“มังกรหยก” เป็นวรรณกรรมที่ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์สำหรับฉายโรง หรือหนังชุดทางโทรทัศน์มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนนะครับ บางครั้งก็ซื่อตรงต่อต้นฉบับมาก ๆ ขณะที่อีกหลายเวอร์ชั่นก็มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดไปมากมาย รวมถึงฉบับหนังที่ชื่อไทยว่า “มังกรหยก หยกก๊าหว่า” ที่เรียกว่าไม่ได้แค่ดัดแปลงเปลี่ยนรายละเอียด แต่เข้าข่ายยำใหม่จนเละตุ้มเปะกันเลยทีเดียว
มังกรหยก หยกก๊าหว่า หรือ The Eagle Shooting Heroes หนังปี 1993 เป็นงานที่มีเนื้อเรื่องอ้างอิงจากนิยายสุดคลาสสิกของ “กิมย้ง” กับเรื่องราวในวัยหนุ่มของตัวละครดัง “อั้งฉิกกง”, “อาวเอี้ยงฮง”, “อึ้งเอี๊ยะซือ”, “เฮ้งเตงเอี้ยง”, “ต้วนตี่เฮง” และ “จิวแปะถง” ในวีรกรรมการผจญภัยที่เรียกว่า แม้แต่ผู้แต่งเองก็คงต้องอ้าปากค้างถ้าได้ดู
“อาวเอี้ยงฮง” ยังเป็นตัวร้ายจอมแสบ ผู้วางแผนชั่ว ๆ อยู่ตลอดเวลาอย่างที่เราคุ้นเคยกัน แต่ก็เป็นตัวโกงที่คนดูคงจะเกลียดไม่ลง เป็นผู้ร้ายประเภทที่ดูเหมือนจะทำเลวอะไรไม่ค่อยขึ้น เพราะแผนการหลาย ๆ อย่างสุดท้ายก็กลับเข้าตัวเอง จนเรียกว่างอมพระรามอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ส่วนหนึ่งต้องให้เครดิต “เหลียงเฉาเหว่ย” ที่แสดงแบบทุ่มทั้งตัว และไม่กลัวหมดหล่อ จนกลายเป็นตัวละครที่ตลกที่สุดในเรื่อง เป็นตัวโกงที่คนดูรักไปเลย
ส่วน “อึ้งเอียะซือ” ที่สวมบทบาทโดยยอดศิลปินผู้ล่วงลับ “เลสลี่ จาง” แทบจะเป็นตัวละครคนละคนกับที่เราคุ้นเคยในมังกรหยกเลย เพราะตัวละครที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็น “พระเอก” ของมังกรหยกฉบับนี้ เป็นจอมยุทธ์หนุ่มน้อย ผู้มองโลกในแง่ดี ฝึกวิชาอยู่บนเขากับศิษย์น้อง และรอคอยโอกาสที่จะได้เห็นโลกกว้าง ไม่ได้มีอะไรใกล้เคียงกับ “มารบูรภาพ” ยอดฝีมือผู้เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ ในมังกรหยกของกิมย้งแม้แต่น้อย
“เหลียงเจียฮุย” นักแสดงเจ้าบทบาทที่ขยันรับเล่นบทตลกบ้า ๆ บอ ๆ อีกคนสวมบทบาทเป็น “ต้วนตี่เฮง” หรือที่เรารู้จักกันในมังกรหยกกับชื่อ “อิดเต็งไต้ซือ” ซึ่งในหนังเรื่องนี้ยังเป็นในช่วงที่เขายังไม่ได้ออกบวช แต่ก็เป็นราชนิกูลผู้ฝักใฝ่ในธรรมมะ และแสวงหาการหลุดพ้น ฟังดูดี ถ้าเงื่อนไขที่ทำให้ ต้วนตี่เฮง กลายเป็นเซียนได้นั้น ไม่ได้บ้าบอคอแตกอย่างที่เห็นในหนัง
ที่ใกล้เคียงกับต้นฉบับอยู่บ้างเห็นจะเป็น “อั้งชิกกง” หัวหน้าพรรคกระยาจกคนใหม่ เจ้าของวิชาไม้ตีสุนัข และหมัดมังกร 18 ท่า อันร้ายกาจ ที่ดูเป็นคนกว้างขวางจริงใจ แตกต่างที่ในมังกรหยกฉบับนี้ยังเป็นในช่วงที่ อั้งชิกกง ยังหนุ่มแน่นและเปี่ยมไปด้วยหัวใจของชายหนุ่มที่แสวงหาในความรัก จึงออกใจจิตใจอ่อนไหวในเรื่องหัวใจไปซักหน่อย และการจับมือเป็นคู่หูคู่ฮาประจำเรื่องของ อั้งชิกกง กับ อาวเอี้ยงฮง ก็กลายเป็นไฮไลท์สำคัญของหนังไปเลย
นอกจากนั้นยังมีกลุ่มนักพรตช้วนจินที่ดูสติไม่เต็มเต็งพอ ๆ กับตัวละครอื่น ๆ ในเรื่อง แต่ที่สุดขั้วขึ้นไปอีกขั้นก็คือ การเขียนบทให้ตัวละคร “เฮ้งเต็งเอี้ยง” กับ “จิวแป๊ะทง” เป็นคู่เกย์กัน แม้จะดูผิดปกติน้อยลงหน่อย เพราะผู้สร้างเลือกให้นักแสดงหญิงอย่าง “หลิวเจียหลิง” มาสวมบทบาทเป็นตัวละครหลัง แต่ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจของแฟนนิยายต้นฉบับอยู่ดี
โดยเรื่องราวของหนังเริ่มต้นจากเหตุร้ายในในราชสำนักกิม เมื่อ พระมเหสี (เวโรนิกา ยิป) ร่วมมือกับชายชู้ อาวเอี้ยงฮง โค่นล้มราชบังลังฮ่องเต้ แต่เป้าหมายสำคัญของทั้งสองหาใช่ตำแหน่งฮ่องเต้เมืองกิมไม่ แต่เป็นความลับของคัมภีร์นพเก้าต่างหาก
เหตุร้ายที่เกิดขึ้นทำให้ องค์หญิง (หลินชิงเสีย) ต้องจับมือกับยอดฝีมือจากตงหงวน ทั้งจอมยุทธ์หนุ่ม อึ้งเอี๊ยะซือ กับศิษย์น้อง (หวังจู่เสียน), เจ้าสำนักกระยาจกคนใหม่ อั้งฉิกกง รวมถึงราชนิกูลหนุ่มแห่งเมืองต้าลี่ ต้วนตี่เฮง ในการตามหาคัมภีร์สุดยอดวิทยายุทธ์ที่ถูกซ้อนเอาไว้ และยับยั้งแผนการร้ายของ อาวเอี้ยงฮง ให้ได้
หนังคู่แฝด : มังกรหยก หยกก๊าหว่า – มังกรหยก อภิมหายุทธ์
มังกรหยก หยกก๊าหว่า เป็นผลงานของ เจฟฟรีย์ เลา ผู้กำกับหนังตลกชั้นแนวหน้าของวงการที่มีผลงานมาแล้วมากมาย และได้ หงจินเป่า มาช่วยกำกับคิวบู๊ แต่ที่สำคัญจริง ๆ ก็คือหนังเรื่องนี้เป็นผลงานการสร้างของผู้กำกับมือรางวัลอย่าง “หว่องกาไว” นั่นเอง
เหตุผลที่ผู้กำกับที่ขึ้นชื่อลือชาด้านการสร้างหนัง “ขายยาก” อย่าง หว่องกาไว หันมาสร้างหนังตลกตรุษจีนอย่าง มังกรหยก หยกก๊าหว่า เกิดขึ้นเพราะผลงานเรื่อง Ashes of Time (มังกรหยก ศึกอภิมหายุทธ์) หนังกำลังภายในสุดทะเยอทะยานของเขา ที่เกิดปัญหางบประมาณบานปลาย การถ่ายทำล่าช้า จนหนังไม่สามารถปิดกล้องได้ จึงมีการสร้างภาพยนตร์ กับดาราชุดเดิม แต่เป็นในฉบับตลาดแตกขึ้นมา เพื่อเป็นการต่อทุนให้กับหนังฟอร์มใหญ่เป็นหลัก
โดยเนื้อแท้แล้วหนังทั้งสองเรื่องมีเนื้อหาที่ใกล้เคียงกัน กับเรื่องราวในวัยหนุ่มของ 5 จอมยุทธ์ตัวละครเด่นในมังกรหยก แต่ในขณะที่ Ashes of Time มุ่งค้นหารากเหง้าความเป็นมาเบื้องหลังอันลึกซึ้งของตัวละครเหล่านั้น หยกก๊าหว่า เลือกหยิบตัวละครจากมังกรหยกมาล้อเลียนชนิดเสียผู้เสียคน เนื้อหาแม้จะมีการอ้างอิงเรื่องราวจากวรรณกรรมของกิมย้งอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ดูจะวนเวียนอยู่กับมุขตลกเจ็บตัว หรือบทเกี้ยวพาราศีระหว่างตัวละครเสียมากกว่า
ข้อสังเกตที่ได้จากหนังทั้งสองเรื่องอย่างหนึ่ง เห็นจะเป็นเรื่องความเก่งกาจ และครบเครื่องของนักแสดงฮ่องกงในยุคนั้นนะครับ เป็นข้อพิสูจน์ว่าดาราที่โด่งดังใน “ยุคทองของวงการหนังฮ่องกงนั้น” มีทั้งมีรูปโฉม, เสน่ห์, ความเท่ห์ อย่างเต็มเปี่ยม บางคนยังมีความสามารถทางการร้องเพลง และทั้งหมดมีฝีมือการแสดงดีอย่างหาตัวจับยาก เรียกว่าจะดีมากดีน้อยเท่านั้นเอง ในเวลาเดียวกันยังสามารถปล่อยมุข เล่นตลกสุดโต่งได้อย่างถึงเครื่องต้มยำ ชนิดว่าว่าไม่มีใครห่วงหล่อห่วงสวยกันเลย
มังกรหยก หยกก๊าหว่า ประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม ทุกคนดูจะเข้าใจความเป็นงานประเภทล้อเลียน โดยไม่ได้คิดว่าหนังเรื่องนี้จะไปสร้างความเสื่อมเสียให้กับนิยายต้นฉบับแต่อย่างใด ขณะที่ Ashes of Time ก็โด่งดังไปทั่วโลกในฐานะหนังกำลังภายในสุด “อาร์ต” กวาดรางวัลมากมาย และยังคงถูกพูดถึงจนถึงปัจจุบันนี้ เรียกว่าเป็น “แฮปปี้เอนดิ้ง” ที่ได้ทั้งเงินทั้งกล่องสำหรับ หนังคู่แฝดชุดนี้ ของ หว่องกาไว
...............................................…………….
มังกรหยก หยกก๊าหว่า เข้าฉายในเมืองไทยในช่วงปี 2535 โดย “นนทนันท์” ขาใหญ่ที่จัดจำหน่ายหนังจีนดัง ๆ หลายเรื่องในยุคนั้น โดยได้ทีมพากย์ของ CVDi ในยุคนั้นมาลงเสียงภาษาไทย พร้อมได้ตัวเสริมอย่าง คุณรอง เค้ามูลคดี เข้ามาร่วมให้ความเฮฮาด้วย ซึ่งนักพากย์ทุกคนก็ “จัดเต็ม” กันจนเพิ่มความฮาให้หนังฉบับภาษาไทยอีกหลายเท่าตัว รวมถึงมีการแปลงเพลงที่ร้องกันในเรื่องให้เป็นภาษาไทยด้วย (ถ้าฟังไม่ผิดเพลงในหนัง น่าจะเป็นเสียงร้องของศิลปินโฟล์กคำเมืองผู้ล่วงลับ จรัล มโนเพ็ชร ด้วย)
ถ้าอยากลองดูหนังและฟัง “มังกรหยก หยกก๊าหว่า” ฉบับพากย์ไทยสุดคลาสสิก เข้าใจว่ามีคนใจดี นำมาอัพโหลดให้ได้รำลึกความหลังกันในเว็บ Youtube ด้วยครับ
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ ""ซ้อ 7"ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |