ย้าย ขรก.กระชับอำนาจต้องเน้นเฉพาะคนที่ไว้ใจได้เท่านั้น!!

ผ่าประเด็นร้อน

ต้องบอกว่าการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงหลายหน่วยงานไปเมื่อวันอังคารที่ 13 กันยายนที่ผ่านมาถือว่าเป็นล็อตใหญ่ครั้งหนึ่ง เพราะไปเกี่ยวข้องหลายตำแหน่งทั้งฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำ ซึ่งมีผลต่อการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล และมีผลในทางบวกต่อคดีของบุคคลสำคัญในรัฐบาล เช่น ทักษิณ ชินวัตร รวมไปถึงส่งผลไปถึงคดีของบุคคลในเครือข่ายเดียวกันได้ไม่น้อย

มีเสียงวิจารณ์กันไปมากแล้วว่า การแต่งตั้งบุคคลเข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญ เช่น พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ที่โยกมาจากผู้ตรวจราชการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) มาเป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ซึ่งหากพิจารณาจากแบ็กกราวนด์ในอดีตคนคนนี้ก็เคยเป็นรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นลูกน้องเก่าของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตอธิบดีดีเอสไอที่กำลังคาดหมายว่าจะได้ดีก้าวกระโดดเป็นเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารงานจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

นอกจากนี้ยังมีการแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นรักษาการเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) ซึ่งลักษณะการแต่งตั้งดังกล่าวมาในลักษณะขอยืมตัวมาช่วยราชการเป็นเวลา 1 ปี เข้าใจเพื่อมาสนองงานทางด้านยุทธศาสตร์การปราบปรามยาเสพติดร่วมกับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ที่ถูกวางไว้ในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่

ส่วนตำแหน่งอื่นๆ เช่น เลขาธิการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก็ได้ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เข้ามาดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ จากผู้ตรวจกระทรวงยุติธรรมมาเป็นเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เป็นต้น นี่ว่ากันเฉพาะตำแหน่งที่มีผลในทางการเมือง สำหรับใช้เป็นกลไก เป็นมือไม้ในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล รวมไปถึงการสร้างความมั่นคง ค้ำยันเสถียรภาพรัฐบาลในวันหน้า

ที่น่าจับตาก็คือในคราวเดียวกันก็ไม่ได้ละเลยตำแหน่งทางการเมือง ที่ “ตอบแทน” กันอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู และทำมาอย่างต่อเนื่องแทบจะทุกสัปดาห์ โดยไม่ต้องสนใจใครทั้งสิ้น ล่าสุด ถึงคิวการแต่งตั้ง พสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญในกรณี “แอบถ่ายคลิปอันอื้อฉาว” ในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ แม้ต่อมาจะถูกศาลรัฐธรรมนูญแจ้งความดำเนินคดี แต่ก็ได้รับบำเหน็จรางวัลให้มานั่งตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหน้าตาเฉย

นอกจากนี้ยังคาดหมายอีกว่า ภายในสัปดาห์หน้าน่าจะมีการโยกย้ายใหญ่ในกระทรวงมหาดไทยที่มีผลกระทบทางการเมืองและฐานเสียงในวันหน้า ไล่ลงมาตั้งแต่ตำแหน่งปลัดกระทรวง อธิบดีกรมต่างๆ รวมไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศที่จะต้องเขย่ากันครั้งใหญ่ หลังจากที่ผ่านมาอยู่ในกำมือของเครือข่าย “เนวิน” จากพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์กว่า 2 ปี

สำหรับในวงการเมืองก็คงต้องจับตากันว่าจะมีการโยกย้ายเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จาก ภาณุ อุทัยรัตน์ ไปเป็น พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ที่ปัจจุบันเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรมตามที่มีรายงานออกมาหรือไม่ เพราะถ้าเป็นแบบนี้ก็ย่อมหมายความว่ามีรายการ “หัก” แบบเล็กๆ เกิดขึ้นมาแล้ว เพราะหากพิจารณาจากปูมหลังถือว่า ภาณุ มีความใกล้ชิดเป็น “ลูกป๋า” คนหนึ่งเหมือนกัน ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี นั้น เป็นสายตรงจากทักษิณ ชินวัตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ต้องบอกว่าไว้ใจได้

ดังนั้น ถ้าให้พิจารณาตามภาพรวมแล้วก็ต้องบอกว่า การแต่งตั้งโยกย้ายดังกล่าวของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ดังกล่าวรับรองไม่ได้เหนือความคาดหมาย เพราะมันต้องเกิดขึ้นแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นช่วงจังหวะฤดูโยกย้ายข้าราชการพอดี มันถึงได้ดูแล้วกลายเป็น “ล็อตใหญ่”

อย่างไรก็ดี ถ้าพิจารณาไล่เรียงกันไปทีละตำแหน่งสำคัญก็ต้องบอกว่าเน้นเฉพาะ “คนที่ไว้ใจได้” เท่านั้น ซึ่งนอกจากจะมีผลต่อการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลแล้ว ยังเป็นการค้ำประกันเสถียรภาพให้กับรัฐบาลไปในตัวด้วย คนพวกนี้สามารถสั่งซ้ายหันขวาหันได้ตามใจชอบ ลักษณะจึงไม่ต่างจากการตั้งรัฐมนตรีที่ออกมาในแบบ “ส่วนตัว”ไปก่อนหน้านี้ และที่สำคัญไม่ลังเล ไม่เกรงใจใคร

ขณะเดียวกันยังสามารถซื้อใจบรรดาข้าราชการรวมไปถึงใครก็ตามที่รับใช้อย่าง “ซื่อสัตย์” ทุ่มเท ก็จะได้รับผลตอบแทนอย่าง “ถึงขนาด” แบบนี้ อีกทั้งยังเป็นตัวอย่างให้ “ใคร” ก็ตามที่ยังลังเลให้รีบตัดสินใจโดยเร็ว

ดังนั้น เมื่อพิจารณาการโยกย้ายข้าราชการที่กำลังเกิดขึ้นมีความหมายเพื่อกระชับอำนาจของรัฐบาลเพื่อไทย และตอบแทน “คนรับใช้” ที่ซื่อสัตย์ สร้างเสถียรภาพทางการเมืองแล้ว ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นแค่เริ่มต้น เพราะเชื่อว่าจะต้องทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง และในโอกาสหน้าให้จับตาที่กระทรวงมหาดไทย ที่เชื่อว่าจะต้อง “ล้างบาง” กันขนานใหญ่แน่นอน!!