ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 21
ชามาดาเอาแก้วจะตบ กุ้งนางคว้าข้อมือแล้ว บีบข้อมือจนชามาดาแก้วหลุดมือไปทีมงานเข้าช่วยจับตัว จิรายุเข้ามาเห็นเหตุการณ์
“หยุดนะดา”
ชามาดาชะงัก
“จิไม่ต้องมาห้ามดา ดาจะตบมัน ดาเกลียดมัน”
“ผมบอกให้หยุดไง”
“จิจะปกป้องอะไรมันนักหนา! มันทำลายชีวิตดานะ รู้มั้ยอีนี่มันจ้องจะจับจิ มันไม่ได้แสนดีอย่างที่จิคิด”
“พล่ามพอรึยัง”
ชามาดาอึ้ง
“นี่!...นี่ จิรักมันใช่มั้ย...ใช่มั้ยจิ”
ทุกคนลุ้นรอคำตอบ แต่จิรายุไม่พูดอะไร ชามาดาโวยวายต่อ
“อีนังกุ้งนางมันมีดีตรงไหน ดาซะอีกที่เป็นประโยชน์กับจิ ทำเงินให้บริษัทตั้งมากมาย จิคิดจะปั้นมันแล้วคิดเหรอว่ามันจะดังได้เท่าดา จิน่ะหลงมันจนตาบอดไปแล้ว จิรักมัน”
“ใช่! ผมรักกุ้งนาง แต่ผมไม่ได้ตาบอด ผมเห็นความดีของกุ้งนางชัดเจนดีทุกอย่าง”
ทุกคนอึ้ง กุ้งนางมองหน้าจิรายุ
“คุณจิ...”
“คุณกลับไปได้แล้วดา แล้วอย่ามาที่นี่อีก”
“ไม่ไป”
ชามาดาจ้องกุ้งนางอย่างเคียดแค้น จิรายุโมโหเดินไปดึงแขนชามาดาแล้วลากออกไป ไม่สนเสียงโวยวาย กุ้งนางรู้สึกสงสารชามาดา
จิรายุลากชามาดาออกมาส่งที่ลานจอดรถ คมกริชยืนรออยู่
“จิ! ปล่อยดานะ ดาเจ็บ”
จิรายุผลักชามาดาไปให้คมกริช
“พวกคุณกลับไปกันได้แล้ว แล้วก็ไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก”
“คิดจะให้ไป ก็ไล่กันง่ายๆ แบบนี้เลยนะไอ้จิ กูจะกลับมาที่นี่อีกแน่ กลับมาดูความล่มจมชิบหายของพวกมึง”
คมกริชฝากคำอาฆาตพาชามาดาขึ้นรถ จิรายุได้แต่สมเพศคนทั้งสอง
“เสียแรงที่ผมอุตส่าห์เคารพนับถือแก แต่แกกลับหักหลังฉัน เนรคุณพ่อฉัน”
“พ่อแกมันน่าตอบแทนบุญคุณนักนี่! แกกลับไปถามพ่อแกเองดีกว่า ว่ามันดีพอที่จะให้ซื่อสัตย์ด้วยรึป่าว มันทำอะไรกับคนอื่นเขาไว้บ้าง...กูอยากจะรู้เหมือนกัน ว่าถ้ามึงรู้สันดานของพ่อมึงแล้ว แกจะยังนับถือมันอยู่อีกมั้ย”
จิรายุอึ้งไม่เข้าใจสิ่งที่คมกริชพูด คมกริชยิ้มสะใจขับรถออกไป
จิรายุพากุ้งนางเข้ามาเยี่ยมชาตรีที่โรงพยาบาล เขาสังเกตเห็นกุ้งนางซึมๆ
“กุ้ง...หยุดคุยกันก่อน”
“คะ”
“ฉันเห็นกุ้งเงียบตั้งแต่ออกมาจากบริษัทแล้ว เป็นอะไรรึป่าว”
กุ้งนางนิ่งอยู่สักพักก่อนเอ่ยปากตอบ
“กุ้งสงสารคุณชามาดา คุณจิไม่น่าทำกับเธอแรงขนาดนั้นเลย”
“กุ้งนาง...ฉันจำเป็นต้องทำ กุ้งก็เห็นว่าดาน่ะร้ายแค่ไหน ถ้าไม่ทำยังงี้ เรื่องก็คงไม่จบ”
กุ้งนางถอนใจ
“ฉันไม่ได้คิดจะทำร้ายเขาจริงๆ หรอก ส่วนเรื่องฟ้องร้องน่ะ ฉันก็แค่ขู่ไปยังงั้นเอง”
จิรายุพยายามอธิบายเหตุผล แต่ก็ยังไม่ทำให้กุ้งนางสบายใจขึ้น
จิรายุกับกุ้งนางคุยกับครูชาตรีอยู่ในห้องพักไข้
“ครูก็เห็นด้วยกับคุณจินะ บางครั้งเราก็ต้องเอาจริงบ้าง เพราะถ้าไม่ประกาศเป็นทางการ ต่อไปชามาดากับคมกริชอาจจะทำอะไรร้ายๆขึ้นมาอีกก็ได้ และฝ่ายที่เสียหาย ก็คือ สยามซอง”
ชาตรีคุยกับกุ้งนางด้วยเหตุผลโดยมีจิรายุนั่งฟังอยู่ข้างๆ
“แต่พอกุ้งเห็นสภาพของคุณดาวันนี้แล้ว กุ้งก็อดสงสารไม่ได้”
“คนบางคนน่ะ ใช้ความดีเข้าหาด้วยแค่ไหน เขาก็มองไม่เห็นหรอก ทำสิ่งที่เราต้องทำให้ดีที่สุดดีกว่า เรื่องอื่นก็ปล่อยไปตามทางของมัน ชีวิตใครก็ชีวิตมันกรรมใครกรรมมัน”
“เรื่องมันพัวพันกัน รุนแรงขนาดสั่งเก็บครู ครูยังให้อภัยพวกนั้นอีกเหรอครับ”
“เสี่ยอ๋า คมกริช ชามาดา เป็นพวกที่โลภ ชีวิตสุขสบายดีแล้ว แต่เขาไม่รู้จักพอมันก็เลยต้องเป็นแบบนี้”
กุ้งนางถอนใจ เข้าใจอะไรได้มากขึ้น
“ทีนี้กุ้งเข้าใจฉันแล้วใช่มั้ย ฉันน่ะคนดีนะ”
กุ้งนางยิ้มให้ จิรายุยิ้มตอบ กุ้งนางยกมือไหว้ ครูชาตรี
"กุ้งขอบคุณครูมากนะคะ ที่ทำให้กุ้งเข้าใจชีวิตมากขึ้น คนเราจะดีจะร้ายอยู่ที่ใจเรากำหนดเอง”
“จ้ะ”
ครูชาตรียิ้มให้กุ้งนาง
จรัลยืนอยู่ตรงระเบียงห้อง นึกคิดถึงเรื่องของคมกริช
‘ผมคิดว่า ผมทำงานที่นี่มาหลายปี ผมน่าจะมีสิทธิ์ได้รับหุ้นบ้างนะครับ แล้วผมก็
น่าจะได้อำนาจบริหารในบริษัทเพิ่มขึ้นด้วย’
จรัลมองนิ่ง
‘อืม...อย่าเลย เพราะถ้านายไปจับงานบริหารเต็มตัว บริษัทก็จะเสียนักแต่งเพลงฝีมือเยี่ยมน่ะสิ เอาอย่างนี้แล้วกัน ฉันจะปรับค่าส่วนแบ่งรายได้ต่างๆ แล้วก็ค่าลิขสิทธิ์เพลงให้ พอใจไหม’
จรัลแค้นๆ
“ฉันให้แกขนาดนี้แล้ว แกยังไม่พอใจอีกเรอะไอ้คมกริช แกถึงกล้าหักหลังฉัน”
จิรายุขับรถกลับมาส่งกุ้งนาง ชายหนุ่มนิ่งเงียบนึกถึงคำพูดของคมกริช
‘พ่อแกมันน่าตอบแทนบุญคุณนักนี่ แกกลับไปถามพ่อแกเองดีกว่า ว่ามันดีพอ
ที่จะให้ซื่อสัตย์ด้วยรึเปล่า มันทำอะไรกับคนอื่นเขาไว้บ้าง...กูอยากจะรู้เหมือนกัน ว่าถ้ามึงรู้สันดานของพ่อมึงแล้ว แกจะยังนับถือมันอยู่อีกมั้ย’
กุ้งนางสังเกตเห็นจิรายุดูเครียดๆ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร
จิรายุขับรถเข้ามาจอดหน้าหอพัก กุ้งนางลงจากรถ
“กุ้งนาง”
“คะ”
“ฉันถามจริงเหอะ เวลาที่ครูชาตรีพูดอะไรเนี่ย ทำไมเธอถึงเข้าใจอะไรง๊ายง่าย เห็นด้วยไปซะทุกอย่าง”
กุ้งนางขมวดคิ้วคิด
“กุ้งก็...เห็นด้วยกับคุณจินะ แต่ไม่รู้ทำไมกุ้งถึงเข้าใจครูชาตรีไปซะทุกเรื่อง”
“เฮ้ย...ที่พูดเมื่อกี้น่ะ ฉันต่อว่ากุ้งนะ ฉันอยากให้กุ้งเข้าใจฉันได้ง่ายๆ บ้าง”
กุ้งนางขำเดินหนีออกไป แต่จิรายุยิ้ม
“เธอนี่อ่านยากจริงๆ กุ้งนาง แต่จะทำไงได้ คนมันรักไปแล้ว ยังไงฉันก็จะ
อ่านเธอให้ออกให้ได้”
จิรายุขับรถออกไป กุ้งนางแอบออกมาจากมุมเสา
“อีตาซื้อบื้อ...คิดได้ไงนะ ว่าฉันชอบคนแก่ ขนาดนี้แล้วก็ยังมองกันไม่ออกอีก”
พูดจบกุ้งนางยิ้มแล้วเดินเข้าตึกไป
จิรายุขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านจรัล แล้วลงจากรถ...จรัลยืนจิบไวน์คิดเรื่องบางอย่างอยู่ในห้องรับแขก จิรายุเดินเข้ามา คนรับใช้เข้าไปช่วยถือกระเป๋าเอกสารแล้วออกไป
“เฮ้ยไอ้จิ...แกมาพอดีเลย ฉันเพิ่งคิดแผนเด็ดๆ ออก”
“แผนอะไรเหรอพ่อ”
“ก็แผนที่จะกำจัดไอ้สองตัวแสบที่ไปอาละวาดที่บริษัทเราวันนี้ไง พ่อคิดแล้ว แค้นมันไม่หาย คราวนี้ล่ะมึง ไอ้คมกริชกับนังชะมดยั่วสวาทนั่น ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่”
จิรายุงงว่าพ่อคิดจะทำอะไร
“พ่อครับ...พี่คมเขาพูดทิ้งท้ายไว้แปลกๆ”
“อะไร...”
“วันนี้ตอนที่ผมไล่พี่คมกริชไปกับดา เขาพูดเหมือนกับว่าพ่อไปหักหลังเขาก่อน”
“หึ...ฉันจะไปหักหลังอะไรมัน ฉันแค่เคยเปรยๆ ว่า จะตอบแทนมันอย่างงาม ที่มันช่วยทำงานให้บริษัทมาหลายปี แต่มันน่ะ มักใหญ่ไฝ่สูง คิดอยากจะได้หุ้น ได้อำนาจในการบริหารบริษัทเพิ่มขึ้นอีก”
“แต่พ่อไม่ให้...”
“ไอ้จิ...พ่อให้คมกริชมันไปตามที่สมควรแล้ว แต่มันเป็นพวกสัตว์เลี้ยงที่ซ่อนพิษคิดแต่จะแว้งกัดพ่อ”
“พ่อรู้นานแล้วเหรอครับ ว่าพี่คมกริชน่ะร้าย”
“ก็ก่อนแกกลับมาซักปีสองปีมั้ง”
“อ้าว...แล้วพ่อทำไมไม่เตือนผมบ้างล่ะ”
จรัลจับไหล่จิรายุ
“ถ้าฉันเตือนแล้วแกจะโตเรอะไอ้จิ”
จิรายุเข้าใจในสิ่งที่พ่อสอน
“แล้ววันพรุ่งนี้พ่อจะทำอะไรกับสองคนนั้นครับ”
จรัลยิ้มร้าย
“เดี๋ยวพรุ่งนี้แกก็รู้...”
จิรายุมองพ่ออย่างไม่เข้าใจ
จิรายุอยู่บนเตียงนอน ง่วนอยู่กับการดีดกีตาร์แต่งทำนองเพลงให้กับเพลงของพ่อกุ้งนาง ชายหนุ่มหยิบเนื้อเพลงมาดู
“คราวนี้ฉันจะไม่ทำให้เธอผิดหวังนะกุ้งนาง”
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น จิรายุหยิบมาดูแล้วกดรับ
“ฮัลโหล...”
สุดนภาคุยมือถืออยู่ในห้องนอน
“สวัสดีค่ะพี่จิ นี่ฟ้าเองนะคะ”
“มีอะไรกับผมเหรอคุณฟ้า”
“เรียกฟ้าซะห่างเลย เรียกฟ้าแบบเมื่อก่อนก็ได้ พี่จิยังไม่หายโกรธฟ้าเหรอคะ ฟ้าขอนัดทานข้าวกับพี่จิได้มั้ย ฟ้าอยากจะเคลียร์ให้พี่จิเข้าใจฟ้าบ้างน่ะค่ะ”
“เราไม่มีอะไรต้องเคลียร์กันหรอกคุณฟ้า”
“ค่ะ ฟ้าเข้าใจว่าพี่จิยังโกรธเรื่องพ่อฟ้าอยู่ ยังไงถ้าวันไหนสะดวก ขอโอกาสให้ฟ้าได้อธิบายบ้างนะคะ ฟ้าไม่รบกวนแล้ว แค่นี้นะคะ”
สุดนภาวางสาย
“พี่จิ...ฟ้าไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆหรอก”
คมกริชกับชามาดาเดินเข้ามาในบริษัทเบสมิวสิค กำลังจะเดินผ่านหน้าล็อบบี้ไป พนักงานรีบเรียกยาม ยามเข้ามาขวางทั้งสองไว้ คมกริชกับชามาดางง
“นี่มันอะไรกัน พวกแกไม่รู้เหรอว่าพวกฉันเป็นใคร”
ฝ่ายต้อนรับยิ้มบางๆ
“รู้ค่ะ”
“รู้แล้วก็หลีกไปสิ”
คมกริชกับชามาดาทำท่าจะเดินไปต่อ ฝ่ายต้อนรับขวาง
“ไม่ได้ค่ะ”
คมกริชชักโมโห
“เฮ้ย! นี่พวกแกแยกไม่ออกรึไง ว่าใครเป็นใคร อยากเดือดร้อนกันหมดนี่รึไง”
ชามาดาเชิดหน้า
“อีกไม่กี่วัน คุณคมกริชก็จะเข้ามาบริหารที่นี่แล้ว ถ้าไม่อยากถูกเฉดหัวยกชุดก็ทำตัวนอบน้อมหน่อย”
ชามาดากับคมกริชเชิดอย่างมั่นใจ พนักงานต้อนรับเลยหยิบเอาหนังสือพิมพ์บันเทิงวางลงบนล็อบบี้ให้ทั้งคู่ดูและเห็นพาดหัวตัวไม้ว่า “สยามซองตัดหางคมกริช ชามาดาฐานเนรคุณ” ฝ่ายต้อนรับหันมาบอกเสียงหนักแน่น
“ท่านประธานสั่งห้ามคุณสองคนเข้าบริษัท เพราะว่า ถ้านักข่าวเห็นเข้า จะทำให้
บริษัทเราเสียหาย”
คมกริชกับชามาดาอึ้ง
“และถ้าคุณทั้งสองไม่ยอมไป ท่านประธานก็อนุญาตให้ รปภ. ลากตัวออกไปได้ทันที”
“แก! อีบ้า! ไอ้เสี่ยอ๋ามันอยู่ไหน ไปเรียกมันออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
ชามาดาเริ่มโวยวาย ฝ่ายต้อนรับบอกรปภ.ให้หิ้วปีกทั้งสองออกไป คมกริชได้แต่เก็บความแค้นไว้ในใจ
ชามาดาเปิดประตูห้องเข้ามาอารมณ์เสีย สะบัดขาเขวี้ยงรองเท้าใส่กำแพง ฟึดฟัดเดินไปเขวี้ยงกระเป๋าใส่โซฟาอีก คมกริชเดินตามเข้ามาอารมณ์ไม่ต่างกัน
“ไงล่ะ...ถูกพวกมันไล่กลับมาเหมือนหมูเหมือนหมา”
“เลิกโวยวายซักที! ฉันทนฟังเธอมาตั้งแต่อยู่ในรถแล้วนะ”
“ไม่อยากฟังก็ต้องฟัง! เพราะความมักใหญ่โลภมากกับแผนบ้าๆ ของแกนั่นแหละ ที่ทำให้ฉันเดือดร้อนขนาดนี้”
คมกริชปรี่เข้าไปบีบคอชามาดา
“แล้วแกรึป่าวล่ะ! ที่เห็นดีเห็นงามด้วยเวลาที่ฉันคิดแผน สมองโง่ๆ ของแกเคยช่วยอะไรได้บ้าง”
“ปล่อยนะ! ฉันเจ็บ”
คมกริชยิ่งบีบ
“โอ้ยปล่อย! แกจะฆ่าฉันรึไงไอ้คมกริช! ทำชีวิตฉันพังยังไม่พอใช่มั้ย ปล่อย! ปล่อยนะไอ้แมงดา”
ชามาดาพยายามตีๆ มือ คมกริชโมโหตบทันทีจนชามาดาหน้าคว่ำทรุดลงกับโซฟา
“ถ้ากล้าปากดีอีกแกโดนหนักกว่าเดิมแน่...” คมกริชแค้นมาก “ไอ้เสี่ยอ๋า...มึงหลอกใช้กู แล้วยังหักหลังกูอีก กูเอาคืนแน่”
ชามาดามองเหยียด
“เฮ๊อะ! แกก็เป็นแค่หมาจนตรอก จะไปทำอะไรมันได้”
“หมาจนตรอกอย่างกูนี่แหละ กัดเจ็บยิ่งกว่าหมาบ้าซะอีก”
ชามาดาตามความคิดของคมกริชไม่ทัน เดาไม่ออกว่าเขาจะทำอะไร
กุ้งนางเดินมาซื้อน้ำดื่มที่ห้องอาหาร ทัศนีย์กำลังคุยอยู่กับพนักงานคนอื่นๆ อย่างออกรส กุ้งนางเข้าไปถาม
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะพี่ตู่”
“ก็เรื่องของคนเนรคุณคนไงกุ้ง” ทัศนีย์ยื่นหนังสือพิมพ์ให้กุ้งนาง “อ่านนี่สิ...”
กุ้งนางอ่านเห็นพาดหัวเรื่องชามาดากับคมกริชก็ตกใจ
“น่าสงสารนะคะพี่ตู่”
“โอ๊ย แม่นางเอก ลืมไปแล้วเหรอจ๊ะ ว่าเขาทำอะไรไว้กับบริษัทเรา ตัวเองก็จะถูกเขาตบอยู่รอมร่อ ยังจะสงสารอีก กุ้งอย่าไปคิดมาก...กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นก็ต้องสนองเป็นธรรมดา”
จิรายุเดินผ่านเข้ามา ทัศนีย์ทัก
“อ๊าว คุณจิมาพอดี เห็นข่าวนี่รึยังคะ”
“ข่าวอะไรครับ”
กุ้งนางหน้าตาไม่พอใจ ยัดหนังสือพิมพ์ใส่มือจิรายุ
“ทำไมต้องปล่อยข่าวทำร้ายเขา ซ้ำอีกคะคุณจิ”
จิรายุงง คลี่หนังสือพิมพ์อ่านก็ตกใจ
“กุ้ง เธอเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้ทำ”
“ถ้าไม่ใช่คุณ แล้วจะเป็นใคร”
ทัศนีย์เห็นท่าไม่ดีเลยรีบแจง
“เอ่อ...กุ้งนางจ๊ะ คุณจิเขาไม่ได้เป็นคนทำหรอกค่ะ คนที่สั่งให้ส่งข่าวไปตาม
สำนักพิมพ์ คือ คุณจรัลจ้ะ”
จิรายุกับกุ้งนางอึ้ง กุ้งนางแปลกใจ
“ท่านประธานก็ชนะแล้ว ก็ยังไม่พอใจ ต้องทำให้คุณชามาดาหมดทางทำมาหากินเลยเหรอคะ”
กุ้งนางเดินหนีไป จิรายุมองหน้าทัศนีย์ ทั้งคู่อึ้งไป
จิรายุวางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะให้จรัลดูพาดหัวข่าว
“พ่อทำขนาดนี้ทำไมครับ สองคนนั่น คงยอมแพ้ ไม่ฟ้องแล้วมั้งครับ”
“แกคิดว่าคนอย่างไอ้คมกริชมันยอมแพ้ง่ายๆ เหรอ ไอ้จิ คมกริชมันกล้ามาลบเหลี่ยมฉัน ฉันก็ต้องสั่งสอนให้มันรู้บ้าง ว่าใครเป็นใคร”
“แต่...”
“นี่มันโลกธุรกิจนะไอ้จิ มานั่งเห็นใจคนอื่นอยู่ไม่ได้หรอก มีแต่คนที่เข้มแข็งเท่านั้นแหละ ที่จะอยู่รอดได้”
“แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องบี้คนอ่อนแอให้ตายนี่ครับพ่อ”
“แล้วถ้าวันหนึ่งคนอ่อนแอมันแข็งแรงขึ้นมาล่ะ แกจะให้มันกลับมาเหยียบหัวฉันอีกทีเรอะ! มันต้องขุดรากถอดโคนเท่านั้น”
จิรายุอึ้งกับความเห็นแก่ตัวของพ่อ
“เอาเถอะ...ฉันพอแค่นี้ก็ได้ ฉันแค่ต้องการให้ไอ้คมกริชกับชามาดาออกไปจากวงการนี้เท่านั้นเอง แกคงเข้าใจฉันนะ”
จิรายุเซ็งเดินหนีออกจากห้องไป
ในห้องซ้อม กุ้งนางซ้อมร้องเพลงท่อนสุดท้ายจบ จิรายุยืนดูอยู่อีกฝั่งพอกุ้งนางเดินออกมาเขาก็ยื่นน้ำให้ กุ้งนางไม่รับน้ำมาดื่ม
“กุ้งยังโกรธฉันอยู่อีกเหรอ ก็บอกแล้วไง ว่าฉันไม่รู้เรื่องที่พ่อทำ”
กุ้งนางยังงอน หันหลังให้ จิรายุถอนใจ
“ฉันไม่รู้ว่ากุ้งจะเชื่อฉันรึเปล่านะ แต่ที่ผ่านมา ฉันเห็นด้วยกับกุ้งมาตลอด ถ้ากุ้งเข้าใจฉันบ้างสักครั้งก็ดีสิ”
จิรายุจะเดินออกไป กุ้งนางหันหลังกับมาเรียก
“คุณจิ...กุ้งเชื่อคุณค่ะ”
จิรายุดีใจ
“งั้นวันนี้กุ้งไปกินข้าวกับฉันนะ ฉันอยากเลี้ยงที่กุ้งเห็นฉันอยู่ในสายตาบ้างแล้ว”
“เหตุผลไม่แปลกไปหน่อยเหรอคะ”
“แปลก แต่ก็โอเคน่า นะ”
“ค่ะ”
ทั้งสองยิ้มให้กัน
รถจิรายุแล่นออกมาจากบริษัท โดยมีสุดนภาที่จอดรถอยู่อีกฝั่งของถนนมองดูอยู่
“พี่จิ...โทรมาทุกครั้งก็บอกว่าไม่ว่าง อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะงานยุ่งอะไรกันนักหนา”
สุดนภาขับรถตามออกไป
ค่ำนั้น จิรายุขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถหน้าร้านอาหาร รถของสุดนภาตามเข้ามาจอดข้างๆ จิรายุกับกุ้งนางลงจากรถ สุดนภาเดินตรงเข้าไปหาทั้งสอง
“พี่จิคะ...”
จิรายุกับกุ้งนางงงที่เจอกับสุดนภาที่นี่
“ฟ้าขอคุยกับพี่จิหน่อยได้มั้ยคะ”
กุ้งนางหันไปบอกจิรายุ
“เดี๋ยวกุ้งไปรอตรงทางเข้านะคะ”
“ไม่ต้องหรอก...” จิรายุหันไปหาสุดนภา “ผมไม่มีความลับกับกุ้งนาง คุยกันเลยก็ได้”
กุ้งนางแอบยิ้มดีใจ สุดนภาพยายามซ่อนความริษยา
“คือฟ้าอยากอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างสองบริษัทของเรา ฟ้าไม่ได้รู้เรื่องกับสิ่งที่ป๋าทำเลยนะคะ ฟ้ารู้...ว่าบริษัทของเราเป็นคู่แข่งกัน แต่มันไม่ยุติธรรมเลยที่พี่จิจะทำเป็นห่างเหินกับฟ้าแบบนี้”
สุดนภาตีหน้าเศร้า กุ้งนางรู้สึกเห็นใจ
“จริงๆ แล้ว เราก็เป็นแค่คนรู้จักกันธรรมดา จะห่างเหินกัน มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ผมว่าเราต่างคนต่างอยู่ดีกว่านะครับคุณฟ้า”
สุดนภาอึ้ง แต่ยังตีหน้าเรียบ
“ค่ะ...ฟ้าเข้าใจ” สุดนภาเปลี่ยนเรื่อง ยิ้มให้กุ้งนาง “นี่เธอกับพี่จิคงคบกันสินะ”
กุ้งนางอึกอัก
“เอ้อ”
จิรายุยิ้ม
“เราไม่ได้คบกันหรอก” เขาดึงมือกุ้งนางมากุมไว้ทันที “แต่เราเป็นแฟนกัน”
สุดนภาอึ้ง จิรายุยิ้มกว้าง กุ้งนางเหวอไปเลย
“คุณจิ!”
“งั้นฉันขอให้เธอกับพี่จิมีความสุขนะ...ฟ้าขอตัวนะคะ”
สุดนภาเดินกลับขึ้นรถขับรถออกไป
ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 21 (ต่อ)
กุ้งนางตีมือจิรายุ
“นี่แน่ะ! มือไวปากไวใจเร็ว พูดออกมาได้”
“ทำไมจะพูดไม่ได้ กุ้งไม่ต้องกลัวฟ้ารู้หรอกว่า เราเป็นแฟนกัน ตอนที่ฉันจูบกุ้งเขาก็เห็นมาแล้ว”
กุ้งนางเสียงดุ
“คุณพูดผิด! ข้อแรก...เราไม่ได้เอ่อจูบกัน คุณจูบฉันต่างหาก ข้อสอง...เรายังไม่เป็นแฟนกัน แค่...” กุ้งนางพูดไม่ออก “แค่...”
จิรายุจ้องตา
“แค่อะไร”
“คุณจิ”
“ก็พูดมาสิ ฉันอยากฟัง”
“คุณจิ”
“เฮ้อ เรียกอยู่ได้ เอายังงี้นะกุ้งนาง เราก็คบๆ กัน ต่อไปก็เป็นแฟนกัน แล้วก็...แต่ง”
“บ้า! คนบ้า”
กุ้งนางเขินจัดเดินหนี จิรายุเดินตาม
“อ้าว...ไม่ชอบเหรอ หรือจะให้ฉันไปชอบฟ้าล่ะ”
กุ้งนางงอน
“เรื่องของคุณ!”
“เรื่องของฉัน ก็ฉันรักกุ้ง กุ้ง...เดี๋ยว!รอด้วย”
จิรายุรีบตามอย่างมีความสุข
สุดนภาขับรถไปตามถนน ยังเจ็บใจเรื่องกุ้งนางกับจิรายุอยู่
“หึ! คิดเหรอว่าคนอย่างสุดนภาจะยอมง่ายๆ แกต่างหาก นังกุ้งนางที่ต้องช้ำใจกลับไป กลับไปบ้านนอกคอกนาของแกนั่นแหละถึงเหมาะสมกัน”
วันต่อมา...กุ้งนางซ้อมร้องเพลงอย่างตั้งใจ...ซ้อมเต้นกับแดนเซอร์ จิรายุยืนดูอยู่กับทัศนีย์ นทีทองเดินเข้ามาร่วมดูด้วย
“กุ้งนางนี่สวยน่ารักดีนะครับคุณจิ”
จิรายุยิ้มเห็นด้วย
“ครับ”
“แล้วคุณจิชอบกุ้งจริงๆ หรือเล่นๆ ครับ”
จิรายุหน้าเหวอ
“เฮ้ย พี่”
ทัศนีย์ยิ้มขำ
“เขารู้กันทั้งบริษัทแล้วล่ะค่ะ คุณจิปิดเรื่องอะไรก็ปิดได้นะคะ”
นทีทองยิ้มๆ
“แต่เรื่องชอบกุ้งนางนี่ ปิดยังไง๊ ก็ปิดไม่มิดหรอกครับ”
จิรายุยอมรับแบบเขินๆ นทีทองถามเรียบๆ
“แล้วตอนนี้กุ้งนางเขาคิดยังไงกับคุณจิล่ะครับ”
“เขาคงไม่ค่อยมั่นใจในตัวผมนะครับ”
“ก็จริง คุณจิชอบทำเป็นล้อเล่น ไม่จริงจัง ผู้หญิงเขาก็ไม่มั่นใจสิครับ”
ทัศนีย์แนะนำ
“จริงๆ แล้ว การเอาใจผู้หญิงนี่ไม่ยากนะคะ แค่รู้ว่าอะไรที่ทำแล้ว เขามีความสุข เราก็ทำให้เขา แค่นี้เขาก็ประทับใจแล้วค่ะ”
จิรายุนึกได้ทันทีว่าต้องทำอะไร
หลายวันต่อมา...จิรายุอยู่ในห้องทำงาน เขาเล่นดนตรีเพลงที่พ่อกุ้งนางแต่งไว้ให้กุ้งนางฟังจนจบ
“กุ้งชอบรึป่าว”
กุ้งนางยิ้มมีความสุข
“ชอบมากเลยล่ะค่ะ”
“ฉันบอกแล้วไง ว่าขอแก้ตัวเรื่องใส่ทำนองเพลงนี้”
กุ้งนางน้ำตาคลอด้วยความสุข
“กุ้งไม่รู้จะพูดยังไง นี่เป็นเพลงของพ่อที่แต่งให้แม่ แล้วตอนนี้คุณจิก็ทำให้เพลงนี้ เป็นเพลงเสร็จสมบูรณ์ขึ้นมาจริงๆ”
“กุ้งนาง ฉันจะยอมทำทุกอย่าง ที่ทำให้กุ้งมีความสุข”
กุ้งนางยิ้มน้ำตาไหลออกมาด้วยความสุข จิรายุดึงเข้ามากอด
“ร้องไห้ทำไม”
“กุ้งขอบคุณนะคะ”
จิรายุยิ้ม
“เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นดีกว่า”
“อะไรคะ”
“อืม...ฉันขอให้เราเป็นแฟนกัน ขอให้กุ้งมั่นใจในตัวฉัน”
กุ้งนางยิ้มแต่ไม่ตอบ
“ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร...เอางี้ดีกว่า เราไปอัดเพลงนี้กันเลย ดีไหม”
“ค่ะ” กุ้งนางตอบรับอย่างมีความสุข
ในห้องอัดเสียง กุ้งนางกำลังจะร้องเพลงที่พ่อแต่งไว้ มีจิรายุจรัลยืนคอยฟังอยู่ ดนตรีเพลงขึ้น พอดีกับที่นทีทองเดินเข้ามา กุ้งนางเห็นนทีทองก็ดีใจตั้งใจมากขึ้น กุ้งนางร้องเพลงอย่างมีความสุข มองนทีทองที่ยิ้มให้ กุ้งนางเริ่มมีความหวัง จรัลหันมาถามลูกชาย
“เพลงนี้เพราะดีนี่หว่าไอ้จิ แกนี่ก็ฝีมือใช่เล่นนะ”
“เพลงนี้พ่อของกุ้งนางแต่งเนื้อไว้ครับ ผมแค่ช่วยใส่ทำนอง”
นทีทองยิ้ม
“พ่อของกุ้งนางต้องรักแม่เขามากเลยนะครับ เพลงถึงออกมาได้เพราะขนาดนี้”
“ไอ้จิ เดี๋ยวถ้ากุ้งนางร้องเสร็จแล้ว แกให้กุ้งนางไปหาฉันที่ห้องทำงานฉันหน่อยนะ”
จรัลยิ้มอย่างมีแผน จิรายุงงว่าพ่อคิดจะทำอะไร
จรัลนั่งคุยอยู่กับนทีทองที่โต๊ะทำงาน เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่จิรายุจะเปิดประตูพากุ้งนางเข้ามา กุ้งนางเห็นนทีทองนั่งอยู่หน้าโต๊ะจรัลด้วยก็รู้สึกตื่นเต้น คิดว่านทีทองได้ฟังเพลงแล้วจำได้ ก็เข้ามาคุยกับจรัลเรื่องตัวเอง จรัลหันไปหากุ้งนาง
“กุ้งนาง ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วยน่ะ นั่งก่อนสิ”
จิรายุงงว่าจรัลจะคุยเรื่องอะไร กุ้งนางใจเต้นเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ข้างนทีทอง จิรายุแยกตัวไปนั่งที่โซฟา นทีทองหันมาบอก
“กุ้งนาง เพลงแก้วตาที่ร้องเมื่อกี้นี้ เพราะมากเลยนะ”
กุ้งนางยิ้มดีใจที่นทีจำได้
“เห็นคุณจิบอกว่า พ่อของกุ้งเป็นคนแต่งเหรอ”
กุ้งนางงง
“ค่ะ...”
“กุ้งนาง ฉันขอเข้าเรื่องเลยนะ บอกตรงๆ ว่าฉันชอบเพลงของพ่อเธอ ฉันอยากจะ
เอามันมาอยู่ในอัลบั้มนี้ด้วยจะได้มั้ย”
กุ้งนางไม่ได้ยินที่จรัลถาม เพราะยังสับสน กับเรื่องที่นทีทองที่เธอคิดว่าเป็นพ่อจำเพลงไม่ได้ นทีทองขอตัว
“เอ่อ...ท่านครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมกลับก่อนนะครับ”
“อืม ก็อย่างที่คุยกันไว้แหละนะคุณนที คุณลองไปจัดการดูละกัน”
“ครับ”
นทีทองเดินออกไป กุ้งนางมองตามไป น้ำตาเริ่มคลอเบ้า เพราะนทีทองจำอะไรไม่ได้เลย จรัลหันมาถาม
“ว่าไงล่ะกุ้งนาง เรื่องเพลงน่ะ”
“อะไรนะคะ”
“ก็เรื่องที่ฉันว่าจะขอให้เพลงของพ่อเธออยู่ในอัลบั้มนี้น่ะ ได้มั้ย แต่ฉันขอดูแลเรื่องลิขสิทธิ์นะ”
“พ่อ!”
จิรายุไม่เห็นด้วยลุกขึ้นมาจากโซฟาเดินมามองหน้ากุ้งนาง จรัลหัวเสียที่จะถูกขวาง กุ้งนางตัดสินใจ
“ให้บริษัทดูแล ดีแล้วค่ะ...แล้วแต่ท่านจะกรุณา แค่กุ้งได้ร้องเพลงของพ่อ กุ้งก็มีความสุขแล้วค่ะ” กุ้งนางน้ำตาจะไหล “กุ้งขอตัวก่อนนะคะ”
กุ้งนางลุกเดินไป จิรายุสงสัยว่ากุ้งนางบอกมีความสุขแต่ทำไมหน้าเศร้า
“อย่าเพิ่งไปกุ้ง อยู่คุยกันเรื่องลิขสิทธิ์เพลงก่อน”
กุ้งนางชะงักน้ำตาไหลออกมา แต่หันหลังอยู่ไม่มีใครเห็น
“กุ้งไม่สนใจเรื่องนั้นหรอกค่ะ”
กุ้งนางพูดจบออกไปทันที จรัลไม่พอใจลูกชาย
“ไอ้จิ! แกจะมาขวางเรื่องลิขสิทธิ์เพลงของพ่อกุ้งนางทำไมวะ”
“ผมแค่ไม่อยากให้มีปัญหาทีหลังน่ะพ่อ”
“แกรีบไปไกลๆ เลยไป เรื่องนี้ ฉันจัดการเอง”
จรัลไล่จิรายุอย่างหัวเสีย จิรายุได้แต่เซ็ง
คมกริชขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านเสี่ยอ๋าเปิดประตูออกมาจากรถอย่างมีแผน คนใช้ในบ้านวิ่งออกมา
“ไอ้...” คมกริชนึกได้ “เสี่ยอยู่มั้ย เขานัดฉันมาหาน่ะ”
“ยังไม่กลับมาค่ะ เชิญรอด้านในก่อนนะคะ”
คนใช้เดินนำไป คมกริชยิ้มร้ายอย่างเอาเรื่อง
คมกริชยืนดื่มน้ำรอเสี่ยอ๋าอย่างสบายใจอยู่ในห้องรับแขก ไม่นานนักเสียงรถเสี่ยอ๋าก็เข้ามาจอด
“มาแล้วเรอะ ไอ้เสี่ยชั่ว”
เสี่ยอ๋าเดินเข้ามาเห็นคมกริชก็ตกใจ
“คมกริช! แกมาทำไม”
“ก็มาหาเสี่ย มีเรื่องต้องพูดกันให้จบ”
“เรื่องของแกกับชามาดา มันจบแล้ว”
“เสี่ยกล้ามากเลยนะครับ ที่คิดจะตัดหางผม”
“เฮอะ! ช่วยไม่ได้ มันเป็นเรื่องของผลประโยชน์ ฉันไม่บ้าไปลงทุนกับคนที่ไม่มี
ประโยชน์แล้วหรอกว่ะ”
“แต่เสี่ยคงลืมคิดไปนะครับ” คมกริชควักปืนออกมา “ว่าหมาบ้าบางตัวน่ะ มันดุเกินกว่า
จะให้ใครมาแตะหางของมันได้”
เสี่ยอ๋าตกใจจะเรียกคนมาช่วย คมกริชรีบเข้าไปเอาปีนจี้
“ถ้าแหกปากล่ะก็ แกได้ตายเร็วกว่าที่คิดแน่! ไปที่ห้องทำงานแก”
เสี่ยอ๋าจำต้องพาคมกริชไป
เสี่ยอ๋าเปิดประตูห้องทำงานเข้ามา คมกริชผลักไปที่โต๊ะทำงาน พอดีกับที่เสียงรถสุดนภาเข้ามาจอดหน้าบ้าน...สุดนภาเดินเข้ามามองไปรอบบ้านไม่เห็นเห็นพ่อก็พึมพำ
“ป๋ามาแล้วนี่นา...” หญิงสาวตะโกน “ป๋าคะ! ป๋า!...ป๋าอยู่ไหนคะ”
คมกริชได้ยินเสียงก็ยิ้มร้าย เสี่ยอ๋าหน้าตื่น
“แก ไอ้คม! แกคิดจะทำอะไร”
“หึ...เดี๋ยวก็รู้...เรียกลูกสาวแกมา!เรียกสิ หรืออยากจะตายนอนนี้เลย...”
เสี่ยอ๋านิ่งเงียบ คมกริชตะคอก
“เร็ว”
เสี่ยอ๋าตัดสินใจเรียก
“ฟ้า...ป๋าอยู่ห้องทำงานลูก เข้ามาหาป๋าหน่อยลูก”
สุดนภางงที่ได้ยินเสียงเรียกตัวเอง ชะงักแล้วเดินไปที่ห้องทำงาน
คมกริชหลบอยู่มุมประตู ตาก็มองระวังที่เสี่ยอ๋า สุดนภาเปิดประตูเข้ามา
“ป๋าคะ”
คมกริชเข้ามาล็อคคอทันที
“ว้าย!”
เสี่ยอ๋าตกใจ
“ไอ้คมกริช! แกอย่าทำอะไรลูกฟ้านะ! ฉันยอมแล้ว แกอยากได้อะไรบอกมาเลย ฉันยอม”
“ทีหยั่งงี้ยอมง่ายจังเลยนะ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าอีลูกสาวคนสวยของแก จะยอมฉันง่ายๆ รึป่าว”
คมกริชกอดรัดสุดนภาแน่น หอมซอกคอ สุดนภาร้องกรี๊ดดด! เสี่ยอ๋าร้องห้าม
“ไอ้คมกริช อย่าทำลูกฉัน แกอยากได้อะไรเอาไปเลย เงินใช่มั้ย”
เสี่ยอ๋ารีบไปหยิบเช็คที่โต๊ะมาเซ็น
“เงิน...10 ล้าน! ฉันให้แก10 ล้าน! นี่!เอาไปเลย”
คมกริชหูผึ่ง
“หึๆๆ เดรัจฉานอย่างแก ก็ห่วงลูกเป็นเหมือนกันนะ”
คมกริชลากสุดนภาไปใกล้ เสี่ยอ๋ายื่นเช็คให้ คมกริชรับมาแล้วมองตัวเลข จังหวะที่คมกริชเผลอเสี่ยอ๋าเข้าชาร์ตเสี่ยงชีวิตช่วยลูกสาว สุดนภาหลุดออกมา คมกริชกับเสี่ยอ๋าต่อสู้แย่งปืนกัน สุดนภาร้องลั่น
“อ๊าย...ป๋า!! ช่วยด้วย!! ช่วยด้วย!! มีใครอยู่บ้าง ช่วยด้วย”
ทันใดนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น เสียอ๋ากับคมกริชล้มลง สุดนภาช็อค
“อ๊าย!”
เสี่ยอ๋าผลักคมกริชที่ถูกยิงออกจากตัว เสี่ยอ๋าลุกขึ้นยืนหัวเราะสมน้ำหน้า คมกริชยังมีสติจะหยิบปืนขึ้นมาจะยิง เสี่ยอ๋าถีบหน้าคมกริชแล้ว รีบไปหยิบปืนจ่อหน้าผากคมกริช สุดนภาตกใจ
“ป๋า! อย่า!”
“ไปตายซะเถอะ ไอ้ขี้ข้าไร้ประโยชน์”
ปัง! เสียงปืนดังขึ้นดับชีวิตคมกริช สุดนภาตกใจขวัญเสีย...
จิรายุนั่งเซ็งดูรายการบันเทิงทีวี ประเภทแฉ อยู่ที่ห้องรับแขก พิธีกรหญิงประกาศจบรายการ
“ก็จบกันไปนะคะ สำหรับข่าวกุ๊กกิ๊กดารา”
สักพักทีมงานรายการมายื่นแผ่นกระดาษให้พิธีกรชาย
“อ้าว มีข่าวด่วนครับ...ข่าวจากเบสท์ มิวสิค...” พิธีกรชายถามทีมงาน “มีภาพมั้ยครับ”
“มีครับ”
จิรายุเริ่มสนใจข่าว พิธีกรสาวดำเนินรายการต่อ
“ข่าวอะไรคะ ท่าทางจะสำคัญมากนะคะ”
“ครับ...” พิธีกรชายหันมารายงานกับคนดู “คุณผู้ชมครับ มีข่าวด่วนข่าวใหญ่เลยครับ เพิ่งได้เทปมาสดๆ...คมกริชครูเพลงชื่อดัง อดีตลูกหม้อสยามซองถูกยิงตายคาห้องทำงานที่บ้านของนายอำนาจหรือที่รู้จักกันดีในนามของเสี่ยอ๋า เจ้าของบริษัทเบสท์ มิวสิค”
จิรายุตกใจ ตั้งใจดูภาพข่าว พอดีกับที่จรัลเดินเข้ามาก็อึ้งกับข่าวที่เห็น ในภาพข่าวเห็นเสี่ยอ๋าโดนตำรวจรวบตัวใส่กุญแจมือ มีศพของคมกริชนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้นและสุดนภาที่ยังขวัญเสียอยู่
“ข่าววงในเชื่อกันว่า นายคมกริชกับเสี่ยอ๋าอาจจะมีปัญหากัน หลังจากรู้ตัวว่ากำลังถูกจับตาเรื่องร่วมมือกัน วางแผนลอบยิงครูชาตรี และนายคมกริชอาจจะกำลังถูกเสี่ยอ๋าเขี่ยทิ้ง เลยเกิดความแค้นและเกิดเรื่องขึ้น”
พิธีกรหญิงยิงคำถาม
“มีประเด็นอื่นอีกไหมคะ”
“มีครับ ส่วนอีกประเด็นใหญ่ก็คือ ทางตำรวจได้ให้สัมภาษณ์ว่า ปปส.จับตาดู
เสี่ยอ๋ามานานแล้ว เรื่องของการเป็นผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ และได้ค้นพบหลักฐานสำคัญหลายอย่างภายในบ้าน ที่จะมัดตัวเสี่ยอ๋าจนดิ้นไม่หลุด”
ในภาพข่าวเห็นตำรวจให้สัมภาษณ์ และตำรวจค้นพบหลักฐานการค้ายาเสพติดหลายอย่าง
“โดยตอนนี้บุตรสาวคือนักร้องสาวชื่อดัง ฟ้า-สุดนภา เบสท์มิวสิค จะต้องให้ปากคำกับตำรวจ ส่วนเสี่ยอ๋าอาจจะต้องรับโทษหนัก”
พิธีกรหญิงเสริม
“ก็ซับซ้อนซ่อนเงื่อน เบื้องหลังเบื้องลึกก็คงต้องถูกนำออกมาแฉกันต่อไปอีกแล้วนะคะ”
“ครับ...ก็ว่ากันไปตามตัวบทกฎหมายและหลักฐานที่เห็นนั่นแหละครับ ตอนนี้พักชมโฆษณากันครู่นึงครับ”
จิรายุอารมณ์เสีย ลุกขึ้นมามองหน้าจรัล
“หยั่งงี้ใช่มั้ยครับที่พ่อต้องการ ต้องให้ตายให้ดับกันไปข้างเลยใช่มั้ย”
จรัลอึ้งตอบไม่ได้เพราะไม่คิดว่าจะเกิดโศกนาฎกรรมขนาดนี้ จิรายุเห็นพ่อเงียบเลยเดินขึ้นห้องไป
ชามาดายังนั่งอึ้งตกใจกับข่าวคมกริช ในมือยังถือรีโมทค้างอยู่
“พี่คม...พี่คม...”
ชามาดาคิดไม่ออกทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ร้องไห้
“พี่คมตายแล้ว...ฮือๆๆ แล้ว...แล้วดาจะทำยังไง พี่คม พี่คม! ฮือๆ”
ชามาดาหยิบโทรศัพท์มากด ที่หน้าจอเป็นชื่อของวีวี่ เธอร้องไห้รอวีวี่รับสายอยู่นานจนสายตัด ชามาดากดดูอีกครั้งก็ไม่มีวี่แววที่วีวี่จะรับสาย หญิงสาวร้องไห้รู้สึกว่าตัวเองไม่เหลือใครอีกแล้ว นึกถึงกุ้งนางก็เจ็บใจ
“ที่ชีวิตฉันเป็นหยั่งงี้ก็เพราะแกนังกุ้งนาง! ถ้าไม่มีแกโผล่เข้ามาซักคน ฉันก็คงไม่ตกอับอย่างนี้ จิก็คงไม่ทิ้งฉัน”
ชามาดาเคียดแค้น อาฆาตกุ้งนางมาก
ทีมงานถ่ายทำเอ็มวีกำลังช่วยกันเซ็ทไฟ เซ็ทฉาก กุ้งนางกำลังซ้อมเต้นกับทีมแดนเซอร์อยู่อีกมุม มีทัศนีคอยดูอยู่ใกล้ๆ หัวหน้าทีมงานหันมาบอกทุกคน
“โอเคครับทุกคน เที่ยงแล้ว...เดี๋ยวเราพักกลางวันกันชั่วโมงนึง บ่ายโมงตรงประจำที่กันที่นี่ทุกคนนะครับ”
ทุกคนแยกย้ายออกไปโรงอาหาร เหลือกุ้งนางที่ยังบิดๆ บริหารร่างกายอยู่ ทัศนีย์หันไปเรียก
“กุ้งนาง เขาไปกันหมดแล้ว พักก่อนเถอะ”
“พี่ตู่...กุ้งฉันตื่นเต้นน่ะค่ะ อยากให้งานออกมาดี เดี๋ยวกุ้งขออยู่ซ้อมอีกแป๊บนึงนะคะ”
ทัศนีย์ยิ้มเอ็นดู
“ตามใจจ้ะ แต่อย่านาน ต้องกินข้าวกินปลาบ้าง ไม่งั้นจะไม่มีแรงทำงาน”
“ค่ะพี่ตู่ เดี๋ยวกุ้งตามไปนะคะ”
ทัศนีย์เดินออกไป
กุ้งนางซ้อมกับตัวเองอยู่พักหนึ่งก็หยุด เดินไปกินน้ำและใช้ผ้าซับเหงื่อ พลางก็นึกถึงเรื่องที่ผ่านมาของตัวเองในออดีต ตอนนั้นหญิงสาวยืนมองภาพถ่ายของแก้วตา ในมือถือกระดาษโน้ตที่มีเนื้อเพลงและสร้อยลูกปัด
‘แม่...กุ้งจะไปหาพ่อนะ กุ้งจะไปถามพ่อแทนแม่ ว่าทำไมเขาถึงใจร้าย หรือมีความจำเป็นอะไรถึงทิ้งแม่กับกุ้งได้ แม่...เอาใจช่วยกุ้งด้วยนะ’
กุ้งนางนึกถึงตอนที่ได้ จิรายุชวนเธอเป็นนักร้อง
‘ทำไมถึงยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้’
‘ฉันไม่ได้แข่งกับใคร ทำไมฉันถึงจะต้องยอมแพ้ด้วย’
‘โอกาสทองแบบนี้ไม่ได้มาเคาะประตูเรียกเธอทุกวันนะกุ้งนาง’
‘ชีวิตฉันดีอยู่แล้ว ฉันไม่อยากทำมันยุ่งยากไปกว่านี้’
กุ้งนางนึกถึงตอนที่เธอขึ้นร้องเพลงที่เวทีของสถานีโทรทัศน์ ทัศนีย์ประกาศก้อง
‘ราชินีลูกทุ่งคนใหม่ของวงการแต่งตัวเสร็จแล้ว’
กุ้งนางในชุดนักร้องเต็มยศ ทั้งสวยทั้งสง่าดึงดูดสายตาทุกคู่ จิรายุตะลึง อึ้งในความสวยของเธอ กุ้งนางมองมาเห็นสายตาของเขาก็เขินเล็กๆ ชามดาตกใจ อึ้งตะลึง! งงจนพูดไม่ออก
กุ้งนางนึกถึงตอนที่ชามาดาเข้ามาหาเรื่อง
‘อีนังกุ้งนาง!’
ทุกคนตกใจ
‘อีมารหัวใจ แกมันเป็นตัวซวยทำชีวิตฉันพัง’
‘ชีวิตของคุณพังก็เพราะตัวคุณ ไม่ใช่ฉัน’
ชามาดาโกรธจัด
‘หนอยแก!’
กุ้งนางนั่งถอนใจเหนื่อยกับชีวิตที่ผ่านมา หญิงสาวลุกจะเดินออกจากห้องสตูก็เจอกับชามาดาที่มาดักรออยู่หน้าตาเอาเรื่อง
“คุณชามาดา”
“ชีวิตเจริญเร็วจริงนะอีกุ้งนาง แกใช้มารยายั่วจิ ยั่วยวนทุกคน อย่างแกคงจะใช้ตัวเข้าแลกกับท่านประธานด้วยเลยล่ะมั้ง”
“คุณชามาดา คุณจะดูถูกฉันมากไปแล้วนะ”
“น้อยไปด้วยซ้ำ ในเมื่อแกทำชีวิตฉันพัง ฉันก็จะทำลายแกบ้าง” ชามาดาหยิบขวดน้ำกรดออกมาเปิดฝา “อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าหน้าแกเสียโฉมไปแล้ว ใครมันยังอยากจะเอาแกบ้าง”
กุ้งนางตกใจพยายามมองหาคนช่วย
“คุณจะทำหยั่งงี้ไปทำไม ถึงคุณจะออกจากที่นี่ไปแล้ว คุณก็ยังมีชีวิตมีเวลาอยู่อีกเหลือเฟือที่จะกลับตัว ยังเริ่มต้นทำดีสร้างชื่อเสียงกลับมาใหม่ได้”
“แกคิดว่าฉันยังมีอะไรเหลืองั้นเหรออีใสซื่อ ในเมื่อแกเอามันไปหมดแล้ว แกทำลายชีวิตฉัน ฉันเกลียดแก! อีนังกุ้งนาง”
ชามาดาพุ่งพรวดเข้าหาหวังเอาน้ำกรดสาดใส่หน้า กุ้งนางหลบทัน น้ำกรดหกใส่พื้น พิษกรดกัดพื้นเป็นรอย กุ้งนางตกใจ ชามาดาสะใจที่เห็นกุ้งนางเสียขวัญ ชามมาดาพุ่งเข้าหาอีกครั้ง กุ้งนางคว้ามือชามาดาไว้ได้ ยื้อกันไปมาจนถอยไปชนกับเสาไฟ น้ำกรดกระเซ็นโดนมือชามาดาจนร้องกรี๊ดปล่อยขวดตกลงพื้น ชามาดาเลือดขึ้นหน้า ผลักเสาไฟหวังให้หล่นทับ กุ้งนางหลบไปได้ แต่ก็ต้องถูกชามาดาลากออกมาบีบคอจนแทบหายใจไม่ออก กุ้งนางดิ้นจนหลุดออกมาได้ ชามาดายิ่งเจ็บยิ่งแค้น ดึงสายไฟที่อยู่ใกล้ๆหวังจะเอาไปรัดคอกุ้งนาง แต่สายไฟนั้นดึงเอาเสาไฟที่กำลังเปิดไฟอยู่เอนมาทางชามาดากุ้งนางตกใจ
“คุณชามาดา!”
ชามาดางง หันไปมองข้างหลังก็หลบไม่ทันแล้ว
เสาไฟหล่นทับตัวชามาดา กล่องหลอดไฟร้อนๆ ปะทะเข้าที่ใบหน้าพอดี กุ้งนางตกใจร้องลั่น
ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 22
จรัลเดินเร่งฝีเท้ามาตามทางเดินโรงพยาบาลจนทัศนีย์แทบตามไม่ทัน จิรายุยืนปลอบกุ้งนางอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน จรัลกับทัศนีย์เดินเข้ามา
“ไอ้จิ ชามาดาเป็นยังไงบ้าง”
“ยังไม่ทราบเลยครับ”
“เฮ้อ เรื่องมันไปกันใหญ่แล้วนะเนี่ย”
ทัศนีย์หันมาบอก
“ชามาดาคงจะไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ”
กุ้งนางหน้าสลด
“กุ้งไม่ได้คิดจะทำร้ายคุณชามาดานะคะ”
ทัศนีย์ปลอบ
“อย่าต้องโทษตัวเองเลยกุ้ง”
จิรายุปลอบอีกคน
“อย่าคิดมากสิกุ้ง มันเป็นอุบัติเหตุ แล้วชามาดาก็ตั้งใจจะมาทำร้ายกุ้ง”
ทัศนีย์หันไปเห็นหมอ
“คุณหมอมาแล้วค่ะ”
หมอเข้ามา จิรายุถามทันที
“คุณหมอครับ คนเจ็บเป็นไงบ้างครับหมอ”
“หมอต้องแสดงความเสียใจด้วยนะครับ เราทำสุดความสามารถแล้ว คนเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตแล้วครับ”
ทุกคนอึ้ง กุ้งนางซบไหล่จิรายุร้องไห้ จรัลพูดอะไรไม่ออก
กุ้งนางยืนร้องไห้อยู่ข้างศพชามาดาที่มีผ้าคลุมปิดทั้งร่าง จิรายุโอบไหล่กุมมือปลอบใจ ทัศนีย์ยืนดูอยู่ห่างๆ ส่วนจรัลยืนเศร้าอยู่ที่ริมหน้าต่าง จิรายุหันมองเห็นพ่อเศร้าๆเลยเดินเข้าไปหา
“ไอ้จิ แกคงอยากจะต่อว่าฉันอยู่สินะ...”
“พ่อคงไม่อยากให้เรื่องจบลงแบบนี้”
“พ่อไม่ได้เลวขนาดนั้น”
จิรายุไม่ได้ตอบอะไรเพราะไม่อยากจะซ้ำเติมพ่อ
“ครูชาตรีก็อยู่โรงพยาบาลนี่ใช่มั้ย”
“ครับ”
“แกช่วยพาฉันไปหาหน่อย ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับเขา”
จรัลพูดด้วยน้ำเสียงเรียบปลงๆ
“พ่อ...เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับครูนะครับ ตัวการอย่างเสี่ยอ๋าก็โดนจับไปแล้ว ให้เรื่องมันจบๆ ไปเสียเถอะครับ”
“ฉันบอกให้พาไปก็พาไปเถอะน่า หรือว่าแกจะให้ฉันไปหาเขาเอง”
จิรายุไม่เข้าใจว่าจรัลกำลังคิดจะทำอะไร
ครูชาตรีรู้สึกเศร้ากับเรื่องของคมกริชและชามาดา จิรายุ กุ้งนาง จรัลและทัศนีย์ยืนล้อมอยู่ข้างเตียง
“สุดท้ายก็ลงเอยแบบนี้สินะครับ เฮ้อ...ไม่น่าเลยจริงๆ ทั้งคมกริชทั้งชามาดา” ครูชาตรีหันไปหากุ้งนาง “กุ้งนาง แล้วหนูเป็นยังไงบ้าง”
กุ้งนางเสียงเศร้าหมอง
“กุ้ง ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะครู”
จรัลแทรกขึ้น
“ครูชาตรี...”
ครูชาตรีหันมองหน้าจรัล ทุกคนกลัวว่าจรัลจะหาเรื่อง
“ครับ คุณจรัล”
จรัลมองนิ่งก่อนถอนใจ
“ฉันขอโทษนะ...”
ทุกคนอึ้งที่ได้ยินจรัลขอโทษ ครูชาตรีเข้าใจจรัล
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ได้โกรธอะไรคุณจรัล”
“แต่ฉันก็ต้องขอโทษกับเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมา เรื่องที่ฉันทำไม่ดีไว้กับครูชาตรี”
กุ้งนางกับจิรายุงงว่าเรื่องอะไร แต่ทัศนีย์นั้นรู้ดี
ในอดีตเมื่อยี่สิบปีก่อน...ครูชาตรีตอนหนุ่มๆ เปิดประตูห้องเข้ามา จรัลนั่งยิ้มรออยู่ที่โต๊ะทำงาน มีนทีทองนั่งอยู่ด้วย
“ผมได้ฟังเพลงที่ครูแต่งแล้วนะ แล้วทางเราก็อยากที่จะให้ครูมาช่วยแต่งเพลงให้กับสังกัดของเรา ครูชาตรีจะว่าไง”
ครูชาตรีดีใจ
“ยินดีมากเลยครับ ขอบคุณนะครับที่คุณจรัลให้โอกาสผม”
“งั้นเดี๋ยววันนี้ถ้าครูเซ็นสัญญาเสร็จแล้ว” จรัลวางหนังสือสัญญาลงบนโต๊ะ “ครูก็
ทำงานได้ทันทีเลยนะ ผมให้คนจัดห้องไว้ให้แล้ว”
ครูชาตรีหันมองนทีทอง
“แต่ทางวงของนทีทอง...”
นทีทองยิ้ม
“พี่ไม่ต้องกังวลเรื่องผมหรอกครับ คุณจรัลจัดการให้เรียบร้อยแล้ว”
“ฉันหานักดนตรีมาแทนครูไว้แล้ว สบายใจได้”
ครูชาตรีนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ท่านครับ...ผมมีธุระที่จะต้องไปทำที่ต่างจังหวัดสักระยะนึงน่ะครับ หลังจากเสร็จธุระแล้ว ผมจะรีบกลับมาทำงานให้ท่าน”
“ผมว่ามันจะช้าไป ตอนนี้ สยามซองมีศิลปินที่จะต้องทำเพลงออกให้ทันกำหนดโปรโมตอีกหลายคน แล้วก็ยังมีโปรเจ็คใหญ่ ที่จะปั้นศิลปินหน้าใหม่อีก”
นทีทองยิ้มแย้มบอก
“ผมเองครับพี่ชาตรี คุณจรัลตกลงจะทำเพลงให้ผม พี่ต้องอยู่ช่วยผมก่อนนะ”
ครูชาตรีอึดอัดใจ
“แต่ว่า...พี่จะต้องไปจัดการเรื่องแต่งงาน”
“ครูชาตรี...เรื่องแต่งงานน่ะ รอก่อนก็ได้นี่ การตัดสินใจมาทำงานกับสยามซอง ครั้งนี้ จะเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตและความก้าวหน้าของครูเลยนะ”
“ผม เอ้อ...”
ครูชาตรีถอนใจ นทีทองขอร้อง
“ชีวิตผมด้วยนะพี่ชาตรี”
“เอาเป็นว่าเรื่องแต่งงานของครู รอไปอีกนิด แล้วผมจะเป็นเจ้าภาพให้เอง เอาให้สมเกียรติของนักแต่งเพลงสยามซองเลยล่ะ”
ครูชาตรีเริ่มลังเลใจ
“ตกลงน่า ครูอยู่ช่วยกันก่อน...ถ้าครูตกลง ผมรับปากว่าจะซื้อเพลงทุกเพลงที่ครูแต่งเลย เอ้า...”
ชาตรีดีใจ จรัลยิ้มเลื่อนหนังสือสัญญาไปใกล้ๆ ครูชาตรีจับปากกาเซ็นสัญญา
ค่ำนั้น ครูชาตรีนั่งเล่นเปียโนเพื่อแต่งเพลงด้วยความตั้งใจอยู่จนดึกดื่น จรัลเปิดประตูเดินเข้ามา
“ขยันจริงนะครู พักผ่อนบ้างก็ได้นะ เดี๋ยวเขาจะหาว่าผมเคี่ยวกับพนักงานหรอก”
ครูชาตรียิ้ม
“มันกำลังติดลมน่ะครับ”
“เอาๆ...ตามใจครูละกัน นี่ถ้าผมมีพนักงานขยันๆแบบครูอีกซักสิบคนนะ ค่ายเราคงจะรุ่งไม่เลิกแน่เลย ฮ่าๆๆๆ”
“เอ่อ...ท่านครับ ถ้าอัลบั้มออกเร็วก็ได้เงินเร็วใช่มั้ยครับ”
จรัลตบไหล่
“แน่นอนอยู่แล้ว ครูจะได้เอาไปแต่งงานไงล่ะ เอาล่ะ...ผมไม่กวนละ ครูทำงานต่อไปเถอะนะ”
จรัลเดินสบายใจออกไป ครูชาตรีนั่งยิ้มกับตัวเอง
“ต่อไปถ้าเรามีเงิน ครอบครัวของเรา กับคนที่เรารักก็จะสุขสบายด้วย”
ครูชาตรีตั้งหน้าทำงานต่อไป
หกเดือนต่อมา...จรัลเปิดเชมเปญฉลอง มีครูชาตรีกับทัศนีย์ยืนยินดีอยู่ด้วย
“เอ้า! ครูชาตรีเอาแก้วมา เดี๋ยวผมรินให้เอง”
“ขอบคุณครับ”
นทีทองยินดีกับครูชาตรี
“ยินดีด้วยนะครับพี่ เพลงของพี่ขึ้นชาร์ตติดอันดับแทบทุกเพลงเลย รวมทั้งเพลงที่พี่แต่งให้ผมด้วย” นทีทองยกมือไหว้ “ผมขอบคุณพี่มากๆ เลยนะครับ”
จรัลดีใจมีความสุขมาก
“จะไม่ติดอันดับได้ไง ขายดีทุกอัลบั้มขนาดนี้ ยอดล้านตลับทุกชุดแบบนี้ เอ้า! ชนแก้วๆ”
ทุกคนชนแก้วดื่ม ทัศนีย์เอาแก้วของจรัลกับครูชาตรีไปรินไวน์อีก
“เออเกือบลืม...” จรัลเดินไปที่โต๊ะ “ผมเตรียมเช็คไว้ให้ครูแล้ว”
จรัลหยิบเช็คแล้วเดินเอามายื่นให้ ครูชาตรีดีใจยิ้มรับ
“ขอบคุณครับท่าน” ครูชาตรีดูเช็คแล้วอึ้ง “เอ่อ...ท่านครับ ทำไมได้แค่นี้ละครับ”
“ก็เป็นค่าซื้อเพลงไง ครบทุกเพลงเลยนะ”
ครูชาตรีงง
“ตามปกติ ผมควรจะได้ส่วนแบ่งจากยอดขายด้วยไม่ใช่เหรอครับ”
จรัลไม่พอใจที่ถูกรู้ทันแต่ก็เก็บอาการไว้ นทีทองมองจรัล
“พี่ชาตรีไม่ได้ทำสัญญาเรื่องส่วนแบ่งจากยอดขาย แบบเดียวกับศิลปินเหรอครับ”
จรัลหงุดหงิดมองหน้า นทีทองพอจะเข้าใจว่าจรัลเอาเปรียบครูชาตรี
“เอางี้ละกันครู เรายังมีอัลบั้มให้ทำกันอีกเยอะ คราวหน้าผมจะให้ส่วนแบ่งด้วยแล้วกัน”
ครูชาตรีไม่ค่อยพอใจที่ถูกเล่นแง่ตั้งแต่แรก แต่ก็ต้องยอมๆ
“ท่านครับ สิ้นเดือนนี้ผมคงต้องขอลากลับต่างจังหวัดซักระยะนะครับ ผมยังไม่ได้ทำธุระที่ค้างไว้เลย”
“พูดเรื่องแต่งงานอีกแล้ว จะไปช่วงนี้คงไม่ได้หรอกครู ยังมีศิลปินรอเพลงอยู่อีกเยอะ ถึงตอนนี้ได้คนแต่งเพลงมาใหม่ที่ชื่อคมกริช แต่ฝีมือเขาก็ยังไม่เข้าที่น่ะ ถ้าครูไปตอนนี้บริษัทต้องเสียหายหลายล้านแน่เลย”
นทีทองแทรกขึ้น
“ท่านครับ ให้พี่ชาตรีไปเถอะนะครับ”
“นี่นทีทอง คุณออกไปซ้อมเพลงอัลบั้มใหม่ดีกว่านะ”
“ครับท่าน”
นทีทองเดินออกไป ชาตรีหมดหวังที่จะได้ลา จรัลแตะไหล่
“ครู ช่วงนี้มันสำคัญจริงๆ อยู่ทำงานช่วยบริษัทก่อน กลับไปอีกทีจะได้หอบความสำเร็จกลับไปด้วยเลย”
ครูชาตรีหนักใจแต่ก็ต้องยอม
ครูชาตรีแต่งเพลงอยู่ในห้องทำงานอย่างตั้งใจ...ครูชาตรีดูการฝึกร้องเพลงของนทีทอง มีจรัลคอยยิ้มดูอยู่ห่างๆ...จรัลกับนทีทองเปิดเชมเปญฉลองให้กับครูชาตรี...ครูชาตรียืนยิ้มมองรูปถ่ายคู่กับแก้วตาอย่างมีความสุข...ครูชาตรีนั่งเล่นเปียโนแต่งเพลง...ครูชาตรีเปิดดูสมุดบัญชีของตัวเอง แล้วหน้าไม่สบายใจ
ภาพหนังสือพิมพ์บันเทิงลงข่าวจัดอัดดับชาร์ทเพลงยอดนิยมมีชื่อนทีทองศิลปินดังและชื่อผู้แต่งเป็นชื่อครูชาตรี...จรัลกับนทีทองและศิลปินต่างๆ เปิดเชมเปญฉลองและปรบมือให้กับครูชาตรี จรัลตบไหล่แสดงความยินดี แต่ครูชาตรีแอบไม่สบายใจ...จรัลเซ็นเอกสาร มองดูเอกสารพร้อมยิ้มพอใจ
ครูชาตรีเปิดดูสมุดบัญชีด้วยท่าทีไม่พอใจ เขาหยิบรูปถ่ายคู่กับแก้วตามามองดูด้วยความเศร้า
10 ปีต่อมา จรัลกำลังเดินไปที่ห้องทำงาน ครูชาตรีตามาข้างหลัง นทีทองตามมาด้วย
“คุณจรัล คุณจรัลครับ”
นทีทองเตือน
“ค่อยๆ คุยกันนะพี่”
จรัลหันมา
“มีเรื่องอะไรเรอะครู ทำไมไม่ไปรอพบที่ห้องทำงานผม”
ครูชาตรีนิ่งอึ้ง นทีทองมองอย่างเป็นห่วง
ครูชาตรีวางสมุดบัญชีของตัวเองลงต่อหน้าจรัลด้วยความไม่พอใจ นทีทองนั่งอยู่ด้วย
“ครูมีปัญหาอะไรรึ”
“ผมอยากทราบว่า ทำไมส่วนแบ่งรายได้ของผม มันถึงไม่เคยครบเลย”
“อ๋อ...คือฉันจำเป็นต้องหักรายได้ส่วนหนึ่งเข้าบริษัทด้วยน่ะ”
“หักในส่วนของผมนี่นะครับ”
“อื้อ...”
จรัลตอบแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไร ครูชาตรีอึ้งรู้สึกโมโห ทัศนีย์แอบสงสารครูชาตรี
“ทำหยั่งงี้มันเท่ากับโกงกันนี่ครับ ถ้าผมได้ไม่ครบผมคงต้องฟ้อง”
จรัลตบโต๊ะ
“ก็ฟ้องไปเลยซี่! ยังไงสัญญาก็แค่ซื้อขาย ไม่ได้ระบุส่วนแบ่งจากยอดขาย”
ครูชาตรีแค้นลุกขึ้นยืนค้ำโต๊ะ
“งั้นผมลาออก และผมก็จะฟ้องสยามซองด้วย”
“เชิญ! ผมไม่มีความจำเป็นต้องมีครูแล้วก็ได้ ตอนนี้เพลงที่คมกริชแต่ง มันก็ดังไม่แพ้ของครูเหมือนกัน แนวคิดอะไรๆ ก็เป็นแบบคนหนุ่มสาวทันสมัย”
นทีทองพยายามขอร้อง
“ท่านครับ อย่าทำอย่างนี้เลยนะครับ”
“แกหุบปากไปเลยนทีทอง หรืออยากจะให้อนาคตดับวูบไปอีกคนนึง”
นทีทองอึ้งไป ครูชาตรีไม่พอใจ
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนทีทอง”
“ถูกต้องที่สุด แล้วครูก็อย่าลืมนะว่า เพลงที่ครูแต่งไว้เป็นสิทธิของบริษัททุกเพลง เพราะบริษัทซื้อขาดไปแล้ว อยากจะไป ไหน อยากจะฟ้องตอนนี้ ก็มีแต่อดตาย”
ครูชาตรีเจ็บใจ
“หึ...คนมีฝีมือไม่อดตายง่ายๆ หรอกครับ ตอนนี้เสี่ยอ๋ากำลังจะตั้งเบสท์ มิวสิค…”
จรัลตัดบทฉุนขาด
“นี่แกจะเนรคุณฉันไปอยู่กับเสี่ยอ๋าเรอะ”
“ผมไม่ได้เนรคุณ แต่ผมจะถือโอกาสนี้ ไปยื่นข้อเสนอดีๆ และร่วมเป็นผู้บริหารที่นั่นเลย”
“ไอ้ครูชาตรี”
“เมื่อคุณจรัลบอกว่าไม่มีสัญญา มีแต่สัญญาซื้อขาดเพลง ผมก็คงไม่ต้องลาออก”
“เออ ไอ้เนรคุณ”
ครูชาตรีเดินออกไปปิดประตูดังปัง จรัลเจ็บใจ
จรัลกับเสี่ยอ๋าชนแก้วดื่มกันอยู่ที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง
“ผมขอเข้าประเด็นเลยนะเสี่ย ผมไม่ต้องการให้เสี่ยรับไอ้ชาตรีเข้าทำงานกับเสี่ย”
“เพราะอะไรรึคุณจรัล”
“ชาตรีมันยังมีสัญญาติดอยู่กับบริษัทผม ถ้าเสี่ยรับมันก็คงต้องมีปัญหาแน่”
“หึ...คุณกับผมก็เป็นนักธุรกิจเหมือนกัน คุณคิดเหรอว่าผมจะไม่เช็คให้ดีก่อนตัดสินใจ คุณไม่มีสัญญาผูกมัดอะไร ครูชาตรีก็แค่พนักงานทำธรรมดา”
จรัลฉุนกึก
“แต่แกจะเอามันไปไม่ได้”
“คนมีฝีมืออย่างครูชาตรีน่ะ ใครๆ ก็อยากได้ทั้งนั้นละครับ”
จรัลเริ่มไม่พอใจที่ถูกเสี่ยอ๋าท้าทาย
“ค่ายเพลงของคุณมันเป็นแค่ค่ายเล็กๆที่เปิดใหม่เท่านั้น! อย่ามามีเรื่องกันเลยดีกว่า!”
เสี่ยอ๋าจ้องหน้า
“คุณจรัล ผมก็ทำมาหากินของผมดีๆ อยู่ คุณนั่นแหละ! ถ้าไม่อยากจะโดนค่ายเล็กๆ ล้ม เพราะมีข่าวเน่าๆ ว่ารังแกค่ายเล็ก เราก็ต่างคนต่างอยู่ดีกว่า”
“ได้! ถ้าแกกล้าท้าทายค่ายใหญ่อย่างฉัน เราก็จะได้เห็นดีกัน”
เสี่ยอ๋าไม่ยี่หระกับคำขู่ จรัลโมโหลุกเดินออกไป
“กูจะเป็นค่ายเล็กก็แค่วันนี้แหละ อนาคตกูจะดับสยามซองให้ได้ คอยดูเถอะ ไอ้จรัล”
จรัลยืนอยู่มุมหนึ่งของห้อง เล่าเรื่องทุกอย่างให้ทุกคนฟังโดยไม่ปิดบัง ครูชาตรีกับ ทัศนีย์ก็แปลกใจที่จรัลเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
“เป็นเพราะพ่อเอง ทุกอย่างเลยแย่ไปหมด แถมยังไปสร้างศัตรูกับเสี่ออ๋าเข้าอีก พ่อไม่เคยรู้เลยว่า ก่อนที่เสี่ยอ๋าจะมาทำค่ายเพลง มันเคยอยู่ในธุรกิจมืดมาก่อน”
จรัลถอนใจหันหลังเดินเข้าไปหาครูชาตรี
“ฉันต้องขอโทษครูชาตรีที่เมื่อก่อนไม่ยอมแบ่งผลประโยชน์อย่างยุติธรรมให้ จนครูต้องย้ายไปทำงานให้เบสท์ มิวสิค ตอนนี้ฉันก็ยังมาทำกับคมกริชอีก จริงๆ แล้ว ที่คมกริชต้องเป็นคนเนรคุณ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะฉัน ฉันรู้สึกผิดจริงๆ”
ทุกคนเห็นใจจรัล
“เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะครับ เก็บเอาคิดมาก ก็มีแต่จะบั่นทอนจิตใจเปล่าๆ ผมไม่ถือโทษโกรธคุณจรัลแล้วล่ะครับ”
ทุกคนดีใจที่ครูชาตรีกับจรัลได้เคลียร์ใจเรื่องที่ผ่านมา จรัลหันมาหากุ้งนาง
“กุ้งนาง...ตอนแรกฉันก็คิดจะเอาเปรียบเธอเหมือนกัน แต่ตอนนี้คงไม่แล้วล่ะ ถึงได้เงินมาก็เป็นเงินบาป ฉันจะคืนสิทธิประโยชน์ทุกอย่างตามที่เธอควรจะได้” จรัลหันมองครูชาตรี “รวมทั้งผลประโยชน์เก่าๆ ที่เคยโกงครูชาตรีพร้อมดอกเบี้ยด้วย”
ครูชาตรีขัดขึ้น
“คงไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ครับท่าน แค่ได้คืนความเข้าใจกับท่านผมก็ดีใจแล้ว”
“อย่าขัดผมเลยน่าครู ให้ผมได้สบายใจจริงๆบ้างเถอะ”
ครูชาตรีและทุกคนยินดีกับจรัลที่เป็นแบบนี้
เสี่ยอ๋ากับสุดนภานั่งคุยกันอยู่ในบ้าน เสี่ยอ๋าเล่าความจริงกับลูกสาว
“เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นแบบนี้แหละ...ป๋าขอโทษนะ ที่ทำให้ฟ้าผิดหวัง ป๋าเลือกทางเดินผิดเอง ตั้งแต่แม่ของหนูเสียไป ป๋าก็มีแค่ฟ้านี่แหละ ที่เป็นแก้วตาดวงใจของป๋า พอโดนพิษเศรษฐกิจเล่นงาน ป๋าก็ทนไม่ได้ที่จะเห็นหนูอยู่อย่างลำบาก ตอนนั้นมองไปทางไหนก็ไม่มีทางออกจริงๆ มารู้ตัวอีกที ป๋าก็วางมือไม่ได้แล้ว”
สุดนภาร้องไห้สงสารพ่อ เสี่ยอ๋าลูบหัวปลอบใจลูกสาว
“ป๋ารักฟ้านะลูก”
“ฟ้าก็รักป๋าค่ะ ป๋าไม่ต้องห่วงนะคะ ทนายเก่งๆ จะต้องช่วยป๋าได้ ยังไงตอนนี้ป๋าก็ได้ประกันตัวออกมาแล้ว”
“แค่ป๋าคงต้องอยู่เงียบๆ สักพัก”
“งั้นฟ้าก็จะจัดการเรื่องที่บริษัท แล้วก็เรื่องอื่นๆ เอง”
“ขอบใจนะลูก...”
เสี๋ยอ๋าเบาใจกับปัญหาที่เริ่มจะคลี่คลาย
สุดนภา อยู่มุมหนึ่งในบ้าน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหญิงสาวกดรับสาย
“ฮัลโหล...”
“ตอนนี้จิรายุกับกุ้งนางไปเยี่ยมครูชาตรีที่โรงพยาบาลครับ”
“ขอบใจมาก ไม่ต้องสืบอีกแล้ว เดี๋ยวที่เหลือฉันจะจัดการเอง...”
เย็นนั้น สายตาสุดนภากำลังมองผ่านจากด้านในรถ เห็นจรัล ทัศนีย์ จิรายุละกุ้งนางเดินออกมาจากโรงพยาบาล จรัลกับทัศนีย์แยกตัวไป จิรายุกับกุ้งนางเดินยิ้มไปด้วยกันขึ้นรถที่จอดอยู่อีกทาง สุดนภานั่งมองอยู่ในรถ
“ฟ้าคงจะเป็นคนดีไม่ได้แล้ว ในเมื่อพี่จิเป็นคนบังคับให้ฟ้าร้าย”
สุดนภาขับรถออกไปอย่างเจ็บแค้น
ค่ำนั้น จิรายุกับกุ้งนางนั่งอยู่ในร้านอาหาร
“กุ้งนาง ฉันดีใจจริงๆ ที่พ่อเปลี่ยนความคิดไปในทางที่ดีขึ้น”
กุ้งนางยิ้มเห็นด้วย
“เรื่องที่เกิดช่วงหลายวันมานี้ มันเลวร้ายมาก”
“ใช่ แต่เรื่องร้ายๆ ทั้งหมดมันได้ผ่านไปแล้ว”
กุ้งนางนิ่งเงียบถอนหายใจแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ จิรายุเดาไม่ออกว่ากุ้งนางคิดอะไรอยู่
“กุ้งยินดีกับคุณจินะคะ ที่เรื่องงานของคุณจิจบลงได้ด้วยดี แต่เรื่องของกุ้งนี่สิ ไม่รู้จะเป็นยังไงต่อไป”
“เรื่องของกุ้ง กุ้งยังมีเรื่องอะไรไม่สบายใจอีกเหรอ บอกฉันได้มั้ย”
กุ้งนางอึกอัก
“เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
“ฉันจริงใจกับกุ้งขนาดนี้แล้ว กุ้งยังไม่ไว้ใจฉันอีกเหรอ”
“มันไม่ใช่ยังงั้นค่ะ แต่ว่าเรื่องนี้กุ้งบอกคุณจิตอนนี้ไม่ได้”
“ทำไม”
“กุ้งขอร้อง...อย่าเพิ่งถามกุ้งตอนนี้เลยนะคะ”
กุ้งนางไม่กล้าสบตาจิรายุกลัวถูกถามอีก จิรายุเริ่มน้อยใจ
“กุ้งไม่อยากให้ฉันรู้ ก็ไม่เป็นไร”
“คุณจิ...แล้ววันนึงคุณจิจะเข้าใจว่าทำไมกุ้งถึงบอกคุณจิไม่ได้”
จิรายุพยักหน้าเข้าใจ แต่น้อยใจ
รถจิรายุแล่นมาตามถนน...ทั้งสองนิ่งเงียบไม่ได้มองหน้ากัน จิรายุหน้าตาหงุดหงิดปนน้อยใจ หันมองไปทางกุ้งนางก็เห็นหญิงสาวมองเหม่อออกไปนอกรถ กุ้งนางที่คิดอยู่แต่กับเรื่องของพ่อ ถึงแม้จะรู้ว่าจิรายุไม่พอใจที่เธอมีเรื่องปิดบังแต่กุ้งนางก็ไม่คิดจะอธิบาย กุ้งนางหันไปมอง จิรายุก็มองไปแต่ข้างหน้า
“ยังโกรธกุ้งอยู่เหรอคะ”
จิรายุเสียใจ
“เปล่า”
“ก็กุ้งบอกแล้วไงคะ ว่ากุ้งเล่าอะไรให้คุณจิฟังตอนนี้ไม่ได้จริงๆ”
“ฉันก็ไม่อยากฟังอะไร”
“แล้วทำไมคุณจิต้องอยากรู้เรื่องส่วนตัวของกุ้งด้วยล่ะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่อยากรู้แล้ว...ยิ่งเป็นเรื่องส่วนตัวของกุ้ง ฉันยิ่งไม่มีสิทธิ์ไปเกี่ยวข้องด้วยอยู่แล้ว”
กุ้งนางประชด
“ก็ดีแล้วล่ะค่ะ”
รถจิรายุแล่นผ่านไปตามถนน
ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 22 (ต่อ)
ก้านเดินวนไปมารอกุ้งนางด้วยความเป็นห่วงอยู่หน้าหอพัก รถจิรายุแล่นเข้ามาจอด ก้านดีใจ กุ้งนางเปิดประตูออกมา จิรายุเปิดประตูตามลงมา
“กุ้ง! กุ้งเป็นไงบ้าง พี่ได้ยินข่าวคุณชามาดาแล้ว พี่ตกใจแทบแย่แน่ะ”
“กุ้งไม่เป็นไรแล้วจ๊ะพี่ก้าน” กุ้งนางหันไปบอกจิรายุ “ขอบคุณมากนะที่มาส่ง”
“ไม่เป็นไร”
จิรายุมองหน้าก้านกับกุ้งนาง
“มีอะไรอีกเหรอคะ”
จิรายุหันไปสั่งก้าน
“ก้านดูแลกุ้งนางให้ดีด้วย วันนี้เจอเรื่องร้ายๆ มาทั้งวัน”
“ครับ”
“คุณจิกลับไปเถอะค่ะ พี่ก้านเขาดูแลกุ้งอย่างดีเสมอ”
“ขอบใจนะก้าน”
“ครับ”
กุ้งนางดึงแขนก้าน
“เข้าไปกันเถอะพี่ก้าน”
จิรายุอึ้งที่เห็นกุ้งนางไม่ค่อยสนใจแถมยังเดินจับแขนก้านไปอีกจากที่น้อยใจก็ ยิ่งทำให้คิดมาก
ก้านเดินมาส่งกุ้งนางตามทางเดินหอพักและมีเรื่องจะถามกุ้งนางเลยหยุดเดิน
“กุ้ง...”
กุ้งนางหยุดเดินหันกลับมาหาก้าน
“มีอะไรเหรอพี่ก้าน”
“กุ้งรักคุณจิรึเปล่า”
กุ้งนางอึ้งที่ถูกก้านถามตรงๆ
“พี่ก้านถามทำไม”
“ก็พี่อยากรู้”
“แล้วพี่ไม่กลัวคำตอบของกุ้งเหรอ”
“ถ้ามันเป็นความจริง พี่ก็ไม่กลัว พี่ผ่านความกลัวที่สุดมาแล้ว ตอนที่กุ้งบอกว่าไม่ได้รักพี่ ว่าไงล่ะ ตอบพี่สิ”
กุ้งนางถอนใจ เมินมองไปไม่ตอบ
“กุ้ง ที่พี่เป็นห่วงตอนนี้ ก็คือความรู้สึกของกุ้ง ในเมื่อกุ้งมีคนดีๆ มารัก พี่ก็อยากให้กุ้งเปิดโอกาสให้หัวใจของกุ้งบ้าง”
“กุ้งยังไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้หรอกพี่ก้าน กุ้งต้องจัดการเรื่องพ่อให้จบก่อน”
“เรื่องของพ่อกับเรื่องของคุณจิ มันไม่เกี่ยวกัน”
“แต่กุ้ง...”
“ความรักของคุณจิอาจเป็นกำลังใจให้กุ้งเรื่องพ่อก็ได้”
“กุ้งไม่คิดยังงั้น ตอนนี้ทุกคนเห็นกุ้งเป็นเด็กบ้านนอก ก็แย่พอแล้ว แต่ถ้ากุ้งเป็นลูกที่พ่อไม่ยอมรับอีกล่ะ มันยิ่งแย่เข้าไปอีกนะพี่ก้าน”
“การผิดหวังจากคนที่เรารักเป็นเรื่องเจ็บปวด พี่ไม่อยากให้กุ้งเป็นเหมือนพี่”
“แต่กุ้งก็ไม่อยากเป็นเหมือนแม่ของกุ้ง ที่ต้องเสียใจกลับบ้านนอกไป”
“ก็อาจจะถูกที่กุ้งคิดยังงั้น”
กุ้งนางยังไม่อยากตอบอะไรตอนนี้ แต่ใจก็คิดไปถึงจิรายุ
“ดึกแล้วล่ะพี่ก้าน กุ้งขอตัวก่อนนะ”
กุ้งนางเดินออกไป ก้านมองตามถอนใจ
กบเพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเตรียมเข้านอน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น กบหยิบดูเห็นเป็นชื่อก้านก็ยิ้มดีใจ แต่ก็ลังเลว่าจะรับหรือไม่รับดี ในที่สุดก็ตัดสินใจรับสาย
“หวัดดีจ๊ะพี่ก้าน”
ก้านคุยโทรศัพท์อยู่ที่ระเบียงทางเดินหอพัก
“กบ พี่ขอถามอะไรหน่อยสิ”
“จะมาถามอะไรกันดึกดื่นป่านนี้จ๊ะพี่ก้าน”
“ก็พี่อยากได้คำตอบตอนนี้เลยนี่”
“งั้นก็ถามมาสิ”
“เอ้อ คือ...ระหว่างคนที่เรารักกับคนที่รักเรา คุณกบจะเลือกใคร”
กบอึ้งไป
“พี่ก้าน...”
“ว่าไงล่ะกบ”
“อืม...ถ้าเป็นกบ กบก็จะเลือกรักคนที่เรารัก มันไม่สำคัญว่าเขาจะรักเรารึเปล่า”
“ขอให้เราได้รักเขา เราก็มีความสุขแล้วถูกมั้ย”
ก้านรู้เห็นด้วยกับกบ
“จ้ะ”
“แล้วคนที่รักเรา ทั้งๆ ที่เราไม่ได้รักเขาล่ะ”
“เราก็ควรถนอมความรู้สึกดีที่เขามีให้เรา เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ เพื่อขอบคุณเขา...ไม่แน่หรอกว่า วันนึงเราอาจจะเริ่มรักเขา โดยไม่รู้สึกตัวก็ได้”
“กบคิดยังงั้นเหรอ”
“จ้ะพี่ก้าน”
ก้านยิ้ม
“กบนี่เป็นคนที่น่ารักจริงๆ มองโลกในแง่ดีตลอดเวลา”
กบยิ้มดีใจที่ก้านชม...สองคุยโทรศัพท์กันยาว กบมีความสุขมาก ถึงจะนั่งคนละที่แต่ทั้งสองก็นั่งมองดาวจันทร์ดวงเดียวกัน
กุ้งนางอาบน้ำเสร็จเอาผ้าไปตากที่ระเบียงแล้วมองพระจันทร์ ช่วงเวลาเดียวกันนั้น จิรายุจอดรถอยู่ริมทางมองพระจันทร์แล้วเห็นเป็นหน้ากุ้งนาง
กบวางสายจากก้าน และยิ้มให้กับพระจันทร์…ก้านเห็นหน้ากบยิ้มอยู่ในพระจันทร์ พอรู้ตัวว่าเห็นพระจันทร์เป็นหน้ากบก็แปลกใจ
จิรายุกลับมาถึงบ้านก็เดินเล่นอยู่ที่สนาม คิดถึงเรื่องกุ้งนาง เขานึกถึงอดีตตอนที่พบกุ้งนางครั้งแรก ตอนนั้นเขาขับรถเฉี่ยวกลุ่มของเธอ กุ้งนางร้องดังลั่น จิรายุจอดรถลงมาหน้าเสีย
‘นี่...เธอจะร้องทำไม’
ชะเอมยิ้มหวาน
‘แหม ก็คุณขับรถชนแล้วจะหนีทำไมล่ะคะ’
‘ฉันยังไม่ได้ชนนะ’
กุ้งนางเสียงแข็งใส่
‘ไม่รู้ล่ะ ยังไงนายก็จะลอยหน้าลอยตาหนีไปแบบนี้ไม่ได้ อย่างน้อยนายก็ควร...’
จิรายุยกมือห้าม
‘อ๋อ เข้าใจแล้ว ที่แท้ก็เรียกร้องค่าเสียหาย’
ชายหนุ่มหยิบกระเป๋าสตางค์มาเปิด ก้านโมโห
‘เฮ้ย แบบนี้มันดูถูกกันนี่หว่า’
จิรายุนึกๆแล้วยิ้มขำ ก่อนจะนึกเรื่องราวของเขากับเธอที่ผ่านมา
‘ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ’
‘ฉันก็ไม่อยากจะคุยกับผู้หญิงหลายใจ โกหกกะล่อนหรอก แต่มันจำเป็น’
‘ฮึ...จำเป็น ก็เรื่องของคุณ ฉันไม่เกี่ยว ปล่อยนะ’
‘ไม่ปล่อย ทีกับคนอื่นละเห็นใกล้ชิดสนิทสนม ทำไมกับฉันถึงต้องห่างเหิน’
‘กับพี่นทีน่ะเหรอ ก็เพราะฉันอยากจะสนิทกับเขานะสิ ปล่อยนะ’
‘ไม่ปล่อย’ จิรายุไม่ยอม
จิรายุยังคงนึกถึงเรื่องของเขากับกุ้งนางที่ผ่านมา
‘เรื่องของกุ้ง กุ้งยังมีเรื่องอะไรไม่สบายใจอีกเหรอ บอกฉันได้มั้ย’
กุ้งนางอึกอัก
‘เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกค่ะ’
‘ฉันจริงใจกับกุ้งขนาดนี้แล้ว กุ้งยังไม่ไว้ใจฉันอีกเหรอ’
‘มันไม่ใช่ยังงั้นค่ะ แต่ว่าเรื่องนี้กุ้งบอกคุณจิตอนนี้ไม่ได้’
จิรายุนึกถึงอดีตต่อ
‘แล้วทำไมคุณจิต้องอยากรู้เรื่องส่วนตัวของกุ้งด้วยล่ะ’
‘ก็บอกแล้วไงว่าไม่อยากรู้แล้ว...ยิ่งเป็นเรื่องส่วนตัวของกุ้ง ฉันยิ่งไม่มีสิทธิ์ไปเกี่ยวข้องด้วยอยู่แล้ว’
กุ้งนางประชด
‘ก็ดีแล้วล่ะค่ะ’
จิรายุเริ่มคิดมากนึกถึงอดีตที่ผ่านมา…
‘มีอะไรอีกเหรอคะ’
จิรายุหันไปสั่งก้าน
‘ก้านดูแลกุ้งนางให้ดีด้วย วันนี้เจอเรื่องร้ายๆ มาทั้งวัน’
‘ครับ’
‘คุณจิกลับไปเถอะค่ะ พี่ก้านเขาดูแลกุ้งอย่างดีเสมอ’
จิรายุถอนหายใจอย่างเจ็บใจ
“ที่จริงเธอก็ไม่ได้ต้องการฉันเลยใช่ไหม...ได้ ถ้าอยากเป็นแค่เพื่อนร่วมงานก็ได้”
วันใหม่... กุ้งนางซ้อมร้องเพลงอยู่ในห้องซ้อมร้องเพลง ก้านกับกบมายืนดู
“เออ...คุณกบ เรื่องเมื่อคืนขอบคุณมากนะ คุณกบช่วยให้ผมมองเห็นความรักในมุมใหม่ๆได้เยอะเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกพี่ก้าน สำหรับกบนะถ้ารักใครแล้วไม่ได้คิดว่าเขาจะต้องรักกลับ แต่รักเพราะรัก”
ก้านขำ
“นี่มันชื่อเพลงใหม่ของคุณกบนี่”
“อื้อ...ตอนที่ได้ซ้อมร้องเพลงนี้ กบชอบมากเลยล่ะ เดี๋ยวตอนอัดกบจะร้องให้ดีที่สุดเลย”
“ชักอยากฟังแล้วสิ”
ทั้งสองยิ้มให้กัน
กบกำลังร้องเพลงรักเพราะรัก มีก้าน กุ้งนางและจิรายุยืนฟัง ระหว่างร้องกบก็มีความสุขมองก้านด้วยความรู้สึกดี ก้านชื่นชม
“เพลงนี้เพราะจริงเลยนะครับคุณจิ”
จิรายุกับกุ้งนางแปลกใจที่ก้านชม
“ความหมายของเพลงนี้ดีอยู่แล้ว แต่ที่เพลงนี้เพราะมากขึ้น เพราะกบเป็นคนร้อง”
กุ้งนางคิดๆ
“เหมือนกับว่ากบกำลังแอบรักใครอยู่เลยนะคะ”
ก้านแอบสะอึกเพราะพอจะรู้ว่าใครคนนั้นที่กุ้งนางกำลังสงสัยก็คือตัวเอง ก้านมองดูกบแล้วยิ้มเล็กน้อย จิรายุชำเลืองมองดูก้านเพราะรู้ว่ากบคิดยังไงกับก้าน กบร้องเพลงจนจบ ทุกคนปรบมือให้ ก้านเดินออกไปเหลือจิรายุกับกุ้งนางสองคน
“ตอนที่ฉันแต่งเพลงนี้ ฉันก็รู้สึกแบบเดียวกันกับเนื้อเพลง”
กุ้งนางแอบดีใจ
“แต่ตอนนี้ คงคิดหยั่งงั้นไม่ได้แล้ว...”
กุ้งนางไม่เข้าใจที่จิรายุพูดแปลกๆ ทัศนีย์เดินเข้ามาหาทั้งสอง
“คุณจิคะ ท่านประธานเชิญที่ห้องทำงานค่ะ...กุ้งนางด้วยนะ”
กุ้งนางแปลกใจที่จรัลเรียกเธอด้วย แต่ที่แปลกใจกว่าคือจิรายุเดินออกไปก่อนโดยไม่รอเธอ
จิรายุกับกุ้งนางมาหาจรัล มีทัศนีย์คอยยืนอยู่ใกล้ๆ
“ที่ฉันเรียกแกมาวันนี้ เพราะฉันมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับแก ฉันอยากจะวางมือจากธุรกิจนี้ซะที และจะยกทุกอย่างให้แกดูแลแทนฉัน”
ทัศนีปรบมือดีใจ กุ้งนางได้ยินก็ยินดีด้วย
“แต่พ่อครับ ผมเพิ่งจะเข้ามาทำงานได้ไม่นานนะครับ”
“ไอ้จิเอ้ย...แกได้พิสูจน์ให้ฉันเห็นแล้วว่าแกทำได้ หลายอย่างที่ประสบความสำเร็จในช่วงหลังๆ ก็เป็นฝีมือแก แกไม่อยากให้พ่อของแกพักบ้างรึ”
“ครับ”
จรัลยิ้มภูมิใจลูกชาย
“ฉันทำธุรกิจมาเป็นสิบๆ ปี คิดหวังแต่จะได้เงินมาเยอะๆ โดยไม่คำนึงถึงคนอื่น หรือแม้แต่ในบางครั้งก็ไม่คิดถึงความถูกต้อง พอแกกลับมาแล้ว ฉันได้เห็นอะไรหลายอย่างเลยรู้ว่า การทำอะไรที่สร้างสรรค์เพื่อคนอื่นบ้าง มันมีความสุขมากกว่าได้เงินมาเสียอีก”
กุ้งนางสงสัยว่าจรัลเรียกตัวเองมาทำไม
“เอ่อ...ท่านค่ะ แล้วหนู...”
จรัลยิ้มแย้ม
“อ๋อ...ที่เรียกเธอมาก็มีเรื่องสำคัญอยากจะฝากเธอเหมือนกัน”
ทุกคนงง
“ฉันอยากจะฝากเธอดูจิรายุด้วย เธอมีจิตใจดี ไอ้จิมันชอบเธอ...ถือว่ามันมองคน
ไม่ผิดจริงๆ”
กุ้งนางอึกอักยังไม่กล้าตอบอะไร จิรายุเห็นอย่างนั้นก็เลยตอบแทน
“พ่อเข้าใจผิดแล้วล่ะครับ”
กุ้งนางอึ้ง ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากจิรายุ
“ค่ะ ท่านเข้าใจผิด กุ้งกับคุณจิเป็นแค่เจ้านายกับลูกน้องเท่านั้นค่ะ”
จรัลมองควับไปที่ทัศนีย์
“ไหนบอกข่าวว่าสองคนนี่น่าจะชอบกันไง”
ทัศนีย์จ๋อยตอบเสียงอ่อย
“ก็...เอ้อ ไม่ใช่เหรอคะคุณจิ ว่าไงกุ้งนาง”
กุ้งนางเองที่มองจิรายุอึ้งไปก็งงพูดไม่ออก จิรายุไม่ยอมสบตา
จิรายุเดินออกมาจากห้องทำงานจรัลมีกุ้งนางตามออกมา จิรายุยังไม่ยอมพูดอะไร จนกุ้งนางอึดอัด
“คุณจิ...”
จิรายุหยุดเดิน
“ขอโทษที...ฉันลืมบอกไป เดี๋ยวกุ้งกลับไปดูตารางการเข้าห้องอัดด้วย แล้วก็ทั้งตารางการเรียนเต้นด้วย รายละเอียดทุกอย่างฉันสั่งไว้แล้ว”
กุ้งนางรู้สึกว่าจิรายุคุยกับกุ้งนางเหมือนกับเพื่อนร่วมงาน ไม่เหมือนแต่ก่อน
“คุณจิเป็นอะไร”
“เปล่านี่”
“ไม่จริง...คุณจิไม่เคยเป็นแบบนี้”
“อยากรู้จริงๆ เหรอกุ้ง”
“ค่ะ กุ้งคิดว่ามันต้องเกี่ยวกับกุ้งด้วย”
“ก็อย่างที่กุ้งบอก ต่อไปนี้เราเป็นแค่เจ้านายลูกน้องกันเท่านั้น”
กุ้งนางอึ้ง
“ค่ะ คุณน่าจะรู้มานานแล้ว ว่าเราเป็นได้แค่นั้นจริงๆ”
“ในเมื่อกุ้งรังเกียจฉันซะขนาดนั้น เราคงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้”
พุดจบจิรายุก็เดินไป กุ้งนางเสียใจ
กุ้งนางนั่งเซ็งอยู่ข้างเตียง ครูชาตรีมองขำๆ
“ฮ่าๆๆ หนูเจอปัญหาใหญ่แล้วล่ะกุ้งนาง”
“อะไรเหรอคะครู”
“ก็คุณจิรายุไง เขากำลังงอนกุ้งนางอยู่”
“ไม่หรอกค่ะ เขาจะมาคิดยังงั้นทำไม”
“สองคนนี้เหมือนกันจริงๆ บางครั้งเรื่องง่ายๆ ก็มองไม่เห็น นี่กุ้งนาง...ครูว่า คุณจิรายุน่ะ เขาเป็นคนตรงๆดีนะ รู้สึกยังไงก็แสดงออกมาอย่างนั้น แล้วกุ้งล่ะ คิดยังไงกับคุณจิ”
“กุ้งไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้นค่ะ”
“นี่ไง กุ้งยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรอีกเหรอ ถ้าไม่รู้ก็กลับไปหาให้เจอแต่อย่าช้าล่ะ เดี๋ยวจะสายเกินไป”
กุ้งนางคิดหนักเมื่อครูชาตรีพูดอย่างนั้น
กุ้งนางเปิดประตูห้องพักครูชาตรี เดินออกมาแล้วยืนพิงประตูถอนหายใจ
“ทำไมกุ้งจะไม่รู้ละคะครูว่าต้องการอะไร แต่เรื่องอื่นมันสำคัญน้อยกว่า การทำให้พ่อนทีทองยอมรับแม่กับกุ้งให้ได้”
กุ้งนางรู้สึกเศร้าใจ
วันใหม่...สุดนภามายืนคอยดักพบจิรายุที่หน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ กุ้งนาง ก้าน กบ มาถึงก่อน สุดนภาเลยเดินเข้าไปคุยกับกุ้งนาง สุดนภาจับแขนกุ้งนางไว้
“กุ้งนาง...รอฉันก่อนสิ ฉันอยากจะคุยด้วย”
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ”
“ที่ผ่านมา ฉันอาจจะทำให้เธอไม่พอใจบ้าง ฉันขอโทษก็แล้วกัน ที่ฉันมาวันนี้ ก็เรื่องพี่จิ”
“แล้วคุณมาบอกฉันทำไม”
“พี่จิโกรธฉันอยู่ เพราะเรื่องของบริษัท เรื่องพ่อ แต่ตอนนี้มันจบไปแล้ว ฉันอยากจะขอคืนดีกับพี่จิน่ะ ขอแค่ได้เป็นเพื่อนกับพี่จิก็ยังดี”
“คุณก็ไปบอกคุณจิเองสิ”
“พี่จิ ไม่ยอมพบฉัน เธอช่วยฉันไปเจอพี่จิหน่อยนะกุ้งนาง ฉันขอร้องล่ะนะ”
กุ้งนางเริ่มใจอ่อน แต่กบกับก้านไม่ไว้ใจ ดึงแขนกุ้งนางออกไปคุย
“จะดีเหรอกุ้ง พี่ว่ามันแปลกๆ อยู่นะ”
กบเห็นด้วยกับก้าน
“ใช่...เรื่องแรงๆ เพิ่งเกิดขึ้นกับเขาแท้ๆ ถ้าเป็นคนอื่นไม่แปลกหรอก แต่นี่เป็นคุณฟ้า ยังไงก็ต้องมีโกรธบ้างสิ”
“แล้วพวกพี่จะให้กุ้งทำยังไงล่ะ เขามาขอร้องกุ้งนะ”
“ก็ไม่ต้องทำอะไร ปฏิเสธไปเลย”
กุ้งนางฟังก้านแล้วเดินไปหา สุดนภา
“ถ้าคุณจริงใจที่จะดีกับคุณจิ ฉันก็จะช่วยคุณ”
สุดนภายิ้ม กุ้งนางพาสุดนภาเดินไป ก้านกับกบเซ็ง
“นี่กุ้งนางฟังเราบ้างรึป่าวเนี่ย...”
กุ้งนางพาสุดนภามาทเข้ามาในห้องซ้อม
“คุณรออยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวคุณจิก็ต้องมาคุมฉันร้องเพลง”
“ขอบใจนะกุ้งนาง เธอนี่ ช่างเป็นคนดีซะเหลือเกิน”
“ฉันไม่ใช่คนดีอะไรหรอก แค่สงสารคุณ ไม่อยากให้เรื่องไม่ดีระหว่างพ่อคุณกับพ่อคุณจิ มาทำลายความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างคุณสองคน”
“ฉันรักพี่จิ...”
กุ้งนางอึ้งไป
“และฉันก็อยากให้เขายกโทษให้พ่อ ที่ทำอะไรไม่ดีเอาไว้”
“ขอให้คุณโชคดีก็แล้วกัน”
“ตอนนี้พ่อฉันก็ได้รับผลตอบแทนจากสิ่งที่ทำไว้แล้ว ถ้าพี่จิให้อภัยได้ บางทีเรา
ก็อาจจะกลับมารักกัน เหมือนเมื่อตอนที่เราอยู่เมืองนอก”
“ฉันจะออกไปรอข้างนอกนะคะ”
“กุ้งนาง พี่จิคงบอกว่า เขากับฉันเป็นแค่คนรู้จักกันใช่ไหม กุ้งนาง”
จิรายุเดินเข้าห้องมาเห็นสุดนภา
“คุณมาที่นี่ได้ยังไง”
“พี่จิคะ กุ้งนางอยากให้ฟ้ากับพี่จิปรับความเข้าใจกันค่ะ”
จิรายุมองไปที่กุ้งนางอย่างไม่พอใจ
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอนะกุ้งนาง”
“แต่คุณไม่ยอมพบคุณฟ้า คุณฟ้าก็เลยมาขอร้องให้กุ้งพามาไงคะ”
“ถ้าเธอต้องการให้เป็นอย่างนั้น”
“ค่ะ กุ้งอยากให้เป็นแบบนั้น”
สุดนภาเห็นจิรายุมีท่าทางไม่พอใจกุ้งนางก็แอบยิ้มร้าย โผเข้าไปซบอกจิรายุ มารยาร้องไห้
“พี่จิคะ...ที่ผ่านมาฟ้าไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะคะ ฟ้าไม่รู้ว่าป๋าจะทำเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ ตอนนี้ฟ้าทำอะไรไม่ถูกแล้ว เหมือนตัวคนเดียว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ป๋าถึงพ้นคดีความ ฟ้ามีแค่พี่จิคนเดียว ฟ้ารักพี่จินะคะ”
จิรายุดึงตัวสุดนภาออก
“ผมว่าเราไปหาที่คุยกันดีกว่า ที่นี่มันไม่เหมาะ”
“ค่ะ ฟ้าตามใจพี่จิทุกอย่าง”
จิรายุมองกุ้งนางอย่างน้อยใจ กุ้งนางเมินไปมองทางอื่น
“ไปกันเถอะครับ”
สุดนภาซับน้ำตา
“ขอบใจนะจ๊ะกุ้งนาง”
จิรายุกับสุดนภาเดินออกจากห้องไป สุดนภาเดินเกาะแขนจิรายุเดินออกมาจากบริษัทสยามซอง จิรายุเปิดประตูรถให้เธอเข้าไปนั่งและขับออกไป
ค่ำนั้น หลังเลิกซ้อมร้องเพลงกุ้งนางเดินหงอยๆ ออกมาหน้าบริษัท มองๆ หาจิรายุบ้าง เมื่อไม่เห็นก็หาที่นั่งพัก หญิงสาวนึกถึงคำพูดของสุดนภา
‘ตอนนี้พ่อฉันก็ได้รับผลตอบแทนจากสิ่งที่ทำไว้แล้ว ถ้าพี่จิให้อภัยได้ บางทีเราก็อาจจะกลับมารักกัน เหมือนเมื่อตอนที่เราอยู่เมืองนอก’
‘ฉันจะออกไปรอข้างนอกนะคะ’
‘กุ้งนาง พี่จิคงบอกว่า เขากับฉันเป็นแค่คนรู้จักกันใช่ไหม กุ้งนาง’
กุ้งนางถอนใจ ก้านกับกบเดินออกมาเห็นกุ้งนางอยู่คนเดียวก็แปลกใจ
“อ้าว กุ้ง มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ คุณจิรายุล่ะ”
กุ้งนางอึกอักไม่ค่อยอยากตอบ
“ก็คงอยู่กับคุณฟ้า เขาออกไปข้างนอกด้วยกัน”
“อะไรนะ”
กบเซ็งๆ
“นึกแล้วไม่มีผิด กบว่าคุณฟ้านั่นน่ะ ต้องมีแผนอะไรอยู่แน่ กุ้งอย่าเพิ่งวางใจอะไรนะ”
“คุณฟ้าจะมีแผนอะไร ก็แค่เธอรักคุณจิ”
ก้านมองหน้า
“แล้วคุณจิล่ะ รักคุณฟ้าเหรอกุ้ง”
“พี่ก้าน กบ เรื่องของคุณฟ้ากับคุณจิ ไม่เกี่ยวอะไรกับกุ้ง”
กบกับก้านแปลกใจ
“กบสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้ เหมือนจะเกิดอะไรไม่ดีกับคุณจินะ”
ก้านขัด
“คงไม่มีอะไรหรอกน่ะกบ”
กบกับก้านเป็นห่วงกุ้งนางเพราะเห็นกุ้งนางเศร้ากว่าทุกวัน
รถจิรายุแล่นเข้ามาจอหน้าบ้านสุดนภา คนใช้สองคนวิ่งเข้ามาเปิดประตูให้
“เชิญพี่จิด้านในค่ะ ฟ้าขอสั่งงานแม่บ้านก่อนนะคะ”
คนใช้อีกคนเดินนำจิรายุเข้าไป
“นี่! เดี่ยวแกรีบเอาไวน์ไปให้ฉันกับคุณจินะ แล้วจะใสหัวไปไหนก็ไป”
“ค่ะ”
“เออ...แล้วไปบอกทุกคนด้วยว่า คืนนี้ถ้าไม่จำเป็น ห้ามเข้ามาป้วนเปี้ยนรบกวนฉันที่บ้านนี้เด็ดขาด รีบๆเข้าไปนอนกันเลย เข้าใจมั้ย”
“ค่ะ...เข้าใจแล้วค่ะ”
“เข้าใจแล้วก็รีบไปสิ”
คนใช้รีบเดินไป สุดนภามองเข้าไปในบ้านแล้วยิ้มร้าย
“พี่จิ...ฟ้าเคยบอกแล้วใช่มั้ย ว่าคนอย่างฟ้าไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆหรอก ถ้าฟ้าอยากได้อะไรมันต้องได้ แม้กระทั่งบริษัทสยามซอง”
จิรายุเดินชมบริเวณห้องรับแขก สุดนภาเดินตามเข้ามา
“ฟ้าขอบคุณมากนะคะ ที่พี่จิกรุณาฟ้า”
คนใช้เอาไวน์เข้ามา สุดนภารีบเดินไปรับไปวางที่โต๊ะใกล้ด้านหลังจิรายุ แล้วหันไปสั่งคนใช้
“ออกไปได้แล้ว เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“ค่ะ”
คนใช้ออกไป...ระหว่างรินไวน์ใส่แก้ว สุดนภาก็แอบเอายาใส่ลงไปด้วย
“ที่จริงผมไม่ควรมาที่นี่”
“พี่จิจะให้ฟ้าไปที่ไหนล่ะคะ ไปที่ไหนก็มีแต่คนคอยสมน้ำหน้า มีแต่นักข่าวคอยตาม ฟ้ากลัวแทบตาย ตอนที่ไปหาพี่จิที่สยามซอง แต่มันก็จำเป็น”
“คุณฟ้าไม่ต้องทำยังงี้ก็ได้ ผมไม่เคยคิดร้ายกับพ่อคุณหรือคุณ เรื่องมันจบแล้ว”
“ฟ้าทราบค่ะ ฟ้าถึงกล้าไปพบพี่จิไงคะ”
สุดนภายกไวน์มาเสิร์ฟ
“ดื่มหน่อยนะคะ เพื่อเป็นการฉลองที่พี่จิให้อภัยในสิ่งที่ป๋าทำ”
จิรายุมองสุดนภาที่ทำหน้าตาน่าสงสาร
“นะคะพี่จิ”
จิรายุรับแก้วไวน์มา สุดนภายกแก้วชนกับจิรายุ ทั้งสองยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม สุดนภายิ้มพอใจ
โปรดติดตาม ราชินีลูกทุ่ง ตอนต่อไป