“เอ๊ะ” เดินหน้าเปิดร้านอาหารเกาหลี 4 สาขาภายในปีนี้ ลั่น ตอนนี้ทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต เพราะต้องดูแลเองทั้งหมด เจ้าตัวเผย ภูมิใจได้เล่นละครเวทีเรื่อง สมเด็จพระนเรศวร บอก เป็นละครเวทีเรื่องแรกในชีวิต ถึงยากมากแต่จะทำให้ดีที่สุด
หลังเปิดธุรกิจร้านเสื้อผ้าไปไม่นาน ตอนนี้นางแบบสาว “เอ๊ะ ศศิกานต์ อภิชาตวรศิลป์” ก็ได้เดินหน้าลุยธุรกิจใหม่ นั่นก็คือร้านอาหารเกาหลี โดยงานนี้สาว “เอ๊ะ” ตั้งเป้าจะขยายให้ได้ 4 สาขา ภายในปีนี้ เรียกว่ากะเอาให้รวยเละกันเลยทีเดียว
“ตอนนี้เปิดร้านอาหารเกาหลีค่ะ เพิ่งเปิดสาขาพารากอนชั้น 4 ไปเมื่อต้นเดือน แต่เดี๋ยววันที่ 28 กรกฎาคม นี้ก็แกรนโอเพนนิ่ง ก็เชิญทุกคนด้วยนะคะ ปีนี้ตั้งเป้าหมายไว้ 4 ที่ค่ะ ก็ที่ทองหล่อ 13 ชั้น 4 สยามพารากอน แล้วก็จะเป็นที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว แล้วก็เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น7 ในปีนี้อย่างเดียว จัดเต็มค่ะ คือตอนนี้ตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตเลยค่ะ ธุรกิจนี้เราลงทุนกันครึ่งๆ ค่ะ ทางครอบครัวเราครึ่งนึง และทางเกาหลีที่เขาเป็นเจ้าของแบรนด์นี้อีกครึ่งนึงค่ะ”
“แต่ผลตอบรับก็ดีนะคะ เพราะตอนแรกคิดว่าชั้น 4 คน จะไม่ค่อยรู้ แต่ผลตอบรับก็ดีค่ะ ร้านเอ๊ะก็ไปดูแลเองด้วยค่ะ กับธุรกิจไม่คาดหวังไม่ได้เลย เพราะเราลงทุนเยอะ และเอ๊ะเป็นคนดูแลบริหารเองทั้งหมด ก็เป็นหน้าที่โดยตรง เพราะฉะนั้นเราก็จะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดค่ะ”
“เจมส์ก็ไม่ได้เข้ามาช่วยนะคะ เพราะตัวเขาเองก็ยังเอาตัวไม่รอดอยู่เลย งานเขาก็เยอะอยู่ค่ะ ก็แยกย้ายกันทำงาน แต่ก็ยังไม่แน่นะคะ ว่าเราจะเปิดธุรกิจร่วมกันรึเปล่า ต้องดูไปในอนาคตค่ะ เพราะว่า ณ ตอนนี้สำหรับเอ๊ะเอง แค่ละคร และร้านก็ไม่มีเวลาทำอย่างอื่นแล้ว ส่วนเรื่องร้านเสื้อผ้า หน้าที่หลักๆ เป็นของน้องชายมากกว่าค่ะ ช่วงนี้ก็จะห่างๆ แล้ว เพราะเอ๊ะจะมาดูแลร้านเกาหลีมากกว่า”
เจ้าตัวเผย นอกจากกำลังหัวหมุนกับธุรกิจแล้ว ตอนนี้ยังมีโอกาสได้เล่นละครเวที เรื่องสมเด็จพระนเรศวร ซึ่งเป็นละครเวทีเรื่องแรกในชีวิต ที่ทำให้ภูมิใจมาก
“ต้องบอกได้ว่าเพิ่งเริ่มนะคะ แต่ก็เป็นไปได้ด้วยดีค่ะ หลังจากที่ได้เพลงได้ทุกอย่างมา เราก็ต้องกลับมาทำการบ้านเยอะอยู่เหมือนกัน รวมไปถึงการร้องการรำ ไม่ว่าจะเป็นกิริยาท่าทางทุกอย่างค่ะ และครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกในการเล่นละครเวทีเลยค่ะ ก็ดีใจมากและภูมิใจมาก เพราะนักแสดงทั้งหมดเป็นนักแสดงในพระบรมราชูปถัมภ์ค่ะ และก็เป็นบทละครอิงประวัติศาสตร์ที่จะให้ทุกคนได้ดูกัน”
“คือเอ๊ะเคยร้องเพลงมา มันเหมือนเริ่มใหม่หมดเลยค่ะ เพราะมันจะเป็นเหมือนละครรำ ปกติเราเป็นคนทำอะไรค่อนข้างเร็ว ก็ต้องมาปรับกันเยอะมาก แต่การเล่นละครเวทีเรื่องนี้ก็มีครูจากกรมศิลป์มาสอนเราว่าการเดินการรำ การถวายบังคมต้องทำอย่างไร เราก็ไม่เคย อย่างน้อยครูก็ช่วยได้ เรื่องที่หนักใจก็จะเป็นเรื่องการร้องค่ะ เพราะต้องร้องแบบเอื้อนแบบไทยมากๆ แต่ก็จะทำให้ดีที่สุด”