xs
xsm
sm
md
lg

ตำนานดนตรี "สไล สโตน" กลายเป็นคนไร้บ้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ครั้งหนึ่ง "สไล สโตน" นักร้องนำแห่งวง Sly and the Family Stone เคยเป็นซูเปอร์สตาร์แห่งวงการดนตรีโซล แต่ตอนนี้ศิลปินวัย 68 ปี ต้องกลายเป็นคนไร้บ้าน และอาศัยอยู่ในรถแวน จากปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้นในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา

New York Post ได้ติดตามชีวิต ณ ปัจจุบันของศิลปินรุ่นใหญ่วัย 68 ปี สไล สโตน หรือ ซิลเวสเตอร์ สจ๊วต แห่งวง Sly and the Family Stone หนึ่งในดาวเด่นแห่งวงการเพลงยุค 60s ที่ปัจจุบันต้องอาศัยรถแวนสีขาว ที่ปกติจะจอดอยู่ในเขตที่อยู่อาศัย ย่านชานเมืองลอสแอนเจลิสเป็นที่พักพิง จากเดิมที่เมื่อ 4 ปีก่อน ที่เขาเคยอาศัยในคฤหาสน์ทรงทิวดอร์หลังโต ที่ประดับไปด้วยโคมไฟระย้า, มีเตียงน้ำอยู่ในห้องนอนหลัก สมศักดิ์ศรีของศิลปินระดับโลก

ปัจจุบัน สไล สโตน ต้องมีชีวิตแบบคนไร้บ้าน เป็นขาลงอีกครั้งของชีวิต ที่เกิดจากปัญหาหลาย ๆ อย่างผสมปนเปกัน ทั้งการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย, ใช้เงินผิดพลาด และจัดการทรัพย์สินอย่างไม่รอบคอบ

โดยตัวของเขาเองยังเผยว่าปัจจุบันนี้ได้ความช่วยเหลือจากสามีภรรยาเกษียณอายุคู่หนึ่ง ที่ให้เขาใช้ห้องน้ำสำหรับชำระล้างร่างกาย และยังเอื้อเฟื้ออาหารวันละมือ นอกจากนั้นลูกชายของทั้งสอง ยังทำงานเป็นผู้ช่วยส่วนตัว และคอยขับรถให้กับเขาด้วย

ย้อนไปเมื่อยุค 1960s - 1970s สไล สโตน เคยเป็นคนสำคัญแห่งวงการดนตรีในฐานะนักร้องนำของ Sly and the Family Stone วงดนตรีที่ประกอบไปด้วยสมาชิกทั้งชายและหญิง กับเอกลักษณ์สีสันจัดจ้านไม่ว่าจะจากการแต่งตัว, ลีลาบนเวที และดนตรี ซึ่งผสมแนวทางหลากหลายอย่าง โซล, ฟังค์ และไซเคเดลิก ร็อคเข้าด้วยกัน จนได้รับความนิยม และกลายเป็นศิลปินที่โดดเด่น มีเพลงฮิตมากมายรวมถึง ทั้ง “Dance to the Music,” followed by “Everyday People,” “Family Affair,” “Thank You (Falettinme Be Mice Elf Agin)” และ “Stand!”

แต่แล้วเค้าลางแห่งความตกต่ำก็เริ่มมาเยือน เมื่อ "สไล สโตน" ตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่ลอสแอนเจลิส ขณะที่สมาชิกคนอื่นของวงยังปักหลังกันอยู่ที่เบย์เอเรีย หลังจากนั้นนักร้องนำของวงคนก็นี้เริ่มใช้เวลาขลุกอยู่กับพวกคนที่ไม่น่าไว้วางใจ พร้อม ๆ กับเริ่มใช้ยาเสพติดอย่างหนัก และไปพัวพันกับพวกมาเฟีย

สถานการณ์ย่ำแยถึงที่สุดในปี 1970 เมื่อเขาไม่ได้ไปบำบัดอาการติดยาตามนัดหมาย รวมถึงเบี้ยวการขึ้นคอนเสิร์ตถึง 26 จากทั้งหมด 80 รอบ ทำลายชื่อเสียงของวง ที่กำลังอยู่ในช่วงรุ่งเรื่อง จนงานเริ่มลดน้อยลงเรื่อย ๆ สุดท้าย Sly & the Family Stone ก็วงแตกเมื่อสมาชิกคนสำคัญ ทั้ง เครก เออริกโก มือกลอง กับ มือเบส แลร์รี แกรห์ม ขอออกจากวงไปในปี 1975 ด้านสถานการณ์เรื่องยาเสพติดของ สโตน ก็รุ่นแรงขึ้นเรื่อย ๆ

“ผมมีเงินอยู่ประมาณ 2,500 เหรียญฯ สำหรับใช้ซื้อของขวัญ” ศิลปินชื่อดังเล่าถึงเหตุการณ์ที่เรียกได้ว่า “ตกต่ำที่สุดในชีวิต” ครั้งหนึ่งของเขาเมื่อปี 1974 กับวันที่ไปหาซื้อของขวัญคริสต์มาสให้กับลูกชายคนเล็ก “แต่ตอนนั้นกว่าจะไปถึงร้านขายของ เงินที่เตรียมเอาไว้ก็หมดไปกับยาเสพติดเรียบร้อยแล้ว ตอนใกล้จะถึงบ้านผมคิดอยู่ในใจตลอดว่าไม่ควรทำแบบนั้นเลย จนได้เห็นหน้าลูกจึงต้องพูดตรง ๆ ว่า ‘พ่อผลาญเงินของลูกกับยาไปหมดแล้ว’”

นอกจากนั้นหลายปีที่ผ่านมาศิลปินรุ่นใหญ่รายนี้ยังทุ่มเงินไปกับงานอดิเรกอย่างการซื้อรถยนต์ทั้ง จากัวร์ เอ็กซ์เคอี ที่นำมาทำสีใหม่เป็นสีม่วง, เขายังมีรถฮัมเมอร์, เท็กซี่สไตล์ลอนดอน, สตู๊ดเบเกอร์ ฯลฯ ขณะที่เมื่อไม่กี่ปีก่อนผู้คนในแอลเออาจจะเคยเห็นเขาขับชอปเปอร์แต่งพิเศษสีเหลืองสดร่อนไปทั่วเมือง นอกจากนั้นยังเป็นที่รู้กันดีสำหรับนิสัยส่วนตัวของ สโตน ที่ชอบยกรถของตัวเองให้กับเพื่อน ๆ อยู่เสมอ

ศิลปินรุ่นใหญ่รายนี้ยังมีอาการวิตกจริต โดยเขาเชื่อว่าตัวเองกำลังถูกเอฟบีไอตามล่า และยังกังวลว่าศัตรูหลายรายกำลังว่าจ้างมือปืนหวังเด็ดชีพของเขา ในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ สโตน ยังไม่อนุญาตให้ New York Post เข้าไปสังเกตการณ์หรือเก็บภาพภายในรถแวนของเขาแต่อย่างใดด้วย

ซึ่งแม้ชีวิตจะเต็มไปด้วยปัญหามากมาย แต่ประเด็นสำคัญที่ทำให้ “สไล สโตน”ต้องลงเอยด้วยการอาศัยในรถแวนแทนบ้าน ก็คือปัญหาที่เขามีข้อพิพาทฟ้องร้องกับอดีตผู้จัดการสวนตัวต่างหาก

เป็นเวลาสองปีมาแล้วที่ สไล สโตน ได้ฟ้องร้องเรียกเงินจาก เจอรี โกลด์สไตน์ อดีตผู้จัดการของตัวเองที่ทำงานด้วยกันมา 20 ปีเต็ม เป็นเงินสูงถึง 50 ล้านเหรียญฯ พร้อมกับข้อกล่าวหาว่าตนเองถูก เจอร์รี หลอกลวงให้เซ็นสัญญาเมื่อปี 1989 จนทำให้อดีตผู้จัดการคนนี้สามารถควบคุมการเงินของเขา จนยักยอกเงินค่าลิขสิทธิ์เพลงไปจำนวนมาก รวมถึงหลอกให้เขาขายลิขสิทธิ์ผลงานของตัวเองทั้งหมด ให้กับ ไมเคิล แจ็คสัน ด้วยเงิน 1 ล้านเหรียญฯ ในปี 1984 ด้วย

ซึ่งการฟ้องร้องที่เกิดขึ้น ยังมีผลทำให้ศิลปินรุ่นใหญ่ไม่ได้รับเงินค่าลิขสิทธิ์เพลง ที่ก่อนหน้านี้อดีตผู้จัดการส่วนตัวเคยมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลรายรับรายจ่ายให้อีกต่อไป จนเขาต้องพบกับปัญหาหมุนเงินไม่ทัน ทำให้ต้องย้ายออกจากบ้านหลังโตที่ตัวเองเช่าด้วยเงินรายได้จากการทัวร์คอนเสิร์ตในยุโรป ไปอาศัยในโรงแรมราคาถูก ก่อนจะมาลงเอยต้องใช้รถแวนเป็นที่หลับนอน

อย่างไรก็ตามแม้ปัจจุบันจะต้องอาศัยอยู่ในรถแวน แต่ "สโตน" เปิดเผยว่าเขายังสบายดี และจะพยายามหาทางกลับเข้าสู่วงการเพลงต่อไป ...

"ผมรักบ้านเคลื่อนที่หลังเล็ก ๆ นี้นะ ไม่อยากจะกลับไปอยู่บ้านที่ย้ายไปไหนไม่ได้แบบเดิมอีกแล้ว รับไม่ค่อยได้เท่าไหร่ที่จะต้องอาศัยอยู่ในที่แห่งเดียวไปตลอด ผมชอบย้ายไปเรื่อย ๆ แบบนี้มากกว่า"

ศิลปินรุ่นใหญ่ยังกล่าวว่าปัจจุบันนี้เขายังคงบันทึกเพลง ด้วยเครื่องแล็ปท็อป และหวังว่าจะได้โอกาสขึ้นแสดงอีก
“เพลงของผมเป็นงานที่คุณจะไม่มีวันลืม เพราะแบบนั้นเองที่ทำให้ผมเคยทำเงินได้มากมายจนมีคนมาห้อมล้อมเต็มไปหมด สุดท้ายก็กลายเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมต้องขึ้นศาล กับเรื่องฟ้องร้องที่เกี่ยวข้องกับเงินเป็นล้าน ๆ ดอลลาร์ ! แต่ตอนนี้ขอบอกกับทุกคนหน่อย ของานหน่อยก็แล้วกัน เล่นเพลงของผมก็ได้ ผมจะพยายามอย่างเต็มที่แน่นอน, เพื่อน"

เมื่อต้นปี 2011 สโตน เพิ่งจะปล่อยผลงานชุด I'm Back - Friends & Family ออกสู่ตลาด เป็นอัลบั้มที่เขาหยิบเอาผลงานเก่า ๆ มาบันทึกเสียงใหม่พร้อมกับศิลปินคนอื่น ๆ อย่าง จอห์นนี วินเทอร์, เจฟฟ์ เบ็ค ฯลฯ นอกจากนั้น สโตน ยังเผยว่าเขามีเพลงที่แต่งขึ้นใหม่อีกจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ตามศิลปินลายครามกล่าวว่าตนเองไม่เชื่อใจบริษัทเพลง หรือผู้จัดการศิลปินอีกต่อไปแล้ว จึงค่อนข้างจะระมัดระวังสำหรับการจัดจำหน่ายผลงานเพลงต่อไปในอนาคตอยู่ซักหน่อย

ถึงตอนนี้ สโตน ยังทำงานเพลงอย่างสม่ำเสมอ พร้อมเล่าว่ามักจะทำงานแบบไม่ได้หลับได้นอนประเภทข้ามวันข้ามคืน บันทึกเสียงผ่านคอมพิวเตอร์ในรถแวน จนตอนนี้มีเพลงที่อัดเก็บไว้จำนวนไม่น้อย และรอคอยที่จะเผยแพร่ต่อไป

“ด้วยพลังที่สดใหม่ มันคงจะแจ่มมากถ้าผมได้ไปยืนบนเวทีอีก” สโตน กล่าว “ผมเห็นคนมากมายหยิบเอาเพลงเก่า ๆ ไปเล่น บอกให้คนพวกนั้นให้รู้ได้เลย คนอย่าง เลดี้ กาก้า อะไรแบบนั้น ลองให้ผมร่วมเล่นด้วยซิ แค่ให้ผมได้ลองเล่นดู ถ้าชอบค่อยจ่ายเงินก็ได้”





เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ ""ซ้อ 7"ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก

กำลังโหลดความคิดเห็น