นครศรีธรรมราช - เผยพิษปิดร่องน้ำอ่าวนครศรีฯ สูญวันละกว่า 100 ล้านบาท นายกสมาคมประมงปากพนัง แนะรัฐควรแก้ปัญหาด่วน เพราะกระทบเป็นระบบตั้งแต่ผู้ประกอบการถึงผู้บริโภคอาหารทะเล ส่วนชาวบ้านยืนยันปิดอ่าวกดดันธุรกิจของนายทุนต่อ และจะมีชาวประมงมาสมทบเพิ่มอีก
ความคืบหน้าล่าสุดกรณีการปิดร่องน้ำปากอ่าวนครศรีธรรมราช เมื่อเวลา 15.00 น.ของวันนี้ (5 ก.ย.) นายนรินทร์ ยุทธิชัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าไร่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นแกนนำในครั้งนี้ เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้มีเรือบรรทุกสินค้า 3-4 ลำ จะผ่านเข้ามา แต่ทางกลุ่มเรือประมงไม่ยอมให้ผ่าน จึงมีการเจรจาต่อรองกัน เนื่องจากสินค้าที่ถ่ายลงมาจากเรือลำใหญ่จะต้องนำส่งในพื้นที่ให้เร็วที่สุด ซึ่งประมาณการคร่าวๆ ลำละไม่ต่ำกว่า 1,000,000 บาท เมื่อทางเราไม่ยอม เรือก็ต้องจำเป็นจะต้องเปลี่ยนเส้นทางใหม่ อาจจะไปขึ้นที่ท่าเรือ จ.สงขลา หรืออาจจะไปขึ้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี แทน
นายนรินทร์ กล่าวว่า พวกเราต้องการให้กลุ่มธุรกิจนายทุนเกิดความเดือดร้อนกันบ้าง อย่างน้อยพวกเขาเหล่านี้ได้ไปกดดันรัฐบาลเอาเอง เพราะลำพังความเดือดร้อนที่ประมงเล็กประสบอยู่ไม่เคยได้รับการแก้ไขที่ถูกต้อง เช้าวันนี้ก็ยังไม่มีการติดต่อกลับมา และในเย็นวันนี้เราจะมีมาตรการใหม่อีกครั้ง ไม่มีความรุนแรงอะไรมากมาย แต่จะกดดันธุรกิจของนายทุนไปเรื่อยๆ
“ตั้งแต่เย็นวานนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำเรือประจำการณ์มาสังเกตการณ์ห่างๆ และส่งเจ้าหน้าที่ลงเรือเล็กเข้ามาเจรจา 3-4 รอบ เพื่อให้เรือประมงยุติการปิดปากอ่าว แต่ทางกลุ่มไม่ยอมเจรจา รอส่วนกลางลงมาเท่านั้น โดยขณะนี้ได้รับการติดต่อมาจากกลุ่มเรือประมงพื้นที่ อ.สิชล อ.ขนอม เข้ามาว่าจะทยอยนำเรือและเครื่องยังชีพเพื่อมาร่วมสมทบด้วย” นายนรินทร์ เปิดเผยเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดคืนที่ผ่านมาได้มีเรือบรรทุกสินค้าหลายลำที่ขนถ่ายสินค้าจากเรือใหญ่หรือที่เรียกว่า “เรือทัวร์” เพื่อมาส่งที่ท่าเทียบเรือประมงปากพนัง ไม่สามารถเข้ามาได้ จึงต้องลอยลำทอดสมอ จนรุ่งเช้าเรือลำดังกล่าวต้องใช้เดินทางอ้อมไปขึ้นท่าเทียบเรือที่จังหวัดสงขลาแทน เพื่อขนส่งสินค้ากลับมายังจังหวัดนครศรีธรรมราชโดยทางรถบรรทุก ส่วนเรือบรรทุกเสบียงที่จะต้องนำไปส่งให้กับเรือประมงพาณิชย์ที่อยู่นอกน่านน้ำก็ไม่สามารถนำไปส่งได้เช่นกัน
ด้าน นายประเทือง ทิพยมาศ นายกสมาคมประมงปากพนัง กล่าวว่า เช้าที่ผ่านมา ตนได้เรียกประชุมสมาชิกสมาคมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากการปิดอ่าวยังคงยืดเยื้อจะทำให้ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการประมงต้องเดือดร้อนอย่างหนัก เวลา 3 วันก็ทำให้ธุรกิจพังลงได้ โรงน้ำแข็งก็อยู่ไม่ได้ ปลาก็ไม่มีเข้าออก ส่งก็ส่งไม่ได้ เมื่อสัตว์น้ำไม่มี ผู้ประกอบการ ผู้บริโภคก็กระทบกันเป็นลูกโซ่ หากว่าภายใน 3 วันนี้ ยังคงปิดอ่าวกันอยู่อีก ก็คงต้องโทษภาครัฐว่าไม่รู้จักแก้ปัญหากัน มองปัญหาแบบตื้นๆ ไม่มองผลกระทบที่เกิดขึ้น เหตุที่เกิดขึ้นหนักจริงๆ เท่าที่ทราบขณะนี้มีเรือแจ้งที่จะเข้ามาสมทบการปิดอ่าวร่วมอีก
“อยากเรียกร้องให้รัฐบาลลงมาแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ธุรกิจทางน้ำเป็นธุรกิจที่สำคัญของประเทศ รัฐบาลไม่ว่าสมัยใดไม่เคยเห็นความสำคัญของสัตว์น้ำทุกประเภท พอเกิดปัญหาขึ้นครั้งหนึ่งก็แก้ให้ครั้งหนึ่ง ไม่เคยแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบถาวร ปัญหาจะได้ไม่ต้องเกิดซ้ำๆเข้ารูปรอยเดิม อย่าลืมว่าอาชีพประมงเป็นอาชีพที่อยู่คู่กับประเทศไทยมาอย่างยาวนาน เป็นอาชีพที่มีมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ไม่ได้ไปลอกเลียนแบบใคร เป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านอย่างแท้จริง รัฐต้องหันมาใส่ใจกับอาชีพนี้อย่างจริงจัง แก้ปัญหาอย่างตั้งใจ แต่ละปีรายได้จากเศรษฐกิจทางน้ำเป็นแสนๆ ล้าน รัฐมองไม่เห็น แก้ปัญหาแบบผักชีโรยหน้า ปัญหาก็เลยต้องเกิดแบบซ้ำซากและจำเจ” นายกสมาคมประมงปากพนัง กล่าว
ส่วน นายอาวุธ สินทอง เจ้าของเรือประมงสินสุวรรณ ปากพนัง กล่าวว่า การที่ประมงเรือเล็กปิดอ่าวในครั้งนี้ได้รับผลกระทบอย่างมากมาย ดังนี้คือ ก่อนเรือจะออกหาปลาจะต้องบรรทุกน้ำแข็ง น้ำมัน และอุปกรณ์อื่นๆ หลายรายการ เมื่อเรือออกทะเลไม่ได้ ความเสียหายทางเศรษฐกิจก็มีผลกระทบตามมา ทำให้ต้องเสียเวลา น้ำแข็งละลาย เมื่อเรือจอดลูกเรือก็ลงฝั่งหายไป ทำให้วุ่นต้องหาลูกเรือประมงใหม่อีก วุ่นวายมากมาย นอกจากนี้ เรือที่จะเข้าฝั่งมาซึ่งออกหาปลาเป็นเวลาหลายเดือน บรรทุกปลามาเต็มลำ ไม่สามารถเข้าฝั่งได้ น้ำแข็งก็เหลือน้อยเต็มที ต้องรีบนำปลาขึ้นที่ท่าแพ ถ้าภายใน 3 วัน ไม่สามารถขึ้นฝั่งได้ ปลาจะเน่า เสียหายไม่ต่ำกว่า 200,000 บาทต่อลำ ส่วนที่แพปลาแม่ค้ารอรับซื้อปลา เพื่อนำไปส่งห้องเย็นตามที่ได้ทำสัญญาไว้ล่วงหน้า เมื่อปลาขึ้นท่าไม่ได้ ปลาไม่มีส่งห้องเย็นก็จะทำให้ถูกฟ้องร้อง ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ต่ำกว่าวันละ 100 ล้านบาท เช่นกัน
“รัฐควรรีบหาทางเจรจาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยด่วน เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่เฉพาะ อ.ปากพนัง เท่านั้น แต่จะเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นระบบทั้งจังหวัด ลองคิดดูระบบเศรษฐกิจจังหวัดเกิดความเสียหายใครจะรับผิดชอบ รัฐจึงต้องทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ใหม่อีกครั้ง” นายอาวุธ กล่าว
ความคืบหน้าล่าสุดกรณีการปิดร่องน้ำปากอ่าวนครศรีธรรมราช เมื่อเวลา 15.00 น.ของวันนี้ (5 ก.ย.) นายนรินทร์ ยุทธิชัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าไร่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นแกนนำในครั้งนี้ เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้มีเรือบรรทุกสินค้า 3-4 ลำ จะผ่านเข้ามา แต่ทางกลุ่มเรือประมงไม่ยอมให้ผ่าน จึงมีการเจรจาต่อรองกัน เนื่องจากสินค้าที่ถ่ายลงมาจากเรือลำใหญ่จะต้องนำส่งในพื้นที่ให้เร็วที่สุด ซึ่งประมาณการคร่าวๆ ลำละไม่ต่ำกว่า 1,000,000 บาท เมื่อทางเราไม่ยอม เรือก็ต้องจำเป็นจะต้องเปลี่ยนเส้นทางใหม่ อาจจะไปขึ้นที่ท่าเรือ จ.สงขลา หรืออาจจะไปขึ้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี แทน
นายนรินทร์ กล่าวว่า พวกเราต้องการให้กลุ่มธุรกิจนายทุนเกิดความเดือดร้อนกันบ้าง อย่างน้อยพวกเขาเหล่านี้ได้ไปกดดันรัฐบาลเอาเอง เพราะลำพังความเดือดร้อนที่ประมงเล็กประสบอยู่ไม่เคยได้รับการแก้ไขที่ถูกต้อง เช้าวันนี้ก็ยังไม่มีการติดต่อกลับมา และในเย็นวันนี้เราจะมีมาตรการใหม่อีกครั้ง ไม่มีความรุนแรงอะไรมากมาย แต่จะกดดันธุรกิจของนายทุนไปเรื่อยๆ
“ตั้งแต่เย็นวานนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำเรือประจำการณ์มาสังเกตการณ์ห่างๆ และส่งเจ้าหน้าที่ลงเรือเล็กเข้ามาเจรจา 3-4 รอบ เพื่อให้เรือประมงยุติการปิดปากอ่าว แต่ทางกลุ่มไม่ยอมเจรจา รอส่วนกลางลงมาเท่านั้น โดยขณะนี้ได้รับการติดต่อมาจากกลุ่มเรือประมงพื้นที่ อ.สิชล อ.ขนอม เข้ามาว่าจะทยอยนำเรือและเครื่องยังชีพเพื่อมาร่วมสมทบด้วย” นายนรินทร์ เปิดเผยเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดคืนที่ผ่านมาได้มีเรือบรรทุกสินค้าหลายลำที่ขนถ่ายสินค้าจากเรือใหญ่หรือที่เรียกว่า “เรือทัวร์” เพื่อมาส่งที่ท่าเทียบเรือประมงปากพนัง ไม่สามารถเข้ามาได้ จึงต้องลอยลำทอดสมอ จนรุ่งเช้าเรือลำดังกล่าวต้องใช้เดินทางอ้อมไปขึ้นท่าเทียบเรือที่จังหวัดสงขลาแทน เพื่อขนส่งสินค้ากลับมายังจังหวัดนครศรีธรรมราชโดยทางรถบรรทุก ส่วนเรือบรรทุกเสบียงที่จะต้องนำไปส่งให้กับเรือประมงพาณิชย์ที่อยู่นอกน่านน้ำก็ไม่สามารถนำไปส่งได้เช่นกัน
ด้าน นายประเทือง ทิพยมาศ นายกสมาคมประมงปากพนัง กล่าวว่า เช้าที่ผ่านมา ตนได้เรียกประชุมสมาชิกสมาคมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากการปิดอ่าวยังคงยืดเยื้อจะทำให้ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการประมงต้องเดือดร้อนอย่างหนัก เวลา 3 วันก็ทำให้ธุรกิจพังลงได้ โรงน้ำแข็งก็อยู่ไม่ได้ ปลาก็ไม่มีเข้าออก ส่งก็ส่งไม่ได้ เมื่อสัตว์น้ำไม่มี ผู้ประกอบการ ผู้บริโภคก็กระทบกันเป็นลูกโซ่ หากว่าภายใน 3 วันนี้ ยังคงปิดอ่าวกันอยู่อีก ก็คงต้องโทษภาครัฐว่าไม่รู้จักแก้ปัญหากัน มองปัญหาแบบตื้นๆ ไม่มองผลกระทบที่เกิดขึ้น เหตุที่เกิดขึ้นหนักจริงๆ เท่าที่ทราบขณะนี้มีเรือแจ้งที่จะเข้ามาสมทบการปิดอ่าวร่วมอีก
“อยากเรียกร้องให้รัฐบาลลงมาแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ธุรกิจทางน้ำเป็นธุรกิจที่สำคัญของประเทศ รัฐบาลไม่ว่าสมัยใดไม่เคยเห็นความสำคัญของสัตว์น้ำทุกประเภท พอเกิดปัญหาขึ้นครั้งหนึ่งก็แก้ให้ครั้งหนึ่ง ไม่เคยแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบถาวร ปัญหาจะได้ไม่ต้องเกิดซ้ำๆเข้ารูปรอยเดิม อย่าลืมว่าอาชีพประมงเป็นอาชีพที่อยู่คู่กับประเทศไทยมาอย่างยาวนาน เป็นอาชีพที่มีมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ไม่ได้ไปลอกเลียนแบบใคร เป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านอย่างแท้จริง รัฐต้องหันมาใส่ใจกับอาชีพนี้อย่างจริงจัง แก้ปัญหาอย่างตั้งใจ แต่ละปีรายได้จากเศรษฐกิจทางน้ำเป็นแสนๆ ล้าน รัฐมองไม่เห็น แก้ปัญหาแบบผักชีโรยหน้า ปัญหาก็เลยต้องเกิดแบบซ้ำซากและจำเจ” นายกสมาคมประมงปากพนัง กล่าว
ส่วน นายอาวุธ สินทอง เจ้าของเรือประมงสินสุวรรณ ปากพนัง กล่าวว่า การที่ประมงเรือเล็กปิดอ่าวในครั้งนี้ได้รับผลกระทบอย่างมากมาย ดังนี้คือ ก่อนเรือจะออกหาปลาจะต้องบรรทุกน้ำแข็ง น้ำมัน และอุปกรณ์อื่นๆ หลายรายการ เมื่อเรือออกทะเลไม่ได้ ความเสียหายทางเศรษฐกิจก็มีผลกระทบตามมา ทำให้ต้องเสียเวลา น้ำแข็งละลาย เมื่อเรือจอดลูกเรือก็ลงฝั่งหายไป ทำให้วุ่นต้องหาลูกเรือประมงใหม่อีก วุ่นวายมากมาย นอกจากนี้ เรือที่จะเข้าฝั่งมาซึ่งออกหาปลาเป็นเวลาหลายเดือน บรรทุกปลามาเต็มลำ ไม่สามารถเข้าฝั่งได้ น้ำแข็งก็เหลือน้อยเต็มที ต้องรีบนำปลาขึ้นที่ท่าแพ ถ้าภายใน 3 วัน ไม่สามารถขึ้นฝั่งได้ ปลาจะเน่า เสียหายไม่ต่ำกว่า 200,000 บาทต่อลำ ส่วนที่แพปลาแม่ค้ารอรับซื้อปลา เพื่อนำไปส่งห้องเย็นตามที่ได้ทำสัญญาไว้ล่วงหน้า เมื่อปลาขึ้นท่าไม่ได้ ปลาไม่มีส่งห้องเย็นก็จะทำให้ถูกฟ้องร้อง ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ต่ำกว่าวันละ 100 ล้านบาท เช่นกัน
“รัฐควรรีบหาทางเจรจาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยด่วน เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่เฉพาะ อ.ปากพนัง เท่านั้น แต่จะเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นระบบทั้งจังหวัด ลองคิดดูระบบเศรษฐกิจจังหวัดเกิดความเสียหายใครจะรับผิดชอบ รัฐจึงต้องทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ใหม่อีกครั้ง” นายอาวุธ กล่าว