xs
xsm
sm
md
lg

"วงเพื่อน"...ดังกระหึ่ม"งานวัด" จัดเต็ม"จากดวงใจ" /บอน บอระเพ็ด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : บอน บอระเพ็ด (skbon109@hotmail.com)
สมาชิกวงเพื่อนในยุคทอง
“ครั้งหนึ่ง ครั้งหนึ่งเธอจำได้ไหม สองเราเคยเที่ยวงานวัดบ้านใต้ ทำบุญปิดทององค์พระมาลัย ก่อพระเจดีย์ทรายร่วมกัน...”

เพลง “งานวัด” : วงเพื่อน

สำรองสู่สามัญ คือวิถีลูกเสือ

สูงสุดสู่สามัญ คือวิถีแห่งจอมยุทธ์

ส่วนสูงสุดสู่การแตกตัว คือวิถีทางแห่งวงดนตรีจำนวนมากหลายทั่วโลก โดยหนึ่งในนั้นก็คือ “วงแกรนด์เอ็กซ์” ซึ่งครั้งนึง ครั้งนึงยังจำได้ไหม ว่าในปี พ.ศ. 2527 วงแกรนด์เอ็กซ์ในยุคสุดยอดที่ลงตัวทั้งฝีมือ การทำเพลง และไอเดีย ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดวงดนตรีแห่งยุคสมัย(นั้น)

แต่จู่ๆ สมาชิกวงแกรนด์เอ็กซ์ 4 คน(จากทั้งหมด 9 คน) ได้แก่ พี่แอ๊ด-ทนงศักดิ์ อาภรณ์ศิริ : มือเบส,พี่ตี๋-วสันต์ สิริสุขพิสัย : มือคีย์บอร์ด,พี่รัก-พนัส หิรัญกสิ : มือแซ็กโซโฟน และพี่แดง-เสน่ห์ ศุภรัตน์ : มือทรัมเป็ต ช็อกแฟนเพลงด้วยประกาศลาออกจากวง แยกตัวไปตามวิถีทางของตัวเอง ตาม“พี่อ๊อด -ศรายุทธ สุปัญโญ”ที่ชิงลาออกไปก่อนหน้านั้นไม่นาน

แน่นอนว่าการลาออกของสมาชิกแกรนด์เอ็กซ์ทั้ง 4 ครั้งนี้ ย่อมไม่ใช่การลาออกไปขายก๋วยเตี๋ยว เป็นโปรโมเตอร์มวย หรือลาออกไปเล่นการเมือง อย่างที่ใครบางคนนิยมทำในยุคนี้ หากแต่เป็นการลาออกไปเพื่อสร้างสรรค์งานดนตรีอย่างที่ต้องการในยุคที่พวกเขายังมีพลังทางดนตรีเหลือเฟือ

พี่รัก-พนัส ได้เล่าถึงการแยกตัวครั้งนี้ไว้ในรายการทีวีช่องหนึ่งว่า มันมีแนวคิดบางอย่างที่มันไม่ตรงกันจึงเกิดการแยกทางขึ้น เมื่อแยกออกไปแล้วพวกเขา 4 คนยังคงเหนียวแน่นกันอยู่ ยังร่วมทำวง ทำเพลง เขียนเพลง เล่นดนตรี ซ้อมดนตรีด้วยกันอยู่เหมือนแต่ก่อน ไม่ได้ทิ้งดนตรีที่พวกเขารักไปทำอย่างอื่น

จากนั้นทางพี่แอ๊ดมือเบส ได้ชวน 3 นักดนตรีอาชีพฝีมือดี มากประสบการณ์ ได้แก่ “พี่หมึก - ดนัย ทวีโภค : มือคีย์บอร์ด, “พี่อ๊อด - ฟาโรห์ ตอยยีบี : ลีดส์กีตาร์” และ “พี่อ๋อย - สมชาย สีหอำไพ” : มือกลอง เข้ามาสมทบ ฟอร์มวง“เพื่อน”ขึ้นมาในปี 2527 โดยมีสมาชิกทั้งหมด 7 คนด้วยกัน ตามชื่อและตำแหน่งที่กล่าวมาข้างต้น

วงเพื่อนแม้เป็นวงดนตรีน้องใหม่(ในยุคนั้น) แต่ด้วยชื่อชั้นบารมีที่สั่งสมมาจากแกรนด์เอ็กซ์ทำให้วงดนตรีวงนี้ถูกจับตามองเป็นพิเศษ โดยหลายๆคนยกให้เป็นวงคู่แข่งของวงแกรนด์เอ็กซ์ ส่วนอีกหลายคนบอกว่า ถ้าพี่แจ้-ดนุพลย้ายตามมาด้วยอีกคน นี่จะเป็นวงนิวแกรนด์เอ็กซ์ที่อาจทำให้ลืมวงแกรนด์เอ็กซ์เดิมไปเลยก็ได้

นอกจากนี้เหล่านักฟังทั้งพันธุ์แท้และพันธุ์ทางข้างตลับเทป ยังวิเคราะห์ ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของที่มาของวงเพื่อนอีกต่างหาก เนื่องจากหลังการแยกตัวออกมาตั้งวงเพื่อนของอดีตคนดนตรีสายสกุลแกรนด์เอ็กซ์ทั้ง 4 วงแกรนด์เอ็กซ์เดิมได้หาสมาชิกใหม่มาสมทบพร้อมกับปรับเปลี่ยนชื่อวงเสียใหม่ว่า “แกรนด์เอ็กซ์-แฟมมิลี่” ที่หลายคนตีความว่าต้องการแสดงนับถึงอะไรบางอย่าง

เช่นเดียวกับชื่อวงเพื่อนที่หลายคนตีความคิดไปเองว่า “เพื่อน”อาจจะเป็นการสื่อผ่านบอกความนัยๆถึงความเป็นเพื่อนของเหล่าสมาชิกวงแกรนด์เอ็กซ์ที่ร่วมหัวจมท้ายกันมา แต่สุดท้ายต้องมาเดินแยกทางเนื่องจากผลประโยชน์และแนวคิดที่ไม่ตรงกัน
อะโห...ชีวิต ผลงานอัลบั้มแรก
แต่สุดท้ายแล้วที่มาของชื่อวงเพื่อน มีคำเฉลยออกมาจาก “กรวิก”(สันติ เศวตวิมล) นักแต่งเพลงชื่อดังแห่งยุค 80’s ว่า ชื่อวงเพื่อนไม่ได้เป็นมาอย่างที่ใครและใครหลายคนคิดมากกันหรอก หากแต่มาจากชื่อ“เพื่อน” ลูกสาวคนโตของน้ากรวิกนั่นเอง โดยหลังจากที่ 4 สมาชิกวงแกรนด์เอ็กซ์แยกตัวออกมา พี่แอ๊ดมือเบสก็ไปคุยกับกรวิกถึงเรื่องการก่อตั้งวงดนตรีวงใหม่ น้ากรวิกจึงวางคอนเซ็ปต์วงให้ไป พร้อมกับนำชื่อลูกสาวคนโตที่ชื่อว่าเพื่อนมาตั้งเป็นชื่อวง(คล้ายกับชื่อวง”พลอย”ของพี่แจ้ ที่ชื่อวงมาจากชื่อของน้องพลอยลูกสาวคนสุดท้องของกรวิก)

วงเพื่อนเมื่อได้ชื่อที่เรียกง่าย จำง่าย มีความหมายดีแล้ว ก็ไม่รีรอส่งผลงานอัลบั้มแรกออกมาในชื่อชุด “อะโห...ชีวิต” ในปี 2527 โดยที่ทางวงไม่มีนักร้องนำ หากแต่ใช้วิธีแบ่งสัดส่วน สลับกันร้องนำตามแนวทางถนัดของแต่ละคน เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่สามารถร้องเพลงกันได้เป็นอย่างดี

อัลบั้มอะโห..ชีวิตมีเพลง “อะโห..ชีวิต”เป็นไฮไลท์ เพลงนี้ถือเป็นความล้ำหน้าของวงการเพลงในยุคนั้นไม่น้อยเลย เพราะเป็นการนำสรรพสำเนียงพื้นบ้านแบบไทยๆ(ที่ใช้ในเพลงลูกทุ่ง)มาผสมกับเพลงสตริง เพลงเต้นรำของฝรั่ง ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคนั้น เกิดเป็นงานเพลงลายเซ็นวงเพื่อนขึ้นมา(ซึ่งไปประสบความสำเร็จสูงสุดในชุดที่สอง)

นอกจากนี้ในอัลบั้มอะโห...ชีวิต เพื่อนยังสร้างแนวทางเฉพาะของวงขึ้นมา กับแนวเพลงโจ๊ะๆ สนุกอารมณ์ดี อาทิ “รักเนี้ยบๆ”, “หยุดใจไว้กับเธอ”, “ปุ๊บปั๊บ” และเพลง“ป่าเดียวกัน” ที่ผมฟังแล้วฮามาก ว่าด้วยเรื่องของคนสวยสะดุดตา ที่เพียงแค่เห็นแผ่นหลัง ผมเผ้า รูปร่างอ้อนแอ้นอรชร ก็ดึงดูดให้คนร้องเพลงนี้ต้องเดินตาม แต่ประทานโทษ เธอดันเดินเข้าห้องน้ำชายเหมือนกันเสียนี่ ครั้นเมื่อเดินออกมา สวนทางกันปรากฏว่าเป็นไม้ป่าเดียวกันเสียนี่

ด้านเพลงช้าเพราะๆซึ้งๆนั้น ในอัลบั้มอะโห..ชีวิตก็มีให้ฟังสลับอารมณ์กันแบบไม่เลี่ยน ไม่ว่าจะเป็น เพลง “กลับบ้าน”, “ห่วง” และ“ป่านฉะนี้”ในเวอร์ชั่นแรกที่ขับร้องนำโดยพี่รัก ก่อนที่กลายมาเป็นเพลงหากินของ“พี่กุ้ง -ตวงสิทธิ์” นักร้องนำวงเพื่อนในเวลาต่อมา

อัลบั้มอะโห...ชีวิต แม้ไม่โด่งดังเปรี้ยงปร้างถล่มทลาย แต่ก็สร้างชื่อเปิดตัววงดนตรีน้องใหม่ฝีมือเก๋าอย่างวงเพื่อนได้อย่างสวยหรู แถมผลงานเพลงของพวกเขายังถูกนำไปเปรียบเทียบกับวงแกรนด์เอ็กซ์(แฟมมิลี่)ในยุคผลัดใบอย่างช่วยไม่ได้

นักวิเคราะห์ข้างตลับเทปส่วนหนึ่งมองไปในทิศทางเดียวกันว่า ถ้าเปรียบมวยกันแบบปอนด์ต่อปอนด์ ด้านฝีมือการทำเพลง การเรียบเรียงเสียงประสาน วงเพื่อนเหนือกว่า แต่แกรนด์เอ็กซ์เจ๋งกว่าตรงที่มีพี่แจ้-ดนุพลเป็นนักร้องนำ ดึงดูดให้นักฟังเพลงติดเพลงของวงนี้แบบแกะไม่ออก และนั่นก็ทำให้มีการวิเคราะห์ต่อกันอีกว่า เหตุที่วงเพื่อนไม่มีนักร้องนำก็เพราะยังไม่สามารถหาคนที่มาเปรียบมวยกับพี่แจ้ได้นั่นเอง

แต่นี่ก็เป็นเพียงอัลบั้มแรกเท่านั้น เพราะในอัลบั้มที่ 2 “จากดวงใจ” วงเพื่อนก็ได้ “พี่กุ้ง-ตวงสิทธิ์ เรียมจินดา” นักร้องหนุ่มน้อยหน้านวล เสียงหล่อนุ่ม ผู้มากด้วยมุกกระจาย(ในภายหลัง) มาเป็นสมาชิกคนที่ 8 ในตำแหน่งนักร้องนำและมือคีย์บอร์ด อันถือเป็นยุคทองของวงดนตรีวงนี้
จากดวงใจ อัลบั้มที่โด่งดังที่สุดของวงเพื่อน
อัลบั้มชุดนี้ถือเป็นอัลบั้มที่ลงตัวที่สุด ดังที่สุด และประสบความสำเร็จมากที่สุดของวงเพื่อน

จากดวงใจ มีเพลงดังคับอัลบั้มให้ฟังกันอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเพลง “ใจคนคอย”(หรือที่ใครหลายคนๆเรียกว่าเพลง“นก”) ที่เป็นเพลงดังสร้างชื่อ แจ้งเกิดให้กับพี่กุ้ง-ตวงสิทธิ์อย่างเต็มตัว และกลายเป็นหนึ่งในเพลงหากินของเขามาจนถึงทุกวันนี้

ขณะที่เพลงดังอื่นๆในอัลบั้มชุดนี้ก็มี “รักบึงเก่า” เพลงสวนสนุกๆ โจ๊ะๆมันๆ ทางดนตรีน่าฟัง ทั้งไลน์เบส กีตาร์ คีย์บอร์ด ลูกโซโลแซกโซโฟน และเสียงกลองไฟฟ้าบึ้มๆที่นิยมกันมากในยุคนั้น

ส่วนเพลง“ตี๋ดอยตุง” นี่ก็ดังไม่แพ้กัน ยุคนั้นมันมีเพลง (ไอ้)”หนุ่มดอยเต่า” ของวงเด็ก“นกแล” ที่โด่งดังมาก ทางวงเพื่อนก็เลยมีเพลงตี๋ดอยตุงออกมาบ้าง ซึ่งต่อชื่อเพลงนี้ได้กลายเป็นแบรนด์ประจำตัวของพี่ตี๋-วสันต์ไปโดยปริยาย

เนื้อร้องเพลงนี้นอกจากจะมีเนื้อหาสนุก อารมณ์ดีชวนฟังแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงเทคนิคการแต่งเพลง การเล่นคำ ที่ใช้อักษร ต. เต่า หรือ เสียง ต.เต่า มาเป็นตัวดำเนินเรื่องได้อย่างแยบยล ถือเป็นหนึ่งในเทคนิคการแต่งเพลงที่แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ของภาษาไทยและพื้นความรู้ในภาษาไทยอันยอดเยี่ยมของนักแต่งเพลงรุ่นก่อน ซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีลีลาการแต่งเพลงแบบนี้ให้ฟังแล้ว หรือใครทำมาก็ถูกมองว่ากลายเป็นเพลงแสนเชยไปเสียฉิบ ทั้งๆที่นี่คือหนึ่งในเสน่หาลูกเล่นของภาษาไทยที่ไม่ใช่ใครๆก็สามารถเขียนออกมาเป็นเนื้อเพลงกันได้ง่ายๆ

สำหรับเพลงดังเพลงดีในอัลบั้มชุดจากดวงใจยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ชุดนี้ยังมีเพลง“จากดวงใจ” บทเพลงชื่อเดียวกับอัลบั้มเป็นหนึ่งในไฮไลท์เพลงดัง

เพลงจากดวงใจ ในช่วงอินโทรขึ้นนำในต้นเพลงใช้เทคนิคการใส่เสียงพูดลงไป เป็นเสียงลูกน้อย(เด็กผู้หญิง)ผู้กำพร้าแม้พูดคุยกับคุณพ่อในช่วงสั้นๆ เนื้อหาฟังง่ายๆ แต่ลึกซึ้งมาก นับเป็นคำสอนใช้เตือนสติมนุษย์ในยุคฟุ้งเฟ้อเห่อไปกับวัตถุนิยม(ของยุคนั้นมาจนถึงยุคนี้)ได้อย่างดีเยี่ยม

เพลงนี้เป็นเพลงเพราะๆช้าๆ ท่วงทำนองฟังติดหู เนื้อหากินใจ ภาษาที่ใช้สละสลวยสวยงาม แสดงให้เห็น พี่ตี๋-วสันต์ ฉีกคาแรคเตอร์สนุกๆในอารมณ์ตี๋ดอยตุง มาร้องเพลงพ่อผู้ยากจนที่ทุ่มเททำเพื่อลูกได้อย่างซาบซึ้งบาดใจจับอารมณ์ และเศร้ามาก ชนิดใครบางคนฟังแล้วถึงกับน้ำตาคลอหน่วย

“...หากพ่อมีคาถา เสกเป่าไป กอบผืนทราย ก่อให้เป็นบ้านให้เจ้าอยู่ ตัดแผ่นฟ้า สวมแทนผ้าให้เจ้าดู ใบไม้พรู คือเพลงกล่อมเจ้านิทรา”

จากเพลงจากดวงใจอันแสนเพราะพริ้งและเศร้าเหลือหลาย มาสู่เพลง“งานวัด” บทเพลงดังที่สุดของวงเพื่อนที่ยังคงความอมตะมาจนถึงทุกวันนี้

งานวัดขึ้นนำมาด้วยเสียงระฆัง ย่ำกลอง บ่งบอกบรรยากาศแบบวัดๆ แล้วตามด้วยเสียงคอรัส ฮา ฮ้า ส่งเข้าเพลง ซึ่งเนื้อหาว่าด้วยการรำลึกอดีตของเธอกับฉันที่เคยเดินเที่ยวงานวัดบ้านใต้ร่วมกัน มีความสุขความประทับใจเกิดขึ้น ก่อนจบลงด้วยความเหงาเศร้า เมื่อเธอมาจากไป

“...ครั้งหนึ่ง ครั้งหนึ่งจำได้หรือเปล่า วันนี้ไม่มีงานเหมือนเก่า ลานวัดมีแต่ความว่างเปล่า ฉันมาถามข่าวเธอกับเซียมซี”

เพลงงานวัดแต่งโดยกรวิก เป็นการนำกลิ่นอายชนบทมาผสมผสานกับดนตรีร่วมสมัย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในลายเซ็นสำคัญทางเพลงของวงเพื่อนที่มีมาตั้งแต่ชุดแรก เพลงนี้นอกจากเนื้อร้องจะติดหู ฟังง่ายแล้ว ความเจ๋งของเพลงยังอยู่ที่ท่อนแยก หรือท่อนฮุก ที่เป็นการนำเสนอในอารมณ์พื้นบ้าน ทั้งลีลาการร้อง ทั้งลีลาดนตรี ที่มีความลงตัวอย่างสูงเยี่ยม
สมาชิกวงเพื่อนที่กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
หลังประสบความสำเร็จอย่างมากจากชุดจากดวงใจ วงเพื่อนมีผลงานเพลงชุดที่ 3 “ป้ากะปู่” ออกมาในปี 2529 ที่แม้ความดัง ชื่อเสียง และยอดขายจะเทียบไม่ได้กับอัลบั้มจากดวงใจ แต่งานเพลงชุดนี้ก็ไม่ขี้เหร่ ยังคงมาตรฐานแบบวงเพื่อนเอาไว้

ป้ากะปู่ มีเพลงขึ้นชื่อ(แต่ไม่โด่งดังมากมาย) เป็นเพลงสนุกๆ อย่าง “ป้ากะปู่”,”เย้ว เย้ว”,”สักกะติ๊ด”,”งอดแงด” รวมถึงเพลง“ว้าเหว่”ในกลิ่นอายออกลาตินนิดๆ ที่ส่งผลให้มือกีตาร์มาดเท่ ฟาโรห์ ตอยยีบี แจ้งเกิดในเพลงนี้ และกลายเป็นเพลงประจำตัวของเขานับแต่นั้นมา

หลังออกอัลบั้มป้ากะปู่ “พี่หมึก-ดนัย” : มือคีย์บอร์ด และ “พี่อ๊อด - ฟาโรห์” : มือกีตาร์ ขอแยกทางลาออกไปร่วมงานกับ“พี่เต๊ะ-โชคดี พักภู่” ออกมาจากวงแกรนด์เอ็กซ์ โดยร่วมกันตั้งวงน้ำใจขึ้น แต่ว่า“แป้ก” จนต้องเลิกราไป ในขณะที่ “พี่อ๋อย - สมชาย” มือกลองก็ขอลาออกไปอีกคน

อย่างไรก็ดี ชีพจรของวงเพื่อนยังไม่จบเพียงเท่านี้ พวกเขาได้ “น้าแตง-อนุสรณ์ พัฒนกุล” มือกลองรุ่นเก๋า อดีตสมาชิกวงดิอิมพอสสิเบิ้ลส์ และ“วีระ โชติวิเชียร”มาร่วมทีม พร้อมด้วย“ยงยุทธ ผิวสุวรรณ” มาเสริมทัพในตำแหน่งเครื่องเป่า ออกอัลบั้มชุด“แด่ที่รัก”ออกมาในปี 2530

แต่ด้วยรสนิยมทางเพลงไทยในยุคนั้นที่เปลี่ยนไป และความตีบตันย่ำอยู่กับที่จากการทำเพลงของวงเพื่อนเองอันเนื่องจากการผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว ทำให้ผลงานเพลงชุดนี้ล้มเหลว จนบางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวงเพื่อนเคยมีอัลบั้มชุดนี้ออกมา

จากนั้นวงเพื่อนดิ้นเฮือกสุดท้ายกับอัลบั้มชุดสุดท้าย “ทั้งรักทั้งเกลียด”ในปี 2531 ที่มีเพลง“ทั้งรักทั้งเกลียด” เป็นเพลงชูโรง และเป็นอีกหนึ่งในบทเพลงประจำตัวของพี่กุ้ง-ตวงสิทธิ์ ก่อนที่เหล่าสมาชิกร่วมวงจะลงความเห็นร่วมกันว่าวงเพื่อนเดินทางมาถึงจุดอิ่มตัวเต็มทีแล้ว จึงปิดฉากวงนี้ลง เหลือเพียงตำนานวงเพื่อน ที่วันนี้บทเพลงอย่าง “ป่านฉะนี้”,“งานวัด”,”จากดวงใจ”,”ใจคนคอย”,”ว้าเหว่” และ “ทั้งรักทั้งเกลียด” ยังคงอยู่เป็นเพื่อนคู่วงการเพลงไทยมาจนถึงทุกวันนี้
****************************************

คลิกฟังเพลง งานวัด
*****************************************

หมายเหตุ : ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต 
           - หลังยุบวงแยกทางกันไป สมาชิกวงเพื่อนส่วนหนึ่งกลับมารวมตัวกันในปี 2546 นำเพลงเด่น เพลงดังของวง มาเล่นใหม่ เรียบเรียงเสียงประสานใหม่ ในชื่อชุด“เพื่อน รีเทิร์น” ที่สามารถเรียกแฟนเพลงรุ่นเก่าได้พอสมควร จากนั้นในปี 2553 พวกเขากลับมารวมตัวกันในนาม“เพื่อน 2010” เพื่อออกเล่นคอนเสิร์ตในวัยที่ร่วงโรย
*****************************************

บทความแนะนำเพลงน่าสนใจย้อนยุค จะนำเสนอสัปดาห์เว้นสัปดาห์ สลับกับบทความแนะนำเพลงน่าสนใจในสมัยนิยม
กำลังโหลดความคิดเห็น