“เจ๊ฉอด” ควง “เอส” แถลงผลประกอบการ เอ-ไทม์ทราเวิลเลอร์ ไตรมาส 3 โวโตขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์ หลังผนึกกำลังช่วยกันทำงานมา 3 ปี พร้อมปัดสั่งห้ามเอสรับละคร บอกเป็นจังหวะมากกว่า ออกปากชมฝ่ายชายเปลี่ยนไปเยอะ จากเที่ยวเตร่หันมาเข้าวัดเข้าวา
หลังจากรุกธุรกิจทัวร์ในนามบริษัท “เอ-ไทม์ทราเวิลเลอร์” มาได้ 3 ปี ล่าสุดบิ๊กบอส “เจ๊ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา” ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ-ไทม์ ทราเวิลเลอร์ จำกัด ได้ควงคู่หูต่างวัย “เอส วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย” รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ-ไทม์ ทราเวิลเลอร์ จำกัด ออกมาแถลงผลประกอบการในไตรมาส3 ของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา ในครั้งนี้นอกจากจะแถลงทิศทางของธุรกิจด้วยแล้ว ทั้ง “เจ๊ฉอด” และ “เอส” ก็ได้เปิดใจเคลียร์ข่าวในประเด็นต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาด้วย โดยเริ่มที่เรื่องธุรกิจก่อน…
สายทิพย์ : “เอาเข้าจริงๆ แล้วเราไปทำวิจัยแล้วเรื่องน่าแปลก ตรงที่ว่าสมัยนี้คนไทยเราใช้เงินมากที่สุดกับอะไร อย่างแรกคือในเรื่องของปัจจัย4 ที่มันต้องใช้ในความจำเป็น อันดับ 2 คือเรื่องของการท่องเที่ยว เลยรู้ได้ว่าคนสมัยนี้เปลี่ยนไป ไม่เหมือนแต่ก่อน อย่างเมื่อก่อนเขาจะคิดว่าแก่แล้วถึงจะไปเที่ยว เดี๋ยวนี้คือทำงานไปเที่ยวไป”
เอส : “ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้มันเป็นอย่างนั้น เหมือนอยากให้รางวัลชีวิตกับตัวเอง เขาจะเลือกเที่ยวตามงบที่ตัวเองสามารถบริหารจัดการได้ คนบางคนตั้งไว้เลยว่าในหนึ่งปีจะไปเที่ยวต่างประเทศที่ไหน ยังไงบ้าง”
สายทิพย์ : “รวมไปจนถึงบริษัทใหญ่ๆ ที่มันมีลักษณะของการขายเกิดขึ้น ส่วนใหญ่เขาก็จะใช้เรื่องของการท่องเที่ยวเป็นตัวซัพพอร์ต ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการสร้างภาพให้กับบริษัทหรืออะไรก็แล้วแต่ ก็จะมาใช้บริการในส่วนนี้กัน มันก็เลยเหมือนกับเป็นการสวนกระแสกับเศรษฐกิจอยู่นิดนึง”
เอส : “ด้วยความจริงแล้วบริษัทต่างอาจมีความจำเป็นที่จะต้องใช้บริษัทท่องเที่ยวแบบเราด้วยอยู่เหมือนกัน ยิ่งพอเราเปิดตัวว่าเราเป็นบริษัททัวร์ที่แตกต่าง ลูกค้าเห็นในสิ่งที่เรานำเสนอมันเลยทำให้ปริมาณงานที่วิ่งเข้าหาเราเพิ่มขึ้นด้วย เราวางตำแหน่งตัวเองที่ช่องว่างทางการตลาดในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนี้มันยังไม่มีไว้อยู่แล้วด้วย แล้ว ณ วันนี้เราก็เชื่อว่าเรายังเป็นเจ้าเดียวที่ทำแบบนี้ได้”
ไม่หวั่นแม้ปัจจุบันจะมีคู่แข่งเข้ามาแชร์พื้นที่ทางการตลาด เชื่อการใส่ใจในรายละเอียดจะเป็นจุดสำคัญมัดใจลูกค้าให้กลับมาใช้บริการกลับตนอีก
สายทิพย์ : “เรื่องของคู่แข่งต้องบอกว่าเราน่าจะได้เปรียบ ตรงที่เราเริ่มที่จะจับธุรกิจนี้ก่อน ในปีนี้มีคนประมาณหมื่นกว่าคนที่ร่วมเดินทางไปกับเรา ก็ถือว่าเป็นสเกลที่ค่อนข้างใหญ่และมีการเติบโตที่สูงมาก แต่ละปีเรามีทริปเป็นร้อยทริป เราทำงานกันอย่างจริงจังมาก มันไม่ใช่ภาพที่จะเห็นดาราอย่างคุณเอสมาทำงานก๊อกแก๊ก คิดว่าเขามาทำทัวร์เล่นๆ อะไรอย่างนั้นเลย จริงๆ เราก็ไม่ได้ตั้งใจถึงขนาดนั้นแต่ ณ วันนี้เราบอกเลยว่าเราจริงจังกับธุรกิจตรงนี้มาก”
“หลายคนอาจจะเปิดบริษัทแบบเราได้มากมาย แต่เราเชื่อว่าด้วยวิธีการทำงานแล้วไม่เหมือน หรือคนที่ไปร่วมทัวร์เองก็จะรู้ว่ารายละเอียดข้างใน แล้วมันไม่เหมือนกัน เห็นได้ชัดจากคอนเสิร์ตทุกวันนี้มีคนเดินมาหาเราหลายคนแล้ว บอกว่าเข้าใจแล้วว่าคอนเสิร์ตแบบเอไทม์มันเป็นยังไง นี่คือสิ่งที่เราตั้งใจ เราไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของตัวเลขจะมีจำนวนคนมาร่วมทัวร์กับเราเยอะแค่ไหน ของแบบนี้มันลอกเลียนแบบกันได้อยู่แล้ว ต้องยอมรับความเป็นจริงว่าทุกวันนี้มันไล่ตามกันกันง่าย แต่ในแง่รายละเอียดเราเชื่อว่ายังไงก็ไม่เหมือน”
เอส : “คอนเซ็ปต์หรือแนวทางมันอาจจะก็อบปี้กันได้ แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่เราให้ความสำคัญที่สุดเป็นเรื่องของรายละเอียดข้างในซึ่งเราเชื่อว่าลอกเลียนแบบกันยากครับ”
สายทิพย์ : “เราเลยไม่รู้สึกกังวลใจอะไร เวลาที่มีใครเข้ามาแชร์พื้นที่ในตลาด เพราะเรารู้สึกว่ายังไงแล้วด้วยคุณภาพของเราก็ยังจะอยู่ในใจแฟนๆ ได้”
ยันไม่เคยสั่งเบรก “เอส” รับงานละคร หลังจากเคยมีข่าวกิ๊กกับสาว “หยาด หยาดทิพย์ ราชปาล” ด้านหนุ่ม “เอส” ลั่นยังไม่คิดอำลาวงการ แย้มกำลังมีผลงานละครเร็วๆ นี้
สายทิพย์ : “ช่อง 3 เขาจะไล่ออกอยู่แล้วค่ะ (สรุปสั่งเบรกเรื่องงานในวงการ?) ไม่หรอกค่ะ(หัวเราะ) คงแล้วแต่ช่วง”
เอส : “เป็นเรื่องของการทำงานมากกว่า อาจจะมองในช่วง 1-2 ปีนี้มากกว่าที่เบรก แต่จริงๆ แล้ว ณ วันที่เริ่มทำกลับตลกมาก ช่วงที่เริ่มต้นทำบริษัทกลายเป็นช่วงที่ผมมีงานละครมากที่สุด 2 ปี เล่นไป 9 เรื่องซึ่งเยอะมากเลยนะครับ คือช่วงนั้นมันเหมือนเป็นจังหวะ งานที่ค่อยๆ ทยอยมา ผมก็ทำคู่กันไป แค่อาศัยเรื่องของการแบ่งเวลา วันนี้เทคโนโลยีช่วยเราได้เยอะครับ”
สายทิพย์ : “เดี๋ยวนี้อยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ เร็วๆ นี้เขาก็กำลังจะมีงานละคร คือปกติละครเขาก็จะมีกำหนดวันมาแล้วว่าจะขอวันไหนยังไงบ้างในหนึ่งอาทิตย์”
เอส : “ผมยังมองว่างานละครก็ยังเป็นงานหลักของผมทั้งคู่ครับ เพียงแต่น้ำหนักทุกวันนี้อาจจะมาในเรื่องของบริษัทค่อนข้างเยอะ อาจจะเป็นเพราะอยู่ในช่วงเริ่มต้น ก็เลยอยากจะทำให้มันดีที่สุด แน่นอนก็ต้องทุ่มเทในช่วงที่ผ่านมาก็เลยจะดูเหมือนว่าผมห่างจากจอไป แต่ก็ถือว่ามันเป็นเรื่องปกติ จะทิ้งให้งานแสดงเป็นงานเสริมมันก็คงไม่ใช่ เพราะผมเองก็เติบโตจากตรงนั้น มันเกื้อหนุนกันมากกว่า เครดิตการทำงานบันเทิงมันก็มาช่วยในเรื่องของการทำงานตรงนี้เหมือนกัน”
สายทิพย์ : “มันช่วยได้มากจริงๆ ค่ะ อย่างเอสเดินไปหาลูกค้า เขาก็จะมีความแฮปปี้อยู่แล้ว การจะคุยอะไรกันมันก็ดูง่ายขึ้น มันก็เอื้อซึ่งกันและกันค่ะ ตัวเราเองยอมรับอยู่ก่อนแล้ว ว่าเขาทำงานตรงนั้นอยู่ก่อนแล้ว เลยไม่ซีเรียสอะไรค่ะ แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะไปบอกว่าไม่ให้เขาทำงานที่เขาทำอยู่ แต่อย่างที่บอกมันเป็นเรื่องของเวลาอยู่แล้ว”
“เจ๊ฉอด” เผยตั้งแต่ฝ่ายชายเข้ามาทำงานกับตนชีวิตก็เปลี่ยนไป จากที่เคยเที่ยวเตร่ก็หันมาเข้าวัดแทน
สายทิพย์ : “ตอนแรกๆ ก็แอบกังวลว่าที่เขาเข้ามาเขาจะสนุกจริงรึเปล่า หรือจะแค่มาลองดูเฉยๆ พอทำงานไปด้วยกันแล้ว ก็สบายใจขึ้น เขาเองก็เปลี่ยนไปเยอะ จากที่แต่ก่อนถ่ายละครเสร็จก็อาจจะไปแฮงค์เอาท์พักผ่อน ตอนนี้ชีวิตเปลี่ยนไปแล้ว จากที่แต่ก่อนเข้าผับ ก็เปลี่ยนมาเป็นเข้าวัดแทน”
เอส : “เดี๋ยวนี้เข้าวัดอย่างเดียวครับ ก็ดีนะครับ ด้วยความที่ตัวผมเองเป็นคนที่ไม่ยึดติดกับอะไร ผมเองพยายามที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ วันที่พี่ฉอดชวนมาทำงาน มันก็เป็นโอกาสที่ดีน่าสนใจ มันไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะปฎิเสธ แล้วก็เป็นโชคดีด้วยที่ผู้ใหญ่ทางช่อง 3 ท่านเข้าใจ ผมเองก็อยู่กับช่อง 3 มาตลอด”
สายทิพย์ : “เขาก็มีสัญญาค่ะ ในสัญญาก็ให้เล่นละครปีละ 2 เรื่องเลยไม่น่ามีปัญหา”