พอเรื่องทำท่าจะซา … ก็มีข่าวเรื่อง “บ้านเขาใหญ่กับน้องเบอร์สอง” เข้ามาให้สีสันของชีวิตเรา 3 คนระอุอีกครั้ง แม้ครั้งนี้อาจจะมีแค่กลิ่นควันอ่อนไม่ได้ไหม้ลุกลามอย่างเมื่อก่อน ทว่า วันนี้ “พิ้งกี้ - ทองประกาย” ยังคงปฏิเสธและไม่ตอบรับ พูดคำเดียวว่า “ไม่” กับทุกเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับ “เป๊ก” สัณชัย เองตระกูล เหมือนเช่นทุกครั้ง บ้านเขาใหญ่อาจจะเป็น ความบังเอิญที่จงใจเติมเชื้อไฟเข้าไปในชีวิตของ “พิ้งกี้” รอบใหม่ก็ได้
บ้านหลังนี้ตั้งอยู่บนเนื้อที่ของโบนันซ่า เขาใหญ่ ของสงกรานต์ เตชะณรงค์ เคยเป็นข่าวมาครั้งหนึ่ง หลังจากที่เกิดเรื่อง “เรา 3 คน” ระหว่าง “ ธัญญ่า - เป๊ก และ พิ้งกี้” ได้ระยะหนึ่ง ตามข่าวที่เล่าลือกันมาในสมัยนั้นคือ หากได้บ้านหลังนี้ ทุกเรื่องราวซึ่งเคยฉกชิงวิ่งราวมา เป็นอันจบสิ้นโดยสมบูรณ์ !!
จนมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไม … บ้านหลังนี้มันมีอะไรนักหนาหรือ น้องเบอร์สอง อย่าง “พิ้งกี้” ถึงอยากจะได้ มูลเหตุหนึ่งก็เพราะว่า บ้านหลังนี้ ห่างจากบ้านของสงกรานต์ เตชะณรงค์ ไม่กี่หลัง !! การครอบครองบ้านหลังนี้ ที่ว่ากันว่า เป็นสินสมรสนั้น ก็คือ ความเป็นผู้ชนะของน้องเบอร์สองในศึกเรื่องรักๆใคร่ๆ กับเมียหลวงหมายเลขหนึ่งอย่างธัญญาเรศ เองตระกูล
มากกว่านั้น บางคนมองว่า ลึกๆ แล้ว “พิ้งกี้” ต้องการเอาชนะ “สงกรานต์ เตชะณรงค์” ด้วย เนื่องจากเมื่อวันที่พิ้งกี้ประกาศคบหากับสงกรานต์ และต้องการเป็น “นายหญิง” ของอาณาจักรโบนันซ่า แต่ฝ่ายชายกลับชิ่งประกาศว่า คนรักตัวจริงของเขาคือ “แอฟ” ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ ส่งผลให้เธอหน้าแหกอย่างฉับพลัน ชนิดที่หมอไม่รับเย็บ !!
หลังผ่านมรสุม ขณะที่ชีวิตรักของ “ธัญญ่า - เป๊ก” ทำท่าจะไปได้ดี ข่าวลือนี้ก็มาพร้อมกับข่าวที่ว่า ตลอดปีเศษมานี้ “พิ้งกี้” ต้องสูญเสียงานดีๆ ในเมืองไทยมากมายเพราะไม่มีใครกล้าจ้าง เนื่องจากไม่มีใครกล้าที่จะอ้าแขนรับ !! บางที บ้านหลังนี้อาจจะมีมูลค่าพอที่จะทดแทนรายได้และความเสียหายจากเรื่องที่ผ่านมาได้ ในยุคของสังคมข่าวลือ ต้องยอมรับว่า มีข่าวเกี่ยวกับตัวเธออยู่ตลอดเวลา
จากวันนั้นถึงวันนี้เรื่องผ่านมาเกือบปีกว่าแล้ว จนคนที่เคยติดตามข่าวดังกล่าวค่อยๆ ลดระดับความสนใจลงไป กระทั่งล่าสุดที่มีข่าวว่าพิ้งกี้ได้บ้านเขาใหญ่เป็นค่าปลอบขวัญโทษฐานที่ทำให้เธองานหายเงินหดมาตลอดสองปีที่ผ่านมานี่แหละ จึงทำให้หลายคนหันกลับมาสนใจข่าวดังกล่าวกันอีกครั้ง พร้อมกับเครื่องหมายคำถามที่ปรากฏอยู่ในใจของทุกคนว่า “บ้านหลังดังกล่าวคือบ้านหลังที่เป็นสินสมรสหลังนั้นหรือไม่?”
เพราะถ้าใช่ คำถามที่จะเกิดขึ้นต่อไปก็คือเพราะเหตุใดธัญญ่าที่ตั้งป้อมไม่ยอมเสียศักดิ์ศรีบ้านใหญ่มาโดยตลอดจึงยอมจดปากกาเซ็นมอบกรรมสิทธิ์บ้านหลังนี้ให้แก่พิ้งกี้ และข้อต่อรองที่ว่า “ได้บ้านก็จะยุติความสัมพันธ์” ที่คนวงในกระซิบบอกมาว่าพิ้งกี้เคยลั่นเอาไว้ในอดีตจะยังคงยึดถือตามนั้นอยู่หรือไม่
ไม่ใช่แค่เรื่องบ้าน แต่ยังมีเสียงลือหนาหูว่า “หนุ่มเป๊ก” ยังคงติดต่อคบหาอยู่กับ “พิ้งกี้” เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลงดังขึ้นมาจากมุมนั้นทีมุมนี้ที ไม่ว่าจะเป็นชายทะเลภูเก็ตหรือร้านอาหารสุดโรแมนติกที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งสาวพิ้งกี้ไปร่วมงานโรดโชว์ของผลิตภัณฑ์หนึ่งที่นั่น แต่คนตาดีก็เห็นหนุ่มท่าทางภูมิฐานหน้าตาคล้ายเป๊ก สัณชัย เจ้าเก่านั่งเฝ้าอยู่ในระยะที่ไม่ห่างกันมากนัก แถมตอนเลิกงานทั้งคู่ยังควงคู่กันไปหม่ำมื้อค่ำที่ร้านชื่อดังในตัวจังหวัดอีกด้วย
เมื่อนักข่าวกรูกันเข้าไปยื่นไมค์จ่อปากถามพิ้งกี้ เจ้าตัวถึงกับโอดครวญว่าตอบคำถามเรื่องเดิมมาเป็นรอบที่ร้อยแล้ว เพราะตั้งแต่เรื่องรักสามเส้าปูดขึ้นมา สิ่งที่ทุกคนต้องการจากเธอก็คือคำตอบเกี่ยวกับเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเป๊ก ซึ่งที่ผ่านมาพิ้งกี้ไม่เคยตอบคำถามแบบเคลียร์คัตชัดเจนเลยสักครั้ง เป็นเพียงการตอบเฉพาะกรณีที่เธอไม่เคยพูดถึงความสัมพันธ์ครั้งนี้แบบชัดเจนเต็มปาก โดยคราวนี้พิ้งกี้ปฏิเสธถึงข่าวลือที่มีคนเห็นเธอกับเป๊กไปกินดินเนอร์กันที่ขอนแก่นว่า
“ตามเฝ้าที่ขอนแก่นไม่ทราบค่ะ แต่หนูเพิ่งไปขอนแก่นมาแล้วก็ไปทำงานไม่ได้ไปกินข้าวกับใคร มันคืองานโรดโชว์มีนักแสดงหลายๆ คนก็อยู่ด้วย แล้วเรื่องทานข้าวก็ไม่มี มีแต่ไปกับคุณแม่เท่านั้น”
แต่อาจเป็นเพราะ “เสียงเล่าลือ” นั้นหนาหู ประกอบกับหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้หลายคนรู้สึกว่าเรื่องของพิ้งกี้เข้าข่าย “ไม่มีมูลสุนัขไม่ขี้” เมื่อนักข่าวรุกไล่มากๆ พิ้งกี้ก็บอกว่าถ้ามีคนยืนยันว่าเห็นเธอไปกับเป๊กจริงก็ขอให้ถ่ายรูปมาเป็นหลักฐาน ก่อนจะปิดท้ายการให้สัมภาษณ์ว่า “หนูเหนื่อยกับการตอบคำถามหลายๆ ครั้งค่ะ”
เหมือนพิ้งกี้จะพูดไปถึงต้นเสียงลือเหล่านั้นกลายๆ ว่าตราบใดที่ไม่มีรูปมายืนยัน ก็แปลว่าไม่มีหลักฐานแน่ชัด เพราะฉะนั้นเธอก็ไม่มีความผิดนะจ๊ะ
แต่เมื่อนักข่าวยังกัดไม่ปล่อยยิงคำถามเด็ดไปหาเธอว่า “ยังคงติดต่อกับเป๊กอยู่หรือเปล่า?” พิ้งกี้ก็รูดซิปปากแน่นสนิทไม่พูดไม่ตอบคำถามใดๆ ก่อนจะยกมือไหว้ขอตัวเดินจากไปซะดื้อๆ ไม่ต่างอะไรจากในอดีตที่เมื่อเธอถูกรุกไล่ด้วยคำถามที่เจาะลึกถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ของเธอกับหนุ่มเป๊ก ที่พิ้งกี้จะเกิดอาการ “ใบ้กิน” แล้วหลบฉากจากไปแบบนี้ทุกครั้ง
จะว่าไปแล้วหาก “ข่าวลือ” เรื่องกรรมสิทธิ์บ้านเขาใหญ่เป็นความจริง ก็ดูเหมือนว่างานนี้พิ้งกี้จะได้รับของขวัญที่คุ้มค่าอยู่ไม่น้อย บ้านหลังนี้ถือเป็นการ “ทับที่” เจ้าของเดิม !! โดยแท้
ในด้านผลงาน... ที่ถือว่าเป็นฝีไม้ฝีมือของพิ้งกี้จริงๆ ในช่วงที่ผ่านมา และเป็นงานที่ทำให้พิ้งกี้ยังคงถูกเรียกว่า “นักแสดง” ได้อยู่ก็คือการ “โกอินเดีย” ไปแสดงภาพยนตร์ในแถบอินเดียตอนใต้ เรื่อง Markandeyan คู่กับนักแสดงหนุ่มชาวอินเดีย “ชาบรีส สวามินาทาน” ซึ่งชาวอินเดียหลายคนชมว่าพิ้งกี้หน้าตาสวยและแสดงได้ดี ทำให้เธอเปรยกับคนใกล้ตัวว่ารู้สึกอบอุ่นที่ได้ไปทำงานที่นั่น และเคยให้สัมภาษณ์กระทบนักข่าวไทยในรายการของวู้ดดี้ในทำนองว่านักข่าวอินเดียไม่เคยมายุ่งเรื่องส่วนตัวของเธอนอกจากการถามเรื่องงานเท่านั้น
ในขณะที่ชาวอินเดียต้อนรับพิ้งกี้เป็นอย่างดี ชาวไทยที่ทราบข่าวเรื่องรักสามเส้าที่พิ้งกี้ไปเกี่ยวพันมาโดยตลอดก็ส่งเสียงแบนเธอจนดังระงม ทำให้งานแสดงในประเทศไทยสูญพันธุ์ไปนานหลายเดือน จนกระทั่งเกิดข่าวที่ค่อนข้างมีน้ำหนักขึ้นมาว่า “เฮียฮ้อ - สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์” แห่งอาร์เอส ทาบทามให้พิ้งกี้กลับมาแสดงละครเรื่องทองประกายแสดในช่อง 8 อินฟินิตี้ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานนี้
ช่อง 8 อินฟินิตี้ตั้งใจวางละครในช่องให้โหนกระแสข่าวฉาวข่าวคาวที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตัวอย่างจากละครเรื่องบันทึกรักซูเปอร์สตาร์ ที่อาร์เอสนำข่าวคาวที่เกิดขึ้นกับฟิล์ม รัฐภูมิ นับตั้งแต่ที่เขามีข่าวว่าทำ “แอนนี่ บรู๊ค” ตั้งท้อง ไล่มาจนถึงเรื่องการมีข่าวกับสาวๆ ไม่ซ้ำหน้ามาทำละครอย่างเป็นเรื่องเป็นราว และ “ทองประกายแสด” ก็กำลังจะดำเนินตามแนวทางนั้น
“ทองประกายแสด” เป็นนวนิยายของนักเขียนชื่อดัง "สุวรรณี สุคนธ์เที่ยง" เจ้าของนามปากกา "สุวรรณี สุคนธา” เป็นเรื่องของ “ทองดี” หรือ “ทองประกาย” เด็กสาวที่ทำทุกอย่างเพื่อชื่อเสียง เงินทอง ถึงขนาดใช้ตัวเข้าแลกกับสิ่งที่เธอต้องการ ด้วยการหาประโยชน์จากผู้ชายที่เข้ามาในชีวิตเธอ ซึ่งจะว่าไปแล้วตัวละคร “ทองประกาย” นั้นแรงมากกว่าข่าวฉาวของพิ้งกี้หลายเท่า
แต่คนที่ได้ยินข่าวว่าอาร์เอสทาบทามให้พิ้งกี้มารับบท “ทองประกาย” ในละคร “ทองประกายแสด” ได้พูดถึงข่าวนี้ในสองแง่มุม นั่นคือตัวละครที่แรงและมีบางเสี้ยวที่อิงกับข่าวฉาวๆ ในชีวิตจริงของพิ้งกี้ได้ ซึ่งนี่จะเป็นอีกครั้งที่อาร์เอสตั้งใจทำละครโหนกระแสข่าวฉาว
นอกเหนือจากนั้น ตัวละคร “ทองประกาย” นี้เคยถูกสวมบทบาทโดยนักแสดงรุ่นพี่ คนที่พิ้งกี้รู้จักเป็นอย่างดี นั่นคือ “ธัญญ่า ธัญญาเรศ รามณรงค์” เมื่อปี พ.ศ. 2545 โดยแสดงประกบกับ “โจ นูโว” และ “บิลลี่ โอแกน”
การติดต่อพิ้งกี้ให้คัมแบ็กสู่วงการบันเทิงไทยของอาร์เอส จึงเป็นเหมือนการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว นั่นคือการได้ทำละครที่ทั้งโหนกระแสข่าวฉาวของพิ้งกี้และยังได้นำพิ้งกี้มา “ทับรอย” ของธัญญ่าที่เคยแสดงไว้
...........................................
ที่มาASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 98 วันที่ 20-26 สิงหาคม 2554