อดีตรักชั่ววูบกับ “ซีรีล รูฮานี” พา “มาช่า วัฒนพานิช” ทอดฝันไปยาวไกล จนตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับต้นสังกัดเดิมหันไปเปิดบริษัท มาช่า เอ็นเตอร์เทนเมนท์ เพื่อทำเพลงด้วยตัวเองกับโปรดิวเซอร์หนุ่มผู้เป็นหวานใจ หลังเสียท่ากับซิงเกิลแรกจนเละเทะไม่เป็นท่า มาช่าจำต้องกลืนน้ำลาย และพาสังขารในวัย 41 ปีกลับมาร่วมงานกับแกรมมี่อีกครั้ง และปิดฉากธุรกิจตัวเองลงในช่วงระยะเวลาอันสั้น
ดั่งนกเจ็บที่บินกลับมาตายรังจริงๆ สำหรับ “มาช่า วัฒนพานิช” เพราะหลังจากที่เธอประกาศตัวว่าเมื่อหมดสัญญากับบริษัทแกรมมี่ ต้นสังกัดที่เปรียบเสมือนรังอันอบอุ่นในการเป็นนักร้องของเธอ มาช่าก็ประกาศเสียงดังว่าจะไม่ต่อสัญญา มิหนำซ้ำยังจะออกไปทำงานเพลงด้วยตัวเองพร้อมโปรดิวเซอร์หนุ่มชาวฝรั่งเศสที่เพิ่งรู้จักกัน “ซีรีล รูฮานี” แต่งานนี้ต้องบอกว่า “ไปไม่ถึงฝั่งฝัน” เพราะความรักมันบังตาทำให้เธอเชื่อใจโปรดิวเซอร์ฝรั่งเสียจนทำให้ซิงเกิลแรกในนามบริษัทมาช่า เอ็นเตอร์เทนเมนท์เละเทะไม่เป็นท่า จนต้องกลับมาทำงานกับแกรมมี่และปิดฉากการบินเดี่ยวด้วยระยะเวลาแสนสั้น
จะว่าไปแล้วความสำเร็จของมาช่าในฐานะนักร้องเป็นเรื่องที่เหมือนการก้าวขึ้นไปขี่อยู่บนหลังเสือ เพราะถึงแม้มาช่าจะชื่นชอบการเป็นนักร้องมากมายขนาดไหน แต่ก็ต้องยอมรับว่าเธอไม่ใช่ “ศิลปิน”ที่มีเสียงไพเราะเป็นเอกลักษณ์เหมือน ใหม่ เจริญปุระ อีกทั้งการโชว์บนเวทีก็ไม่อาจจะเทียบได้กับแดนซิ่งควีนอย่าง คริสตีน่า อากีลาร์ ส่วนเรื่องการร้องสดยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะเรนจ์เสียงที่ตีบแคบของเธอทำให้คนฟังต้องลุ้นจนตัวโก่งยามที่ได้ฟังเธอร้องสด ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้มาช่ากลายเป็นหนึ่งในนักร้องที่ขายแต่ชื่อและคาแร็กเตอร์อย่างแท้จริง
เพราะขนบการปั้นศิลปินของแกรมมี่ในยุคบุกเบิกที่เน้นการจับดาราดังมาเป็นนักร้องสลับไปกับคนดนตรีตัวจริง ทำให้ ‘นักร้องดารา’ จำนวนไม่น้อยโด่งดังเพียงชั่วครู่ชั่วคราวแล้วเงียบหายกันไปตามกาลเวลา
ด้วยภาพลักษณ์ความเป็นแกรมมี่ผนวกกับกลยุทธ์การพีอาร์ขั้นเทพทำให้ “มาช่า” กลายเป็นซูเปอร์สตาร์นักร้องที่แม้ความสามารถทางด้านการร้องการเต้นจะยังไม่เข้าขั้น แต่เธอก็มีอัลบั้มเพลงออกมาถึง 10 ชุด และทำงานอยู่ในวงการเพลงนานถึง 10 ปี ภาพลักษณ์การเป็นนางแบบมืออาชีพ นักแสดงชื่อดัง และดาราลูกครึ่งซึ่งเป็นที่นิยมอย่างสูงในสมัยนั้นเมื่อถูกแกรมมี่หยิบมาเป็นจุดขาย สร้างคาแร็กเตอร์สาวร็อกมาดเท่ผมซอยสั้นที่มีงานเพลงซึ่งอิงอยู่กับชีวิตรักจริงๆ ของเธอ ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ได้กลบสภาพความเป็นจริงทั้งในเรื่องเสียงร้องและการโชว์ของเธอได้อย่างสิ้นเชิง
ฉะนั้นเมื่อมาช่าเกิดติดลมและนึกสนุกกับบทบาทศิลปินนักร้อง เธอก็หลงเคลิ้มไปว่าตัวเองเก่งกาจในด้านนี้ ประกอบกับความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นทวีคูณเมื่อได้พบกับ “ซีรีล รูฮานี” หนุ่มฝรั่งเศสรุ่นน้องที่อ้างตัวว่าเป็นโปรดิวเซอร์ชื่อดังทำงานให้แก่บริษัทโซนี่ของทวีปยุโรปมานานหลายปี เมื่อคุยกันจนคลิกมาช่าก็ปีกกล้าขาแข็งพอที่จะออกมาประกาศว่าจะขอออกมาทำงานเพลงด้วยตัวเองไม่ขึ้นตรงกับบริษัทแกรมมี่อีกต่อไป
แต่หลังจากที่ปล่อยเพียงแค่ภาพการแต่งกายที่มาช่ามาพร้อมกับลุคส์ร็อกเกอร์สาวหลงยุคก็เริ่มจะสร้างความงงงวยให้แก่แฟนๆ ที่ติดตามงานเพลงของมาช่าไปตามๆ กัน แต่นั่นก็ยังไม่หนักเท่ากับเพลง I’m Back ที่มาช่าออกตัวว่าเป็นเพลงที่เธอกับซีรีลมุ่งมั่นตั้งใจทำเพื่อเป็นของขวัญให้แก่แฟนเพลงที่รอคอยการกลับมาของเธอ ซึ่งแฟนเพลงทุกคนที่ได้ฟังต่างก็ส่ายหน้าและนำมาหยอกล้อเป็นเสียงเดียวกันว่าเพลงดังกล่าวไม่สมควรชื่อ I’m Back เพราะเป็นการกลับมาแบบเละเทะไม่เป็นท่า ทั้งทำนองและซาวนด์ทั้งหลายจัดอยู่ในขั้นห่วยไม่สมราคาคุยที่มาช่าเคยบอกไว้ พร้อมกับตั้งชื่อเพลงนี้ใหม่ว่า “แอมแป้ก” เสียเลย
หลังจากผ่านช่วงความรักบังตาไปได้ มาช่าก็เริ่มรู้แล้วว่า “ซีรีล รูฮานี” แท้จริงคือนักต้มตุ๋นมืออาชีพที่ก่อคดีไว้มากมายทั้งในและนอกประเทศ แต่กว่าที่เธอจะไหวตัวทัน มาช่าก็ถูกโปรดิวเซอร์หนุ่มชาวต่างชาติรายนี้ฟ้องร้องเรียกค่าลิขสิทธิ์เพลง และบอกว่าเธอนำผลงานเพลงที่เป็นมันสมองของเขาไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นเหตุให้มาช่าต้องตั้งทนายขึ้นมาสู้คดี กลายเป็นรอยแผลที่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งแห่งของเธอ ใครจะคิดว่าสาวใหญ่วัยสี่สิบอย่างมาช่าจะเสียรู้ให้แก่นักต้มตุ๋นชาวต่างชาติรายนี้
ปัจจุบันมาช่ายังอยู่ในช่วงดำเนินการเกี่ยวกับคดีดังกล่าว พร้อมๆ กับนั่งมองเศษซากความฝันในนามบริษัทมาช่า เอ็นเตอร์เทนเมนท์ที่เปิดขึ้นมาด้วยจุดมุ่งหมายที่จะสร้างอาณาจักรแห่งความบันเทิงเป็นของตัวเอง แต่แล้วฝันนั้นก็ต้องสะดุดเมื่อหนุ่มที่เธอหมายมั่นว่าจะเป็นหุ้นส่วนธุรกิจ(และหุ้นส่วนชีวิต) กลายเป็นนักต้มตุ๋นระดับโลก มาช่าจำต้องระงับโปรเจกต์ประดามีที่เธอฝันไว้ไปแบบไม่มีกำหนด ยอมทิ้งอีโก้แล้วบากหน้ากลับไปของานทำที่แกรมมี่
โชคดีที่แกรมมี่ยังอ้าแขนต้อนรับเธอ ในฐานะศิลปินรุ่นลายครามที่วันหนึ่งข้างหน้าอาจจะนำมาปัดฝุ่นเปิดคอนเสิร์ตครั้งใหญ่เช่นเดียวกับคอนเสิร์ตของคริสตีน่าที่เพิ่งผ่านพ้นไป เพราะธุรกิจเพลงในยุคปัจจุบันคือการขายโชว์ขายประสบการณ์ ฉะนั้นการนำศิลปินที่มีเรื่องราวเป็นผลงานเพลงซึ่งมีอายุยาวนานไม่ต่ำกว่าสิบปีมาเปิดคอนเสิร์ตจึงสามารถเรียกแฟนๆ ที่โหยหาอดีตให้กลับมารวมตัวกันได้เป็นอย่างดี
และนี่ก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถก๊อบปี้หรือทำซ้ำได้ จริงอยู่ที่สามารถจะก๊อบปี้วีซีดีโชว์ดังกล่าวมาจำหน่ายหรือปล่อยให้ดาวน์โหลดกันได้ตามใจชอบ แต่มันก็ไม่เหมือนการซื้อตั๋วเข้าไปสัมผัสประสบการณ์ตรงอย่างแน่นอน
เสียงล่าสุดของมาช่า ทำให้รู้ว่าเธอสบายใจมากที่ได้กลับมาซุกอยู่ในรังแกรมมี่อันอบอุ่น มาช่าในวันนี้กำลังอยู่ในสภาพพักรักษาตัวอาการอกหักจากเรื่องต่างๆ ที่ไม่เป็นไปดังหวัง เธอไม่ใช่นางพญาเย่อหยิ่งที่เต็มไปด้วยอีโก้อีกต่อไป เธอกลายเป็นผู้หญิงธรรมดาที่กล้ายอมรับว่าเธอ “ไปไม่รอด”
“ตอนนี้ช่ากลับไปทำงานที่แกรมมี่แล้ว ทำงานกับแกรมมี่แล้วสบายใจกว่าที่จะออกมาทำงานเองข้างนอก เพราะเวลาเจออะไรหนักๆ ขึ้นมา พี่ๆ ที่แกรมมี่ก็ให้กำลังใจ และที่ไหนก็ไม่เหมือนบ้านเรา”
“ การทำงานกับแกรมมี่ก็จะเป็นงานๆ ไป เพราะก็พูดตรงๆ ว่าไม่สามารถขายงานด้วยตัวเองได้ อีกอย่างแกรมมี่เป็นบริษัทที่ใหญ่ และก็ดูแลช่ามากว่า 20 ปีแล้ว แต่ช่าก็ยังช่วยงานที่บริษัทตัวเองบ้าง เท่าที่ทำได้ และถ้าทุกอย่างลงตัวแล้ว ช่าก็คงจะเริ่มทำอัลบั้ม”
นกเจ็บที่รู้ตัวเองและรีบบินกลับรังอย่างมาช่าก็คงจะฟื้นตัวได้ในเร็ววัน ปล่อยให้อดีตที่ผิดพลาดช่วงหนึ่งของชีวิตลอยหายไปกับสายลม และวันหนึ่งข้างหน้าที่งานเพลงชิ้นใหม่ของมาช่าถือกำเนิดขึ้นมาได้ เราคงจะได้เสพงานเพลงที่ได้รับการสร้างสรรค์โดยโปรดิวเซอร์ขั้นเทพ เพราะในด้านการทำงานเพลงมาช่าก็ยังคงไม่ใช่เพชรพลอยที่ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนก็จะเปล่งประกายเจิดจรัสได้เสมอไป แต่เธอจำเป็นต้องได้รับการเจียระไนโดยโปรดิวเซอร์และบริษัทที่มีกึ๋นมากพอ และนั่นจะทำให้มาช่ากลับมาเป็นศิลปินเพลงได้อีกครั้งเหมือนวันวาน
......................................
ที่มา นิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 88 วันที่ 11 - 17 มิถุนายน 2554