที่สวนลุมพินี ตั้งแต่เช้าตี5 อากาศตอนเช้า พระอาทิตย์ขึ้นอากาศก็เย็น ต้นไม้เยอะมาก ก็วิ่งกัน ทุกคนเลย พ่อแม่ ผม แล้วก็พี่ชาย แม่จะไปวิ่งแป๊บเดียวแล้วก็ไปร้องเพลงกับชมรมของเขา ผมกับพ่อก็จะวิ่งจนสายๆ เสร็จแล้วไปนั่งกินข้าว ตอนเช้าด้วยกัน มันรู้สึกอบอุ่นมากนะครับ เด็กหลายคนอาจจะคิดว่าขี้เกียจตื่นเช้า แต่ผมรู้สึกดีมาก”
โยชิเล่าว่าคุณพ่อเป็นคนที่รักสุขภาพมาก ทุกวันนี้ก็ยังวิ่งอยู่ บางครั้งท่านมักจะออกไปวิ่งมาราธอน วิ่งไกลมากๆ มีการวิ่งที่ประเทศไหนท่านก็จะไปครับ อย่างที่ผ่านมาคุณพ่อไปวิ่งที่ฝรั่งเศส ที่โตเกียว หรือแม้แต่การปั่นจักรยานไปต่างจังหวัด ออกกำลังกายอย่างจริงจังครับ ท่านจะเป็นคนรักสุขภาพ
“พ่อจะเป็นคนที่ไม่รับเอาสารเคมีเข้าร่างกายเลยครับ จะกินแต่อาหารประเภทมังสวิรัติ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากสมุนไพรเท่านั้น และอีกอย่างที่คุณพ่อคอยสอนผมมาตั้งแต่เด็กๆ คือการให้ผมลองนั่งสมาธิ ซึ่งเรื่องนี้ผมนำเอามาใช้และปฏิบัติอยู่บ่อยครั้ง”
ในหลายๆ เรื่องที่คุณพ่อคอยสอน เรื่องหนึ่งที่สำคัญมากสำหรับโยชิ คือเรื่องการใช้ชีวิตในอนาคต ซึ่งโยชิสามารถนำเอามาปรับใช้กับการทำงานในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี เพราะการก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงต้องเจอกับผู้คนมากมาย บางครั้งอาจจะไม่รู้ว่าวันหนึ่งจะต้องเผชิญกับเรื่องดีบ้าง ไม่ดีบ้าง แต่การปลูกฝังให้โยชินั่งทำสมาธิมาตั้งแต่เด็กของคุณพ่อ สามารถช่วยให้เขามีสติทุกครั้งที่เจอกับปัญหา
“ส่วนใหญ่คุณพ่อจะสอนเรื่องการใช้ชีวิตในอนาคตนะครับ งานจะต้องทำยังไง คนมีหลายประเภทนะ สอนให้เราทำสมาธิเพื่อให้เรามีสติกับการได้เจอปัญหาซึ่งหน้า ซึ่งบางครั้งเราก็ไม่รู้หรอกว่าเราต้องเจออะไร ตอนเด็กพ่อจับมานั่งสมาธินะ แรกๆ ผมก็ไม่รู้หรอก ผมก็นั่งไปเรื่อยๆ พ่อเองก็ชมว่าดีมากนะ จากนั้นเราก็นั่งสมาธิมาตลอด เพื่อให้จิตมันสงบ พ่อจะเป็นคนน่ารัก เป็นผู้ใหญ่ที่น่ารัก ท่านจะเป็นคนประหยัด มัธยัสถ์ ทุกวันนี้คุณพ่อยังนอนเสื่ออยู่เลยครับ เตียงก็มีไม่นอน มานอนเสื่อ คุณพ่อก็ใช้จ่าย ไม่ค่อยใช้จ่าย ไม่ค่อยไปเที่ยว ผมคิดว่าผมจะพยายามทำให้ได้เหมือนพ่อให้ได้มากที่สุด เพราะมันเป็นอะไรที่ครบทุกด้านจริงๆ ครับ เราเองบางครั้งเป็นวัยรุ่นอยากจะมีอารมณ์ปาร์ตี้ อยากสนุกสนานกับเพื่อนๆ ก็คิดว่าโตขึ้นจะทำให้ได้เหมือนพ่อครับ ”
3
โยชิ เริ่มต้นเข้าวงการบันเทิงเมื่อตอนที่ได้ร่วมทำกิจกรรมกับทางมหาวิทยาลัย ซึ่งในตอนนั้นเขาคือหนึ่งในกลุ่มนิสิตที่เป็นตัวแทนอัญเชิญป้ายมหาวิทยาลัย เข้าสู่งานกีฬาฟุตบอลจุฬา-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 62 ซึ่งครั้งนั้นเองทำให้เข้าตาแมวมอง และก้าวสู่การเป็นนักร้องแห่งวงซีควิ้นท์
“ตอนนั้นมีพี่ๆ ของทางอาร์เอส มาติดต่อครับ ผมเองก็เคยอยู่ในวง CU Band โยเป็นคนชอบร้องเพลง ชอบฟังเพลง แต่ผมจะเลือกฟังเพลงนะ โดยเฉพาะเพลงแนวอาร์แอนด์บี โซล ที่ผมชอบแนวนี้เพราะว่าเพลงแนวนี้ฟังแล้วดูมีลูกเล่น เราชอบฟังเพลง ร้องเพลง ที่ทำให้เรารู้สึกว่าสามารถพัฒนาตัวเองได้ครับ อย่างโยเห็นนักร้องที่เขาร้องเพลงแล้วเรารู้สึก ทำไมเขาเก่งจังเลย ร้องได้ยังไง เราก็เอาฝึกฝนตัวเราเอง บางเพลงเราฟังอาจจะรู้สึกว่าเพลงเพราะนะ แต่ว่ามันก็เฉยๆ นะครับ”
ตอนเข้ามาในวงการคุณพ่อไม่ได้ห่วงโยชิ กับเรื่องของการแบ่งเวลาเรียน แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นห่วงในเรื่องอนาคตเสียมากกว่า เพราะคุณพ่อมักจะถามโยชิอยู่บ่อยครั้งว่าเมื่อไหร่จะเรียนต่อ การทำงานในวงการบันเทิงผู้ใหญ่อาจจมองว่าเป็นงานที่ฉาบฉวย ไม่ค่อยยั่งยืน มั่นคงเหมือนการทำงานอื่นๆ
“เข้าวงการพ่อก็ไม่ค่อยห่วงนะครับ แต่จะมีอยู่เรื่องเดียวเลยที่พ่อจะห่วงมาก คอยบอกตลอดเวลาว่า เมื่อไหร่จะเรียนต่อเพราะงานในวงการมันเป็นงานที่ฉาบฉวย ไม่ยั่งยืน ร้องเพลงจะร้องไปถึงเมื่อไหร่แล้วไปเรียนต่อมั้ย โยก็จะบอกท่านว่า เออ ถ้าเรียนจบมา เงินเดือนที่ได้ก็จะได้น้อยกว่าที่ร้องเพลงอีกนะ โยก็อยากจะขอทำตรงนี้ก่อนแล้วเราค่อยดูว่าเราสามารถขยับขยายอะไรจากงานส่วนนี้ได้บ้าง เราก็ไม่ใช่ว่าจะมาร้องเพลงอย่างเดียว เราก็อยากทำงานทำธุรกิจของตัวเองที่มั่นคง แล้วก็อยากมีคอนเนกชันที่มากขึ้นกว่านี้ จากนั้นอะไรๆ เราก็สามารถทำได้ เพื่อจะได้ทำงานในอนาคตเพื่อเป็นรายได้หลัก ตอนนี้ก็อยากทำรายการอยู่ ทางช่อง yaak TV ก็ติอต่อทุกอย่างไว้แล้ว เป็นรายการสุขภาพ การดูแลตัวเองของผู้ชาย ”
หลากหลายสิ่งที่โยชิได้รับจากพ่อ ซึ่งเขาบอกว่า พ่อเป็นเหมือนแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาได้คิด ได้เริ่มต้นทำอะไรหลายอย่าง ถ้าหากไม่เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะต้องรออีกนานแค่ไหน ถ้าเริ่มตอนที่แก่ไปแล้วมันก็จะสายเกินไป เราคิดว่าเราโตขึ้นมา ธุรกิจก็ต้องเริ่ม
“บางครั้ง ผมนำเอาวิธีการพูดคุยกับลูกค้าหรือหลายๆ อย่างที่ผมจะเริ่มต้นใหม่ ที่ได้แรงบันดาลใจจากพ่อมาปฏิบัติ เอามาปรับให้เข้ากับตัวเรามากที่สุด”
“คุณพ่อจะชอบสอน ผมเป็นคนชอบกวน และบางครั้งผมก็เถียงท่านบ้าง แต่ไม่ใช่ว่าเถียงแล้วจะไม่มีเหตุผล เพราะที่ผมเถียงก็เหมือนเป็นการแสดงความคิดเห็นของตัวเอง ให้พ่อได้รู้ว่าเราคิดอะไร ยังไงบ้าง พอพ่อสอนไม่ใช่ว่าเราไม่ฟังนะ พ่อสอนมาเราก็ฟังหมดนะ แต่แค่แบบบางทีคือมันนิดนึงก็อยากจะเถียงนะ เพราะว่าท่านจะได้รู้ว่าเราก็คิดแบบนี้นะ แต่สุดท้ายเราก็ทำตามคำแนะนำของพ่อนะ บางครั้งพ่อก็บอกนะว่า ถ้าเถียงแบบนี้ก็จะไม่สอนแล้วนะ เราก็ไม่เถียง”
4
เพราะสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และวัยรุ่นเป็นวัยที่อยากรู้อยากลอง คุณพ่อโยชิ จะคอยเตือนมาตั้งแต่ยังเด็ก และคอยสอนเกี่ยวกับทุกเรื่องที่ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ที่บ้านจะไม่ตีกรอบ ไม่ห้าม แต่จะคอยอธิบายเหตุผลว่าสิ่งนั้นดีหรือไม่เพราะเหตุใด
“ที่บ้านจะรู้อยู่แล้วว่า โยติดบ้านมาก ไม่ค่อยได้ปาร์ตี้ เหล้าก็ไม่ค่อยดื่ม ไม่สูบ ไม่ออกนอกลู่นอกทาง พ่อก็ไม่ได้ห้ามเราอย่างเดียว เพราะว่ายิ่งห้ามก็เหมือนว่ายิ่งยุ ท่านก็จะสอนแล้วก็อธิบายให้เห็นภาพว่ามันดีหรือไม่ดีอย่างไรบ้าง จนผมรู้ว่ามันก็ไม่ได้สำคัญอะไรที่เราจะต้องไปอยู่กับสิ่งเหล่านั้นเลยนะ ผมสามารถพูดได้เลยนะว่าผมไม่เคยทำให้พ่อเสียใจเพราะท่านก็รู้อยู่แล้วเราเป็นคนแบบไหน ถึงว่าจะไม่ได้อยู่ในกรอบของคุณพ่อมากมายนัก แต่ผมอยู่ในกรอบของผม ที่ผมสร้างขึ้น เป็นกรอบที่เราไม่ได้ทำอะไรให้คนอื่นเดือดร้อน หรือตัวเองเดือดร้อน ที่จะไม่นอกลู่นอกทาง หรือทำอะไรในสิ่งที่ผิดๆ ตราบใดที่ผมทำแล้วไม่เดือดร้อนใคร แล้วผมมีความสุขก็ทำ นี่คือกรอบของโย”
“ถ้าพูดถึงเรื่องคติในการใช้ชีวิต ผมไม่ค่อยมีอะไรนะ เราก็จะทำดีกับทุกคนที่อยู่รอบข้างเรา เพราะถ้าเราทำดีกับคนรอบข้าง เราก็อาจจะได้สิ่งที่ดีๆ กลับมาครับ ซึ่งเรื่องนี้มันสามารถทำให้เราทำทุกอย่างได้สำเร็จ เพียงแค่คุณทำดีกับคนรอบข้าง แล้วสิ่งดีๆ จะเข้ามาหา
ถามถึงเรื่องหวานใจ ที่คุณพ่ออยากให้มี คุณพ่อบอกกับโยว่า “คุณพ่ออยากจะให้หาแฟนเด็กกว่าสัก 5 ปี เพราะว่าพ่อก็แต่งกับแม่ แม่เด็กกว่าพ่อ 5 ปี เพราะว่า เราโตกว่าผู้หญิงก็จะนับถือเรานะ แล้วเราก็จะได้เป็นผู้นำที่น่าเชื่อถือด้วย พ่อก็จะให้หาคนที่น่ารักๆ เหมือนแม่ เพราะแม่ผมน่ารัก เพราะแม่เป็นคนมัธยัสถ์”
สุดท้าย ผมอยากจะฝากบอกพ่อว่า ไม่ต้องเป็นห่วงผม เพราะผมเองก็ได้แนวคิดอะไรหลายๆ อย่างมาจากพ่อเหมือนกัน ก็ขอให้พ่อมีความสุข ประหยัดน้อยๆ หน่อยก็ได้ พาแม่ออกไปเที่ยวหน่อย คุณพ่อก็มีความสุขกับสิ่งที่ท่านทำอยู่ ผมอยากพาพ่อไปเที่ยวต่างประเทศ พาไปหลายๆ ที่ ไปกันมาเยอะนะ อยากไปกันทั้งครอบครัว ผมไม่ได้เดินห้างกับพ่อแม่มานานมากแล้วนะ เพราะท่านบอกว่า ท่านไม่ชอบซื้อของในห้าง เสื้อผ้าเราก็ทำเอง เราจะเอาเงินของเราไปซื้อทำไม รู้มั้ยว่าต้นทุนเสื้อผ้าเท่าไหร่ เราจะไปซื้อของคนอื่นให้มันเสียตังค์แพงๆ ทำไม คุณพ่อผมเป็นคนน่ารักมากเลยครับ”
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ นิมิต มนัสพล
ชื่อเล่น โยชิ
วันเกิด 10 มีนาคม 2530 อายุ 24 ปี
การศึกษา ปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ภาคอินเตอร์)
ผลงาน อัลบั้ม C-Quint ,รายการ More Gang มันส์ทุกมอ ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี , รายการ C-Quint 4D ทางช่อง Yaak TV ,รายการ Papayaakzi ออนแอร์สด ทางช่อง Yaak TV และรายการใหม่แกะกล่อง รายการ Men in trend ทางช่อง Yaak TV
*********************************
ข่าวโดย Manager Lite /ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์
ภาพโดย พงษ์ศักดิ์ ขวัญเนตร