ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 9
กุ้งนางส่งแก้วกาแฟให้จิรายุ พลางบ่นไปด้วย
“ระวังจะเป็นง่อยนะ อะไรที่ง่ายๆ ก็หัดทำเองมั่ง”
จิรายุรับมา
“นี่เธอกำลังว่าผู้จัดการวงนะ”
“ฉันเตือนสติ ด้วยความหวังดี”
ชามาดกัดฟัน โพสต่อแป๊บเดียว ก็แอบมองไปทางจิรายุอีกแล้วตัดสินใจหยุดโพส
“พักก่อนแล้วกัน”
พูดจบชามาดาก็รีบเดินไปหาจิรายุทันที
“จิ พาดาไปพักหน่อยสิ”
จิรายุยังยืนงงๆ ชามาดาลากออกไปทันที ทุกคนมองหน้าเหวอ เจ๊อึ่งส่ายหน้าระอา
“เฮ้อ...อ้อล้อ สะตอไปสะตอมา คืนนี้จะถ่ายรูปเสร็จมั้ยฮึนังเขียด”
“ไม่เสร็จหรอกเจ๊”
เขียดหัวเราะหึๆ
ชามาดาลากจิรายุเข้ามาในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วโวยวายทันที จิรายุทำท่าเบื่อหน่าย
“จิ...ทำไมทำกับดาแบบนี้”
“ทำอะไร”
“เมื่อวานที่ห้องทำงานพ่อคุณ จิก็ทิ้งดาไป แล้วตอนนี้ ดาทำงานอยู่ แทนที่จิจะดูดา กลับไปคุยกับอีช่างเสื้อกระจอกๆ นั่น ไว้หน้าดามั่งสิคะ”
“ไว้หน้า...พูดอะไร ผมไม่เข้าใจ”
“ดาไม่ชอบให้จิไปใกล้ผู้หญิงคนอื่น”
“ดามีสิทธิ์อะไรมาห้ามผม”
ชามาดาอึ้ง
“จิ...เดี๋ยวนี้ จิพูดแบบนี้กับดาเหรอคะ เป็นเพราะอีบ้านนอกนั่นใช่มั๊ย”
จิรายุตัดบท
“รีบออกไปทำงานต่อให้เสร็จได้แล้ว คนอื่นเขารอ เขาเบื่อ เข้าใจมั้ย”
ชามาดาอึ้งตะลึงงัน...จิรายุเดินออกจากห้องไป ชามาดากรี๊ด
“อ๊าย อีกุ้งฝอย อี...กุ้งชีแฮ๊ อีนี่ได้เห็นฤทธิ์กูแน่...คอยดู”
จิรายุเดินกลับเข้ามา ทุกคนมองอย่างลุ้นๆ เจ๊อึ่งเรียกเบาๆ
“คุณจิคะ”
“ครับเจ๊”
“พาน้องดาไปอัพโหลดแล้ว สถานการณ์ปกติดีแล้วนะคะ”
จิรายุถอนใจ
“ผมว่าเจ๊เตรียมเซ็ทต่อไปเลยดีกว่า”
“โล่งใจไปที...กุ้ง ไปบอกชะเอมกับเขียดเตรียมเสื้อผ้าไว้เลย”
กุ้งนางจะเดินออกไป ชามาดาเดินเข้ามาพอดี ชามาดาจ้องหน้ากุ้งนาง
“จ้องหน้าฉันทำไม ไป๊...ไปให้พ้นเลย”
ชามาดาผลักกุ้งนาง แล้วเดินเข้ามาหาจิรายุ เจ๊อึ่ง นทีทอง แล้วประกาศก้อง
“ดาจะกลับแล้ว วันนี้ดาอารมณ์เสีย ไม่อยากถ่ายแล้ว...วีวี่เก็บของกลับ”
ทุกคนหันไปมองหน้ากัน เซ็งๆ ชามาดายิ้มสะใจ ก่อนจะเดินออกไป จิรายุคว้าแขนไว้
“ทำอย่างนี้ไม่ดีนะดา”
ชามาดายิ้มกวนประสาท
“ก็ดาอารมณ์เสีย...ถ่ายไปก็หน้าหงิกหน้างอ ไม่สวย เดี๋ยวก็ต้องมาถ่ายใหม่อีก จิต้องเข้าใจอารมณ์ศิลปินมั่งสิคะ”
จิรายุโมโหพยายามระงับใจ
“ดา...มีเหตุผลหน่อย คิวโปรโมทใกล้เข้ามาแล้ว ดาทำแบบนี้ คิวมันจะรวนไปหมด”
“จิเป็นผู้จัดการวง ก็หาทางแก้ปัญหาสิคะ...”
ชามาดาสะบัดหน้า เดินเชิดออกไป วีวี่ตามไป สวนกับกุ้งนาง เขียดและชะเอมที่ถือเสื้อผ้ามา
“โอ๊ย เกะกะขวางทาง ถอยไป”
ชามาดาจะผลัก กุ้งนางเบี่ยงตัวหลบ ชามาดาเสียหลักเซไป ล้มกระแทกพื้น
“อ๊าย...อีบ้า แกแกล้งฉันเหรอ”
ชามาดาลุกขึ้นมา กุ้งนางมองหน้าไม่ยอมลงให้
“ใครแกล้งคุณ เดินยังไงล่ะ ถึงล้มลงไปน่ะ”
“อีนี่...อีบ้านนอก ทนไม่ไหวแล้ว”
ชามาดายกมือจะตบหน้า กุ้งนางรับไว้ ก่อนจะบิดแล้วสะบัดออกไป ชามาดาจะพุ่งกลับมา ชะเอมมายืนประกบกุ้งนางทันที ชามาดาชะงัก
“เห็นมั้ยทุกคน อีพวกกระจอกบ้านอกเนี่ย มันจะรุมทำร้ายดา”
นทีทองส่ายหน้าเอือม
“เท่าที่ดูมาแต่แรกน่ะ พี่เห็นแต่น้องดาจะทำร้ายเขานะ”
วีวี่หวาดๆ
“กลับไหมคะน้องดา เดี๋ยวจะโดนรุมจิกหัวตบเอาจริงๆ นะคะ”
“อ๊าย”
ชามาดาจ้องหน้ากุ้งนางแค้นใจ ก่อนจะออกไป วีวี่ยิ้มสะใจก่อนจะรีบตามไป เจ๊อึ่งเอือมระอามากๆ
“เจ๊ว่านังชะมดนี่ มันชักบ้าขึ้นทุกทีแล้วนะนทีทอง”
นทีทองหันมาหาจิรายุ
“นั่นสิ คุณจิจะจัดการไหวมั้ยล่ะ”
“ต้องไหวสิครับ”
จิรายุบอกไปอย่างนั้น แต่ในใจนั้น หนักใจมาก
ชามาดาเดินหงุดหงิดออกมาหน้าบริษัท
“ดาเป็นซุบตาร์นะพี่วีวี่ พวกมันทำยังงี้กับดาได้ยังไง”
“ในฐานะผู้จัดการส่วนตัว พี่ว่า น้องดา ก็ควรจะวีนเหวี่ยงให้มันน้อยลงหน่อยมั้ยคะ”
ชาดามาโกรธจี๊ด
“อ๊าย...จำใส่หัวไว้นะพี่วีวี่ พี่เป็นผู้จัดการส่วนตัว ดาเป็นศิลปิน ดาจะทำอะไร พี่ก็ต้องตามใจ มีปัญหาอะไรก็พี่หาทางแก้ไขเอาสิ”
วีวี่หน้าเหวอ
“จ้ะ น้องดา”
ชามาดาแหวใส่
“อย่ามาจ้ะ มันบ้านนอก”
วีวี่ถอนใจ
“ค่า”
ชามาดาเดินออกไป วีวี่ตามไปอย่างเบื่อๆ กลุ่มนักข่าวกำลังรอ พอเห็นชามาดาเดินมา นักข่าวรีบวิ่งเข้ามารุม ชามาดาหันมาหาวีวี่
“แว่นตาล่ะ”
วีวี่ส่งให้ ชามาดาหมุนตัว ใส่แว่นตาดำ หันมาเผชิญหน้ากับนักข่าว เปลี่ยนเป็นโหมดหวาน ยิ้มรับนักข่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“พี่ๆ มาทำข่าวดาเหรอคะ”
“เปล่าจ้ะ พี่มารอ คุณจรัลแถลงข่าวเรื่องเพิ่มทุนบริษัทน่ะ”
ชามาดางง
“เพิ่มทุนเหรอคะ”
“ใช่ ข่าวเศรษฐกิจข่าวใหญ่ของสัปดาห์นี่เลยนะ น้องดาพอจะรู้ข่าวมั้ยจ๊ะ”
“แหม...ศิลปินใหญ่อย่างดาก็ต้องรู้แหล่ะค่ะ แต่พูดไม่ได้” ชามาดาเอามือปิดปากท่าน่ารักๆ “เอาเป็นว่าพี่ๆ รอ ผู้ใหญ่แถลงข่าวดีกว่านะคะ”
“แย้มๆ หน่อยก็ได้นะ มูลค่าการเพิ่มทุนเป็นร้อยล้านเชียว”
ชามาดาตะลึง
“ร้อยล้าน โอ๊ะ ดาพูดไม่ได้ค่ะ ไม่เอา ไม่พูดนะคะ”
ชามาดาอึ้งๆ นักข่าวแย่งกันถามนี่นั่นโน่น ชามาดาเอาแต่ยิ้ม
จิรายุนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องทำงาน ชายหนุ่มนั่งคิดเรื่องชามาดา คำพูดของเจ๊อึ่งกับนทีทองยังก้องอยู่ในหัว
‘เจ๊ว่านังชะมดนี่ มันชักบ้าขึ้นทุกทีแล้วนะนทีทอง’
‘นั่นสิ คุณจิจะจัดการไหวมั้ยล่ะ’
‘ต้องไหวสิครับ’
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เชิญครับ”
คมกริชเปิดประตูเข้ามา
“คุณจรัลเชิญที่ห้องประชุมใหญ่ครับ”
“เรื่องอะไรอีกล่ะครับพี่คม”
“ไม่ทราบเหมือนกัน เห็นบอกว่าจะแถลงข่าว คงต้องรอฟังพร้อมนักข่าว ไปกันเถอะครับ”
จิรายุตามคมกริชไป
ในห้องแถลงข่าว...จรัลนั่งอยู่บนโต๊ะแถลงข่าว มีนักข่าวรุมล้อม จิรายุกับคมกริช ยืนคู่กันอยู่ด้านหลัง
“สวัสดีครับทุกท่าน ผมมีความยินดีที่จะประกาศถึงความก้าวหน้าของสยามซอง ในธุรกิจบันเทิง เราคือตัวจริง ผมและกรรมการบริษัททุกท่าน มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า จะมีการเพิ่มทุนในบริษัทสยามซอง อีก 150 ล้านบาท เพื่อขยายไลน์ธุรกิจของเราสู่ตลาดเคเบิ้ลทีวี”
นักข่าวคนหนึ่งถามขึ้น
“ท่านคะ แล้วท่านวางตัว คนที่จะมาดูแลในส่วนนี้แล้วรึยังคะ”
“อ๋อ ครับ...อันนี้ก็เป็นมติของที่ประชุมใหญ่เช่นกัน”
คมกริช ยิ้มกริ่มหันไปกระซิบจิรายุ
“ท่านน่าจะบอกผมก่อนนะครับ ผมไม่ได้เตรียมตัวมาซะด้วย”
“ยินดีด้วยนะครับ พี่คม”
จิรายุยื่นมาให้จับ คมกริชเอื้อมมือจะจับ จรัลพูดต่อ
“ในเบื้องต้น ผมจะดูแลเองไปก่อน แต่เมื่อทุกอย่างลงตัวและจิรายุลูกชายผม ผ่านการเรียนรู้งานทุกอย่างแล้ว ก็คงจะเป็นลูกชายผมนี่แหล่ะครับที่จะดูแลต่อไป”
คมกริชชะงัก จิรายุงงสุดขีด
“เชิญครับคุณจิ”
คมกริชฝืนยิ้มผายมือให้ จิรายุเดินเข้าไปหาจรัล
“ตอนนี้ จิรายุรับตำแหน่งผู้จัดการวงดนตรีของชามาดาและนทีทองอยู่หวังว่าทุกๆ ท่านจะช่วยสนับสนุนด้วยนะครับ”
นักข่าวทุกคนรุมถ่ายรูป จิรายุกับจรัลวุ่นวาย คมกริชปรบมือให้ แต่ในใจนั้นแค้นใจสุดก่อนจะค่อยๆ เดินเลี่ยงออกไป
จรัลนั่งเซ็นต์เอกสารอยู่ในห้อง เสียงเคาะประตูดังขึ้น คมกริชเปิดเข้ามา จรัลยิ้มรับ
“ว่าไง คมกริชมีอะไร นั่งก่อนสิ”
คมกริชนั่งลง
“เซอร์ไพรส์เลยนะครับท่าน”
“ใช่ ออกจะฉุกละหุกไปหน่อย แต่ภาพรวมก็เรียบร้อยดี”
“ท่านน่าจะกระซิบบอกผมซะหน่อย ผมจะได้ช่วยเตรียมงานให้”
“เฮ่ย งานคมก็เยอะอยู่แล้ว เรื่องแค่นี้เอง ฉันจัดการเองได้”
คมกริชเริ่มขึ้นเสียงจริงจัง
“แต่เรื่องเพิ่มทุนไม่ใช่เรื่องแค่นี้นะครับ”
“เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับคม”
“เกี่ยวสิครับท่าน เพราะผมคิดว่า ผมทำงานที่นี่มาหลายปีแล้ว ผมน่าจะมีสิทธิ์ได้รับหุ้นบ้างนะครับ...แล้วผมก็น่าจะมีอำนาจบริหารงานบริษัทเพิ่มขึ้น ไม่ใช่ ดูแลแค่งานแต่งเพลง”
จรัลมองนิ่ง
“อย่าดีกว่า ถ้าคุณไปจับงานบริหารเต็มตัว บริษัทก็ต้องเสียนักแต่งเพลงฝีมือเยี่ยมไปสิ เอางี้แล้วกัน ฉันจะปรับส่วนแบ่งรายได้ต่างๆ แล้วก็ค่าลิขสิทธิ์เพลงเพิ่มให้อีก พอใจมั้ย”
คมกริชจ้องตาเขม็งเสียงแข็ง
“ครับ...ขอบคุณท่านมากนะครับ ที่ยังนึกถึงผมอยู่ ขอตัวก่อนนะครับ”
คมกริชลุกขึ้นเดินออกไป จรัลส่ายหน้าระอาใจกับความมักใหญ่ใฝ่สูงของคมกริช
ค่ำนั้น...ชามาดา นั่งจิบน้ำส้มอยู่ในห้องที่คอนโด มีจานผลไม้วางอยู่ หญิงสาวหน้าตาหงุดหงิด วีวี่กำลังตรวจเช็คตารางงานอยู่ แต่แล้วจู่ๆ ชามาดาก็ปัดจานผลไม้กระเด็น
“อ๊าย”
“ระวังคอจะแตก ร้องเพลงไม่ได้นะคะน้องดา”
“คอแตกก็ช่างมันสิ”
“ช่างไม่ได้นะคะ ร้องเพลงไม่ได้ เดี๋ยวก็ต้องกลับตัดอ้อยขายเหมือนเมื่อก่อนนะคะ”
“อ๊าย อีพี่วีวี่ อย่ามาพูดเรื่องตัดอ้อยนะ นั่นมันนานแล้ว”
“ค่า ไม่พูดก็ได้ แต่จะกรี๊ดๆ ทำไมนักหนาคะน้องดา”
“ก็เรื่องเพิ่มทุนสยามซองน่ะสิ จินะจิ ทุกคนรู้เรื่อง แต่ดากลับไม่รู้อะไรเลย เจ็บใจนัก”
“เจ็บใจทำม๊าย คุณจิเขาอาจจะไม่อยากให้น้องดารู้เรื่องเงินทองของเขาก็ได้”
“อีพี่วีวี่...หยุดเลย เก็บหมาเข้าปากไปให้หมดด้วย”
วีวี่แอบอมยิ้มสะใจ ชามาดานิ่งคิด
“ไม่ได้แล้ว ดาจะต้องรวบรัดจิมาไว้ในกำมือให้ได้”
ชามาดายิ้มร้าย
จิรายุนั่งเซ็งๆอยู่ในบ้าน จรัลเดินเข้ามา คนรับใช้เลี่ยงหยิบกระเป๋าของจรัลแล้วออกไป
“ไงไอ้จิ วันนี้ทำไมอยู่บ้านได้”
“เซ็งครับ”
“เซ็งอะไร”
“ก็ที่พ่อแถลงข่าววันนี้ ทำเอาผมเกือบช็อคตาย”
“โอ๊ย ไอ้ขวัญอ่อน ไอ้...”
จิรายุตัดบท
“พ่อ...บอกตรงๆ นะครับ พ่อแถลงข่าวว่าอนาคตผมต้องมาแทนพ่อแบบนี้ มันกดดันผม”
“กดดันอะไร ยังไงวันนึงแกก็เป็นประธานบริษัทแทนฉันอยู่แล้ว ฉันกำลังฝึกแกให้พร้อม เข้าใจ๋”
“เข้าใจคร้าบ ผมไม่โง่ขนาดนั้นหรอกน่า”
“ฉันก็ไม่คิดว่าแกโง่”
“ขอบคุณครับ งั้นผมขอเริ่มงานแรกเลยได้มั้ยครับ”
จรัลดีใจ
“ได้เลยลูกรัก อยากโชว์ฝีมือเรื่องอะไรเสนอมา”
“ผมอยากดันกุ้งนางให้ออกอัลบั้มครับ”
จรัลอึ้ง
“เฮ้ย ไม่ได้ ถ้าแกปั้นเด็กกุ้งนางนั่นตอนนี้ ก็ไม่รู้จะขายได้หรือจะแป๊ก”
“พ่อ...”
จรัลสวนขึ้น
“ไอ้จิ...ชามาดากำลังทำเงินให้เรามากที่สุด ยังไงพ่อก็ต้องเลือก ชามาดาไว้ก่อน แกได้ยินเขายื่นคำขาดกับเราแล้วนี่ ว่าจะเลิกทำเพลง”
“แต่เรามีสัญญานะครับ”
“อีกหกเดือน สัญญาจะหมดอายุ...ฉันถึงต้องง้อชามาดาไง”
จิรายุอึ้ง ถอนใจ
“พ่อว่าแกเลิกคิดเรื่องนี้ไปก่อน เอาใจชามาดาไว้มั่ง แต่อย่าให้มันเกินเลย ไปล่ะ ผู้หญิงแบบนั้นไม่เหมาะจะเอามาทำเมีย เข้าใจมั้ย”
“ครับ”
จรัลเดินออกไป จิรายุถอนใจเซ็งๆ
กุ้งนางนั่งอยู่ข้างหน้าต่างหน้าเศร้า ชะเอมเดินยกสำรับเข้ามาในห้อง
“มากินข้าวกันเหอะกุ้ง”
“ฉันกินไม่ลงหรอกพี่ชะเอม”
“ไม่ได้...ท้องต้องอิ่มก่อน สมองมันถึงจะแล่น ทีนี้ปัญหาที่ใหญ่ก็เล็กมาๆ กิน”
กุ้งนางเดินมากิน ชะเอมจ้วงข้าวไปแล้วนึกได้
“เออ ไอ้กุ้ง คุณจิรายุเนี่ยเขาแปลกๆ นะ ชอบมายุ่งกับกุ้งอยู่เรื่อย วันนี้สตูดิโอน่ะ พี่ก็เห็นนะ ต้องมาให้ชงกาแฟให้ ถามจริงๆ เหอะ เขาจะจีบกุ้งรึเปล่า”
กุ้งนางสำลัก
“เฮ้ย พี่ชะเอม ทุเรศน่ะ คนยังงั้นน่ะ กุ้งขอสาบส่งเลย ถือว่ารวย ถือว่าเป็นผู้จัดการวง เป็นลูกเจ้าของบริษัท ชอบทำตัวเกะกะระรานคนอื่น...” กุ้งนางยกมือไหว้ “เพี้ยง กินน้ำก็ขอให้น้ำติดคอ”
ชะเอมเหวอไป กับอารมณ์เหวี่ยงของกุ้งนาง
จิรายุกำลังดื่มน้ำ สำลักพรวด
“อะไรวะ ใครนินทาวะ”
ชายหนุ่มเดินไปหยิบกระดาษทิชชู่เช็ดปาก แล้วไปนั่งลงเล่นเปียโน สักครู่ก็หยุดคิด
“เฮ้อ...นี่กุ้งนางจะไม่ได้เป็นนักร้องจริงๆ เหรอเนี่ย”
จิรายุเล่นเปียโนต่อไป
ชามาดานอนครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาวันนี้ เธอเห็นกุ้งนางเดินไปที่โต๊ะที่วางเครื่องดื่มด้านหลัง จิรายุรีบเดินตามไปยืนมองดูกุ้งนางชงกาแฟ ชามาดาลุกขึ้นมาหน้าหงิก คว้าหมอนขว้างไป
“อ๊าย จะทำยังไงดีนะ...ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะจิ”
ชามาดาลุกขึ้นไปนั่งหน้ากระจกหวีผม แล้วหันซ้ายหันขวามองหุ่นตัวเองในกระจกทำท่าเซ็กซี่
“ให้มันรู้ไปสิ ของดีๆ ไม่อยากกิน อยากจะไปกินอีกุ้งแห้งค้างปี”
ชามาดาลุกขึ้นแต่งตัวสวย ออกจากคอนโดไป
ชามาดานั่งดื่มอยู่ในห้องวีไอพีของผับ สายตาของหญิงสาวเห็นคนอื่นมากันเป็นคู่ๆก็มองอย่างเซ็งๆ
“เอาเหล้ามากินหน่อยซิ...”
บ๋อยเอาเหล้ามาเสิร์ฟให้พร้อมแก้ว 2 ใบ
“เอาแก้วมาทำไมสองใบ มาคนเดียวไม่เห็นรึไง”
“ขอโทษครับ”
บ๋อยลนลานไปเก็บแก้ว บ่นกับตนเอง
“เป็นผู้หญิงมาคนเดียวกินทั้งขวด เดี๋ยวก็เมาแย่”
ชามาดากระดกเหล้าเข้าปากแล้วชะงัก
“ฉันจะเมา ก็ไม่เกี่ยวกับแก อย่าสะเออะมายุ่งกับฉัน เดี๋ยวก็ฟ้องผู้จัดการให้ไล่ออกซะเลย”
บ๋อยตกใจ
“อย่านะครับคุณชามาดา ผมเป็นห่วงคุณนะครับ ดื่มขนาดนี้ กลัวจะขับรถกลับบ้านไม่ได้น่ะครับ”
ชามาดานิ่งนึก แล้วยิ้มร้าย หันไปทางบ๋อย
“เออ นี่...ทำอะไรให้อย่างสิ ฉันมีรางวัลให้ด้วยนะ”
ชามาดา ยกเหล้าราดไปบนเสื้อตัวเองแล้วนั่งยิ้ม บ๋อยตะลึง
ค่ำคืนนั้น...จิรายุนอนหลับฝันไป ภาพในฝันเขานอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียง กุ้งนางเดินมานั่งข้างๆ
“กุ้งนาง”
“คุณกำลังคิดถึงฉันใช่มั้ยคะคุณจิ”
“ใช่...เอ๊ย...ไม่ใช่”
“คุณจิ...”
กุ้งนางเขยิบใกล้เข้าไปอีก
“เธอจะทำอะไรฉัน”
“ก็ทำอย่างที่คุณอยากให้กุ้งทำไงคะ”
กุ้งนางนั่งชิดจิรายุ ค่อยๆ ก้มลงมาจูบ ทั้งคู่หลับตาปากเกือบจะชนกัน ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น จิรายุสะดุ้งเฮือก ลืมตางงๆ แล้วก็รู้สึกตัวว่าฝันไป โทรศัพท์ยังดังอยู่ ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มาดูแล้วทำหน้าเซ็งๆก่อนจะกดรับ
“มีอะไรเหรอดา”
ชามาดายื่นโทรศัพท์ให้ บ๋อยแล้วกระซิบ
“พูดอย่างที่ฉันสอน”
จิรายุงงๆ
“อะไรของคุณเนี่ยชามาดา อ้าว...นายเป็นใคร”
“คุณครับ คุณชามาดาเมาไม่รู้เรื่องเลยครับ แล้วข้างนอกมีนักข่าวมากันเต็มหน้าผับเลยครับ”
จิรายุตกใจ
“นักข่าว”
“คุณช่วยมารับคุณชามาดาหน่อยได้มั๊ยครับ”
ชามาดาแกล้งเมาตะโกนโวยวายเพื่อให้จิรายุได้ยิน
“ไม่ไป...ฉันไม่กลับ”
“เอางี้นะ นายดูคุณชามาดาไว้ให้ดี อย่าให้เจอนักข่าว เดี๋ยวฉันจะไปรับเอง”
จิรายุกดปิดโทรศัพท์ ถอนหายใจยาว
บ๋อยยื่นโทรศัพท์คืนให้ ชามาดายื่นเงินให้จำนวนหนึ่ง
“เดี๋ยวแกไปโทรเบอร์นี้ บอกว่า อ้อน...จะแถลงข่าวเรื่องคลิปหน้าเหมือนที่ผับนี่ พูดแค่นี้พอ เข้าใจทุกอย่างแล้วนะ”
“สงสัยอยู่อย่างนึงครับ”
“สงสัยอะไร”
“คือ อ้อนที่ว่า เนี่ยใครครับ นักข่าวถึงจะมา”
“ก็ที่เป็นดาราไง...โอ๊ยแกนี่ พวกนักข่าวเขารู้เองแหละ”
“อ๋อ ครับ”
บ๋อยออกไป
“ถ้าฉันต้องการ คุณไม่มีวันหลุดมือฉันไปได้หรอก จิ”
ชามาดาเชื่อมั่นมาก
นักข่าวมายืนออกันหน้าผับ จิรายุขับรถเข้ามาจอดห่างๆ
“หาเรื่องจริงๆ”
จิรายุคว้าหมวก กับแว่นดำมาใส่ แล้วลงจากพยายามเดินเลี่ยงๆ นักข่าวเข้าไปในผับ
จิรายุเปิดประตูเข้ามาในห้องวีไอพี ชามาดารีบทำเป็นเมาคอพับคออ่อน จิรายุเข้ามาประคอง แล้วทำหน้าเบ้ เหม็นเหล้ามาก
“นี่กินเข้าไปเท่าไหร่เนี่ย”
“จิมาเหรอยัง เพราะคุณทำให้ดาเป็นแบบนี้ เพราะคุณ เพราะคุณคนเดียว”
“ดา นี่คุณเมามากไปแล้ว ไปเถอะ ผมจะพาคุณกลับบ้าน”
“ดาไม่กลับ ดาจะกินๆๆๆ ให้มันตายไปเลย”
“จะบ้าเหรอดา นักข่าวมากันเต็มไปหมด เดี๋ยวก็ได้ลงหน้าหนึ่งหรอก ไป...ผมจะพาคุณไปส่ง”
จิรายุประคองชามาดาขึ้นนั่ง ใส่เสื้อ ใส่แว่น ใส่หมวกให้พร้อม แล้วประคองออกจากห้องไป ชามาดาแอบยิ้ม
นักข่าวออกันเต็มทางออก จิรายุประคองชามาดาออกมา รีบหลบไม่ให้นักข่าวเห็น จิรายุหันไปถามบ๋อย
“น้อง มีทางออกทางอื่นรึเปล่า”
“มีครับ”
ชามาดาแอบเงยหน้าส่งสัญญาณให้ บ๋อยขยิบตาตอบ จิรายุมองหน้าบ๋อยอย่างสงสัย
“ตานายเป็นอะไรน่ะ”
“อ๋อ เปล่าครับ แมลงเข้าตา พี่ออกทางด้านนี้เลยครับ”
“อะ นี่รางวัล” จิรายุส่งเงินให้ “เอาไปซื้อยาหยอดตาซะ”
“ขอบคุณครับพี่”
จิรายุเดินไปตามทางที่บ๋อยบอก บ๋อยยิ้มจูบเงิน
“โหย ทำไมไม่มีจ๊อบยังงี้ทุกวันวะ”
บ๋อยเดินตรงไปที่กลุ่มนักข่าว
“พี่ๆ นักข่าว คุณอ้อนโทรมาบอกยกเลิกการแถลงข่าวแล้วครับ”
นักข่าวทำท่าเซ็ง วิจารณ์กันวุ่นวาย
ชามาดานอนคอพับคออ่อน หัวหล่นจากที่รองมาพิงแขนจิรายุแทน
“เดี๋ยวก็คอเคล็ดหรอก”
ชามาดาทำเป็นเพ้อ
“จิ ทำไมทำยังงี้กับดา ดารักจินะ”
จิรายุหันมามองชามาดาแล้วถอนใจ ก่อนจะหันกลับมองถนน ชามาดาแอบลืมตามองแล้วยิ้ม
จิรายุขับรถมาส่งชามาดาที่คอนโดของเธอ เขาประคองหญิงสาวเข้ามาในห้อง พาไปนอนที่เตียง ชามาดาทำงัวเงีย
“หิวน้ำ หิวน้ำจังเลย”
จิรายุสายหน้าเดินไปหยิบน้ำ ชามาดาหรี่ตามอง แอบถลกกระโปรงให้โป๊ ดึงคอเสื้อให้ต่ำ จิรายุส่งน้ำให้
“คุณเมามากเลยนะดา”
จิรายุขยับเข้ามาใกล้ ชามาดาแอบยิ้มคิดว่าแผนอ่อยได้ผล
“ก็จิน่ะแหละทำให้ดาเมา”
จิรายุขยับดึงกระโปรงปิดให้ หันไปหยิบผ้าห่มคลุมตัวให้
“เป็นผู้หญิงต้องอายเป็น”
ชามาดาทำเป็นเสียใจ
“คุณว่าดาหน้าด้านเหรอคะ...แล้วคุณมาช่วยดาทำไมคะ”
“ผมไม่อยากให้คุณเสียชื่อเสียง ยังไงคุณก็เป็นนักร้องในสังกัดของผม ผมมีหน้าที่ต้องดูแล”
จิรายุ ลุกขึ้นจะเดินออกไป ชามาดารีบลุกตามมา โผเข้ากอดจิรายุ
“จิ...” หญิงสาวแกล้งร้องไห้ “จิคิดกับดาแค่นี้เองเหรอคะ จิใจร้าย ใจดำกับดาที่สุด”
จิรายุพยายามแกะจนออก
“อย่าทำแบบนี้เลย ดา”
“ดารู้ จิยังรักดาอยู่”
“คุณเมา นอนพักเถอะ”
“ดาไม่เมา” ซามาดายิ้มยั่ว “อย่าปฏิเสธความจริงเลยค่ะจิ คุณยังไม่ลืมดาหรอก”
ชามาดาโผเข้ากอดไว้แน่น จิรายุนิ่งงันไป
ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 9
ชามาดาเข้าสวมกอด จิรายุยังยืนอึ้ง ก่อนที่จะเบี่ยงออกจากอ้อมกอด
“ผมต้องกลับแล้วดา”
ชายหนุ่มขยับเดินไป
“ถ้าคุณกลับ ดาก็จะออกไปดื่มต่อ”
จิรายุหันกลับมา ชามาดาปลดชุดร่วงลงไปกองที่พื้น จิรายุมองแล้วถอนใจ ชามาดาเดินมาหาจิรายุ
“จิขา...” ขามาดาโลมไล้ “ดาคิดถึงวันเก่าๆ...” หญิงสาวเริ่มปลดกระดุมเสื้อชายหนุ่มส่งสายตายั่วยวน “คิดถึง...ตอนที่จิต้องการดา”
จิรายุจับไหล่ ชามาดายิ้มดีใจ แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้จะจูบ ชายหนุ่มค่อยๆ ดันออกจ้องตาหญิงสาว
“ตอนนี้ผมไม่ต้องการคุณอีกแล้ว”
ชามาดาอึ้งโกรธ
“จิ!”
“ไม่ว่าดาจะพยายามยังไง ผมก็ไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิมอีกแล้ว”
“เพราะอีเด็กเย็บเสื้อนั่นใช่มั้ย”
“เพราะตัวดาต่างหาก มันน่ากลัวจนผมไม่อยากอยู่ใกล้”
“ไม่จริง จิพูดยังงี้ เพราะอยากแกล้งให้ดาเจ็บใจบ้าง”
“ผมพูดจริง แล้วดาก็ต้องยอมรับความจริงด้วย”
จิรายุปล่อยมือ หันหลังจะเดินออกไป ชามาดาดึงแขนหันกลับมา แล้วเข้ากอดไว้อีกครั้ง ชายหนุ่มแกะมือหญิงสาวออก
“พอเถอะดา!”
จิรายุเดินเปิดประตูออกไป ชามาดาพิงประตูร้องไห้ เสียใจ เจ็บใจ
“จิ ดารักคุณจริงๆ นะ ต้องเป็นเพราะอีบ้านนอกนั่น อีมารยา อีหน้าด้าน”
ชามาดาร้องไห้เจ็บแค้นใจ
เช้า วันใหม่...กุ้งนางชูสร้อยในมือขึ้น กระทบแสงแดดวิบวับ หญิงสาวนอนดูสร้อย ยังคิดเสียใจที่นทีทองจำไม่ได้ ครู่หนึ่งก็ทำจมูกฟุดฟิดเหมือนได้กลิ่นอะไร แล้วจามออกมา ชะเอมที่แต่งตัวสวย กำลังฉีดน้ำหอมใส่ขวดแบบแบ่งขายอย่างอารมณ์ดีอยู่หน้ากระจก
“โห พี่ชะเอม ฉีดน้ำหอมหรือสเปรย์ปรับอากาศเนี่ย” กุ้งนางนึกได้ “เอ๊ะๆๆ นัดพี่ด้วงไปเที่ยววันหยุดเหรอ”
“ไม่ได้นัด แต่จะชวนไปกันทั้งหมดนี่แหละ วันหยุดครั้งแรกของพวกเราทั้งที จะให้อยู่เฉยๆ ได้ไง กุ้งรีบไปอาบน้ำแต่งตัวสิ”
“พี่ไปกันเถอะ ฉันจะไปหาครูชาตรี” กุ้งนางลุกขึ้น เดินไปหยิบกล่องใส่สร้อยออกมาจากตู้ เก็บสร้อยใส่กล่อง แล้วหยิบซองเงินออกมา “จะเอาเงินไปคืนครู”
“เฮ้ย...จะบ้าเหรอ เงินตั้งห้าหมื่น ถ้าเก็บได้แล้วเอาไปคืนก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เขาให้กุ้งก็เก็บเอาไว้ใช้สิ จะคืนทำไม”
“ก็เขาให้มาใช้รักษาแม่ แต่กุ้งไม่ได้ใช้ ก็ควรจะเอาไปคืนครูเขาสิ”
“โธ่เอ๊ย...แม่คนดี แม่นางฟ้า แม่เจ้าประคุณทูนหัวเอ๋ย...นี่แกโง่หรือบ้าเนี่ย จะบอกให้นะ ระดับครูชาตรีน่ะ เขาคงมีเงินเป็นล้านๆ แค่นี้น่ะ ขนหน้าแข้งเขาไม่ร่วงหรอก”
“ฉันไม่อยากได้เงินของใครฟรีๆ ฉันจะเอาไปคืน”
ชะเอมถอนใจอย่างเซ็งๆ
“เฮ้อ...”
กุ้งนางยิ้มกับความคิดตัวเองที่ทำดีแล้ว
กุ้งนางนัดพบกับครูชาตรีที่สวนสาธารณะ หญิงสาวยื่นซองเงินคืนครูชาตรีที่นั่งมองเงินแต่ไม่รับ
“หนูเอาเงินมาคืนค่ะ”
“ฉันรู้เรื่องแม่ของหนูแล้วนะ เสียใจด้วย”
กุ้งนางแปลกใจ
“ครูรู้ได้ไงคะ”
“เมื่อวานฉันไปทานข้าวกับคุณจิรายุ เขาเล่าให้ฟัง”
กุ้งนางไม่พอใจ
“อ๋อ นายปากโป้งนี่เอง เที่ยวเอาเรื่องคนอื่นมาพูดไปทั่ว”
ครูชาตรียิ้ม
“อย่าไปว่าคุณจิเลย เขาไม่ได้คิดร้ายอะไรกับหนูหรอก เอาเป็นว่า เงินนี่ฉันให้หนูติดตัวไว้ก่อน เผื่อจะจำเป็นต้องใช้ ลำพังเงินเดือนหนูน่ะ อาจจะไม่พอ...วันหลังค่อยเอามาคืนก็ได้”
“แต่ครูช่วยหนูมาหลายครั้งแล้ว”
“เด็กดีอย่างหนู จะอีกกี่ครั้ง ฉันก็เต็มใจช่วย”
“งั้นครูรับคืนไปก่อนนะคะ ถ้าหนูเดือดร้อนหนูจะมาขอยืมครูใหม่”
ครูชาตรีส่ายหน้า
“เก็บไว้เถอะ จะได้ไม่ต้องมายืมกันไปกันมาอีก...เชื่อฉันสิ”
กุ้งนางไหว้
“ขอบคุณมากค่ะ ครูใจดีกับหนูจริงๆ” ครูชาตรียิ้ม
“ว่าแต่ หนูไม่อยากเป็นนักร้องเลยเหรอ ฉันยังรอหนูอยู่นะ”
“หนูมากรุงเทพ เพื่อทำอะไรบางอย่าง ไม่ได้อยากมาเป็นนักร้องค่ะ”
“ไอ้อะไรที่ว่าน่ะ คงสำคัญมาก”
กุ้งนางหลบตา
“ค่ะ”
“เอางี้นะ ถ้าหนูเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ มาหาฉันได้เลยนะ หรือถ้าหนูมีปัญหาอะไร จะปรึกษาฉัน ก็ยินดีนะ”
กุ้งนางยิ้ม ซาบซึ้งใจ
“ขอบคุณค่ะ”
“ไป เดี๋ยวครูพาไปทานอะไรอร่อยๆดีกว่า ไหนๆ เราก็มาเจอกันแล้วขอคุยกันให้สนุกสักวันนะ”
“ค่ะ...”
ครูชาตรีลุกเดินไป กุ้งนางยิ้มอยู่ตลอด ลุกเดินตาม มองด้านหลังครูชาตรี รู้สึกดี
คมกริชใช้กุญแจตัวเองเปิดประตูห้องชามาดาเข้ามา หญิงสาวเพิ่งออกจากห้องน้ำมาเห็นก็ไม่พอใจ
“พี่คม”
คมกริชโมโห
“ทำไมเมื่อคืนโทรมาไม่รับสาย”
“ก็ไม่อยากรับ”
ชามาดาจะเดินไป คมกริชดึงแขนไว้
“อย่ามาหือกับพี่นะ พี่เป็นผู้มีพระคุณที่ดาต้องสนองตอบ ทุกเวลาที่พี่ต้องการ”
คมกริชดึงมากอด ชามาดาไม่พอใจ
“โอ๊ย อย่ามายุ่งกับดา ปล่อยนะ ดาจะออกไปข้างนอก”
คมกริชเสียงอ่อนลง
“เดี๋ยวค่อยไปก็ได้นะ พี่คิดถึงดา พี่รักดานะ”
“แต่ดาไม่รัก...”
“พี่รู้...ดาจะไปรอไอ้จิมันทำไม มันไม่สนดาหรอก ไอ้พ่อลูกนั่น มันคิดแต่เรื่องผลประโยชน์ มันก็หลอกให้ดาหลงไปเรื่อยๆ จนกว่าดาจะตก...แล้วมันก็จะเขี่ยดาทิ้งไป...”
“ไม่จริง”
“พี่เคยพูดอะไรผิดมั้ยล่ะ ตอนนี้มันสนดากันที่ไหน ทำอะไรเห็นหัวดามั่งมั้ยล่ะ”
ชามาดาคิดตาม หน้าวิตก
“ก็จริงของพี่คม...แต่พี่คมจะไม่ทิ้งดาใช่มั้ย”
“พี่จะทิ้งดาได้ยังไง ก็พี่รักดา”
ชามาดากอดคมกริชแน่น เหมือนเป็นหลักที่พึ่งทางใจ รู้สึกปลอดภัย แม้จะไม่รักคมกริชก็ตาม
คมกริชกอดชามาดายิ้มอย่างพอใจ ก่อนที่จะก้มลงจูบ
ชามาดากับคมกริชนอนกอดกันอยู่บนเตียง สักคู่ชามาดาจะลุกไป แต่คมกริชดึงไว้ หอมแก้มก่อนจะพูด
“ดา พี่มีเรื่องอยากจะให้ดาทำ”
“พี่คมจะให้ดาทำอะไรอีกล่ะ”
“ฉันอยากให้เธอย้ายค่าย”
ชามาดาตกใจ
“ย้ายค่าย! ทำไมต้องย้าย จะให้ดาย้ายไปค่ายไหน”
“เบสท์ มิวสิค”
“อี๋ ไม่เอาหรอก ดาอยู่นี่ ดาเป็นเบอร์หนึ่งของนักร้องฝ่ายหญิง ไปอยู่นั่นก็ต้องไปแข่งกับอีพวกหน้าใหม่อีก แล้วสัญญาของดาก็ยังเหลืออีกตั้งหลายเดือน”
“พี่จะให้เบสท์มิวสิคซื้อสัญญาของดา แล้วพี่ก็จะย้ายไปอยู่ที่โน่นกับดาด้วย”
ชามาดาไม่มั่นใจ
“แต่ดาไม่อยากไป”
“ถ้าตอนนี้ไม่ไป อีกหน่อยหมดสภาพก็ไม่มีใครเอา เชื่อพี่สิ...”
ชามาดานิ่งคิดหน้าวิตกกังวล
“ดาดูครูชาตรีสิ ย้ายค่ายไปอยู่ที่นั่น ได้ทั้งหุ้น ได้ทั้งเงิน แล้วดูพี่กับดาสิ อยู่ที่นี่ได้อะไรมั่ง ต้องมาเป็นขี้ข้ามันทั้งพ่อทั้งลูก”
“แต่ค่ายนั้นเล็กกว่าสยามซองนะพี่”
“ค่ายเล็ก แต่เงินไม่เล็ก”
“ไม่เอาหรอก ดาอยู่แบบนี้ดีกว่า อัลบั้มของดาก็ยังโกยเงินได้อีก”
คมกริชหงุดหงิด ผละออกจากชามาดาทันที
“ดา...พี่พูดไม่รู้เรื่องรึไง คิดว่าจะเอาตัวรอดเหรอ ถ้าไม่มีพี่คอยแต่งเพลงให้”
ชามาดาเสียงอ่อน
“พี่คม ดาขอร้องนะ ดาไม่อยากไปเริ่มใหม่”
คมกริชบีบหน้าชามาดา
“คิดว่าไอ้จิมันจะเอาเธอเป็นเมียรึไง โง่เอ๋ย...จำไว้นะ อย่าเห็นความรักดีกว่าผลประโยชน์ มันจะทำให้ชีวิตเธอตกต่ำ กลับไปอยู่ที่จุดเดิม”
คมกริชผลักชามาดาไปอย่างหงุดหงิด แล้วลุกออกไป ชามาดามองอย่างเจ็บใจ
คมกริชคุยกับเสี่ยอ๋าเจ้าของค่ายเบสท์มิวสิคอยู่ในร้านกาแฟ เสี่ยอ๋าเสียงดังใส่คมกริช
“ทำไมชามาดายังไม่ยอมมา จะโก่งค่าตัวรึไง”
คมกริชรีบประจบ
“ไม่ใช่หรอกครับเสี่ย ชามาดาเขาก็อยากมา แต่เขากลัวว่าทีมงานใหม่จะไม่เข้าขากับเขา งานจะออกมาไม่ดีน่ะครับ เสี่ยให้เวลาเขาคิดหน่อยนะครับ”
“โธ่เอ๊ย เรื่องแค่นี้เอง ไปบอกเลยว่า ผมจะจัดทีมที่ดีที่สุดให้ หรือจะให้เขาเลือกเองก็ยังได้”
“เอ่อ...เสี่ยครับ แล้วเรื่องของผมล่ะครับ”
“ถ้าคุณดึงชามาดามาได้ ก็ว่ากันอีกที ผมจะได้คุยไปที่เดียวเลย ผมไม่อยากคุยทีละคน”
“แต่ผมจะมั่นใจได้ยังไง”
เสี่ยอ๋าสวนขึ้น
“ผมไม่ผิดคำพูดแน่” เสี่ยอ๋าเปิดลิ้นชักหยิบซองเงินมาส่งให้คมกริช “นี่คงการันตรีความเชื่อใจกันได้นะ คุณคมกริช”
คมกริชเปิดซองดูแล้วยิ้ม
“ขอบคุณครับเสี่ย คงไม่นานนี้ล่ะครับ ที่ผมกับชามาดาจะอยู่เบสท์ มิวสิก”
“ดี คราวนี้สยามซอง เซไม่เป็นท่าแน่ ถ้าต้องเสียทั้งนักแต่งเพลงมือหนึ่ง แล้วก็นักร้องแม่เหล็กของค่ายไป”
เสี่ยอ๋าหัวเราะสะใจ
“เสี่ยครับ อีกเรื่องที่ผมอยากขอเสี่ย”
“อะไรอีกล่ะ”
“ถ้าผมมาอยู่ค่ายนี้ ผมจะต้องได้ทุกอย่างมากกว่าครูชาตรี”
เสียอ๋าอึ้งไปนิดนึง
“ก็โอเค ไม่มีปัญหา”
คมกริชยิ้มร้าย เสี่ยอ๋าส่ายหน้ากับความมักมากของคมกริช
ก้าน ด้วง ชะเอม ซื้อลูกชิ้นปิ้งจากร้านรถเข็นอยู่หน้าหอพัก ชะเอมกินอยู่ห่างๆอย่างเซ็งๆ ด้วงกินไป เหล่มองชะเอมอย่างรังเกียจ ก้านหัวเราะชะเอม ขณะเดียวกันนั้น กุ้งนางเดินอารมณ์ดีเข้ามา
“อ้าว ไม่ได้ไปเที่ยวกันเหรอพี่”
ชะเอมหันมาค้อนก้าน
“ก็ไอ้ก้านเนี่ย มันว่ากุ้งไม่ไป ก็ไม่ต้องไป”
ก้านอึกอัก
“คือ...เอ้อ...พี่ว่าเรายังไม่ได้เงินเดือน ไม่ควรใช้จ่ายฟุ่มเฟือย”
ชะเอมเบ้หน้า
“แหม...เอ็งก็พูดซะเว่อร์ ไปเที่ยวแค่เนี้ย จะใช้เงินสักเท่าไหร่”
“เว่อร์ที่ไหนจ๊ะ น้องชะเอม จะไปทั้งสวนสนุก ดูหนัง กินข้าวในห้าง เงินทั้งน้าน”
ชะเอมค้อน
“ฉันเลย ต้องแต่งตัวเก้อเลย เซ็งซะไม่มีอะ”
กุ้งนางเข้าปลอบ
“โอ๋ๆๆ ไม่ต้องเซ็งอะ เราก็ไปเที่ยวกันสิ”
ก้านหน้าเหวอ
“เฮ้ย กุ้ง...อย่าบ้าจี้ตามชะเอมมันสิ ถ้าเงินหมดก่อนสิ้นเดือนจะลำบากนะกุ้ง”
“ไม่หรอกพี่ก้าน เมื่อกี้ครูชาตรีถามฉันว่า ไปเที่ยวที่ไหนในกรุงเทพ บ้างรึยังพอฉันบอกว่ายัง ครูก็เลยให้นี่มา”
กุ้งนางหยิบสารพัดคูปองมาให้เพื่อนๆ ดู
“ไหนพี่ด้วงดูขอดูหน่อย” ด้วงหยิบมาดู แล้วตาโตดีใจ “โอ๊ยโว้ย...นี่มันคูปองฟรีทั้งนั้นเลยว่ะกุ้ง”
“จ้ะ เราเก๊าะเสียแค่ค่ารถ”
กุ้งนาง ก้าน ชะเอม ด้วงมองหน้ากันแล้วกระโดดร้องเฮดังลั่ง
พวกกุ้งนางมองรถไฟฟ้าที่วิ่งไป ด้วงชี้ชวนจะให้ขึ้น แต่ทุกคนส่ายหน้า พากันไปนั่งรถเมลย์ ระหว่างที่อยู่บนรถเมล์ด้วงก็ชี้ให้ดูนั่นดูนี่ แล้วก็ร้องบอกว่าที่นี่แหละ แล้วรีบกดออด ทั้งสี่ลงจากรถ ด้วงเดินนำอย่างมั่นใจ
ด้วงมองๆไปรอบๆ เกาหัว เริ่มเกิดอาการไม่มั่นใจ หันไปเจอทั้งสามมองอย่างเอาเรื่อง ด้วงยิ้มแหยๆ....ด้วงเดินนำทุกคนเลี้ยวไปทางนั้นทีทางนี้ที จนเหนื่อย ก้านด่าด้วงที่พาหลง...ก้าน กุ้งนาง ชะเอมนั่งดูดน้ำอยู่ข้างทางด้วยความเหนื่อย แล้วด้วงก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาบอกว่าเจอแล้วๆ แล้วชี้ไปทางหนึ่ง บอกว่าอยู่นั่นไง แล้ววิ่งนำไป ทั้งสามจึงวิ่งตาม
ทั้งสี่เที่ยวกันในสวนสยาม เล่นเครื่องเล่นต่างๆ กันอย่างสนุก ลงจากเครื่องเล่นชะเอมอ้วกแตก ก้าน และกุ้งนางต้องช่วยกันหิ้วปีก...พวกกุ้งนางเข้าไปร้องเพลงในตู้คาราโอเกะในห้างเล็กๆ แบบเพลงละสิบบาท ร้องเต้นกันอย่างเมามัน จบเพลงแล้วหยอดเหรียญกันอีก...ด้วงดึงพวกกุ้งนางให้เข้าร้านอาหาร แต่ก้านส่ายหน้าแล้วดึงกลับ ด้วงไม่ยอมดึงให้เข้าร้าน ก้านก็ไม่เข้า ดึงกันไปมา...แล้วทั้งหมดก็ไปนั่งแทะไก่ย่างตรงรถเข็นในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ชะเอมมีความสุขสุดๆ
“สนุกซะไม่มีอะ ฉันชักอยากอยู่กรุงเทพไปตลอดๆ แล้วสิ”
ด้วงหันมาหาก้าน
“เออ ไอ้ก้าน ที่นี่น่ะ อะไรๆ มันก็ตื่นตาตื่นใจทั้งนั้น วันหลังข้าจะพาเอ็ง ไปเที่ยวแบบแหล่มๆ”
ด้วงทำมือเป็นรูปร่างผู้หญิง แล้วทำหน้าทะลึ่ง กุ้งนางไม่เข้าใจ
“อะไรเหรอพี่ด้วง”
“เรื่องของผู้ใหญ่ เอ็งไม่ต้องรู้ รับรองไอ้ก้านได้ติดใจกรุงเทพอีกคนแน่”
ชะเอมโวยวาย
“โอ๊ย ไอ้พี่ด้วงลามก ไอ้ก้านเอ็งอย่าไปกับพี่ด้วง เดี๋ยวใจแตก”
“แตกยังไง ที่บ้านเอ็งมีสาวขาวๆ อวบๆ แหล่มๆ เหมือนที่นี่มั้ยล่ะ”
“ก็ฉันนี่ไง แหล่มมั้ยล่ะ ใครเห็นก็...อึอหือแหล่มจริง อึอหือแหล่มจัง”
ก้านยกมือห้าม
“พอเลยทั้งสอง ฉันไม่ชอบกรุงเทพ รถก็ติด ควันก็เยอะ ผู้คนก็ดูรีบๆ ชอบกลแถมยังไม่ค่อยเป็นมิตรด้วย”
กุ้งนางหน้าสลดลง
“ฉันก็ชักคิดถึงบ้าน คิดถึงยายแล้ว นี่ถ้าพ่อยอมรับฉันเมื่อไหร่ ฉันจะกลับบ้านทันที อยู่บ้านเรามีความสุขที่สุดแล้วล่ะ”
ก้านยิ้มดีใจ
“จริงนะกุ้ง”
ชะเอมหน้าเศร้า
“โหย งี้ชะเอมก็อดเป็นหางเครื่องสิ”
ด้วงหันมาถาม
“กุ้ง...แล้วเอ็งไม่อยากอยู่กับพ่อเหรอ อุตส่าห์ตามหา อยากให้เขายอมรับ พอเสร็จแล้วก็จะกลับซะงั้น”
กุ้งนางอึ้ง
เช้าวันใหม่...เขียดในชุดดำยืนถือชุดชามาดา กับนทีทองชูขึ้นมองซ้ายทีขวาทีเทียบกับแบบที่อยู่บนโต๊ะ
“โอ๊ย เขียดอยากจะเป็นลม มันเอาคนตาบอดมาตัดชุดรึไงวะ ทำไมมันไม่เหมือน แบบที่เจ๊อึ่งสั่งเล้ย” เขียดมองชุดหางเครื่องที่กองอยู่ “ชุดหางเครื่องนี่อีก อ๊าย...รมณ์เสีย แล้วจะแก้ทันได้ยังไงเนี่ย”
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เขียดมองแล้วรีบกดรับ
“จ๋าเจ๋อึ่ง จ๋าจ้ะ...อะไรนะ ผัวพี่สาวเจ๊ตาย...โอ๊ย ทำต้องมาตายวันนี้...อ๋อ ได้จ้ะเจ๊ เขียดจะพยายามดูชุดให้เรียบร้อยที่สุด แต่ไม่รู้ทำได้มั้ยนะ...อุ๊ย เปล่าจ้ะ ไม่มีปัญหา เจ๊อยู่ช่วยงานศพผัวพี่สาวเจ๊เถอะ”
เขียดกดวางสายบ่นอุบ “ซวยแล้วไหมล่ะ อีเขียดเอ๋ย”
ด้วงและก้านหลับเป็นตายด้วยความเหนื่อย ด้วงกรนสนั่น โทรศัพท์มือถือของด้วงก็ดังขึ้น ด้วงยังหลับไม่รู้เรื่อง จนก้านต้องงัวเงียหยิบมาแปะบนหน้าด้วง
“พี่ด้วง โทรศัพท์”
ก้านหันไปนอนหลับต่อ ด้วงกดรับสาย
“ฮัลโหล”
เสียงเขียดดังมาจากปลายสาย
“นี่มันบ่ายแล้วนะไอ้พี่ด้วง แกจะนอนสามเวลาหลังอาหารรึไง”
“แล้วผมไปนอนบนหัวคุณรึไง ใครวะเนี่ย”
เขียดกรี๊ดใส่
“อ๊าย ฉันเอง เขียด”
ด้วงสะดุ้ง ตกใจเสียงเขียด ลุกขึ้นนั่งทันที
“โทรมาทำไม นี่วันหยุด”
“เออรู้ แต่ช่วยไปตามกุ้งนางกับชะเอมให้ที บอกว่าเจ๊อึ่งสั่งให้มาช่วยเขียดแก้ชุดที่จะใส่วันคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้มหน่อย เดี๋ยวนี้เลยนะ”
เขียดกดวางหูทันที
กุ้งนางฉุดชะเอมขึ้นจากเตียง ชะเอมหัวกระเซิง ยังงัวเงีย และงอแง
“ลุกขึ้น เร็วๆ ไปช่วยเขียดแก้ชุดกันหน่อยพี่ชะเอม”
ชะเอมสะบัดมือจากกุ้งนาง แล้วล้มลงนอนต่อ
“ไม่เอา ไม่ไปไหนทั้งนั้น ขี้เกียจ อยากนอน”
“เราจะได้โอทีนะพี่”
“ไม่เอ๊า” ชะเอมทำหลับไม่สนใจ “วันนี้พี่จะไม่ยอมออกจากผ้าห่มเด็ดขาด”
กุ้งนางถอนใจ
“โอ๊ย งั้นกุ้งไปคนเดียวก็ได้”
กุ้งนางมองชะเอม ส่ายหน้า แล้วเดินออกไป
จิรายุกำลังกดเปียโนแต่งเพลงอยู่ พอเขียนเสร็จก็ขีดฆ่า พยายามคิดๆๆ เขียนแล้วก็ฆ่าทิ้งอีก จนหงุดหงิด
“ไม่ได้เรื่อง...”
เสียงมือถือก็ดังขึ้น จิรายุกดรับสาย
“จิรายุครับ... อ้าว ว่าไงเขียด มีอะไร” จิรายุฟังเขียดอยู่สักครู่ “แล้วเจ๊อึ่งล่ะ”
“ตายค่ะ...เอ๊ย ไม่ใช่ ผัวพี่สาวเจ๊ตายค่ะ เจ๊เลยต้องกลับมหาสารคาม ไปช่วยงานศพ จะกลับมาวันเปิดอัลบั้มเลยค่ะ เขียดตายแน่ค่ะคุณจิ”
“เขียดตามคนมาช่วยรึยัง”
“ตามแล้วค่ะ”
“ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะเข้าไปที่บริษัท เผื่อจะมีอะไรที่จะช่วยได้บ้าง”
จิรายุวางสายอย่างหนักใจ แล้วลุกขึ้นออกไป
กุ้งนางมาถึง เห็นเขียดกำลังสอยชายกระโปรงชุดของชามาดาอยู่คนเดียว
“พี่เขียด”
เขียดเห็นกุ้งนางก็ดีใจ รีบลุกไปหา
“อู๊ย...มาแล้ว กุ้งนางของพี่...แล้วชะเอมล่ะ”
กุ้งนางตอบไม่ถูก
“เอ่อ...คือ พี่ชะเอม...เขา”
“อู๊ย นังชะเอมนี่ จะมาช่วยกันหน่อยก็ไม่ได้ ดูซิ ต้องแก้เสื้อตั้งเป็นสิบๆ ชุด คราวหน้า จะไม่ให้อีเจ๊จิวมันตัดแล้ว ไม่เคยได้ตามแบบเจ๊อึ่งสักที”
“แล้วเจ๊อึ่งล่ะ”
“ไปงานศพพี่เขยที่มหาสารคาม ไม่เล่าแล้วนะ ซ้ำซาก”
“แล้วพี่เขียดจะให้กุ้งช่วยเย็บชุดไหน”
“กองโน่นแน่ะ”
กุ้งนางเห็นกองชุดก็ตกใจ
“เฮ้ย ทำไมเยอะนักล่ะพี่”
“ก็ใช่สิ กุ้งดูแบบ แล้วเย็บให้มันเข้ารูปหน่อยนะ” อยู่ๆเขียดก็กรี๊ด “อ๊าย”
“พี่เขียดเป็นอะไร อย่าเพิ่งบ้านะ”
“ไม่ได้บ้า แต่แค้นอีเจ๊จิว” เขียดด่าเหมือนจิวอยู่ด้วย “จำไว้นะ อีเจ๊ อีชุ่ย สักแต่ตัดๆกระทืบจักรไป… ยังจะมาเถียงอีก อีเจ๊นี่ ต่อไปไม่ต้องตัดให้สยามซองแล้วโว้ย อดตายไปเล้ย”
“โห พี่...กุ้งว่าพี่เขียดต้องตรวจสมองมั่งแล้วล่ะ”
“โอ๊ย พี่ไม่เป็นไรหรอก ด่าแก้เครียดน่ะ” เขียดหัวเราะหึๆ “ไปหาน้ำกินหน่อยนะ คอแห้ง เสียงแหบเลย”
กุ้งนางยิ้มขำ
“จ้ะพี่”
“เอาโอเลี้ยงนะ เดี๋ยวซื้อมาฝาก”
เขียดหัวเราะแหะๆ แล้วเดินออกไป กุ้งนางหันมองกองชุด ถอนใจเฮือกใหญ่
โปรดติดตาม "ราชินีลูกทุ่ง" ตอนต่อไป
ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 10
จิรายุขับรถเข้ามาจอด แล้วลงจากรถ เดินเข้าบริษัท...ชายหนุ่มเดินเข้ามามนห้องเสื้อผ้าไม่เห็นใคร จึงมองไปรอบๆ แล้วได้ยินเสียงดังจากด้านหลังห้อง ก็ชะงัก เดินเข้าไปดูเห็นกุ้งนางก้มๆ เงยๆ รื้อหาของอยู่
“ทำอะไรน่ะ”
กุ้งนางตกใจ เงยหน้ามาเห็นจิรายุ ก็พูดอะไรไม่ออก
“วันนี้วันหยุด เธอมาทำไม” จิรายุยิ้มกวน “หรือมาขโมยของ”
“จะบ้าเหรอ พี่เขียดตามฉันให้มาช่วยงานต่างหาก”
“อย่าโกหกกันดีกว่า เขียดไม่เห็นบอกเลยว่าเธอจะมา”
“พี่เขียดก็ไม่ได้บอกว่าคุณจะมาเหมือนกัน หรือว่าคุณนั่นแหล่ะ จะมาขโมย”
จิรายุสะดุ้ง
“เฮ้ย ฉันจะทำแบบนั้นไปทำไม นี่บริษัทพ่อฉันนะ”
“ใครจะรู้ ลูกทรพีมีเยอะแยะไป”
“ปากดีนักนะ เห็นแก่หน้าฉันมั่งมั้ย ที่เป็นผู้จัดการวงเนี่ย ฉันจะมาขโมยของทำไม”
“แล้วทีคุณหาว่าฉันเป็นขโมยล่ะ คุณเห็นแก่หน้าใครบ้าง ให้เกียรติใครบ้าง ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ก็รอถามพี่เขียดเองแล้วกัน”
กุ้งนางยกกล่องชุดหางเครื่อง แกล้งกระแทกไหล่จิรายุออกไป
“โอ๊ย...”
จิรายุมองตาม ยิ้มกวน
กุ้งนางเลาะพู่อยู่ จิรายุเดินเข้ามา หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง แล้วทำไม่สนใจ ก้มหน้าทำงานไป
“ฉันขอโทษ ฉันก็แกล้งเธอไปงั้นแหละ รู้แล้วน่า ว่ามาดี”
กุ้งนางเม้มปากโกรธ แต่ไม่ตอบ ทำงานต่อไป
“โกรธจริงเหรอเนี่ย”
ชายหนุ่มเข้าไปดึงชุดมาจากมือกุ้งนาง
“มา ฉันช่วยนะ”
“เป็นผู้ชาย จะทำเป็นเร้อ...แถมยังเป็นถึงผู้จัดการวงอีก”
“ก็ต้องลองดู...ไหนล่ะแบบชุดนี้”
จิรายุเดินไปที่บอร์ดที่ติดรูปแบบเสื้อผ้า แล้วดูชุดที่ตัดมา
“มันคนละเรื่องเลยเนี่ย”
“ก็ใช่สิ ไม่งั้นจะมานั่งแก้ทำไม”
“ฉันมีวิธีง่ายกว่าที่เธอทำอีก” จิรายุหยิบกรรไกรขึ้นมา “ไอ้พู่นี่ที่ติดมาผิดใช่มั้ยงั้นก็เอากรรไกรตัดทิ้งไปเลย”
กุ้งนางตกใจ รีบคว้ามือจิรายุ
“เฮ้ย ไม่ได้นะ ตัดไม่ได้ เดี๋ยวผ้าก็รุ่ยหมดน่ะสิ มันต้องค่อยๆ เลาะพู่ออกทีละนิดก่อน แล้วค่อยเย็บแซมเข้าไปทีหลัง”
จิรายุยิ้มๆ มองมือกุ้งนางที่จับมือตนไว้ กุ้งนางมองตาม แล้วรีบปล่อย ดึงชุดมา
“กุ้งว่า คุณไม่ต้องทำหรอก เกะกะ เดี๋ยวกุ้งทำเอง”
จิรายุยิ้มที่กุ้งนางเรียกตัวเองว่ากุ้ง
“กุ้งทำเองจะเสร็จทันเร้อ เหลืออีกตั้งเยอะนะ ถ้าเสร็จไม่ทัน งานนี้ต้องเสียหายหลายแสนนะกุ้ง”
“ไม่ต้องมาเรียกฉันกุ้ง”
กุ้งนางนิ่งคิดตามมองๆเขา จิรายุยิ้มให้
“ไม่เรียกก็ได้ แต่ฉันว่า กุ้งสอนฉันสิ จะได้ช่วยกันอีกคน”
หญิงสาวไม่กล้าสบตาชายหนุ่ม
“ไหนเริ่มยังไง ทำให้ดูหน่อย”
กุ้งนางต้องเลาะด้ายให้ดู จิรายุเข้าไปมองใกล้ๆ แล้วแอบมองหน้า หญิงสาวเงยหน้ามอง แล้วอึ้งไปนิด ก้มหน้าทำงานต่อ กลบเกลื่อนความเขิน
“แล้วเวลาเลาะด้าย ก็มองที่ผ้า อย่ามัวแต่มองหน้าคนอื่น”
จิรายุยิ้มๆ แล้วพยายามเลาะด้าย ทั้งสองทำงานกันไป จิรายุทำถูกๆ ผิดๆ กุ้งนางต้องคอยดุ แล้วคอยกำกับให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้
ทั้งสามคนทำงานกันไปจนค่ำ ได้ยินเสียงท้องร้อง ทั้งสองมองหน้ากัน แล้วกุ้งนางก็ยิ้มแหยๆ จิรายุยิ้มขำ...เขียดทำงานไป แอบมองกุ้งนางกับจิรายุไป แอบหัวเราะคิกคักๆ กุ้งนางหันไปถาม
“ขำอะไรพี่เขียด”
“ก็ขำกุ้งกับคุณจิน่ะสิ ดูจุ๋งจิ๋งหนุงหนิง”
เขียดหัวเราะแหะๆ กุ้งนางดุ
“พี่เขียด”
“เอ้อ...คือเขียดหมายความว่า คุณจิไม่ต้องมาเลาะตะเข็บเสื้อก็ได้ มันไม่สมเกียรติผู้จัดการวงน่ะค่ะ”
จิรายุถอนใจ
“ถ้าไม่ช่วย...พรุ่งนี้ก็ไม่ได้ซ้อมใหญ่แน่”
“จริงค่ะ แต่ตอนนี้ท้องเขียดมัน อ๊อดๆ แล้วนะคะ มันหิวน่ะค่ะ”
จิรายุหันต่อว่ากุ้งนาง
“ไงล่ะ ทำเป็นอึด เมื่อกี๊ชวนไปกินข้าวก่อน ก็ไม่ไป”
“ก็อยากให้งานเสร็จเร็วๆ”
จิรายุดูนาฬิกาข้อมือ
“ทุ่มนึงแล้ว ไป เดี๋ยวค่อยกลับมาทำต่อ”
“แต่...”
กุ้งนางมองชุดหางเครื่องที่กองพะเนิน
“ไม่มีแต่แล้ว ไปเขียดลากลูกน้องมาด้วย”
จิรายุเดินไป เขียดลากกุ้งนางตามไป
จิรายุพากุ้งนางกับเขียนมาที่ร้านอาหารญี่ปุ่น กุ้งนางมองอาหารบนโต๊ะอย่างตื่นตะลึง มีทั้งซาชิมิจานใหญ่ ยำสาหร่าย ข้าวปั้นหน้าต่างๆ และอื่นๆ
“เราต้องกินไอ้นี่ด้วยเหรอพี่เขียด นี่มันของดิบๆ ไม่กลัวพยาธิเหรอ”
“ไอ้เนี่ยน่ะ เขาเรียกว่าซาชิมิ”
“อร่อยนะ...มาจะทำให้”
จิรายุคีบเนื้อปลามาวางแล้วเอาวาซาบิทาแล้วจิ้มซอส แล้ววางในจานของกุ้งนาง หญิงสาวคีบเนื้อปลาใส่ปากอย่างไม่มั่นใจ เมื่อลองเคี้ยวความเผ็ดของวาซาบิขึ้นจมูกจนเธอสำลัก ควานหาน้ำมาดื่มแทบไม่ทัน เมื่อตั้งหลักได้จึงโวยวายใส่จิรายุ
“โอ๊ย เอาอะไรให้ฉันกินเนี่ย เผ็ดขึ้นสมองเลย”
“นี่น่ะ” จิรายุชี้ที่ถ้วยใส่วาซาบิ “วาซาบิ มันจะเผ็ดจี๊ดๆ แต่ช่วยดับคาวของปลา แล้วก็ฆ่าเชื้อโรคกับพยาธิที่เธอกลัวนั่นแหล่ะ” ชายหนุ่มคีบหัวไชเท้าซอยให้ “อ้ะ...กินกับไชเท้าเผื่อจะดีขึ้น”
มุมหนึ่ง เพื่อนไฮโซสาวของของจิรายุ เดินเข้ามามองหาที่นั่ง แล้วเห็นเห็นจิรายุคุยไปกินไปกับกุ้งนาง เพื่อนชักชวนกันเดินมาหา จิรายุยิ้ม ดีใจเมื่อเห็นเพื่อน
“อ้าวเมย์ นีน่า ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
สองสาวยิ้มให้ แล้วมองไปที่กุ้งนาง กับเขียด ก็ชะงักอึ้ง เมย์ยิ้มๆ
“วันนี้ควงสองเลยเหรอคะจิ”
“อ๋อ...เอ้อ นี่กุ้งนาง แล้วก็เขียด เขาทำงานที่บริษัทน่ะ”
กุ้งนางจะยกมือไหว้แต่ชะงักไว้ เพราะเห็นเพื่อนไฮโซทำท่าเชิดๆใส่
“ทำงานที่บริษัท”
นีน่ามองเหยียด
“กุ้งนาง เขียด...แหม เสื้อผ้าหน้าผม สมกับชื่อมากเลยเนอะเมย์”
เขียดหันไปหากุ้งนาง
“มันด่าเรากุ้ง”
เมย์มองหยันๆ
“จิคะ...ระวังเพื่อนๆ ที่อเมริกามาเห็นนะคะ เพื่อนล้อแย่เลย”
จิรายุงงๆ
“จะมาล้อเรื่องอะไร”
นีน่าสวนขึ้น
“ก็แหม...ข้อหาควงคนไม่ให้เกียรติสถานที่น่ะสิคะ”
เมย์มองกุ้งนางกับเขียดอย่างเหยียดหยาม
“อุ๊ยตาย ดูสินั่งตัวลีบน่าสงสารเชียว คงไม่เคยมาที่แบบนี้นะนีน่า”
สองสาวมองกุ้งนางแล้วหัวเราะเยาะ กุ้งนางเกินจะทน จึงลุกขึ้นยืนจ้องหน้าสองสาว ยิ้มให้
“ค่ะ ฉันไม่เคยมา ฉันไม่รวย ไม่มีการศึกษาอย่างพวกคุณ แต่ฉันไม่เคยดูถูกคนแบบนี้”
สองสาวไฮโซหน้าตึงที่ถูกกุ้งนางด่า เมย์โวยวาย
“จิ...ทำไมปล่อยให้เด็กพนักงานมาด่าเมย์กับนีน่าคะ”
จิรายุระอา
“ก็เมย์กับนีน่าไปหาเรื่องเขาก่อนนี่”
นีน่าโกรธ
“แกต้องขอโทษฉัน”
จิรายุปรามเพื่อน
“เมย์ นีน่า พอเถอะน่า”
กุ้งนางหันมาบอก
“ไม่เป็นไรค่ะคุณจิ ฉันจะขอโทษพวกเขาเอง”
เขียดอึ้ง
“ไอ้กุ้ง...”
เมย์เชิด
“เร็วสิ ฉันทนมองหน้าพวกแกนานไม่ค่อยได้ มันเวียนหัว”
กุ้งนางยิ้มแล้วเอาจานปลาดิบกับอาหารบนโต๊ะละเลงใส่หัวสองสาว สองสาวกรี๊ดลั่นร้าน จิรายุอึ้ง
“กุ้งนาง!”
“คุณสอนฉันว่า วาซาบิช่วยฆ่าเชื้อโรคกับพยาธิได้ไงล่ะ”
นีน่าโกรธมาก
“อีบ้า...อีเลว”
สองสาวจะตบ กุ้งนาง หลบแล้วเอาวาซาบิป้ายตาเมย์ เขียดดึงนีน่าออกมา แล้วคว้ายัดใส่ปากนีน่าสองสาวเต้นเร่าๆร้องลั่น กุ้งนางตวาดลั่น
“จำไว้นะ ฉันไม่ได้ขอพวกคุณกิน อย่ามาดูถูกกัน”
พูดจบกุ้งนางก็เดินออกไป เขียดตามไป จิรายุจะตามไปแต่เพื่อนเรียกไว้ จิรายุมองขำแล้วลงนั่งช่วยดูแลเพื่อน
ครู่หนึ่ง จิรายุเดินออกมาที่ลานจอดรถเห็นกุ้งนางกับเขียดยืนรอหน้าบึ้ง
“ขอโทษที ที่ให้รอนาน”
เขียดยิ้ม
“ไม่เป็นไรค่ะ”
กุ้งนางพูดขึ้นงอนๆ
“นั่นสิพี่เขียด เราต้องรออยู่แล้วล่ะ เพราะคุณจิต้องช่วยดูแลเพื่อน”
เขียดแย้ง
“คุณจิไม่ได้ผิดนะกุ้ง เพื่อนคุณจิมาหาเรื่องเราเอง”
จิรายุถอนใจ
“คนพวกนั้นคบกับฉัน เพราะฉันเป็นลูกเจ้าของค่ายเพลงชื่อดัง”
กุ้งนางงง
“แปลกไหมล่ะพี่เขียด คบกันเป็นเพื่อน เพราะความรวย”
เขียดปราม
“ไอ้กุ้ง...คุณจิเป็นเจ้านายนะ หุบปากดีมั้ย”
จิรายาย้อนถามบ้าง
“แล้วเพื่อนเธอล่ะ คบกันเพราะอะไร”
“เพื่อนกัน มันต้องช่วยเหลือ ดูแลกันไปทั้งทุกข์ทั้งสุข คบกันแล้ว มีแต่ความสุข ฉันทำให้เพื่อนมีความสุข เพื่อนก็ทำให้ฉันมีความสุข”
“เพื่อนแบบนั้นแหละ ที่ฉันไม่มี...”
กุ้งนางอึ้งไป
“คุณมีเงิน มีสังคม รู้จักคนเยอะแยะ แต่ไม่มีเพื่อนเนี่ยนะ”
“ถ้าไม่เชื่อก็เป็นเพื่อนกับฉันสิ”
กุ้งนางมองจิรายุงงเหมือนไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน เขียดตาโตอึ้งไปสงสัยจะเกินเพื่อนแล้ว
“ฉันเห็นเธอกับเพื่อนๆ ดูแลกัน เป็นห่วงกัน ฉันก็อยากมีแบบนี้บ้างเหมือนกันเพียงแต่ฉันหาไมเจอ”
จิรายุยิ้มให้ กุ้งนางยังมองเขางงๆ
ก้านกับด้วงช่วยกันเคาะประตูห้องกุ้งนางเสียงดัง
“ชะเอมๆ เปิดประตูที ชะเอม”
“หรือว่าจะขึ้นอืดซะแล้ว”
ชะเอมงัวเงียเปิดประตูมาในสภาพเยินเต็มที่ มีผ้าห่มคลุมหัวออกมาด้วย ก้านกับด้วงตกใจ
“เฮ้ย! ผีหลอก”
“อะไรวะไอ้ก้าน คนกำลังหลับสบาย” ชะเอมเห็นด้วงก็ตกใจ “อุ๊ย พี่ด้วง”
ชะเอมจะหลบเข้าห้อง ด้วงรีบขัด
“โอ๊ย...ไม่ต้องมาอายแล้วนังชะเอม ตอนเอ็งแต่งหน้า กับตอนนี้ก็ดูไม่ต่างกันหรอก”
“พี่ด้วงอ่ะ ทำร้ายจิตใจกันอยู่เรื่อย ไปนอนต่อดีกว่า”
ก้านเขกหัวชะเอม
“นี่แน่ะ นอนต่อ ยังหลับลงอีกเหรอวะ ปล่อยให้กุ้งไปทำงานคนเดียว ไม่เป็นห่วงน้องมันมั่งรึไง”
ชะเอมคลำหัวป้อยๆ
“ก็คนมันเพลีย ไปไม่ไหวนี่หว่า ไอ้ก้าน เอ็งก็ตื่นตูมไปได้ เดี๋ยวมันก็กลับแล้ว”
“รอมันมาตั้งหลายชั่วโมงแล้ว ข้าวปลาจะได้กินหรือยังก็ไม่รู้”
“เอ็งห่วงมันเกินไปป่ะเนี่ย”
ด้วงเห็นด้วยกับชะเอม
“เออ จริง อันนี้เห็นด้วย”
ก้านอึกอัก
“ก็...กุ้งมันเป็นน้อง ยายอุ่นก็ฝากให้ดูแล จะไม่ให้ห่วงได้ไง เออๆ เอ็งอยากนอนให้ไหลตาย ก็นอนไปเหอะ”
ก้านรีบเดินหนีไปเลย ด้วงมองตาม แล้วหันมามองชะเอม สะดุ้งอีกครั้ง ชะเอมค้อน
“พี่ว่าไอ้ก้านมันชอบไอ้กุ้งมะ”
“โอ๊ย นังชะเอม ดูตามัน เขาก็รู้กันทั้งประเทศแล้ว”
“อะ จริงเด่ะ”
“เออ จริงเซ่...ก็มีแต่ไอ้กุ้งแหละที่ไม่รู้”
ชะเอมฟังแล้วรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
กุ้งนางเย็บพู่ไป จิรายุก็เลาะด้ายไป แล้วชายหนุ่มก็พลาด ทำที่เลาะด้ายทิ่มนิ้ว
“โอ๊ย”
จิรายุกุมมือ กุ้งนางตกใจ
“เป็นอะไรคุณ”
“ที่เลาะด้ายแทงมือ”
“โธ่เอ๊ย บอกแล้วให้ระวัง มาๆ ฉันดูให้”
ก้านถือขนมเดินเข้ามาในบริษัท ก่อนจะยืนฟังอยู่ที่หน้าห้องเสื้อผ้า จะเอื้อมมือไปเคาะประตูแต่เปลี่ยนใจจึงมองที่ช่องกระจกแทน แล้วเขาก็ทั้งอึ้งทั้งเสียใจทั้งโกรธ เมื่อเห็นกุ้งนางกำลังใช้ทิชชู่ซับเลือดที่นิ้วให้จิรายุ
“เดี๋ยวฉันไปเอายามาทำแผลให้นะ”
กุ้งนางเดินไปหลังห้อง...ก้านยืนกำหมัดแน่น พยายามสูดลมหายใจลึกๆเพื่อระงับสติอารมณ์ แล้วเดินกลับ แต่ก็ต้องชะงัก
“เรื่องอะไรเราจะต้องยอมแพ้ด้วยวะ”
ก้านหันกลับไปมองห้องเสื้อผ้าอีกครั้ง
กุ้งนางไปหยิบกล่องยาวางมาจากด้านใน ก้านเข้ามา กุ้งนางหันมาเห็น
“อ้าว พี่ก้าน”
ก้านยิ้มรับแล้วเดินเข้าไปหา
“พี่จะมาช่วยกุ้งทำงาน” ก้านหันไปหาจิรายุ “อ้าว ท่านก็มาช่วยด้วยเหรอครับ”
จิรายุยิ้มพยักหน้า กุ้งนางเดินหาจิรายุเหมือนไม่ได้สนใจ ก้านรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน แต่ก็พยายามทำให้กุ้งนางสนใจ ด้วยการกุลีกุจอไปนั่งใกล้หญิงสาว
“กุ้งมีอะไรให้พี่ช่วยบ้างล่ะ”
เขียดเดินถือชุดแดนเซอร์ออกมาจากด้านใน
“มี...สอยชายกระโปรงเจ็ดแปดชุด พี่ก้านเย็บแบบซ่อนด้ายเป็นมั้ยล่ะ”
ก้านยิ้มแหยๆพร้อมส่ายหัว
“ไม่เป็น กุ้งสอนพี่หน่อยสิ”
“พี่ก้านมานี่ เขียดสอนเอง” เขียดดึงตัวก้านออกมาห่างๆ “กุ้งมันจะทำแผลให้คุณจิ ไม่เห็นรึไงพี่ก้าน...”
ก้านมองกุ้งนางที่ปิดพลาสเตอร์ให้จิรายุอย่างปวดใจ
เวลา 23.00น.... กุ้งนาง จิรายุ ก้าน เขียดเดินออกมาจากลิฟท์ จิรายุพูดขึ้น
“นี่ก็ดึกแล้ว เดี๋ยวฉันไปส่งดีกว่า”
ก้านรีบแย้ง
“ไม่เป็นไรครับท่าน ผมกับกุ้งกลับกันเองดีกว่า ยังไงๆ เราก็อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว”
จิรายุอึ้ง หันไปถามกุ้งนางให้แน่ใจ
“ไม่ต้องเกรงใจนะ”
“กุ้งมีพี่ก้านแล้ว คงไม่เป็นไร ขอบคุณค่ะ”
จิรายุจ๋อยไปถนัด แต่ก็ยังวางฟอร์ม
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจ”
“งั้นคุณจิก็ไปส่งเขียดคนเดียว ไปค่ะ ไปเหอะ จะเที่ยงคืนแล้ว”
จิรายุเดินออกไป เขียดรีบตามไป กุ้งนางมองตามจิรายุ แต่ไม่ได้คิดอะไร ก้านมองหญิงสาวหน้าเครียด กุ้งนางหันมาเจอก็แปลกใจ
“ไป พี่ก้าน”
กุ้งนางเดินนำไป ก้านถอนใจแล้วเดินตามออกไป
กุ้งนางกับก้านเดินคู่กันมาในซอย ก้านเงียบนิ่ง ครุ่นคิดอยู่ตลอด จนกุ้งนางแปลกใจ
“กุ้ง...พี่ถามตรงๆนะ กุ้งชอบคุณจิรายุเหรอ”
กุ้งนางอึ้งแต่ก็ปรับหน้าให้เป็นปกติ
“เฮ้ย พี่ก้านจะบ้าเหรอ ฉันเนี่ยนะ จะชอบเขา เกลียดล่ะก็ไม่ว่า”
“ไม่ชอบแน่นะ”
กุ้งนางแปลกใจ
“ไม่ชอบ ทำไมพี่ก้านคิดว่า กุ้งจะชอบเขาล่ะ”
ก้านจริงจัง
“กุ้งไม่ชอบก็ดีแล้ว กุ้งก็รู้ว่า เรากับเขามันต่างกันขนาดไหน พี่ไม่อยากให้กุ้งต้องมานั่งเสียใจทีหลัง
กุ้งนางมองก้านงงๆ”
“นี่พี่ก้านเป็นอะไรมากป่ะเนี่ย ไป...ไป...รีบกลับเหอะ ง่วงแล้ว”
กุ้งนางเดินนำหน้า ก้านแอบยิ้มกับตัวเองแล้วเดินตามไป
จิรายุเดินไประเบียงห้องแล้วเอนนอนที่เก้าอี้อย่างเซ็งๆ นึกถึงเมื่อครู่ที่ผ่านมาเมื่อเขาจะอาสาไปส่งกุ้งนางแต่ก้านขัดขึ้น
‘ไม่เป็นไรครับท่าน ผมกับกุ้งกลับกันเองดีกว่า ยังไงๆ เราก็อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว’
จิรายุอึ้ง หันไปถามกุ้งนางให้แน่ใจ
‘ไม่ต้องเกรงใจนะ’
‘กุ้งมีพี่ก้านแล้ว คงไม่เป็นไร ขอบคุณค่ะ’
จิรายุพยายามจะเลิกคิดเรื่องกุ้งนางแต่ก็ตัดใจให้เลิกคิดไม่ได้
“จะอยู่ด้วยกัน...อยู่ที่เดียวกันก็เรื่องของเขาสิวะ”
กุ้งนางยืนแปรงฟันอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำแต่ในใจคิดเหม่อลอยไปนึกถึงจิรายุ...หญิงสาวเลาะด้ายให้ดู จิรายุเข้าไปมองใกล้ๆ แล้วแอบมองหน้าเธอ กุ้งนางเงยหน้ามอง แล้วอึ้งไปนิด ก้มหน้าทำงานต่อ กลบเกลื่อนความเขิน
‘แล้วเวลาเลาะด้าย ก็มองที่ผ้า อย่ามัวแต่มองหน้าคนอื่น’
จิรายุยิ้มๆ แล้วพยายามเลาะด้าย ทั้งสองทำงานกันไป จิรายุทำถูกๆผิดๆ กุ้งนางต้องคอยดุ แล้วคอยกำกับให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้
กุ้งนางเผลอยิ้มไปทั้งที่ยังแปรงฟันอยู่ แล้วเสียงเคาะประตูห้องน้ำก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงเรียกของชะเอม
“ทำอะไรน่ะกุ้ง ออกมาเร็วๆ พี่ปวดฉี่”
กุ้งนางมองตัวเองในกระจกเขม็ง ก่อนจะสะดุ้ง หลุดจากภวังค์
“จ้ะๆ แป๊บนึง”
หญิงสาวรีบแปรงฟันให้เสร็จเร็วๆ
จิรายุนอนอยู่ระเบียงบ้านมองพระจันทร์ใจลอยคิดเรื่องกุ้งนาง แต่เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ จึงเดินกลับเข้าไปในห้องถือกีต้าร์กลับมานั่งที่เดิม แล้วดีดกีต้าร์ ฮัมทำนอง และเขียนลงกระดาษโน้ต ก่อนจะยิ้มกับตัวเอง
“ขอบใจนะกุ้งนาง”
ชายหนุ่มดีดกีตาร์ ฮัมเพลง และเขียนเพลงต่อ
เช้าวันใหม่ คมกริชกำลังทำงานอยู่ในห้อง มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น จิรายุเดินเข้ามา คมกริชเงยหน้าขึ้นไปทัก
“อ้าว คุณจิ มีอะไรรึเปล่าครับ”
จิรายุส่งแผ่นซีดีให้คมกริช
“ผมมีเพลงให้พี่คมฟังหน่อยน่ะครับ”
คมกริชใส่แผ่นซีดีลงเครื่องแล้วเปิดฟังเพลงอยู่สักครู่ จิรายุลุ้นรอฟังคอมเม้นท์จากเขา
“ก็...โอเคนะครับ ปรับอะไรอีกนิดหน่อยก็เพอร์เฟ็คเลย”
จิรายุยิ้มอย่างพอใจ
“ถ้าไม่รบกวนพี่คมมากเกินไป ช่วยปรับให้ผมจะได้มั้ยครับ”
คมกริชยิ้มแย้ม
“รบกวนอะไรล่ะครับ ผมยินดีซะอีกที่ได้ทำอะไรให้คุณจิบ้าง”
“ครับ งั้นฝากด้วยนะครับ ผมขอตัวไปประชุมทีมก่อน”
“ครับ เสร็จแล้วผมจะเอาไปให้ที่ห้อง”
จิรายุยิ้มขอบคุณแล้วเดินออกจากห้องไป คมกริชมองตามแล้วยิ้มร้าย
ทีมงานทั้งหมดนั่งอยู่รายรอบโต๊ะ ส่วนจิรายุนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานในการประชุม
“นี่ก็ใกล้วันแถลงข่าวเปิดตัวอัลบั้มแล้ว มีฝ่ายไหนที่ยังเตรียมตัวไม่เสร็จบ้าง”
จิรายุมองไล่ไปทีละแผนก ครูแจ๋พูดขึ้น
“ของแจ๋ซ้อมเต้นกันทุกวัน เป๊ะทุกอย่างแล้วค่ะ”
จิรายุยิ้มอย่างพอใจ
“ถ้ายังงั้นวันนี้เราก็ซ้อมเต็มเหมือนจริง”
เขียดกังวลเรื่องเสื้อผ้า
“คุณจิ หมายถึงทุกฝ่ายเลยใช่มั้ยคะ”
“ครับ สเกลเวทีจริง ชุดจริง ร้องจริง เต้นจริง เผื่อมีอะไรต้องแก้ไข ผมอยากให้วันเปิดอัลบั้มเพอร์เฟ็คที่สุด”
ทีมงานทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับจิรายุ
ชามาดาในชุดสวยอยู่หน้ากระจกในห้องแต่งตัว เขียดมองแล้วยิ้ม
“แหม...สวยล้ำในสามโลกจริงๆ คุ้มค่าที่กุ้งนางกับคุณจิช่วยกันแก้ไข”
ชามาดาชะงัก
“แกว่าไงนะเขียด จิกับอีเด็กกุ้งนางมันทำไม”
เขียดอึกอัก
“อ๋อ...ก็ คือตอนที่ชุดมาส่ง เขาตัดผิดแบบ เมื่อวานก็เลยต้องแก้ กุ้งมันก็มาช่วยไม่งั้นเขียดทำคนเดียวไม่ทัน แล้วคุณจิก็มา...”
“อ๊าย...พอแล้ว ไม่อยากฟัง”
ชามาดาหงุดหงิดเดินไปกระแทกตัวนั่งหน้ากระจก เขียดเห็นท่าไม่ดี
“เอ่อ... เขียดขอตัวไปดูพวกแดนเซอร์นะคะ”
เขียดรีบเดินออกไป ชามาดามองตามไม่พอใจตะโกนลั่น
“พี่วีวี่”
วีวี่ที่กำลังนั่งหลับต้องสะดุ้งตื่น
“มีอะไรคะน้องดา”
“ดาอยากแกล้งนังกุ้งนาง ช่วยจัดการให้หน่อย”
“อุ๊ย ไม่เอาค่ะ พี่ไม่อยากเป็นคนเลว”
ชามาดาจ้องหน้า
“อีพี่วีวี่...ถ้าไม่ช่วยดา ก็เงินเอาเงินแสนห้าที่ยืมไปช่วยแม่ซ่อมบ้านน้ำท่วมคืนมา”
วีวี่หน้าเสียจะร้องไห้
ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 10
ภายในห้องเสื้อผ้าเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เพราะมีเหล่าแดนเซอร์แต่งหน้าทำผมอยู่ กุ้งนาง เขียด กับชะเอม คอยจัดชุดเสื้อ เซ็ท 2 อยู่ กบ นักร้องสาวเบอร์สองรองจากชามาดา เดินออกมาจากห้องแต่งตัวด้านในในชุดอัลบั้มใหม่ สวยงามมาก กบยิ้มแย้มถาม
“โอเคมั้ยจ๊ะ พี่เขียด”
เขียดหัวเราะแหะๆ
“โอ มากกกก...เลิศสะมาหรา อึ้มต้ามารศรีมาก”
“แต่คงไม่สวยเท่าของพี่ชามาดา”
“โอ๊ย สวยคนละแบบ เจ๊อึ่งเขาจัดเต็มให้กบอยู่แล้ว ใช่ไหมกุ้งนาง”
กุ้งนางรีบชม
“จ้ะ แต่งหน้า แต่งตัวแล้ว พี่กบตัวจริงสวยจังเลย”
ชะเอมเสริมอีกคน
“จริงจ้ะ ในทีวีก็สวยแล้ว ตัวจริงสวยกว่าอีก”
เขียดหันไปหาสองสาว
“นี่ กุ้ง ชะเอม น้องกบน่ะ เขาเด็กกว่าเธอสองคนมั้ง”
กบยิ้มอย่างเป็นมิตร
“เรียกกบเฉยๆ ก็ได้จ้ะ”
ชะเอมแย้ง
“อุ๊ย ไม่ได้หรอก ตามกฎบริษัท พนักงานห้ามสนิมกับศิลปิน”
เขียดปราม
“พอเลย ชะเอมไปหยิบชุดที่เหลือมา”
อีกมุมหนึ่ง ด้านใน วีวี่ เดินเข้ามาแล้วหลบๆ ตามราวแขวนเสื้อผ้าไม่ให้ใครเห็น วีวี่เห็นแนวชุดก็เดินไปหาชุดที่เหลือแล้วแอบเอากรรไกรเลาะผ้า ตัดด้ายตามชายกระโปรงตัวที่หนึ่ง เสร็จแล้วไปทำตัวที่สอง แล้วจะทำตัวที่สาม ชะเอมเข้ามาบ่นๆ
“โอ๊ย เจ๊อึ่งไม่อยู่ ยังเจ๊เขียดเป็นตัวแทนจิกหัวใช้อีก จิกๆๆๆๆ จิกอยู่นั่นแหละ”
วีวี่ต้องมุดหลบไป ชะเอมมาหยิบเสื้อจากราวแล้วออกไป วีวี่โผล่ออกมาโล่งอกที่ไม่โดนจับได้
แดนเซอร์ ใส่ชุดที่ชะเอมไปหยิบมาให้ เขียดรีบบอก
“อ้าว...ใครเสร็จแล้วก็รีบไปที่ห้องซ้อมเลย วันนี้คุณจิจะดูจับเวลาจริงเลยนะ”
เหล่าแดนเซอร์รีบทยอยวิ่งไป กบกับฟ้าที่เป็นแดนเซอร์เดินไม่สะดวก ฟ้าหันมาบอกเขียด
“พี่เขียด...ชุดมันยาวๆ เหมือนจะหลุดนะ”
เขียดปวดหัว
“โอ๊ย จะมาหลุดอะไรตอนนี้ ไปก่อนไป เดี๋ยวเต้นเสร็จค่อยมาซ่อม”
แดนเซอร์รีบวิ่งออกไป เขียดหันไปสั่งกุ้งนาง
“กุ้ง เดี๋ยวไปช่วยพี่ที่ห้องซ้อมนะ ชะเอมเตรียมเซ็ทต่อไปเลย”
ที่โต๊ะคอนโทล...ช่างเทคนิค เช็คไมค์สามตัว แล้วส่งไมค์ให้ก้าน
“เรียบร้อยแล้ว เอาไมค์ไปให้ที่ข้างเวทีเลย”
“ครับ”
ก้านเดินไปขณะที่ผ่านประตูทางเข้า กบเปิดประตูมา ประตูชนก้านอย่างจัง ก้านเสียหลักล้มไป
“ว๊าย...เอ้อ พี่ช่าง พี่ช่างเป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ”
ก้านมองหน้า
“ไม่เป็นไรครับ”
กบเป็นห่วง
“พี่ช่างลุกไหวมั้ย”
“ไหวครับ”
ก้านลุกขึ้น
“กบขอโทษนะ พี่ช่าง”
กบยกมือไหว้ ก้านรีบรับไหว้
“เอ้อ แต่ผมไม่ใช่ช่างหรอกครับ เป็นแค่เด็กยกเครื่องธรรมดา”
กบยิ้มรับ
“จ้ะ พี่ช่าง”
“ผมชื่อก้านครับ”
“จ้ะ งั้นถ้าพี่ไม่เป็นอะไร ฉันไปก่อนนะ”
กบเดินออกไป ก้านมองตามไป นึกได้
“เฮ้ย นั่นมันกบ กรรณิการ์ นี่หว่า”
ก้านยิ้มปลื้ม
ในห้องซ้อมใหญ่...ทุกอย่างพร้อมซ้อมเหมือนจริง จิรายุอยู่ยืนอยู่กับคมกริช ครูแจ๋ ที่คอนโทรล
ห้องจัดเป็นงานแถลงข่าว มีเวทีสำหรับโชว์ หลังแถลงข่าว จิรายุหันมาบอกครูแจ๋
“พอแถลงข่าวจบก็เข้าโชว์เลยนะครับ ครูแจ๋”
“ฮ่ะ เริ่มที่ไฟในห้องดับมืดนะ แล้วเพลงก็มาเลย เราจะเปิดโชว์ด้วยเพลงของกบ กรรณิการ์ก่อน แล้วต่อด้วยเพลงของนทีทอง ชามาดาเลย”
คมกริชมองนาฬิกา
“เริ่มเลยเถอะครูแจ๋ เสียเวลามามากแล้ว...คุณจิไม่ต้องตื่นเต้นนะครับ งานแถลงข่าวง่ายๆ แค่นี้ ทำกันมาเป็นร้อยๆ ครั้งแล้ว”
“ครับ งั้นก็เริ่มเลยครูแจ๋”
ไฟค่อยๆ เฟดไป เสียงเพลงของกบ กรรณิการ์ดังขึ้น กบยืนหันหลังอยู่ที่กลางเวที แล้วหันกลับมาร้องเพลง ก้านกับด้วง อยู่กับช่างเทคนิคที่มุมนึง ก้านมองกบอย่างปลื้มๆ จิรายุ คมกริช ครูแจ๋ ดูการแสดงอยู่ที่คอนโทรล...ชามาดาเข้ามาหลังเวที วีวี่ตามมา
“แน่ใจนะพี่วีวี่ ว่าเลาะแล้ว”
วีวี่ตกใจ
“ชูว์ อย่าพูดดังสิคะน้องดา เดี๋ยวเขาจับได้ พี่ตายแน่”
“เออ ถ้าจับได้ก็ตายไป อย่าพาดพิงดาแล้วกัน”
วีวี่ค้อนใส่
“ไม่ต้องมาค้อนดา ถ้าสำเร็จยกหนี้ให้ครึ่งนึง”
วีวี่ยิ้มดีใจ ชามาดามองไปเห็นกุ้งนางเธอก็ทำหน้ายิ้มเยาะสะใจ...กุ้งนาง ชะเอม เขียดอยู่หลังเวทีกับเหล่าแดนเซอร์
กบ กรรณิการ์ร้องเพลงจนจบ โพสนิ่ง จิรายุสั่งการทันที
“เปิดเพลงนทีทอง ชามาดา...”
ช่างเสียงกดเปิดเพลง เสียงเพลงดังขึ้น จิรายุ มองไปที่เวทีด้วยความหวังว่าทุกอย่างจะออกมาสมบูรณ์แบบสวยงาม
ในห้องซ้อมใหญ่...เสียงเพลงดังขึ้น ที่ข้างเวที นทีทองเตรียมออกไป ซองจูยืนอยู่ข้างๆ ถามขึ้น
“พร้อมนะครับพี่นที”
“พร้อมสิ”
นทีทองยิ้มให้ ซองจูยิ้มให้กำลังใจ
ที่หน้าเวทีแดนเซอร์วาดลวดลายตามที่ครูแจ๋สอน นทีทองกับชามาดาออกมาโพสเก๋ไก๋พร้อมกันตามที่ครูแจ๋ออกแบบไว้ นทีทองกับชามาดา เริ่มร้องเพลงไปเต้นไป เมื่อถึงท่อนเพลงนทีทองและชามาดา กำลังหมุนตัวเพื่อเปลี่ยนฟาก ฟ้ากับอ่อนซึ่งเป็นแดนเซอร์ ก็ถูกมะลิกับพิณแดนเซอร์ที่เดินตามหลัง เหยียบชายกระโปรงหลุดลุ่ยยาวลากพื้น ฟ้ากับอ่อนเซไปชนชามาดา
“อ๊าย”
ชามาดารีบผลักฟ้าออกไป ฟ้าเซไปชนอ่อนเพื่อนล้มกันจนเสียกระบวนลงไปกองกับพื้นทั้งทีมงาน ทั้งแดนเซอร์ส่งเสียงวี้ดว้ายกันลั่นชามาดาตวาดด่า
"อีบ้า เต้นยังไงมาชนฉัน “
นทีทองปราม
“ไม่เอาน่าดา มันเป็นอุบัติเหตุ”
“อุบัติเหตุอะไร จะแกล้งฉันใช่มั้ย ถ้าฉันล้มไปแข้งขาหักจะทำยัง”
มะลิหันมาบอกทุกคน
“ช่วยด้วยค่ะ ฟ้ากับอ่อนเจ็บขา”
ทุกคนรีบวิ่งไปดู ฟ้าหน้าเสีย บอกจิรายุ
“คุณจิคะ ฟ้าผิดเอง คือชุดมันมีปัญหาค่ะ ชายมันขาด”
ชามาดาชี้เขียดกับกุ้งนาง
“งั้นพวกแกปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้ยังไง ดูสิคะจิ พอเจ๊อึ่งไม่อยู่ก็ทำงานกันชุ่ยๆ”
จิรายุไม่สนใจ เขียดกับ กุ้งนางหน้าเสีย มะลิกับพิณช่วยกันประคองฟ้ากับอ่อนลุกขึ้น ฟ้าข้อเท้าแพลง อ่อนเข่าแตก
“โอ๊ย...”ฟ้าร้องอย่างเจ็บปวด
จิรายุหันไปสั่งทีมงาน
“ดูท่าทางไม่ค่อยดี พาสองคนนี่ไปโรงพยาบาลก่อน เร็วเข้า”
จิรายุนั่งที่โต๊ะในห้องทำงาน คมกริชนั่งอยู่ไม่ห่างนัก เขียดกับกุ้งนางยืนรอ มีชามาดา นทีทอง นั่งที่โซฟา
“เย็บชุดภาษาอะไร แกจงใจจะแกล้งฉันใช่มั้ย”ชามาดาโวยวายใส่กุ้งนาง
กุ้งนางเถียง
“ฉันไม่ได้แกล้ง”
“งั้นชุดมันลุ่ยลากพื้น เหยียบกันล้มระเนระนาดแบบนี้ได้ยังไงยะ”
“ไม่รู้”
“ก็นังเขียดบอกว่า เมื่อวานแกเป็นคนซ่อมชุดแดนเซ่อร์”
“ใช่ แต่ฉันเย็บสอยชายแล้วทุกชุด”
จิรายุยืนยันอีกคน
“ผมกับกุ้งนางช่วยกันดูแล้ว ทุกชุดเรียบร้อยดี”
นทีทองตัดบท
“คิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุแล้วกันน่าดา”
ชามาดาไม่ยอม
“ไม่ได้ค่ะ มันต้องมีคนรับผิดชอบ ถ้าคนทำเสื้อไม่ผิด แดนเซอร์ก็ต้องผิด”
เขียดตกใจ
“อุ๊ยตาย...น้องดาคะ ไอ้ฟ้ากับไอ้อ่อน คนนึงเข่าแตก อีกคนข้อเท้าพลิกมันคงไม่แกล้งหรอกค่ะน้องดา”
ชามาดาเบ้ปากเหยียด
“เหรอยะ ดีเนอะ มีเรื่องแต่ไม่มีคนรับผิดชอบได้ไง ดาว่าอ่อนกับฟ้าต้องถูกไล่ออก”
เขียดโมโห
“ถ้าสาเหตุมันมาจากชุด เขียดขอรับผิดชอบเองดีกว่า”
กุ้งนางขัดขึ้น
“ไม่ได้นะพี่เขียด เพราะคนที่คุณชามาดาอยากให้ออก ไม่ใช่ฟ้า ไม่ใช่อ่อน ไม่ใช่พี่
แต่เป็นกุ้ง...”
ชามาดายิ้มสะใจ
“แกพูดเองนะ ฉันไม่ได้พูด”
นทีทองหนักใจ
“ผมว่ามันจะไปกันใหญ่แล้วนะครับคุณจิ”
“แล้วพี่นทีจะให้คนผิดลอยนวลเหรอคะ” ชามาดาหันกลับมาว่าทันที
จิรายุเสียงเข้ม
“ดา...เรื่องนี้ ผมจะจัดการเอง”
คมกริชที่นิ่งฟังอยู่พูดขึ้น
“ดีครับ จิเป็นผู้จัดการวงก็ต้องแก้ปัญหานี่ให้ได้ ชามาดาอย่าทำให้เรื่องมันยุ่งยากไปกว่าเลย”
ชามาดาหน้าเจื่อนไป คมกริชพูดกับชามาดาเน้นๆ
“เข้าใจใช่มั้ย”
“ค่ะ พี่คม”
จิรายุมองกุ้งนาง ครูแจ๋เปิดประตูเข้ามา
“อ้าว คุณจิ พี่นที ทำไมมาอยู่ที่กันละฮะ”
จิรายุหันไปถาม
“ฟ้ากับอ่อนเป็นไงบ้างครับ”
“หมอบอกว่าฟ้ากับอ่อน ต้องพักรักษาตัวอย่างน้อยเดือนหนึ่ง”
จิรายุกุมขมับ
“ถ้าเปลี่ยนท่าเต้นจะทันมั้ยครูแจ๋”
“คงไม่ได้หรอกค่ะ นี่เป็นเพลงเปิดตัวซะด้วยอีกอย่างเราก็ถ่ายมิวสิคไปแล้วถ้าเปลี่ยนก็ต้องรื้อทำใหม่หมดฮ่ะ...ที่สำคัญ พรุ่งนี้แล้วนะฮะ แถลงข่าวเนี่ย โอ๊ย แจ๋ปวดตับไปหมดแล้วนะฮ้า”
นทีทองคิดนิดนึงก่อนจะบอก
“งั้นก็ต้องหาคนมาเต้นแทนได้มั้ยแจ๋”
จิรายุหนักใจ
“แล้วจะหาจากไหนล่ะครับ”
ในห้องซ้อม...นทีทองวุ่นวายสั่งให้ซองจูโทรเช็คแดนเซอร์ ครูแจ๋โทรอยู่อีกไม่ห่างกันนัก คมกริชนั่งอยู่ใกล้ๆ จิรายุ ชามาดาที่นั่งอ่านนิตยสารดารา วีวี่นั่งอยู่ใกล้ๆกระซิบชามาดา
“ไม่มีแดนเซอร์ เดี๋ยววูบนะน้องดา”
“อย่าสะเออะ อีพี่วีวี่...จะเอาไหม เงินน่ะ”
วีวี่จ๋อยๆ
“เอาค่ะ”
นทีทองหันมาถามซองจู
“ว่าไงซองจู ได้เรื่องมั่งมั้ย”
“ที่โทรๆ มา ก็ติดทัวร์คอนเสิร์ตศิลปินอื่นอยู่ทั้งนั้นน่ะครับ”
“อ๊าย...” ครูแจ๋กดวางสาย “ไม่ว่างกันสักคน ที่ว่างก็ไก่กาหน้าอีเห็น เอามาเต้นแบ็คอัพชามาดานทีทองไม่ไหวหรอกฮ่ะ คุณจิ...เสียชื่อหมด”
จิรายุถอนใจ
“จะเอาหน้าตาด้วย ก็คงไม่ได้แล้วมั้ง ครูแจ๋”
ชามาดาหันมาแหวทันที
“โอ๊ย แดนเซ่อร์เต้นเยิ่นๆ หน้าบ้านๆ ดาไม่เอานะคะจิ”
นทีทองไม่พอใจชัดขึ้น
“หรือดาจะไม่เอาแดนเซ่อร์เลยล่ะ ร้องเต้นกันกับพี่แค่สองคน”
ชามาดาโวยวาย
“โอ๊ย ยังไงก็ได้ ดาน่ะรอดอยู่แล้ว เพราะดาสวย เซ็กซี่ มีจุดขาย แต่พี่นทีน่ะซี้แก่เหี่ยวยังงี้ จะรอดเหรอคะ”
นทีทองโกรธ
“มากไปแล้วนะดา นี่มันกำลังมีปัญหา ต้องช่วยกันแก้ ไม่ใช่ก่อกวนแบบนี้ นิสัยไม่ดี”
คมกริชปรามเสียงดัง
“พอได้แล้ว ทั้งดาทั้งพี่นทีน่ะแหละ จะมาทะเลาะกันอีกทำไม น่ารำคาญ” คมกริชหันไปหาจิรายุ “ยังไง เพลงของผมก็ต้องมีแดนเซ่อร์ คุณจิจัดการให้ได้ก็แล้วกัน อย่าให้อัลบั้มนี้พังตั้งแต่ต้อนล่ะครับ เสียชื่อสยามซองหมด...ผมขอตัวนะครับ”
คมกริชเดินออกไป ทุกคนอึ้งไป จิรายุหน้าเครียด
กุ้งนาง ก้าน ชะเอม ด้วง อยู่ในโรงอาหาร ชะเอมตกใจสุดขีด เมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ต้องหาแดนเซอร์ใหม่เลยเหรอ”
กุ้งนางพยักหน้า
“ใช่พี่”
ก้านถอนใจ
“เฮ้อ...พรุ่งนี้เต้นแล้ว คงหาไม่ทันหรอก”
ชะเอมหน้าสลดลง
“สงสารฟ้ากับอ่อนเนอะ เจ็บตัวแล้วยังตกงานอีก”
ด้วงขัดขึ้น
“พี่สงสารคุณจิมากกว่า ไม่รู้ว่างานนี้ใครแกล้งใคร แต่คนซวยคือคุณจิเต็มๆ”
กุ้งนางไม่เข้าใจ
“ทำไมคุณจิถึงจะซวยล่ะ พี่ด้วง”
“เอ้า...ก็ท่านประธานต้องการให้คุณจิพิสูจน์ฝีมือ นี่แค่เริ่มต้นก็พังซะแล้วจะไปต่อไหวเหรอ”
“แต่กุ้งว่า ครูแจ๋อยู่ในวงการมานาน น่าจะดึงๆ คนมาช่วยคุณจิได้”
พูดจบกุ้งนางก็หน้าเครียด ก้านแอบสังเกต
“กุ้งเป็นห่วงคุณจิเหรอ”
กุ้งนางพยักหน้ารับ
“ก็กุ้งมีส่วนผิดด้วย ถ้าช่วยอะไรเขาได้ก็อยากจะช่วย ก้านยิ้มรับเจื่อนๆ”
ชะเอมนึกได้
“เฮ้ย...งั้นทำไมไม่ช่วยล่ะไอ้กุ้ง”
ทุกคนมองหน้า ชะเอมยิ้มร้าย กุ้งนางหน้าตื่น
“นี่พี่ชะเอมคิดจะ...”
ชะเอมยิ้มๆ
“เอ๊าะ แน่นอนอยู่แล้ว”
ในห้องซ้อม นทีทองเข้ามาถามครูแจ๋
“ไม่มีใครว่างมาเต้นให้อีกแล้วเหรอแจ๋”
“เฮ้อ...จะหาคนที่เต้นให้เราเป็นเดือนๆ น่ะยากนะพี่นที” ครูแจ๋มองไปทางชามาดา “หน้าเงือกนางก็ไม่เอา เต้นไม่พริ้วปลิวไสว นางก็ไม่เอาอีก เยอะจนแจ๋ปวดติ่งไปหมดแล้วเนี่ยนที”
ชามาดาที่นั่งอมยิ้มพอใจอยู่ลุกขึ้น
“นี่ครูแจ๋ หาแดนเซอร์ได้เมื่อไหร่ ค่อยไปตามดาดีกว่านะ ดาขอไปพักก่อนไป พี่วีวี่...เร็วสิ”
“จ้ะ”
“บอกแล้วไง อย่ามาจ้ะ มันบ้านนอก”
ชามาดาจะเดินออกไป กุ้งนางกับชะเอม เปิดประตูเข้ามา ชามาดาชะงักไม่ออกไป ครูแจ๋หันไปแหวใส่
“อ๊าว...แห่กันเข้ามาทำมั๊ย คนเขากำลังปวดติ่งกันอยู่นะยะ”
ชะเอมเดินเข้ามาหาครูแจ๋
“ขอโทษค่ะ มีธุระนิ้ดเดียว อาจจะทำให้ครูแจ๋และทุกคนหายปวดติ่งก็ได้นะคะ”
ครูแจ๋มองหน้า
“อ่ะ อะไรว่ามาแม่ชะนีชะเอม”
“ครูหาแดนเซอร์ได้รึยังคะ”
“ยัง...ถึงปวดติ่งกันอยู่นี่ไงยะ”
ชะเอมเอ่ยปากขอทันที
“ถ้ายังงั้นให้กุ้งกับชะเอมเต้นได้มั้ยคะ”
ทุกคนมองไปที่กุ้งนางกับชะเอมที่ยืนมั่นใจ ครูแจ๋หงุดหงิด
“นี่ ชะนีทั้งสองยะ สมองชำรุดรึเปล่า ฉันหาด๊านเซอร์นะยะ ไม่ใช่หน้าเซ่อ ไปเต้นเอ๋อเหรอบนเวที”
กุ้งนางแย้งขึ้น
“เอ้อ ครูลองทดสอบก่อนนะคะ กุ้งกับพี่ชะเอมอยากช่วยครู...”
นทีทองเห็นดีด้วย
“ก็ดีนะแจ๋ อย่างน้อย ก็มีตัวเลือกสองคนแล้ว ถ้าทำได้ก็ไม่ต้องตามใครอีก”
ซองจูเสริม
“จริงครับครู กุ้งกับชะเอมหน้าตาก็สวยอยู่แล้วนะครับ”
ชะเอมปลื้ม
“อูย ปลื้ม ขอบคุณนะ ซองจู”
ครูแจ๋คิดหนัก ชามาดาเห็นจิรายุเงียบก็ยิ่งหงุดหงิดเลยเดินไปเกาะแขนจิรายุ
“จิ ดาไม่เอานังบ้านนอกสองคนนี้นะคะ”
กุ้งนางกับชะเอมยืนอยู่ด้วยกันหนักใจ
“เห็นมั้ยพี่ชะเอม กุ้งบอกแล้ว ว่ามันจะยิ่งยุ่ง ก็ไม่เชื่อ”
“เออๆ...พี่เข้าใจแล้ว ทำไมเอ็งไม่อยากเป็นนักร้อง”
กุ้งนางหันไปหาจิรายุ
“เราสองคนแค่เสนอตัว เพราะอยากช่วยเท่านั้น แต่ถ้าคุณไม่ต้องการก็ไม่เป็นไร”
สองสาวจะเดินออกไปจิรายุเรียกไว้
“เดี๋ยว ที่อาสามาเต้นน่ะ มั่นใจว่าทำได้ใช่มั้ย”
ชะเอมยืนยัน
“โอ๊ย คุณจิคะ กุ้งกับชะเอม ดูซ้อมอยู่ทุกวัน ต่อให้หลับตาเต้นยังทำได้เลยค่ะ”
ชามาดาถลึงตาใส่
“นี่...อย่ามาสะตอหน่อยเลย คนอื่นเขาฝึกกันมาเป็นเดือน หน้าตาโง่ๆ อย่างแกสองคนน่ะเหรอ จะทำได้”
นทีทองขัดขึ้น
“อยากรู้ก็ให้เขาทำให้ดูสิน้องดา”
ชามาดาหันมาจ้องหน้านทีทองด้วยความไม่พอใจ แต่เห็นนทีเอาจริงก็พูดไม่ออกได้แต่ค้อน นทีทองหันไปถามจิรายุ
“คุณจิจะให้โอกาสเด็กสองคนนี่มั้ยล่ะครับ”
“ก็ลองดูครับ”
นทีทองบอกกับกุ้งนางและชะเอม
“มีโอกาสแล้วทำให้เต็มที่เลยนะหนู”
นทีทองยิ้มให้สองสาว กุ้งนางยิ้มกลับขอบคุณให้กับนทีทอง
ก้านกับด้วงนั่งรออยู่ในโรงอาหารด้วยความกระวนกระวาย
“พี่ด้วง ป่านนี้ทำไมกุ้งกับชะเอมมันยังไม่มาอีกล่ะ”
“ที่เอ็งร้อนใจนี่อยากให้มันได้เป็นแดนเซอร์ หรือไม่อยากวะ”
ก้านนิ่งเงียบทันที
“ไอ้ก้าน...พี่ด้วงจะบอกให้นะ ของอะไรที่จะเป็นของเอ็ง เอ็งนั่งอยู่เฉยๆ มันก็จะหล่นใส่หัวเอ็งเองแหละ”
“ฉันแค่เป็นห่วงกุ้งมันเท่านั้นน่ะพี่ด้วง”
“ห่วงกับหวง มันสะกดไม่เหมือนกันนะเว้ย ความหมายก็ไม่เหมือน เอ็งรู้ใช่มั้ย”
กบกับเขียดเดินคุยกันเข้ามาในโรงอาหาร
“น้องกบอยากกินอะไรให้เด็กมาซื้อให้ก็ได้ ไม่เห็นต้องเดินมาเองเลยนะ”
“ก็กบ อยากมา ถึงกบจะเป็นนักร้องแล้ว แต่กบก็เคยเป็นหางเครื่องมาก่อน”
“เออ ก็จริง...” กบนึกได้ “เฮ้ย แต่ตอนนี้เป็นศิลปินแล้วมันต้องเรื่องเยอะหน่อยเซ่ะ”
“โอ๊ย ไม่เอาหรอกเหนื่อย”
“แต่มันเสียภาพลักษณ์”
“ช่างมันสิ”
ก้านและด้วงเห็นเขียดกับกบ
“นั่นมันเขียดนี่...พี่ด้วงไปถามพี่เขียดกัน”
ก้านรีบลุกขึ้นลากด้วงไปด้วย
“เขียด ตกลงชะเอมกับกุ้งได้เป็นแดนเซอร์รึเปล่า”
“แหม... ลุ้นตัวโก่งนะพี่ก้าน”
เขียดหัวเราะ ก้านฝืนยิ้ม
“ก็แค่อยากรู้”
กบยิ้มแย้มบอก
“อยากรู้ถามเราสองคนไม่ได้หรอก เพราะเราก็ไม่รู้ ทำไมไม่ไปดูเองล่ะ”
ด้วงขัดขึ้นเสียงอ่อย
“ไปได้เหรอครับ เอ่อ คุณน้องกบ กรรณิการ์”
“ถ้ากบพาไปก็พอจะได้มั้งจ๊ะ”
ก้านยิ้มดีใจ
ในห้องซ้อม...เสียงดนตรีขึ้น ทุกคนนั่งดู กุ้งนางกับชะเอมเต้นกันชนิดที่ทุกคนอ้าปากค้าง เว้นแต่ชามาดาที่หงุดหงิดสุดๆ ไม่อยากจะมอง กุ้งนางกับชะเอมเต้นรับส่งกันอย่างดี กบพาก้าน ด้วง เขียดเดินเข้ามายืนดู เขียดเต้นตาม กบออกปากชม
“โห...เก่งสุดยอด...พี่เขียด แบบนี้ได้เลี้ยงฉลองแน่ๆ เนอะ”
ก้านหน้าเสีย
“คุณกบคิดว่า กุ้งกับชะเอมจะได้เป็นแดนเซอร์เหรอครับ”
กบมั่นใจ
“ต้องได้แน่”
ด้วงตะลึง
“โอโห พี่เพิ่งรู้นะไอ้ก้านว่า น้องชะเอมเต้นได้เด็ดสะแด่วแห้วขาดนี้”
เขียดที่เต้นอยู่หันมาคุยโอ่
“ถ้าเขียดผอมกว่ารับรอง ชะเอมไม่ได้ขึ้นเวทีแน่”
ด้วงค้อน
“อ่ะจ้า”
กุ้งนางกับชะเอมเต้นจนจบเพลง ครูแจ๋ ยืนร้องกรี๊ดๆๆๆ ปรบมือลั่น นทีทองยิ้มให้สองสาว ครูแจ๋ปลื้มสุดๆ
“โอว...สุโค่ย เต้นได้เปรี้ยวฉี่เล็ดเลยอ่ะ”
นทีทองยิ้มพอใจ
“โอเคนะครับคุณจิ”
ชามาดาสวนขึ้น
“แต่ดาไม่ชอบ”
นทีทองถามเสียงแข็ง
“ทำไมล่ะ ไม่ดีตรงไหน”
“ไม่มีเหตุผล เกลียด ไม่อยากได้”
นทีทองเอือมระอา
“งั้นเท่ากับว่าคะแนนคือสองต่อหนึ่ง ตอนนี้ก็อยู่ที่คุณจิแล้วค่ะ”
“ผมว่า...ผมชอบนะ เป็นอันว่ากุ้งนางกับชะเอมจะเข้ามาเป็นแดนเซอร์ในอัลบั้มนี้”
กุ้งนางกับชะเอมมองหน้ากันตื่นเต้น ชะเอมร้องกรี๊ดกอดกุ้งนาง ชามาดากรี๊ดลั่น
“อ๊าย...บ้าที่สุด ทำไมไม่มีใครฟังดาเนี่ย ทุกคนต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”
จิรายุสวนทันที
“ทุกคนต้องบ้าแน่ดา ถ้าวันนี้เราไม่ได้เริ่มซ้อมกันซะที”
ชามาดาทำหน้าหงุดหงิดครูแจ๋ตัดบท
“งั้นเดี๋ยวแจ๋ขอติวเข้ม เนื้อๆ เน้นๆ ไม่มีเอ็นให้สองชะนีนี้ก่อนนะฮะ ซักสี่โมงเย็นเจอกันที่ห้องแถลงข่าว ซ้อมรวมกันอีกทีนะฮะ”
จิรายุพยักหน้ารับ
“ได้ครับ”
ในห้องซ้อมใหญ่...เสียงเพลงดังขึ้นการซ้อมชุดใหญ่ เวที แสงเสียง เสื้อผ้าจัดเต็ม นทีทอง ชามาดา ร้องเพลงโดยมีกุ้งนางกับชะเอมอยู่ในทีมแดนเซอร์ กบ ด้วง เขียดเต้นไปด้วย มีแต่ก้านที่มองด้วยสีหน้าเครียดๆ คมกริชยืนอยู่ที่คอนโทรลกับจิรายุและครูแจ๋ จิรายุมองกุ้งนางเต้นด้วยความชื่นชม ครูแจ๋หันมาถามคมกริช
“เป็นไงฮะ คุณคม ฝีมือแจ๋ เริ่ดสะแมนแตน มั้ยฮะ”
คมกริชพูดนิ่งๆ
“พรุ่งนี้ อย่าให้ตื่นคนดู จนเละเทะก็แล้วกัน”
จิรายุมั่นใจ
“คงไม่หรอกครับพี่คม”
ครูแจ๋ยืนยัน
“ไม่เละเทะแน่ฮ่ะ แจ๋มั่นใจ”
เย็นนั้น...นทีทองกับซองจูเดินออกมาที่ทางเดินหน้าห้องซ้อม กุ้งนางรีบตามมา
“เอ่อ...คุณนทีทองคะ”
นทีทองหยุดแล้วหันไปตามเสียงเรียก กุ้งนางเดินเข้ามาหาแล้วยกมือไหว้ ซองจูยิ้มให้กุ้งนาง
“ดีใจด้วยนะกุ้งที่ได้เป็นแดนเซอร์”
กุ้งนางยิ้มรับ
“ขอบคุณค่ะ”
นทีทองหันไปถาม
“ตามฉันมามีอะไรรึเปล่า”
“คือ...หนูขอบคุณคุณมากนะคะที่ช่วยหนู”
นทีทองงง
“ช่วยเรื่องอะไร”
“ก็ช่วยให้หนูได้เป็นแดนเซอร์ไงคะ”
นทีทองยิ้ม
“ฉันตัดสินตามที่เห็น ถ้าหนูเต้นไม่ดี ฉันก็ไม่เลือกหนูหรอก”
“แต่ยังไงหนูก็ต้องขอบคุณคุณค่ะ”
กุ้งนางไหว้อีก นทีทองรับไหว้
“เอ้ารับก็ได้ แต่ว่าเลิกเรียกฉันว่าคุณเถอะ ดูมันห่างเหินยังไงไม่รู้ เรียกว่าพี่ดีกว่า”
“หนูเรียกคุณว่า พี่ไม่ได้หรอกค่ะ”
ซองจูแปลกใจ
“ทำไมล่ะ ในวงการลูกทุ่ง ทุกคนเป็นพี่เป็นน้องกันหมดแหละ”
กุ้งนางบอกกับนที
“คือหนูรู้สึกว่า คุณนทีทอง...เป็นเหมือน เอ้อ ญาติของหนูมากกว่า”
“พี่ก็เป็นญาตินะ” นทีทองหัวเราะ “เอาเป็นว่า เรียกพี่แล้วกัน รู้มั้ย ฉันดีใจนะ เวลาที่หนู
พูดดีกับฉัน”
กุ้งนางกับนทีทองยิ้มให้กันมีความสุข
โปรดติดตาม "ราชินีลูกทุ่ง" ตอนต่อไป