ผลพวงจากวิกฤตอุทกภัยในครั้งนี้นอกจากความเสียหายอย่างใหญ่โตมโหฬารที่คนบันเทิงต่างได้รับผลกระทบไปตามๆกันแล้ว อีกสิ่งหนึ่งก็คือ “ความในใจ” ที่เหล่าบรรดาคนบันเทิงและคนดังทั้งหลายดาหน้ากันออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ตั้ง “ศปภ” - ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ขึ้นมาดูแลรับผิดชอบเรื่องน้ำท่วมในครั้งนี้โดยเฉพาะ แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นการแสดงออกถึงวุฒิภาวะและฝีมือในการบริหารจัดการที่อ่อนด้อยของนายกฯ ปูและทีมงานจนถูกวิจารณ์กันขรมไปทั่วคุ้งน้ำ ชาวบ้านเลยถอดรหัสใหม่ล้อเลียนให้ “ ศปภ. “ เป็นคำย่อมาจาก “ศูนย์ประจานภูมิปัญญา” !!?
ไม่เพียงแต่คนทั่วไปที่อึดอัดใจกับการบริหารประเทศในยามที่น้ำท่วมของรัฐบาลชุดนี้เท่านั้น แต่ยังมีคนบันเทิงและคนดังอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่สบอารมณ์กับเรื่องนี้ ถึงขั้นที่ต้องเปิดหน้าวิพากษ์วิจารณ์อย่างเผ็ดร้อน โดยประเดิมจากคนดังเริ่มต้นที่นักเขียนชื่อดัง “หนูดี วนิษา เรซ” ที่โด่งดังจากประโยค “อัจฉริยะสร้างได้” เธอเป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวของการสร้างความเป็นอัจฉริยะให้เกิดขึ้นในสังคมทำให้คนมากมายหยุดฟังและเชื่อถือเธอ หลังจากที่เกิดเหตุอุทกภัยในครั้งนี้ ในช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา “หนูดี” ได้ทวีตข้อความใน @nudi_vanessa ซึ่งเป็นทวิตเตอร์ส่วนตัวของเธอว่า
“ขอพูดอะไรแรงๆ สักครั้งในชีวิตค่ะ พูดแล้วจะร้องไห้...น้ำท่วมไม่กลัว กลัวอย่างเดียว...ผู้นำโง่ เพราะพวกเราจะตายกันหมด”
กลายเป็นถ้อยคำที่เรียกเสียงฮือฮาได้เป็นอย่างสูง มีคนเข้ามา Follow ถกเถียงกันจนทวิตเตอร์ของหนูดีร้อนฉ่า หลายคนนำข้อความของเธอไปแชร์ให้คนอื่นๆ ดูในวงกว้าง บางคนหยิบยกข้อความของหนูดีมาตกแต่งใส่รูปภาพของเธอแล้วโพสต์ต่อกันไปเรื่อยๆ จนแม้ว่าในอีกไม่ถึงชั่วโมงให้หลังถึงแม้หนูดีจะตามเข้าไปลบข้อความนี้ออกจากทวิตเตอร์ของเธอแล้ว แต่มันก็ยังคงปรากฏอยู่ในสื่อต่างๆ จนเธอต้องเขียนข้อความชี้แจงในทวิตเตอร์ตามออกมาเสียยาวเหยียด
ข้อความชี้แจงของหนูดีเห็นได้ชัดว่าหลังจากที่เธอวิพากษ์การทำงานของรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมาแล้ว เธอคงจะโดนกระแสองครักษ์พิทักษ์ปูออกมาคุกคาม โจมตีจนนั่งไม่ติด หนูดีพยายามเริ่มต้นข้อความของตัวเองโดยเน้นย้ำเรื่อง “ความเป็นกลาง” และย้ำว่าการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลเป็นสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย เธอบอกว่าขนาดเธอเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้ยังโดน “โจมตี” หลังจากที่ออกมาเปิดหน้าวิจารณ์การทำงานของรัฐบาล แล้วในอนาคตเด็กๆ ที่กำลังเติบโตขึ้นมาจะกล้าวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลได้อย่างไร
แต่การชี้แจงของหนูดีในครั้งนี้คงจะยิ่งไปเติมเชื้อไฟให้บรรดาคนรักปูยิ่งเดือดดาล ผ่านไปเพียงหนึ่งวันหนูดีจึงต้องรีบออกมาชี้แจงว่าที่เธอบอกว่า “ผู้นำโง่” นั้นไม่ได้หมายถึง “นายกฯปู” ที่รักยิ่งของชาวเสื้อแดง แต่เธอหมายถึงศูนย์เตือนภัยที่แจ้งให้คนในจังหวัดปทุมธานีที่เธออาศัยอยู่รีบอพยพทั้งๆที่น้ำยังมาไม่ถึงสร้างความโกลาหลและตื่นกลัวให้เกิดขึ้น หลังจากนั้นหนูดีก็ต้องเขียน “อวย” นายกฯ ว่าเธอไม่ได้เกลียดนายกฯปู แถมยังชื่นชอบด้วยซ้ำเพราะเธอเคยเขียนชมนายกฯ ในคอลัมน์กระทรวงสตรีลงหนังสือพิมพ์เลยด้วยซ้ำ
หลังจากชี้แจงว่าไม่ได้ว่านายกฯปู และย้ำว่าเธอชอบผู้นำท่านนี้แล้ว หนูดีก็ปิดฉากการวิพากษ์รัฐบาลในทวิตเตอร์ของตัวเองลงเพียงเท่านั้น
นางแบบก้านยาว “โย ยศวดี หัสดีวิจิตร” ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ได้รับผลกระทบจากพิษน้ำท่วมจนทำให้เธอต้องขอวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลบ้าง หลังจากที่น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านพักที่เขตสายไหม ทำให้เธอต้องรีบเคลื่อนย้ายสุนัข 19 ตัวและแมว 21 ตัวที่เธออุปการะเอาไว้ไปอยู่ในที่ปลอดภัย ส่วนตัวเธอกับแม่และยายก็เตรียมอพยพหนีน้ำที่สูงถึงระดับเข่าไปอยู่ที่พัทยาเหมือนกัน
สิ่งหนึ่งที่โยขอตำหนิอย่างตรงไปตรงมาก็คือการทำงานของรัฐบาลและหน่วยเตือนภัยที่ไม่มีความชัดเจนในการสื่อสารกับผู้คนในพื้นที่เสี่ยงภัย ทำให้เธอต้องช่วยเหลือตัวเองด้วยการลุยน้ำออกไปดูสถานการณ์ ณ จุดต่างๆ ด้วยตัวเอง
“เขาควรที่จะพูดให้ชัดเจนว่าอพยพสายไหมเขตไหน และตรงไหนมันท่วมกี่เซนติเมตรแล้ว และจริงๆ สายไหมบางส่วนมันก็ไม่ท่วมสูง การรายงานข่าวก็เหมือนกันเขาชอบไปรายงานอยู่ตรงจุดที่น้ำลึกแต่น้ำตื้นๆ ไม่ไปทำขายข่าวเกินไป โยว่าตรงนี้มันทำให้ตื่นตระหนก โยต้องไปดูด้วยตาตัวเองต้องไปถึงวัดสายไหม ไปดูที่ศูนย์อพยพซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ดีมากให้ความช่วยเหลือดีและให้เบอร์โทร.ติดต่อไว้”
โยบอกว่าสิ่งเดียวที่พอจะทำได้ก็คือการ “ช่วยเหลือตัวเอง” บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการกับอุทกภัยครั้งนี้ของรัฐบาลได้เป็นอย่างดี
ปิดท้ายด้วยจดหมายจากผู้หญิง(ธรรมดา) ถึงผู้หญิง(ที่เป็นนายกฯ) ของ “เอิน กัลยากร นาคสมภพ” อดีตนักร้องชื่อดังที่เขียนลงบันทึกในเฟซบุ๊ก Kalyakorn Earn Naksompop (Earn Kalyakorn) ของเธอ ที่เธอใช้สำบัดสำนวนหนักหน่วงได้ใจ วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลโดยพุ่งเป้าไปที่ตัวนายกฯ ยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะ
เอิร์นแสดงออกชัดเจนว่าเธอไม่ค่อยจะนับถือนายกฯ ปูตั้งแต่แรกเพราะรู้ดีว่าเข้ามานั่งเก้าอี้นายกฯ ได้เพราะเกาะนามสกุลชินวัตร ซึ่งหลังจากที่ได้พิสูจน์การทำงานไปในช่วงสองเดือนแรก เอิร์นยอมรับว่าดูท่าทีเหมือนจะดี แต่แล้วหลังจากที่เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่นี้ เอิร์นก็บอกว่าวุฒิภาวะในการบริหาร การตัดสินใจ และการแก้ไขป้องกันปัญหาของนายกฯ ปูนั้นถือว่า “สอบตก” หมดทุกประการ
เนื้อหาตอนหนึ่งในจดหมายฉบับนี้ได้เขียนถึงวัฒนธรรมการทำงานของผู้หญิงในประเทศนี้ซึ่งไม่สะดวกสบายเหมือนผู้ชาย เพราะไม่สามารถไปนั่งดื่มเหล้าหรือสุงสิงกับลูกน้องหัวหน้าได้เหมือนคนทำงานที่เป็นผู้ชาย ฉะนั้นการจะใช้คอนเนกชันในทำนองนั้นสำหรับผู้หญิงจึงเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก ผู้หญิงจึงต้องใช้ “ความสามารถ” เป็นเครื่องพิสูจน์แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เอิร์นเขียนต่อจากนั้นว่า “คุณยิ่งลักษณ์ ในฐานะที่เป็นผู้หญิง นอกจากจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเป็นนายกฯที่ดีได้ ยังต้องพิสูจน์ด้วยว่า “ความสามารถไม่เกี่ยวกับเพศ” คุณเป็นนายกฯหญิงคนแรกนะคะ คุณแบกรับภาพลักษณ์ตรงนี้เอาไว้อยู่ค่ะ คุณต้องลุย (ลุยจริงๆ ไม่ใช่แค่ลุยออกสื่อ) คุณต้องแข็งแรง และคุณต้องเก๋า ...ต้องเอาให้อยู่
...แต่คุณยิ่งลักษณ์ทำไม่ได้ค่ะ”
และเนื้อหาในช่วงท้ายๆ ในจดหมายฉบับนี้ของเอิร์นได้วิพากษ์ฝีมือการทำงานของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ไว้อย่างเผ็ดร้อนว่า “คุณยิ่งลักษณ์ตอกย้ำทุกวัน ว่าผู้หญิงอ่อนแอ ว่าผู้หญิงพูดจาเป็นงานเป็นการไม่รู้เรื่อง ว่าผู้หญิงคุมลูกน้องไม่ได้ ว่าผู้หญิงตัดสินใจไม่เป็น ว่าผู้หญิงเป็นผู้นำไม่ได้ สิ่งที่คุณยิ่งลักษณ์ทำ หรือทำไม่ได้ ตอกย้ำว่าผู้หญิงทำงานใหญ่ไม่ได้ว่าผู้หญิงสุดท้ายก็เป็นได้แค่ผู้หญิงวันยังค่ำ ที่ได้แต่แต่งตัวสวยไปวันๆโดยที่ทำอะไรไม่เป็น ...เสียค่ะ เสียหายอย่างยิ่ง”
เป็นการวิพากษ์นายกฯ ยิ่งลักษณ์แบบเปิดหน้าที่ดุเดือดถึงพริกถึงขิง ชนิดที่ไม่เกรงกลัวบรรดาองครักษ์พิทักษ์ปูเลยแม้แต่น้อย ได้แต่ลุ้นว่าบรรดาคนดังที่ดาหน้าออกมาวิจารณ์การทำงานของนายกฯปูในงวดนี้จะต้องเผชิญกับวิกฤต “น้ำลายท่วม” จากเหล่าองครักษ์นายกฯปูหรือไม่ เพราะเราเชื่อว่าหลายคนยังไม่ลืมคลิปเสียงสารพัดสัตว์ของดีเจหญิงห้าวที่ออกมาพูดตอบจดหมายของ “กาละแมร์” แทนนายหญิงของเธอเมื่อไม่กี่เดือนก่อนว่าดุเดือดขนาดไหน งานนี้คงต้องภาวนาว่าเหล่าคนดังที่กล้าออกมาวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลจะไม่ได้รับการตอบโต้ที่รุนแรงเช่นนั้นอีก...สาธุ
สำหรับ นักแสดงคนอื่นๆก็มีความเห็นกับเรื่องน้ำท่วมที่ต่างกันไป เช่น
ต้าร์ นาวิน เยาวพลกุล
“เรารู้สึกเลยว่าคนเหนื่อยกับความไม่แน่นอนจากเหตุการณ์นี้ ฉะนั้นรัฐบาลต้องพยายามทำอะไรก็ได้(เน้นเสียง) พยายามทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตช่วงเดือน สองเดือนนี้เป็นชีวิตที่แพลนมาแล้ว การแก้ไขของรัฐบาลต้องเตือนให้แน่ให้ชัดว่า เขาจะต้องทำอย่างไรกับตอนนี้ ถ้ารัฐบาลเตือนอย่างนี้ชีวิตของคนก็จะมีความสุขมากขึ้น”
อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ
“สภาวะนี้อยากให้ทุกคนสู้นะคะ แล้วเดี๋ยวทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ใครอยากจะให้อะไร อยากจะช่วยเหลืออะไรอั้มว่าช่วยมาเถอะค่ะ ตอนนี้แม้กระทั่งน้ำเปล่ายังเป็นสิ่งที่สำคัญเพราะหายากมากแล้ว จะมีมากมีน้อยช่วยไปเถอะค่ะ ถึงแม้บางคนจะไม่มีกำลังทรัพย์ที่เพียงพอ แต่เรายังมีแรงกายของเราที่จะสามารถช่วยพวกเขาได้เต็มที่ เห็นใครเดือดร้อนเราเข้าไปช่วยเลย”
เก้า จิรายุ ละอองมณี
“บ้านผมอยู่สายไหมก็ยังไม่ท่วม แต่ก็เป็นหนึ่งในเขตอันตราย แต่ก็คิดว่าเร็วๆ นี้แหละครับ เริ่มๆ มาแล้วบ้านปู่บ้านย่าผม น้ำก็เข้าแล้วสูงเท่าตาตุ่ม แต่บ้านเพื่อนผมน่าสงสารมาก บ้านชั้นเดียวก็โดนไปหมด แต่ยังไงก็ไม่ต้องห่วงครับ มีหลายคนโดนมากกว่าผมเยอะ ยังไงผมก็คงโดนน้อยกว่าหลายๆ คน ผมก็อยากที่จะให้แบ่งน้ำมาบ้านผมบ้างแบ่งมาเหอะๆ”
.........................................
ที่มา นิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 109 วันที่ 5-11 พฤศจิกายน 2554