“เจมส์-เอ๊ะ” หลังควงคู่ปิดฉากรักมาราธอน 12 ปี ด้วยทัศนคติไม่ตรงกัน งานนี้ “เอ๊ะ” ศศิกานต์แอบซุกกิ๊กรูปหล่อเชื้อสายอิตาเลียน “แม็กซ์” จักรกฤต เบเนเดทตี้ ทายาทและกรรมการผู้จัดการอิตาเลเซีย เทรดดิ้ง ซึ่งนำเข้าไวน์ดังถึง 40-50 แบรนด์ ทั้งยังเป็นที่ปรึกษาการตลาดให้แก่ร้านอาหารเกาหลีของเอ๊ะ หลังเลิก “เจมส์” กำลังหาฤกษ์ดีเปิดตัว “คนรักใหม่” เร็วๆ นี้
“แม็กซ์” ให้กำลังใจ “เอ๊ะ”
แรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้ “เอ๊ะ” ศศิกานต์ อภิชาตวรศิลป์ ตัดสินใจดำเนินธุรกิจ ร้านอาหารเกาหลีชื่อ Tudari ซึ่งตั้งอยู่ในโครงการ Seen Space ทองหล่อ 13 ก่อนที่จะขยายสาขามาอยู่ที่ชั้น 4 ห้างสยามพารากอน และกำลังจะมีสาขาอื่นในเร็วๆ นี้ เบื้องหลังคือผู้ชายชื่อ “แม็กซ์” คนนี้ซึ่งคบหากันมาระยะหนึ่ง จน “เอ๊ะ” ตัดสินใจ “สลัด” เจมส์ซึ่งคบหากันมาถึง 12 ปี
ปัจจุบัน หนุ่มเชื้อสายอิตาเลียนรูปหล่อคนนี้อายุ 35 ปีแล้ว ไปไหนมาไหนด้วยรถสปอร์ตยี่ห้อเฟอร์รารี่
แม็กซ์อาจจะไม่ใช่ “มือที่สาม” แต่งานนี้ “รักแท้” แพ้ “ใกล้ชิด” ไม่เฉพาะเอ๊ะเท่านั้น แต่รวมถึงครอบครัวเธอด้วย
“แม็กซ์” จักรกฤต เบเนเดทตี้ คนนี้คือกรรมการผู้จัดการของธุรกิจในเครือ “อิตาเลเซีย” (ชื่อ “อิตาเลเซีย” นี้มาจาก “อิตาลี + เอเชีย”) ซึ่งส่งผ่านจากรุ่นปู่ “โอเทลโล่” (ย่าเป็นคนไทย) มายังรุ่นพ่อคือ “อโดโฟ่” จนมาถึงรุ่นลูกคือ “จักรกฤต เบเนเดทตี้” ซึ่งเป็นทายาทรุ่น 3 ในรุ่นปู่นั้นเริ่มนำเข้าสินค้าที่ยังไม่มีในเมืองไทยจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่าย สมัยรุ่นปู่ยังไม่มีการมุ่งตรงไปที่สินค้าชนิดใดชนิดหนึ่ง ต่อมาในรุ่นพ่อสินค้าที่ได้รับการมุ่งเน้นอย่างจริงจังคือ เครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศอิตาลี และในรุ่นของเขาได้ปรับสินค้าตามความต้องการของตลาดผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยปัจจุบันมี 2 บริษัทสำคัญที่ดำเนินการอยู่คือ บริษัท อิตาเลเซีย อีเล็คโทร จำกัด และบริษัท อิตาเลเซีย เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด
ด้านการศึกษา เขาเรียนจบด้านการตลาด จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นได้ไปเรียนต่อปริญญาโทในสาขาเดิมที่ Thunderbird School of Global Management
บริษัท อิตาเลเซีย อิเล็คโทร นำเข้าสินค้าจากอิตาลี อาทิ illy coffee, น้ำแร่ San Benedtto, เครื่องครัว ALESSI, พาสต้า De Cecco ส่วนบริษัท อิตาเลเซีย เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายไวน์จากต่างประเทศมากกว่า 50 แบรนด์ รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในโรงแรมชั้นนำ อาทิ เครื่องแก้ว เครื่องครัว และอุปกรณ์จัดเลี้ยง ฯลฯ เหตุผลหนึ่งในการนำเข้าสินค้าพวกนี้ก็เพื่อรองรับ “ไลฟ์สไตล์” และปรับให้มีการบริการควบคู่ไปกับการจำหน่ายสินค้า
รักใหม่ของ “เอ๊ะ” ศศิกานต์
การแถลงข่าวเมื่อเวลา 14.00 น. ของวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทั้ง “เจมส์” เรืองศักดิ์ และ “เอ๊ะ” ศศิกานต์เลิกคบกันในฐานะ “คนรัก” มาระยะหนึ่งแล้ว โดยที่ “เอ๊ะ” ต้องการจบฉากรักกับ “เจมส์” เพื่อที่จะเตรียมเปิดตัวคนรักใหม่อย่างเต็มตัวในเร็วๆ นี้
อีกทั้งข่าววงในยังยืนยันว่า หนุ่มแม็กซ์รูปหล่อคนนี้ … ได้ไปมาหาสู่และสนิทสนมกับครอบครัว “อภิชาตวรศิลป์”เป็นอย่างดี ถึงขนาดปลื้มเอามากๆ ที่ลูกสาวได้คบหากับคนที่มีฝีไม้ลายมือเก่งกาจทางธุรกิจ เอาใจใส่ ให้กำลังใจ เป็นห่วงเป็นใย และคอยวางแผนการตลาดให้แก่ธุรกิจร้านอาหารเกาหลีของลูกสาวเป็นอย่างดี …
รักครั้งใหม่ของ “เอ๊ะ” ศศิกานต์กับ “แม็กซ์” จักรกฤตคนนี้จะเป็นอย่างไรในอนาคต ยังต้องลุ้นกันต่อไป หลังจากที่เธอเสียเวลาแต่ไม่เสียความรู้สึกกับรักหนเก่ามานานถึง 12 ปีเต็ม
“เอ๊ะ” ศศิกานต์ หลังจากแถลงข่าวเพียง 1 วันก็ได้ตอบคำถามขณะที่ไปร่วมบวงสรวงละครเวทีอิงประวัติศาสตร์เรื่อง “สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า
"เรื่องรักใหม่ตอนนี้ก็คงยังไม่ได้คิดอะไรมากมายนะคะ แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเอง แต่ก็ไม่ได้รีบหา หรือกระวนกระวายหาสักเท่าไร ก็ปล่อยไปตามธรรมชาติดีกว่าค่ะ ถ้ามีเข้ามาก็มีเท่านั้นไม่ได้รีบร้อนอะไร"
ในส่วนที่เธอมีโอกาสไปเล่นละครเวที เธอได้ “เจมส์” เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ อดีตคนรักที่ผันมาเป็นเพื่อน มาช่วยเป็นที่ปรึกษา เพราะหนุ่มเจมส์มีประสบการณ์จากละครเวที “กินรีสีรุ้ง” มาก่อน
ถ้าดูจากเรื่องราวของ “เจมส์ - เอ๊ะ” ที่ผ่านมาจะพบว่า เหมือนจะแน่นอน แต่ก็มีความไม่แน่นอนซุกซ่อนอยู่ เพราะหลังจาก 5 ปีแรกที่ความหวานเริ่มลดลง ทั้งคู่ประสบปัญหากันเป็นระยะ และพยายามปรับตัวเข้าหากันครั้งแล้ว ครั้งเล่า แต่ก็ไปกันได้แค่ระยะหนึ่งเท่านั้น แม้ทั้งคู่ผ่านอาถรรพณ์รัก 7 ปีมาถึงปีที่ 10 และมีแนวโน้มว่าจะได้แต่งงานกันในเวลาไม่ช้านาน โดยเจมส์ได้เริ่มสร้าง “เรือนหอ” ไว้รอเจ้าสาว และมีแผนที่จะสละโสดในปลายปี 2553 การประกาศเตรียมแผนวิวาห์ในคราวนั้น ปรากฏว่าทางครอบครัวของฝ่ายว่าที่เจ้าสาวยังมิได้รับรู้แต่อย่างใด
จากกรณีดังกล่าวทำให้เห็นว่าชีวิตของคนคู่นี้น่าจะมี “ตัวแปรสำคัญ” อื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องนอกเหนือจากความไม่แน่นอน เพราะงานวิวาห์ก็ถูกเลื่อนมาถึงกลางปี 2554 และแม้ทั้งคู่จะได้เข้าคอร์สผ่านบทเรียนชีวิตคู่ 12 บทมาแล้วก็ตาม ไม่นับรวมกรณีที่มีเสียงร่ำลือว่า เจมส์ค้นพบตัวเองจากการเล่นละครเวที “กินรีสีรุ้ง” ทั้งที่มีข่าวในเรื่องความเจ้าชู้แทรกเข้ามาเป็นระยะ ไม่ว่าจะเป็นกรณีซุกกิ๊กนักศึกษา หรือขับรถพาหญิงอื่นที่ไม่ใช่เอ๊ะไปในงานไนน์เอนเตอร์เทน ขณะที่ฝ่ายหญิงก็มีเสียงร่ำลือว่าเป็นเลสเบี้ยน เพราะดันไปมีรูปจูบกับเพื่อนนางแบบอย่าง “โย” ยศวดี หัสดีวิจิตร
สุดท้ายมาจบลงที่ “ทัศนคติไม่ตรงกัน” !! เมื่อ “เอ๊ะ” ศศิกานต์ อภิชาตวรศิลป์ ออกปากว่า “เมื่อถึงจุดหนึ่งที่มันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่” !!
“เลิกเป็นแฟนกันดีกว่าแต่งงานแล้วต้องหย่ากัน” ประโยคนี้ออกจากปากของ “เจมส์” เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ ซึ่งนับว่าถูกต้อง … และยอมรับสภาพเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
ส่วนใครเลิกใครก่อนนั้น เอ๊ะตอบว่า “ มันไม่ได้สำคัญตรงที่ว่าใครเป็นคนพูดก่อนนะคะ เอ๊ะมองว่าเป็นข้อตกลงทั้งคู่ที่เห็นตรงกันมากกว่าเรื่องที่ฉันขอเลิกกับเธอ หรือเธอขอเลิกกับฉัน”
แม้แต่การกอดครั้งสุดท้ายที่ผู้สื่อข่าวร้องขอในวันนั้น ก็ยังให้แค่การจับมือฉันเพื่อนเท่านั้น !!
.....................................
ที่มา นิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 95 วันที่ 30 กรกฎาคม - 5 สิงหาคม 2554