xs
xsm
sm
md
lg

เมียงซอง(2) เมื่อเด็กติ๋มๆ ออกว่าราชการ/ต่อพงษ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มูนกึลยอง ในบทเด็กน้อยที่ต้องเป็นราชินีของชาติในเรื่องเมียงซอง
คราวนี้จะขอเริ่มต้นเรื่องราวของ “เมียงซอง” หรือพระราชินี องค์สุดท้ายของโชซอนอันเป็นชื่อละครที่กำลังฉายอยู่ในช่วงเกือบตี 3 ทางช่อง 3 นั่นคือ “เมียงซอง จักรพรรดินีโลกไม่ลืม” กันบ้าง หลังจากบอกแบ็กกราวนด์ย่อๆ ของประเทศโชซอนในช่วงเวลานั้น คือแม้ว่าฐานะของประเทศกำลังอยู่ในภาวะระส่ำระสายจากการเข้ามาของตะวันตก แต่การชิงอำนาจในราชสำนักยังเผ็ดร้อนอยู่ตลอดเวลา

เมื่อพระเจ้าโชลจงสวรรคตในปี ค.ศ. 1864 บรรดาผู้มีอำนาจในวังซึ่งตอนนั้นมีตระกูลโจซึ่งจับมือกับคนของตระกูลยี (ซึ่งเป็นตระกูลของผู้ก่อตั้งราชวงศ์) โดยมี “ยีฮาอุง” เป็นหัวหน้าก๊วน ก็ตัดสินใจเลือกบุตรคนที่สองของตัวเองขึ้นครองราชย์ด้วยอายุแค่ 12 ปีเท่านั้น เหตุผลก็ไม่มีอะไรมาก ก็คือกษัตริย์อายุน้อยยังต้องการผู้ช่วยบริหารแผ่นดิน ซึ่งผู้สำเร็จราชการก็จะต้องไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจะเป็น ยีฮาอุง นั่นเอง อำนาจในการควบคุมประเทศก็จะยังอยู่ในมือพวกของตัวเอง โดยเมื่อลูกของตัวเองขึ้นครองราชย์ ยีฮาอุงก็ขึ้นมาเป็นผู้สำเร็จราชการ เป็นพระราชบิดา หรือที่เรียกว่า “แดวอนกุน”

แน่นอนว่าแม้จะยังรักษาอำนาจให้ตัวเองได้อยู่ แต่การบริหารจัดการคนในประเทศที่ได้รับอิทธิพลจากศาสนาคริสต์ไปจนกระทั่งเทคโนโลยีจากฝรั่งที่ค่อยๆ เข้ามากลับไม่สามารถสนองยุคสมัยที่เปลี่ยนไปได้ คนสามัญและคนชั้นต่ำในโชซอนจึงไม่โง่เหมือนแต่ก่อน และเริ่มแสดงความไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง โดยเฉพาะการรีดภาษีอย่างหนักหน่วงเพื่อเอาไปบูรณะซ่อมแซมพระราชวังเกียงบ๊อกให้สมสง่าเชิดหน้าชูตานั้นประชาชนรับไม่ได้

แผนของแดวอนกุนผู้นี้ก็เลยจะเบี่ยงความรู้สึกเซ็งกับราชสำนักด้วยการสร้างความปลื้มอกปลื้มใจให้แก่คนในชาติด้วยการหาพระมเหสีให้กษัตริย์อายุน้อยของโชซอน คุณสมบัติที่แดวอนกุนตั้งเอาไว้ก็คือ ต้องสวย สุขภาพแข็งแรง มีการศึกษาระดับสามัญชน มาจากตระกูลที่ไม่ได้อยู่ในสายอำนาจในช่วงนั้น และไม่ได้อยู่ในสายตระกูลที่จะให้คุณให้โทษแก่ใคร ที่สำคัญคือช่วยดูแลองค์พระมหากษัตริย์อายุน้อยได้

ด้วยสเป็กที่เข้มข้นสุดๆ แบบนั้น หวยจึงมาลงที่ “มิน จา ยอง” เด็กสาวจากตระกูลมินเป็นตระกูลที่มีเกียรติประวัติ และดูท่าจะไม่เป็นพิษเป็นภัย (ใครที่ดูเรื่องทงอีอยู่ ก็จะเห็นว่าในเรื่องนั้นพระมเหสีอินฮยอนก็มาจากตระกูลมินเหมือนกัน) เพราะถึงแม้จะได้เป็นภรรยาหลวงของกษัตริย์ แต่ด้วยอายุ ขนาดนั้น ตำแหน่งผู้สำเร็จราชการก็ต้องตกอยู่กับแดวอนกุนอยู่ดี โดยมีพิธีอภิเษกกันในวันที่ 20 มีนาคม 1866 พิธีอภิเษกสมรสจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมกับมีการเรียกพระนามใหม่ว่า “ เมียงซอง”

แผนของแดวอนกุนไปได้สวยครับ เพราะแม้พระราชินีมินจายองจะมีอายุน้อย แต่ก็ยังมากกว่าตัวกษัตริย์โคจอง(อายุ 15 ปี) แถมที่ชวนยินดีกว่านั้นก็คือ การแสดงให้เห็นว่าพระองค์ไม่โปรดความฟุ้งเฟ้อตามสไตล์คนในวังหรือลูกท่านหลานเธอ ว่ากันว่าตลอดสมัยของท่านไม่เคยจัดพิธีดื่มชายามบ่ายอันเป็นพิธีที่ฝ่ายในมักจะทำกันเป็นธรรมเนียมแม้แต่ครั้งเดียว...ประชาชนเห็นพระราชินีของตัวเองไม่สุรุ่ยสุร่ายก็ปลื้มสิครับ และมันก็ชวนให้ลืมเรื่องร้ายๆ ที่ผู้สำเร็จราชการแดวอนกุนทำมาตลอด

สิ่งที่เฒ่าเจ้าเล่ห์ไม่ได้คิดหรือลืมคิดไปก็คือ คนเรานั้นแม้จะรู้น้อยยามเริ่มต้น แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะรู้น้อยแบบนั้นเสมอไปจนกระทั่งตาย ถ้าเขาผู้นั้นเกิดเป็นคนใฝ่รู้ขึ้นมา เรื่องนี้บังเกิดแก่ตัวพระราชินีมิน เพราะเมื่อพระองค์เข้ามารับตำแหน่งแล้วก็มุ่งมั่นหาความรู้ใส่ตัวชนิดเอาเป็นเอาตาย และในบันทึกของทางฝั่งเกาหลีนั้นเรื่องที่จะต้องยกนิ้วโป้งให้เลยก็คือ การแสวงหาความรู้แบบที่ผู้ชายมีได้ ผู้หญิงก็ต้องทำได้ เพราะฉะนั้นการซึมซับเรื่องระหว่างประเทศ การเมืองภายใน ตลอดจนการบริหารราชกิจก็ต้องทำ ตลอด 4 ปีของพระราชินีมินในฐานะพระมเหสีจึงเป็นเหมือนการเรียนจนจบปริญญาทางด้านรัฐศาสตร์ และนั่นทำให้พระองค์ต้องเดินไปเหยียบหัวแม่โป้งของพ่อตาอย่างช่วยไม่ได้

ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่าสิ่งที่พระราชินีมินศึกษานั้นเป็นความรู้สมัยใหม่จากฝั่งตะวันตก หาใช่ “ขงจื๊อแบบเข้มข้น” ที่แดวอนกุนเชี่ยวชาญ เพราะฉะนั้นมันจึงเกิดความแตกต่างทางความคิดชนิดที่ไม่สามารถจะเดินไปด้วยกันได้

เริ่มจากในปี 1870 ขณะที่พระองค์อายุ 20 ปีพระองค์ก็ทำให้คนในวังช็อกด้วยการย้ายออกไปอยู่ที่วัง Changgyeong พร้อมกับเริ่มที่จะว่าราชการเองบ้าง เพราะพระเจ้าโกจงไม่เอาอ่าวเอาแหลมในเรื่องการบริหารบ้านเมืองเลย ขนาดอายุใกล้ 20 แล้วก็ยังไม่สนพระทัย ที่สำคัญการว่าราชการของพระองค์นั้นไม่ใช่แค่ไปนั่งหือๆ อือๆ หรือไปแก้ปัญหาน้ำท่วมแต่กลับจะเอาหินไปถมทะเลแบบนั้น แต่พระองค์สอบถาม โต้แย้ง สั่งการตามตำแหน่งที่พระองค์มี นั่นคือ พระราชินีผู้สำเร็จราชการ อำนาจของแดวอนกุนก็เลยโดนท้าทาย

กลเม็ดสกปรกของพ่อสามีจึงเริ่มขึ้น เมื่อในปีถัดมาพระเจ้าโกจงอายุ 20 ปีเต็ม ซึ่งโดยอายุพระองค์จะต้องขึ้นมาบริหารบ้านเมืองเอง แต่แดวอนกุนก็รู้อยู่ว่าลูกชายของตัวเองคงไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันแน่ เพราะพระราชินีมินวางเครือข่ายและแสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่าจะบริหารประเทศนี้เอง จังหวะนี้เองที่พระราชินีมินตั้งครรภ์และมีประสูติการพระโอรส แต่ปรากฏว่าพระโอรสมีอายุอยู่ได้แค่ 4 วันเท่านั้นก็เสียชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องปกติอย่างที่เคยเล่าให้ฟังไว้ว่าการตายของรัชทายาทนั้นเกิดขึ้นบ่อย แดวอนกุนจึงใช้สาเหตุนี้มาเตรียมจะปลดพระราชินีมินเนื่องจากแสดงให้เห็นว่ามีร่างกายอ่อนแอและไม่น่าจะสามารถให้กำเนิดรัชทายาทได้ ขณะที่พระราชินีมินนั้นบอกว่า ที่เด็กตายเพราะโสมจำนวนมากที่พระเจ้ปู่ของลูกเธอสั่งให้นางกินจนธาตุในร่างกายผิดสำแดงต่างหาก

ด้วยคำสั่งของแดวอนกุน พระเจ้าโกจงก็เลยต้องรับ (หรือเต็มใจก็ไม่ทราบ) ที่จะมีเพศสัมพันธ์กับนางในที่ชื่อ “ลี กวี อิน” จนสุดท้ายนางในท่านนี้ก็ท้องและให้กำเนิดโอรสมาอีกคน และแดวอนกุนก็จัดการตั้งให้ลูกของ ลี กวี อิน เป็นรัชทายาทเสียเลย แต่พระราชินีมินในวันนี้ไม่ใช่คนติ๋มๆ แบบสมัยก่อนที่จะยอมให้ตัวเองโดนกระทำฝ่ายเดียว พระองค์สั่งการให้คนในเครือข่ายและเป็นเครือญาติที่ดำรงตำแหน่งในราชสำนักอย่าง มิน เซียง โฮ และ โช อิค ฮยอน (Min Seung-ho, Choe Ik-hyeon) ร่างหนังสือร้องเรียนให้แดวอนกุน สละอำนาจและตำแหน่งในฐานะผู้สำเร็จราชการเนื่องจากพระเจ้าโกจงมีอายุ 22 ปีสมควรแก่การที่จะบริหารบ้านเมืองเองได้แล้ว

จริงๆ เกมนี้ที่พระราชินีมินใช้อาจจะไม่ค่อยได้ผลนัก ถ้าเผื่อไม่เกิดเหตุการณ์ที่โชซอนถูกสหรัฐอเมริกาบุกเกาะคังฮวา เนื่องจากแดวอนกุนซึ่งเป็นหัวขบวนของการต่อต้านตะวันตกแบบสุดขั้ว การสั่งโจมตีเรือสินค้าและการทูตของสหรัฐฯที่จะเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีไป 2 ลำ ในวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1871 (แต่เรือไม่ได้เจ๊งอะไรมากนะครับ) หลังจากที่ก่อนหน้านั้นเป็นโจทก์กับฝรั่งเศสอยู่แล้วกรณีฆ่าชาวแคทอลิกอย่างที่เล่าให้ฟังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

10 วันถัดมาสหรัฐฯก็เลยส่งเรือรบเข้ามาจริงๆพร้อมกับยึดเกาะคังฮวาไปได้อย่างง่ายดายภายในเวลาแค่เดือนเดียวด้วยเทคโนโลยีและประสิทธิภาพของอาวุธที่เหนือกว่า สิ่งที่สหรัฐฯ นำมาเป็นหลักฐานที่เกาหลีจะสู้กับใครในภูมิภาคนี้ไม่ได้ก็คือ ทั้งเรือทั้งปืนที่ใช้นั้นเก่ามากตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหา คือยังเป็นปืนแก๊ปจุดระเบิดจากไฟอยู่เลย อีกทั้งทหารเองก็ไม่มีขวัญกำลังใจอะไร เรือรบก็เก่าและเหมาะจะเป็นเรือหาปลามากกว่า สิ่งที่พอจะหยุดกองทัพสหรัฐได้ก็คือ การใช้หินทุ่มลงมาใส่ข้าศึก ซึ่งที่หยุดนั้นก็เพราะหัวเราะด้วยความขำมากกว่าจะกลัว สุดท้ายเกาหลีต้องยอมแพ้และเซ็นสัญญาข้อเสียเปรียบทางการค้ามากมาย และมันทำให้ชนชั้นพ่อค้าและยางบันเกิดความไม่พอใจนโยบายของแดวอนกุน

การบริหารบ้านเมืองที่ผิดพลาดนั้นทำให้ทุกฝ่ายในราชสำนักเห็นด้วยกับการบังคับให้สละอำนาจของแดวอนกุนไปอยู่เงียบๆ ที่ยางจูในปี ค.ศ. 1872 คล้อยหลังเพียงแผล็บเดียวพระราชินีมินก็ปิดเกมยืดเยื้อนี้ด้วยการอาศัยอำนาจเต็มในการเป็นผู้ดูแลฝ่ายในสั่งถอดยศและเนรเทศพระสนม ลี กวี อิน และลูกชายให้พ้นจากสายตระกูลแห่งกษัตริย์ พร้อมกับเนรเทศไปอยู่บ้านนอก ในปี 1880 เด็กผู้ชายคนนี้ก็เสียชีวิตลง ซึ่งมีข่าวลือว่าพระราชินีมินมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายครั้งนี้ด้วย

ถึงตอนนี้ ด้วยบทบาทของพระองค์ที่นั่งบริหารประเทศเองเนื่องจากพระสวามีไม่เอาอ่าวก็เลยทำให้อำนาจของพระองค์ทั้งในวังและราชสำนักมีอย่างเต็มเปี่ยมร้อยเปอร์เซ็นต์ การท้าทายอำนาจของพระองค์จากบรรดาขุนนางขงจื๊อสายเก่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไป แต่เรื่องที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ การเข้ามาของต่างชาติที่เห็นโชซอนเป็นชิ้นเนื้ออันโอชะ

สัปดาห์หน้าจะมาคุยกันต่อว่า ทำไมจึงต้องเกิดปฏิบัติการล่าจิ้งจอก ที่หมายถึงการวางแผนสังหารพระองค์อย่างโหดเหี้ยมขึ้นมา
กำลังโหลดความคิดเห็น