“นาธาน” เผยประสบการณ์ติดคุก 10 เดือน อย่างหมดไส้ เข้าไปวันแรกถูกจับแก้ผ้าล่อนจ้อน แถมเข้าห้องน้ำไม่มีอะไรกั้นจะทำอะไรเห็นหมด บอกเป็นความรู้สึกที่แย่มากๆ พร้อมเผยถึงเรื่องอย่างว่าในคุกแต่ยืนยันตัวเองไม่โดน เจ้าตัวเปรียบขนาด “ปารีส ฮิลตัน” ยังติดคุกเลย พร้อมลั่นกลับตัวกลับใจแล้ว ส่วนหนี้ “น้ามด” รับปากจะใช้คืนแต่ไม่ใช่ตอนนี้
ได้รับพระราชทานอภัยโทษไปเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ที่ผ่านมา สำหรับอดีตนักร้อง “นาธาน โอร์มาน” หลังเจ้าตัวถูกศาลจังหวัดเลยตัดสินจำคุกในข้อหาฉ้อโกงเงิน “น้ามด สิทธิพร โคตรอุดมพร” เป็นจำนวน 740,000 บาท ไปเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2554 เป็นเวลา 2 ปี แต่เจ้าตัวได้รับสารภาพจึงได้ลดโทษเหลือกึ่งหนึ่ง เหลือโทษจำคุก 1 ปี และให้คืนเงินแก่น้ามดเป็นเงินจำนวน 702,800 บาท
ล่าสุดเจ้าตัวได้เดินทางกลับเข้ากรุงเทพเป็นที่เรียบร้อย ท่ามกลางบรรดาสื่อมวลชนที่ยังคงให้ความสนใจติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเจ้าตัว โดยเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา นาธานมีคิวไปออกรายการทางช่อง “แมงโก้ทีวี” ในเครือเนชั่น เวลานัดหมายคือ 1 ทุ่มตรง แต่ปรากฏเจ้าตัวโทรไปยกเลิกกะทันหัน เพื่อยกคิวทั้งหมดให้กับรายการของ “เช้าดูวู้ดดี้” ของ “วู้ดดี้ มิลินทจินดา” ซึ่งได้มีการอัดเทปรายการไปเมื่อช่วงเย็นของวันเดียวกัน โดยเทปดังกล่าวได้ออกอากาศไปแล้วเมื่อช่วงเช้าของวันนี้(15 ธ.ค.) ทั้งนี้นาธานได้เปิดปากเล่าถึงประสบการณ์ 10 เดือนของการเป็นนักโทษให้ฟังว่า…
“วันแรกที่เข้าไปอยู่ในเรือนจำก็ช็อกเหมือนกัน แต่ว่าก่อนที่จะเข้าไปสามวินาทีก็ต้องนึกทำใจแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด มันคงเป็นกรรมของเราในชาตินี้ที่ตามมาถึงแล้ว ก็ทำใจเต็มที่เลย เพราะธานคิดว่าเข้าไปปุ๊บต้องโดนซ้อม โดนตี โดนขาใหญ่มัด เอาน้ำอึราดหรืออะไรก็แล้วแต่ คิดสารพัดเลย แต่ปรากฏพอเข้าไปข้างในปุ๊บ เราก็ต้องถอดเสื้อผ้าหมดเลยเพื่อให้เขาตรวจ ซึ่งอายมาก แต่มันเป็นกฎระเบียบของข้างใน แล้วเป็นความรู้สึกที่แย่มากๆ เมื่อเข้าไปครั้งแรก”
“วันที่ตัดสินว่าต้องติดคุก วันนั้นประกันตัวได้ แต่ไม่มีใครประกันเลย ถามว่าเสียใจมั้ย ภายใน 12 วันทำใจเลย แล้วก็รู้สึกว่าคงไม่มีใครประกันแล้วล่ะ พ่อแม่หรือว่าใครก็แล้วแต่ เราคงจะทำแย่มาก คงจะเลวสุดๆ น่ะ หรืออาจจะเป็นสิ่งที่แย่ก็เลยรู้สึกว่าไม่เป็นอะไร ทำใจ ตัดสินไปเลย เพราะความจริงเราสามารถสู้ได้ เราสามารถสู้คดีได้จนถึงที่สุด เพราะเราต้องเอาหลักฐานหลายๆ อย่าง แต่ไปถึงปุ๊บก็บอกผู้พิพากษาว่าตัดสินเลยครับท่าน สารภาพเลยครับ ยอมรับเลยครับ ธานอยู่ในเรือนจำทั้งหมด 10 เดือนครับ”
พร้อมเผยถึงกิจวัตรประจำวันที่ต้องทำตอนที่อยู่ในเรือนจำว่า…
“ตื่นตีห้าครึ่ง หกโมงเช้าก็เตรียมออกจากห้อง แล้วหกโมงครึ่งหัวหน้าก็เปิดห้อง เปิดห้องปุ๊บเราต้องกวาดพื้น กวาดใบไม้ ทำความสะอาดแดนกลาง แล้วใครมีหน้าที่อะไร ทุกคนก็เตรียมทำหน้าที่ ฝ่ายกองงานศึกษาก็เตรียมเข้ากองงาน แต่ธานประจำฝ่ายควบคุม ฝ่ายควบคุมก็จะประกาศ เดินเอกสารให้นาย เตรียมเอกสารแล้วก็เช็ครายชื่อคนใหม่ กรอกประวัติคนใหม่ แล้วก็เตรียมเช็คยอดหน้าแถวว่าตอนนี้มีกี่คนแล้ว เช็คยอดตอนเช้าแปดโมง แล้วก็บ่ายโมง แล้วก็ก่อนเข้าห้อง เช็คสามครั้ง”
“มีประกาศเป็นภาษาลาวด้วยครับ เพราะมีคนลาวอยู่ด้วย ก็สนุกดี แล้วก็มีเพื่อนลาว เพราะมีคนลาวเหมือนกัน แล้วก็ประกาศให้เซ็นเอกสาร ประกาศให้ทุกคนทำภารกิจหรืออะไรก็แล้วแต่ อยู่ในนั้นก็มีความสุขครับ (ยิ้ม) เป็นนักร้องให้เพื่อนๆ แล้วเข้าไปปุ๊บ ต้องเขียนไดอารี่ให้เพื่อนๆ เกือบ 300-400 เล่มในเวลาไม่ถึงเดือน”
“ก็ประมาณว่านาธานขอลายเซ็นหน่อย แล้วก็เขียนที่อยู่ให้หน่อยนะ เขียนอะไรก็ได้ ความรู้สึกของเรา ธานก็จะเขียนว่าขอพ้นโทษไวๆ นะครับ ขอให้มีความสุขกับชีวิตข้างนอกที่กำลังจะเกิดใหม่ ฟ้าหลังฝนย่อมดีเสมอ แล้วก็ขอให้ปรับเปลี่ยนชีวิตใหม่ที่ไม่ดี อะไรที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไป ชีวิตที่แย่ๆ ในนี้ก็เก็บไว้เป็นประสบการณ์ ให้ออกไปทำตัวใหม่ ก็เขียนเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ หลายคน แล้วก็แลกเปลี่ยน คนนี้คดีอะไรๆ ก็แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เขาก็จะมาเล่าๆ ให้เราฟัง แล้วเขาอยากรู้เรื่องข้างนอกเป็นยังไง ดาราเป็นยังไงเหรอนาธาน แล้วร้องเพลงเป็นยังไง ลิปซิงค์เป็นยังไง แล้วก็ดาราคนนี้เป็นยังไง ดาราคนนั้นเป็นยังไง เหมือนเป็นหนังสือก็อสซิปให้เขาอ่านครับ”
“แล้วอยู่ในนั้นคือต้องใส่กางเกงขาสั้น ใส่เสื้อยืด คือห้ามใส่ขายาว ทุกอย่างนายต้องเห็นหมด ต้องเปิดเผยหมดทุกอย่าง มีเสื้อที่พี่วู้ดดี้ให้ไปตอนออกรายการคราวที่แล้ว ธานก็ใส่ไป พอใส่เสื้อวู้ดดี้ทุกคนก็ อุ้ย เสื้อเท่จังเลย เสื้อรายการวู้ดดี้เหรอ ปรากฏว่ามีแฟนคลับพี่วู้ดดี้เยอะมากในนั้น”
“ธานไปเรือนจำที่ขอนแก่น ทุกคนพูดถึง เฮ้ย พี่วู้ดดี้เป็นยังไง พี่วู้ดดี้หล่อหรือเปล่า พี่วู้ดดี้ทำไมดุจังวะ ต้องระวังนะ ต้องระวังเขา เป็นมุมมองของเขาแล้วเขาชอบมาก แล้วมาที่จังหวัดเลย ถึงขั้นธานพยายามที่จะเขียนจดหมายหาพี่วู้ดดี้ เพราะธานวางแผน ไดอะล๊อกการตลาดให้พี่เรียบร้อยเลย เพราะว่าพี่วู้ดดี้ต้องชอบแน่ๆ เลย แล้วทีนี้สามวันก่อนที่ธานจะออก ธานก็พยายามจะเขียนจดหมาย เพราะมันต้องเซ็นเซอร์ ต้องเขียนไม่เกิน 15 บรรทัด ทีนี้ 15 บรรทัดก็ไม่สนุกแล้ว ก็พยายามจะบอกญาติเพื่อนที่มาเยี่ยม”
“โทรไม่ได้ ห้ามใช้โทรศัพท์ครับ ไม่รู้จะติดต่อยังไง ใช้พลังจิตทุกอย่างแล้ว เอ…พี่วู้ดดี้จะรู้หรือเปล่าว่าอยู่ที่นี่ เอ๊ะ หรือว่าไม่รู้วะ เพราะกะว่าถ้าพี่วู้ดดี้ไปปุ๊บ ธานก็จะวางแผนตรงนี้ บอกหัวหน้าแล้วนะ เซทอะไรไว้เรียบร้อยแล้ว ธานนอนตรงนี้ๆ แล้วธานร้องเพลงตรงนี้ๆ เดี๋ยวจะให้เพื่อนๆ มาร้องเพลง ข้างในเราก็ร้องเพลง เพลงพีสะเดิด”
“ตอนอยู่ในเรือนจำมีทีมวอลเลย์บอลเพื่อนๆ ที่น่ารักมากๆ เป็นสาวๆ ที่น่ารัก แล้วเขาไม่รู้จะแต่งตัวอย่างไรดี เพราะจะมีแดนหญิงมาแข่งวอลเลย์บอลด้วย แล้วทีนี้ถ้าเกิดมีแดนหญิงมาแล้วเขาต้องไม่เด่นแน่เลย พวกผู้ชายก็ต้องกรี๊ดแต่ผู้หญิงแน่ๆ เลย ธานก็เลยบอกว่า เอาอย่างนี้เป็นเลดี้ กาก้าไปเลย เลดี้ กาก้าเลยเหรอ เลดี้ กาก้าคือใคร เขาเป็นนักร้อง นักร้องฝรั่ง ก็เลยให้เขาแต่งเป็นแฟนซี ก็ช่วยเขาแต่ง เอาผ้าขาวม้ามามัดเป็นกางเกง แล้วก็หาขนนก ธานออกแบบกับเขา แล้วก็แต่งหน้ากัน แต่งให้เป็นแฟนซี”
“ก็แต่งให้ดูตลกๆ แล้วเวลาตบวอลเลย์บอลจะได้ดูเด่น ธานเป็นคนแต่งให้เขา ก็ลองทาครับ ต้องเทสต์ก่อนว่ามันใช้ได้ ก็เวิร์กดีครับ แล้วอยู่ในนั้นมันไม่มีเครื่องสำอางใช้ ไม่มีครีมใช้ ต้องใช้ครีมซอง ซองละสิบบาท แล้วสบู่ก็ต้องใช้สบู่หลวง สบู่หลวงก็คือใช้ครั้งเดียวก็กัดแหลกเหมือนกัน แล้วก็ซักผ้าได้ด้วย ถูตัวได้ สระผมได้ มันแรงมาก (เป็นสบู่เอนกประสงค์ แต่ไม่ได้ทำตกใช่ไหม?) ไม่ได้ทำตก(หัวเราะ) ก็สนุกดี ปรากฏว่าเหมือนพาปีศาจมาเล่นวอลเลย์บอล แล้วมันก็ตลก ก็เลยเป็นเรื่องขำ ผู้ชายก็กรี๊ด กรี๊ดกว่าผู้หญิง ผู้หญิงก็ขวัญเอย ขวัญเจ้าเอยอยู่นั่น ปรากฏว่าทีมห้าสาวก็ชนะวอลเลย์บอล แล้วก็ได้ชุดดีเด่น ได้รางวัลเยอะมาก ผู้คุมทุกคนก็ชอบมากครับ ตลกดี”
ทั้งนี้เจ้าตัวยังเล่าประสบการณ์เรื่องตลกที่เกิดขึ้นในเรือนจำให้ฟังด้วยว่า….
“ก็มีเวลาเด็กใหม่มา กองตรวจพิสูจน์ เด็กน้อยก็จะมากรอกประวัติ แล้วเขาจะถามว่า ชื่ออะไร เด็กเขาจะบอกว่าชื่อนี้ๆ อายุเท่าไหร่ แล้วมีพี่น้องกี่คน เด็กก็จะบอกว่ามีพี่น้องประมาณ 22 คนครับ โห 22 คนเลยเหรอ ทำไมมันเยอะขนาดนั้นล่ะ พ่อแม่เดียวกันเหรอ เปล่าครับ มีพ่อ มีแม่ มีตา มียาย คือความหมายของเด็กคนละความหมายกัน อ้าว แล้วศาสนาอะไร ศาสนาพระมหากษัตริย์ครับ ซึ่งเขาหมายถึงศาสนาอิสลาม ศาสนาพุทธ ทำให้รู้ว่าเด็กเรียนน้อยมาก เป็นเด็กต่างจังหวัดชาวบ้าน”
“แล้วเวลาไปอยู่ห้องพยาบาล ตอนกลางคืนก็จะมีผู้เฒ่าที่เขาจะเป็นเหมือนเด็ก เขาจะลงมาเล่นในอ่างน้ำ อ่างที่ไว้สำหรับเราอาบน้ำเนี่ย เขาจะลงไปเล่น เราก็ต้องตื่นขึ้นมาดูแล เพื่อจะดึงเขาให้มานอนกับที่ บางทีเขาก็เผลอเหยียบหน้าคน แล้วก็มีหลายอย่าง บางทีเวลาจะเข้าห้องน้ำ ธานเข้าไปวันแรกประมาณสองอาทิตย์ถึงจะถ่ายออก เพราะว่ามันเครียด เพราะว่ามันไม่มีอะไรกั้น คือห้องน้ำใครอยากจะทำธุระส่วนตัวก็ทำ ใครอยากจะทำอะไรเขาก็จะเห็นหมดเลยทุกอย่าง เห็นทุกกิจกรรมเพราะว่านายจะต้องมองเห็นตลอดเวลาว่าคุณทำอะไรในห้องน้ำ”
และเมื่อถามว่าในเรือนจำมีเรื่องอย่างว่าเกิดขึ้นกับตัวเองไหม นาธานก็ตอบว่า…. “ก็ไม่มีครับ แต่ว่าคนข้างในมีวิธีคลายเครียดของเขาก็อาจจะเป็นวิธีการช่วยตัวเอง(หัวเราะ)”
ยอมรับตอนเข้าไปในเรือนจำ เพื่อนนักโทษถามต่อหน้าว่าตัวจริงแหลเหมือนที่ข่าวบอกหรือเปล่า? ซึ่งเจ้าตัวอธิบายว่า…
“เขาก็ถาม มันก็มีหนังสือเล็กๆ ที่เข้าไป ทีวีก็มีบางช่องที่เป็นข่าวทีวี เขาก็จะเฮ้ย นาธานทำไมเขาว่ามึงอย่างนั้นวะ ธานก็บอกว่าก็คดีฉ้อโกงน่ะ ทำยังไงได้ล่ะ ส่วนมากเขาจะให้กำลังใจมากกว่า คดีของน้องเล็กๆ นะนาธาน ของพี่คดีใหญ่มากเลย แล้วพี่เขาก็เศร้า เราก็เลยปลอบใจเขา ปรากฏคุยไปคุยมา พี่ติดกี่ปีครับ พี่ติดตั้ง 18 ปีน้อง พี่อยู่มากี่ปี พี่อยู่มา 7 ปีแล้ว อุ้ย ไม่เป็นไรครับพี่”
“เราเพิ่งเข้าไปใหม่ๆ เราก็ไปสอนเขา ไปให้กำลังใจ ก็คุยๆ พี่คดีอะไรครับ ของนาธานคดีฉ้อโกง พี่ล่ะครับ พี่คดีฆ่าน้อง คดีฆ่าเหรอ เราก็นิ่งไปแป๊บนึง แล้วก็งั้นก็เป็นกำลังใจให้นะครับ ขอให้ทุกคนออกไปแล้วทำตัวใหม่ สิ่งที่นักโทษทั่วประเทศกลัวมากที่สุดก็คือ กลัวว่าออกไปแล้วสังคมจะไม่ยอมรับ แล้วก็ทุกคนจะแอนตี้ จะรู้สึกว่าขี้คุก ธานก็เลยบอกว่าไม่เป็นไร ธานเป็นนักร้อง นักร้องยังขี้คุกได้เลย ดาราฮอลลีวูดเขาก็ขี้คุก ปารีส ฮิลตัน ยังอยู่ในคุกสบายเลย ฉะนั้นนี่คือมองโลกในแง่ดี (เปรียบตัวเองเหมือน ปารีส ฮิลตันเลยไหม?) (หัวเราะ) แต่ปารีสเขาใช้ร้อยล้านในการซื้อสถานที่ แต่ธานสองร้อยบาท ธานก็ซื้อได้แต่ตำแตง ซื้อได้แต่ไข่ต้ม”
พร้อมกันนี้เจ้าตัวยังได้เปิดใจถึงวินาทีที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษว่าดีใจจนน้ำตาไหล…
“ก็รู้สึกดีใจ ก็คิดว่าตัวเองอาจจะยังไม่เข้าโพย เพราะยังอยู่ในชั้นกลาง เพิ่งกลับเข้าไปสู่ชั้นปกติ แล้วคนที่ออกส่วนมากจะเป็นชั้นเยี่ยม แต่ปรากฏว่าคดีของธานเป็นคดีทั่วไป พอมีพระราชกฤษฎีกามาปุ๊บ พอเขาประกาศเสร็จแล้วก็ประกาศรายชื่อก็มีชื่อนาธาน โอร์มาน ธานก็ดีใจมาก น้ำตาไหล เพราะว่าในเรือนจำเนี่ย สิ่งที่สำคัญของนักโทษทั่วประเทศที่เขาต้องการก็คืออภัย ฉะนั้นธานก็เลยเข้าใจความหมายของคำว่าอภัย แล้วพอมีชื่อธานปุ๊บ ธานก็น้ำตาไหล ร้องไห้ เพื่อนๆ ทุกคนทั่วเรือนจำก็ร่วมกันกราบพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัว ขอบคุณสำหรับการอภัยโทษของพระองค์”
เจ้าตัวเผยหลังจากพ้นโทษออกมาแล้วมีคนติดต่องานเข้ามาให้เขียนหนังสือ ส่วนหนังที่ “ชิ อนุชา” จะเอาชีวประวัติตนไปสร้างนั้นขอสกรีนบทแต่คงไม่เล่นเอง
“เรื่องกลับเข้าวงการก็ยังไม่ทราบเลยครับ แต่จริงๆ แล้วสายเลือดเรา เราเป็นศิลปิน เกิดมาเป็นนักร้อง ก็ยังไม่รู้เลย คือทำอะไรได้หลายๆ อย่าง เป็นคนเกิดมามีศิลปะ แล้วก็เลยรู้สึกว่าก็คงอาจจะเป็นนักร้องกับบัวผัน เพลงลูกทั่ง ฟีเจอริ่งสไตล์อีสานอะไรแบบนั้น เพราะว่าชอบดนตรีอีสานมากเลยครับ ธานคิดว่าอยากร้องเพลง ไม่จำเป็นต้องอยู่ตามค่ายใหญ่ ค่ายดังก็ได้ครับ อาร์เอสไม่ได้ติดต่อครับ แล้วก็คิดว่ายังมีค่าย (คีตาล่ะติดต่อมาบ้างไหม?) คีตาเจอข้างในครับ(หัวเราะ) เจอนักแต่งเพลงข้างใน แล้วก็เจอนักแต่งเพลงหมอลำ นักแต่งเพลงคนอีสาน ที่เป็นนักแต่งเพลงท้องถิ่น ที่ได้แรงบันดาลใจเยอะ”
“ก็มีคนติดต่อให้ธานเขียนหนังสือ แล้วก็เล่นหนัง ไม่ได้เล่นหนัง หมายถึงว่าเขาจะเอาเรื่องของธานไปทำหนัง (ชิ อนุชา แล้วคุณเกี่ยงข้องอะไรไหม?) ธานคงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรอก เพราะธานคงไม่เล่นเอง ถ้าเกิดเขาจะทำจริงๆ ก็คงให้คนอื่นเล่น แต่ว่าธานต้องดูไดอะล๊อก ดูสคริปต์ หรือว่าดูบทว่าเป็นยังไง ว่ามันจะเหมือนจริงหรือเปล่า ถ้าเกิดจะทำมันน่าจะเป็นหนังที่สามารถสอนคนได้ เอาตั้งแต่ธานเกิดขึ้นมาจนธานมาอยู่ที่เรือนจำ ธานว่ามันน่าสนใจ ชีวิตในเรือนจำก็น่าสนใจ แล้วมันมีดีเทลอีกเยอะ มันละเอียดอ่อนมากในการทำหนัง”
บอกเคยเขียนจดหมายไปขอโทษ “น้ามด” แต่ตอนนี้ไม่ได้ติดต่อกันแล้วเพราะน้ามดเป็นคนให้สัมภาษณ์เองว่าจะไม่ติดต่อตนอีก
“ไม่ได้ติดต่อแล้วครับ ให้เป็นทางกฎหมาย เพราะธานต้องชดใช้เขา กำหนดระยะเวลาสิบปี ก็คือเราต้องใช้เขา เพราะว่าเขาเป็นคนให้สัมภาษณ์เองว่าเขาจะไม่ขอติดต่อเราอีก แต่ว่าธานเขียนจดหมายไปหาเขาด้วยนะ เขียนไปว่าธานขอโทษทุกสิ่งทุกอย่าง ขอให้ทุกคนมีความสุข แล้วก็ใกล้จะปีใหม่แล้ว ธานไม่โกรธอะไรหรอก เรื่องที่เกิดขึ้นเพราะเป็นกรรมของธานเอง เรื่องที่เกิดขึ้นธานไม่โทษใครเลย เพราะเป็นเรื่องของเราเอง แล้วก็เป็นกรรมที่เราทำไว้แย่มากประมาณนี้”
มีคนพูดกันในอินเตอร์เน็ตว่านาธานควรจะใช้เงินเขา เพราะสงสารน้ามด รู้สึกยังไงบ้างกับเรื่องนี้? เจ้าตัวบอกว่า…
“สงสารน้ามด แต่ตัวธานติดคุกอย่างนี้ ธานก็ติดคุกอยู่แล้ว ธานเสียอิสรภาพทุกๆ อย่าง ซึ่งจริงๆ แล้วเงินส่วนนี้ธานก็ต้องชดใช้เขาอยู่แล้ว เป็นส่วนของกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้ไม่ใช่ว่าธานไม่ใช้เขา เพียงแต่ว่าธานเพิ่งออกมา ออกมาปุ๊บจะไปจ่ายเงินเลยก็ไม่ใช่ เพราะว่าข้างในไม่ได้มีบัตรเครดิต ไม่มีอะไรทุกอย่าง ใช้เงินแค่วันละสองร้อยบาท ใช้คูปองสองร้อยบาท สองร้อยบาทพี่คิดดู”
“สองร้อยบาทคือ อยากจะซื้ออะไรก็ซื้อเลยตอนเช้าก็มีตลาดอยู่ในเรือนจำ ตอนเช้าเราก็เดินตลาด เงินสองร้อยก็ซื้อกับข้าว เงินเหลืออีกห้าสิบบาทยังให้เพื่อนอีก เพราะว่าจริงๆ แล้วไม่มีอะไรที่ต้องซื้อนอกจากกับข้าว ที่สำคัญที่สุดก็คืออาหาร แล้วถ้าจะดูดบุหรี่ตอนนั้นก็ดูดยาเส้น ยาเส้นสีทองซึ่งคอก็แหก แต่ก็ใครมีบุหรี่ มีบุหรี่ลาวมาเราก็เพื่อนๆ ขอดูดหน่อยนะ เขาก็จะให้ครับ ทุกคนมีน้ำใจหมดเลย ถ้าเกิดคิดว่าสบายก็สบาย แต่ถ้าเกิดคิดว่าเราขาดอิสรภาพ แล้วทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฏระเบียบทุกอย่างทั้งหมดเลย ซึ่งเราไม่มีอิสระแค่นั้นเอง”
บอกตอนอยู่ในเรือนจำคิดถึงพ่อแม่และเรื่องเก่าๆ มากที่สุด
“ตอนอยู่ในเรือนจำจริงๆ คิดถึงพ่อแม่ แล้วก็คิดถึงเรื่องเก่าๆ คิดถึงเหตุการณ์ คิดถึงเรื่องเมื่อก่อน แล้วก็ย้อนถึงตัวเองว่าถ้าเกิดวันนั้นเราไม่ทำอย่างนั้น เราก็คงไม่เป็นอย่างนี้ แม่มาเยี่ยมครับ แม่มาเยี่ยมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพครับ แม่ก็ร้องไห้ แม่บอกไม่เป็นไรนะ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไป ชดใช้กรรมให้หมดนะลูก แม่ก็ไม่เคยโกรธลูกอยู่แล้ว แล้วธานก็ขอพรจากท่าน ตอนธานออกมา ธานก็โทรหาแม่ แม่ก็บอกว่าออกมาก็ดีแล้ว ทำตัวใหม่ ยังไงแม่ก็ยังรักเหมือนเดิม แล้วแม่จะให้พรลูก ขอให้ทุกอย่างดี แล้วธานก็ดีใจมากที่อย่างน้อยธานก็ลืมไปว่า เออ เรายังมีแม่อยู่นะ คิดว่าตัวเองไม่มีใครตลอดเวลา แต่ขณะเดียวกันเรายังมีคนที่มีพระคุณกับเราอยู่”
เผย 10 เดือนที่ตกอยู่ในสภาพนักโทษทำให้เปลี่ยนมุมมองชีวิตอย่างมหาศาล
“เปลี่ยนมาก เปลี่ยนชีวิตเลย ลบมุมมองที่แย่ๆ ของเราออกไป แล้วเรารู้สึกว่าเราจะดิ้นรนไปทำไม ในเมื่อคนเขายังอยู่ได้เลย แล้วทำไมเราถึงอยู่ไม่ได้ แล้วเรารู้สึกว่าแอบคิดในใจถ้ามีโอกาสอีกครั้งนึงก็จะพยายามเดินอย่างระวัง จะระวังที่สุด จะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน จะไม่โกหก จะเป็นตัวเองให้มากที่สุด ที่ผ่านมาเราเป็นคนอื่น ทีนี้เรากลับมาแล้ว ถ้าเกิดได้โอกาสอีกครั้งนึง เราจะเป็นตัวเองให้มากที่สุด แต่ก็คิดว่าคงไม่มีโอกาสหรอก แต่ปรากฏพอวันที่ออกไป วันที่ 5 ก็มีนักข่าวเป็นร้อย เยอะมาก เราก็รู้สึกว่าเขารู้ได้ไง ธานยังถามนักข่าวเลยว่าพี่ทำไมพี่ถึงยังตามข่าวธานอยู่ พี่ไม่เบื่อเหรอ”
“พี่ๆ เขาก็บอกว่าไม่เบื่อหรอกนาธาน เพราะนาธานมีแต่คนสนใจ มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด คนเขาชอบนาธานมากนะ เขาถึงสนใจ ตอนนี้เขาอาจจะเกลียดมาก ธานก็คิดว่าได้จากพ่อหลวงนี่แหละ จากพระเจ้าอยู่หัว ธานรู้สึกว่าพระเจ้าอยู่หัวทำให้ธานเป็นผ้าขาวอีกครั้งนึง ที่เหลือก็คืออยู่ที่ว่าผ้าขาวผืนนั้นจะทำให้สกปรกหรือเปล่า อยู่ที่ตัวเราเอง”
ส่วนคำถามที่ว่าเคยมีคนพูดว่า ถ้าไม่มีนาธานเชียงคานไม่ดัง รู้สึกยังไง? เจ้าตัวก็ถึงกับยิ้มก่อนบอกว่าดีใจที่คนพูดแบบนั้น
“(ยิ้ม) ก็รู้สึกดีใจ แล้วรู้สึกว่าบางทีเราอาจจะมีเหตุอยู่ที่นั่น แล้วการโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวที่เชียงคานอาจจะน้อย (เป็นพรีเซ็นเตอร์เขาเลยดีไหม?) ก็คิดอยู่เหมือนกัน (หัวเราะ) ก็คิดว่าคนมาเชียงคาน บางทีมาถ่ายหน้าเรือนจำ อุ้ย นาธานอยู่ที่นี่ ก็อยากจะฝากบอกให้ทุกคนไปเที่ยวเชียงคานเยอะๆ เพราะตอนนี้อากาศหนาวแล้ว และอากาศดีมาก จังหวัดเลยมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกเยอะ มีวัดที่สวย มีคนที่น่ารัก และมีอาหารที่อร่อย ใครที่ยังไม่เคยไปเชียงคานก็ลองไป แล้วธานคิดว่ายังมีอีกหลายอำเภอ อย่างอำเภอท่าลี่ หรือพระธาตุศรีสองรัก”
ตอนนี้เวลาทุกคนพูดถึงนาธานจะนึกถึงคำว่า ลับลวงแหล เจ้าตัวบอกทำใจได้เพราะทำตัวเอง
“ทำใจได้ครับ ชินเพราะเราเป็นคนสร้างเอง ตอนอยู่ในคุกมันโกหกไม่ได้แล้ว เพราะมันสุดขั้วแล้ว จะโกหกได้เหรอเพราะว่าทุกคนเหลี่ยมหมดแล้ว ทุกคนอยู่ข้างในก็คือพูดเรื่องจริงหมดแล้ว ที่ที่สบายใจเวลาพักโกหกก็คือในคุกนะ ดีที่สุด เพราะว่าไม่มีใครโกหกแล้ว ทุกคนพูดเรื่องจริงหมด (อยู่ตั้ง 10 เดือน คงจะได้บทเรียนเยอะมาก ตอนนี้ถามเลยไม่ได้โกหกอีกแล้วใช่ไหม?) ครับ”
“ส่วนคนจะเชื่อมั้ยว่าเรากลับตัวกลับใจแล้ว มันต้องใช้เวลา แล้วธานรู้สึกว่าธานไม่ต้องการให้ใครมาเชื่อธานหรอก ทุกคนอาจจะยังเกลียดธานอยู่ หรือโกรธธาน แต่ว่าตอนนี้พ่อหลวงหรือพระเจ้าอยู่หัวให้อภัยธานแล้ว คนอื่นจะไม่ให้อภัยไม่เป็นไร เพราะธานถือว่าพระเจ้าอยู่หัวคือสูงสุดของธานแล้ว เป็นบุญขอธานมากเลยที่ธานมีโอกาสได้มาเกิดอีกครั้งนึงบนโลกนี้ เพราะธานถือว่าธานตกนรกไป แล้วธานเพิ่งโผล่มาบนดิน ทุกคนคิดว่านาธานยังโกหกเหมือนเดิม ธานว่าต้องใช้เวลา แล้วตัวธานเองธานสบายใจแล้วกับสิ่งที่ธานไปชดใช้มา แต่ส่วนอื่นธานรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้เกี่ยวกับคนอื่นแล้ว มันอยู่ที่ตัวธานแล้ว”