ในหนังหรือนิยายกำลังภายในมักจะมีคำพูดของบรรดา “ปรมาจารย์” ที่กล่าวถึงบุคคลที่มีโอกาสรุ่งโรจน์กับอาชีพจอมยุทธ์ว่า “เจ้านี่มีรูปร่างสูงเด่น, หน่วยก้านดี, รูปลักษณ์ตรงตำรา, เหมาะแก่การฝึกยุทธ” นะครับ อาจจะเป็นวลีซ้ำ ๆ ซาก ๆ แต่ก็สะท้อนถึง ความเชื่อเรื่องพรสวรรค์ที่มีมาแต่กำเนิด และวาสนาของแต่ละบุคคลที่ไม่เท่าเทียมกัน ได้อยู่เหมือนกัน
แต่ก็ยังมีหนังอยู่บางเรื่องเหมือนกัน ที่เล่าเรื่องของจอมยุทธที่ไม่เพียง ขาดหน่วยก้าน, ไม่ได้มีรูปลักษณ์โดดเด่น แถมซ้ำยังเป็นคนพิการง่อยเปลี้ยเสียขาด้วย และถ้าจะพูดถึงผลงานแนวนี้ที่ว่ากันว่าโดดเด่นคลาสสิกที่สุด ก็ต้องนึกไปถึงหนัง “ชอว์บราเดอร์” เรื่อง “จอมโหดมนุษย์พิการ” เป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน เพราะแม้จะไม่ได้โด่งดังเป็นที่รู้จักอย่าง "เดชไอ้ด้วน" หรือ "เดชไอ้บอด" แต่หนังดังของชอว์เรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นต้นตำรับหนังที่ว่าด้วยการรวมกลุ่ม ร่วมกันต่อสู้ของเหล่า จอมยุทธ์พิการ
Crippled Avengers
หนังปี 1979 ที่มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Crippled Avengers เล่าถึงเรื่องของชาย 5 คนที่ฝึกฝนวิทยายุทธ์ เพื่อทดแทนความพิกลพิการที่เกิดขึ้นอย่างไม่ได้คาดคิด
หนังเปิดเรื่องด้วยเหตุร้ายที่บ้านของตัวละครสำคัญ “ตู้เทียนต้า” จอมยุทธ์เจ้าของเพลงหมัดเสือดำ ที่ศัตรูคู่อาฆาตสบโอกาสช่วงที่เขาไม่อยู่ บุกเข้ามาฝากรอยแค้นเอาไว้ ด้วยการฆ่าภรรยารักให้ตายอย่างเลือดเย็น และตัดแขนทั้งสองข้างของ “ตู้ฉาง” ลูกชายคนเดียวของ ตู้เทียนต้า ให้ขาดด้วนอย่างโหดเหี้ยม แม้จะไม่สิ้นลมแต่ก็ต้องกลายเป็นคนพิการตลอดชีวิต
หลังเกิดเรื่องตระกูลตู้ก็เปลี่ยนตัวเองจากจอมยุทธ์ฝ่ายธรรมะ กลายเป็นอธรรมสุดเหี้ยมเพื่อแก้แค้นระบายความโกรธกับคนทั้งโลก ทั้งคนพ่อผู้มีฝีมือไร้คู่ต้านอยู่แล้ว ส่วน ตู้ฉาง ก็ฝึกยุทธ โดยอาศัยแขนเหล็กกลเป็นอาวุธอันร้ายกาจ
สองพ่อลูกพร้อมด้วยสมุนตัวแสบ จึงกลายเป็นสุดโฉดแห่งแผ่นดิน ที่ไม่ว่าจะเป็นเหล่าจอมยุทธ์ หรือชาวบ้านร้านตลาด หากใครคิดจะเข้าขวาง ถ้าไม่ทิ้งชีวิตเอาไว้ ก็ต้องถูกทำร้ายกลายเป็นคนพิการไปด้วย
เหยื่อของสองพ่อลูกตระกูลตู้ ก็รวมถึง “เฉินซวน” พ่อค้าเร่จากต่างเมือง ที่ความซวยมาเยือนเมื่อไปพลั้งปากไปพูดจาเสียดสีสองพ่อลูกจอมยุทธ์ จนต้องถูกทำร้ายกลายเป็นคนตาบอด ส่วนช่างตีเหล็กปากดี “เว่ยจาจี” ที่ไม่เคยกลัวใครหน้าไหน ก็กล่าววาจาสามหาม ตู้เทียนต้า และลูกชาย จนถูกกรอกยาพิษกลายเป็นคนใบ้ และโดนซัดทำลายแก้วหูจนสูญเสียการได้ยิน เช่นเดียวกับหนุ่มพเนจร “หัวเฟย” ที่เพียงเดินชน ตู้ฉาง กลับถูกตัดขาขาดทั้งสองข้าง กลายเป็นคนขาด้วน
สามหนุ่มที่กลายเป็นคนพิการ จากความเหี้ยมโหดเกินมนุษย์ของสองพ่อลูกตระกูลตู้ ตัดสินใจมารวมตัวอาศัยอยู่ด้วยกันที่ร้านของช่างตีเหล็ก ถึงกระนั้นก็ยังถูกรังควานจากสองพ่อลูกจอมยุทธ์ จนแทบจะเอาตัวไม่รอด กระทั่งเรื่องทั้งหมดทราบถึงหูของจอมยุทธ์หนุ่มฝ่ายธรรมะ “หวังยี่” ที่ออกโรงเดินทางไปบ้านสกุลตู้เพื่อกำจัดภัยยุทธภพ แต่ก็กลับถูกสองพ่อลูกทำร้าย และทรมานด้วยเครื่องบีบขมับจน สมองได้รับความกระทบกระเทือน จากจอมยุทธ์หนุ่มที่มีอนาคตรุ่งโรจน์ ก็ต้องกลายเป็นคนปัญญาอ่อนไปในที่สุด
หลังเกิดเหตุสลดหนุ่มพิการทั้ง 3 ตัดสินใจตอบแทนบุญคุณ หวังยี่ ด้วยการนำตัวจอมยุทธ์หนุ่มไปส่งที่สำนักอินทรีต้นสังกัดของเขา จนได้พบกับอาจารย์ “หลี่จิงหยิง” ที่ตัดสินใจรับ 3 พิการเข้าเป็นศิษย์ ฝึกวิทยายุทธ์เพื่อกลับไปแก้แค้น
หนุ่มบอดเฉินซวนฝึกฝนพลองเหล็ก และการใช้หูทดแทนการมองเห็น, เว่ยจาจี ฝึกประสาทสัมผัส ส่วนหัวเฟยได้รับขาเหล็กแทนขาที่ขาดไปพร้อมกับฝึกเพลงเตะเป็นอาวุธสำคัญ
เมื่อสำเร็จวิชาทั้งสามพร้อมกับ หวังยี่ อีกคนจึงออกเดินทาง เพื่อกลับไปแก้แค้นสองพ่อลูกตระกูลตู้ที่ทำให้พวกเขาต้องกลายเป็นคนพิการตลอดชีวิต
4 จอมยุทธ์พิการเดินทางเข้าไปในตัวเมืองถิ่นของสองพ่อลูกอีกครั้ง ส่วนด้านตระกูลตู้เองก็ได้มือดีเข้ามาเสริมอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคนสนิทอย่าง พ่อบ้านว่าน เจ้าของวิชาโซ่เหล็ก และเป็นมันสมองของกลุ่ม, จอมยุทธ์หลอ ผู้เชี่ยวชาญวิชาตัวเบา และ จอมยุทธ์หลิน เจ้าของเกาทัณฑ์ที่แม่นราวกับจับวาง รวมถึง “ตู้เจี๋ย” น้องชายของตู้เทียนต้า เจ้าของพลังชี่กง และวิชาอยู่ยงคงกระพันธ์ ผู้ไร้เทียมทาน
และศึกใหญ่ได้ถูกกำหนดเอาไว้ที่วันมงคลฉลองวันเกิดของ ตู้เทียนต้า อันเป็นวันที่จะมีคนทั่วทั้งยุทธจักรเข้าอวยพรจอมยุทธ์สุดโหดรายนี้ และน่าจะเป็นโอกาสที่ทำให้พวก 4 พิการ สามารถเข้าถึงตัวของสองพ่อลูกจอมโหดได้มากที่สุด
5 จอมโหด
“จางเชอะ” ผู้กำกับรุ่นลายครามสร้าง “จอมโหดมนุษย์พิการ” ออกมาในยุคที่หนังกังฟูในยุคเก่ากำลังโรยราลงทีละน้อย ผู้สร้างแต่ละรายจึงพยายามสรรค์หาเพิ่มดีกรีความแปลกพิสดารให้กับลีลาหมัดมวยในหนังของพวกเขากันขึ้นไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น หมัดเมา, มวยสัตว์ รวมถึงวิทยายุทธ์ของเหล่าคนพิการอย่างในหนังเรื่องนี้ด้วย
พูดถึงกลุ่มนักแสดงนำทั้ง 5 คนกันก่อน ในช่วงปลายยุค 70s หลังจาก จางเชอะ เริ่มขอคิวเหล่าเด็กปั้นของตัวเองไม่ว่าจะเป็น “ตี้หลัง”, “เดวิด เจียง” หรือ “ฟู่เซิง” หรือคนอื่น ๆ ได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ดาราเจ้าประจำบางคนก็ชื่อเสียงเริ่มโรยรากันลงไป จนผู้กำกับรุ่นใหญ่ตัดสินใจปั้นกลุ่มนักแสดงหน้าใหม่ ที่เลือกเอาจากทีมสตั้นและตัวประกอบที่เคยร่วมกันมานั่นแหละ จนได้มาเป็นดารา 5 คนที่ประกอบไปด้วย “กั๊วจุ้ย”, “เจียงเซิ่น”, “ซุนเจี้ยน”, “หลอหมิง” และ “ลุ๊ฟง” เป็นเด็กปั้นกลุ่มใหม่
ซึ่งนักแสดงกลุ่มนี้ แต่ละคนก็เรียกว่าหน้าตาพอไปวัดไปวาได้ แต่ที่เด่นจริง ๆ ก็คือฝีไม้ลายมือทางคิวบู๊ แม้จะไม่ได้โด่งดังทะลุฟ้า แต่ก็สร้างชื่อจนมีแฟนประจำกลุ่มหนึ่ง ทั้งในฮ่องกง และแถบตะวันตก จนมีผลงานร่วมกันไปอีกหลายเรื่อง
และด้วยความที่พวกเขาแจ้งเกิดกันจากหนังกังฟูสุดเหี้ยมที่มีชื่อไทยว่า “จอมโหด 5 อสรพิษ” หรือ The Five Venoms นักแสดงกลุ่มนี้จึงกลายเป็นที่รู้จักในฐานะ “พวกจอมโหด” (หรือในถิ่นตะวันตกว่า The Venoms) ไปโดยปริยาย ขณะที่ชื่อไทยในหนังทุก ๆ เรื่องของพวกเขาก็ต้องมีคำว่า “จอมโหด” แปะไปเป็นเครื่องหมายการค้าด้วยทุกครั้งไป
5 พิการ
ด้วยดำเนินเรื่องราวไปตามสูตร เริ่มต้นด้วยความตกต่ำของเหล่าตัวเอก, ดำเนินเรื่องราวไปสู่การฝึกวิทยายุทธ์พิสดาร เพื่อกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา และปิดท้ายด้วยการแก้แค้นอันดุเดือด อาจจะเป็นเนื้อเรื่องซ้ำ ๆ แบบนี้ จางเชอะ ยังสามารถทำให้ผลงานชิ้นนี้พิเศษขึ้นมาได้ ด้วยการปั้นตัวละครที่น่าสนใจ เป็นตัวละครประเภท “สีเทา” ทำนองนั้น
ไม่ว่าจะเป็นตัวร้ายที่ถูกสถานการณ์บีบบังคับให้กลายเป็นคนโหดเหี้ยมอย่างถึงที่สุด เรียกว่าไม่ได้เลวกันแบบไร้เหตุผล หรือฝ่ายจอมยุทธ์พิการก็ไม่ได้เป็นตัวละครประเภทพระเอกตามสูตร แต่ดูเป็นมนุษย์บุถุชนธรรมดา ที่ต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดมากกว่าจะใช้วิทยายุทธ์ไปเพื่อตอบสนองความทะเยอทะยานส่วนตัวใด ๆ การเอาชนะแต่ละครั้งของพวกเขา นอกจากจะถูลู่ถูกังกันสุดฤทธิ์กว่าจะคว้ำฝ่ายตรงข้ามได้แล้ว หลายครั้งยังใช้เล่ห์อุบาย ประเภทฉลาดแกมโกง เป็นอาวุธสำคัญในการปลิดชีพศัตรูด้วย
จางเชอะ เองก็รู้ดีว่าแฟน ๆ ของเขาต้องการอะไรใน Crippled Avengers ผู้กำกับรุ่นเดอะสนองตอบด้วยทั้ง ความโหด, การเดินเรื่องอันรวดเร็ว และคิวบู๊สุดพิสดารประเภทหกคะเมนตีลังกา ตลอดจนวิทยายุทธ และอาวุธแปลกประหลาด ทั้ง โซ่เหล็ก, เกาทัณฑ์ลูกเหล็ก, วิชาอยู่ยงคงกระพัน เป็นต้น
และความโดดเด่นที่เป็นจุดขายสำคัญก็คงหนีไม่พ้น วิทยายุทธของเหล่าตัวเอกทั้ง 5 ที่ออกแบบได้อย่างสนุกตื่นเต้น ให้ความน่าเชื่อถือของความเป็นวิทยายุทธของผู้พิการอยู่ในระดับหนึ่ง และผสมทั้งความดุเดือดเลือดพล่านในแบบหนังกังฟูของจางเชอะ กับความผาดโผนของนักแสดงที่มีพื้นฐานจากการแสดงงิ้วกายกรรมมาก่อน กลายเป็นงานที่เรียกว่ามันส์สุด ๆ เรื่องหนึ่งของ ชอว์ บราเดอร์ ไปเลย
ว่าด้วยวิทยายุทธคนพิการ
ย้อนกลับไปดูหนังทำนองนี้กันหน่อย “จอมโหดมนุษย์พิการ” ไม่ใช่หนังเรื่องเดียวที่หยิบเรื่องราวของบุคคลพิเศษ มาเป็นสีสันให้กับหนังกำลังภายใน
“เดชไอ้ด้วน” หนังของ จางเชอะ กลายเป็นงานที่สร้างให้ภาพของ “จอมยุทธ์แขนเดียว” ติดตัว “หวังหยู่” ไปตลอดอาชีพในวงการภาพยนตร์ ที่เขาทั้งแสดง และกำกับหนัง “ไอ้ด้วน” ออกมาอีกหลายเรื่อง ส่วนจางเชอะเองก็ปั้นให้ “เดวิด เจียง” กลายเป็นไอ้ด้วนคนใหม่ในหนังภาค 3 นอกจากนั้นตัวของ “หวังหยู่” ยังเคยสวมบทบาทเป็นจอมยุทธ์ดาบอดในหนังคุณภาพของผู้กำกับ “เฉินกัง” อย่าง “เดชไอ้บอด” ด้วย
แต่ที่พิเศษไม่เหมือนใครจริง ๆ ก็คือ The Crippled Masters หนังไต้หวันปี 1979 ที่สร้างความแตกต่างด้วยการให้คนพิการจริง ๆ มารับบทเด่นเป็นพระเอกกันเลย หนุ่มไร้แขน กับหนุ่มไร้ขา ที่ได้ความพิเศษมาจากความผิดปกติตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ได้โอกาสแสดงทักษะ ที่พวกเขาฝึกฝนกันมาในคณะกายกรรม จนกลายเป็นงานที่ได้รับการกล่าวขานถึงกันมาจนถึงตอนนี้ ถ้ามีโอกาสก็นำกลับมาเล่าถึงกันแบบเต็ม ๆ อีกครั้งหนึ่งครับ
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ ""ซ้อ 7"ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |