xs
xsm
sm
md
lg

ปิดตำนานคู่รักมาราธอน “เจมส์-เอ๊ะ” ไปไม่รอดเผยทัศนคติไม่ตรงกัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เจมส์-เอ๊ะ” ไปไม่รอด รับเลิกกันแล้ว เหลือเพียงความสัมพันธ์แค่เพื่อน บอกที่ผ่านมาพยายามปรับหากันแล้ว แต่ไม่เป็นผล เพราะต่างฝ่ายต่างถูกเลี้ยงดูมาแตกต่างกัน เลิกกันตอนนี้ดีกว่าแต่งงานไปแล้วต้องหย่าร้าง ฝ่ายชายยันตัวเองไม่ได้เป็นเกย์ และเอ๊ะไม่ได้เป็นเลสเบี้ยน ยอมรับเสียใจ แต่ไม่เสียดายเวลาที่คบกัน

ช็อกวงการอีกคู่เมื่อคู่เลิฟมาราธอนระหว่างนักร้องหนุ่ม “เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์”และนางแบบสาว “เอ๊ะ ศศิกานต์ อภิชาตวรศิลป์” ที่ได้คบหาดูใจกันมานานถึง 12 ปี ก็ได้เลิกรากันเป็นที่เรียบร้อย โดยก่อนหน้านี้ ก็มีกระแสต่างๆ มาตลอด เช่น ฝ่ายชายแอบซุกกิ๊กเป็นนักศึกษาไว้ตามคอนโดมิเนียมบ้าง หรือแม้กระทั่งข่าวรักๆ เลิกๆ กันมาตลอด แต่ก็ผ่านพ้นกันมาได้จน อีกทั้งยังมีแพลนว่าจะแต่งงานถึงขั้นลงมือสร้างเรือนหอไว้รอแล้วเรียบร้อย

โดยในวันนี้ (21 ก.ค.) เวลา 14.00 น.ที่ โรงละครเมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์ ชั้น 4 ศูนย์การค้าเอสพลานาด “เจมส์-เอ๊ะ”ได้ควงคู่กันใส่ชุดดำล้วนมาตั้งโต๊ะเปิดใจถึงสาเหตุของการเลิกราครั้งนี้ หลังจากที่มีกระแสข่าวลือต่างๆ นานา ซึ่งผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า ทั้งคู่มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ไม่แสดงอารมณ์เสียใจให้เห็นโดยนักร้องหนุ่มได้เริ่มเปิดใจก่อนว่า

เจมส์: “จริงๆ แล้ววันนี้ไม่ใช่เป็นงานแถลงข่าวอะไรนะครับ เนื่องจากมันมีกระแสข่าวลือต่างๆ มากมาย ผมกับเอ๊ะก็เลยมีความคิดว่าอยากจะมาพูดให้กับพี่ๆ น้องๆ สื่อมวลชนฟังจากปากเราสองคนว่าเหตุการณ์หรืออะไรที่มันเป็นอยู่ตอนนี้มันเป็นยังไง วันนี้ก็เรียกว่าเป็นงานอัพสเตตัสเฟสบุ๊คแล้วกันนะ (ยิ้ม) ก็คือ เราสองคนตอนนี้สถานะ ก็คือ เปลี่ยนจากการเป็นแฟนก็ปรับเป็นเพื่อนรักกัน จริงๆ แล้วด้วยเหตุผลก็คือว่าเราสองคนพิจารณาด้วยกันทั้งคู่ จากการตกลงจากการคุยด้วยกันทั้งคู่ว่าเรายังมีหลายๆ เรื่องราวที่เรายังเข้ากันไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทัศนคติความคิด การใช้ชีวิต หรืออาจจะเป็นเพราะว่าการถูกเลี้ยงดูมาต่างกัน”

“หลายๆ คนก็จะตั้งคำถามว่าทำไมถึงปล่อยให้ยาวนานถึง 12-13 ปี จริงๆ แล้วไม่ใช่เราพยายามไม่แก้ไขนะครับ เรารู้เรื่องราวเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว และเราพยายามที่จะทำทุกๆ วิถีทาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพยายามที่จะปรับจูนเข้าหากัน คุยกัน หาที่ปรึกษา หรือว่าสุดท้ายพยายามที่จะใช้ในเรื่องของการแต่งงานเพื่อที่จะแก้ปัญหา แต่สุดท้ายแล้วก็คงไม่อาจฟืนความจริงได้ว่าจริงๆ แล้วเวลาที่เราไม่สามารถที่จะเดินไปด้วยกันได้ เราก็เลยคุยกัน เห็นตรงกัน โดยที่เรามีจุดยืนว่าเราเลิกเป็นแฟนกันดีกว่าเราแต่งกันแล้วหย่ากัน ซึ่งตรงจุดนั้นมันจะมีคนที่ต้องเสียใจกับเราหลายๆ ฝ่าย”

“แต่ในก่อนหน้านี้ก็มีการให้สัมภาษณ์บ้างว่าเรายังรักกันดีอยู่หรืออะไรก็ตามที ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นการแสดงออกให้เห็นว่าเรากำลังพยายามที่จะทำทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุด แต่พอมันมาถึงวันนึง ณ จุดที่เราคิดว่าไม่อยากให้มันเสียเวลาไปมากกว่านี้ เราก็เลยคุยกันแบบแฮปปี้มาก เราไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งใดๆ ไม่มีอะไรที่เป็นตามข่าวลือว่าผมเป็นเกย์ (ยิ้ม)”

เอ๊ะ:“ที่ว่าเอ๊ะเป็นเบี้ยน ก็ไม่ได้เป็นนะคะ(หัวเราะ)”

เจมส์: “เราไม่ได้เป็นอะไร ยังชอบผู้ชาย ผู้หญิงปกติ”

เอ๊ะ: “แล้วเราก็ไม่ได้มีมือที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง”

เจมส์ :“ไม่มีมือที่สาม ยังไม่มีใครมีรักใหม่ ไม่ได้มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีทะเลาะเบาะแว้ง วันสุดท้ายที่เราตกลงกันว่าเราจะเปลี่ยนสถานะเราก็ยังยิ้มแย้มแจ่มใส แล้วเราก็ยังคุยกันว่าเป็นการแยกจากกันแบบดีมากๆ และจริงๆ แล้วผมบอกได้เลยว่าต่อจากนี้ไปก็คงเป็นเพื่อนที่ผมรักมากที่สุดก็ว่าได้ เพราะเรารู้จักกันทุกแง่มุมแล้ว เพียงแต่ว่าสถานะต่างๆ ความผูกพันธ์ฉันท์แฟนหรือว่าคนที่จะสร้างอนาคตร่วมกันตรงนี้เราเข้าใจกันแล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็คงจะต้องหยุด”

บอกปัญหาหนักเริ่มมีมาเมื่อ 5 ปีหลังมานี้ และพยายามทุกวิถีทาง แม้แต่การจะแต่งงานกันเพื่อแก้ปัญหา แต่ก็ไม่เป็นผล พร้อมบอกเรื่องเรือนหอที่สร้างเอาไว้ก็คงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ “เจมส์” เป็นฝ่ายจัดการ

เอ๊ะ  :“อย่างที่บอกว่าเราพยายามแล้วค่ะ พยายามปรับตัวแล้ว เราพยายามทำความเข้าใจกันแล้วจริงๆ แต่เมื่อมันมาถึงจุดนึงที่เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ ก็คือไม่ใช่ และมันไม่ได้สำคัญว่าใครเป็นคนพูดก่อนหรอกค่ะ เอ๊ะมองว่ามันเป็นข้อตกลงที่ทั้งคู่เห็นตรงกันมากกว่าที่จะเป็นว่าฉันขอเลิกกับเธอ เธอขอเลิกกับฉัน มันไม่ใช่”

เจมส์ :“จริงๆ แล้วจะเกิดคำถามนี้เยอะมากครับ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนๆ หรือใครก็ตามว่าทำไมเราไม่พยายามเลยเหรอ ผมบอกได้เลยว่า 5 ปีหลังมานี้เราอยู่กับการพยายามมาโดยตลอด กับการปรับตัว กับการพยายามแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่าง เราพยายามหลายครั้งมากครับ ถึงตัดสินใจวันนี้ได้ไม่ใช่ว่าง่ายนะครับ ผมบอกได้เลยว่าผมเสียใจครับ แล้วผมก็เชื่อว่าเอ๊ะก็เสียใจ เพราะระยะเวลามันนาน และความผูกพันธ์มันมี เพียงแต่ว่าการเสียใจวันนี้มันจะเกิดแค่ตัวเรา เราคิดว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะถ้าเกิดเราปล่อยไป แล้วเราฝืนต่อไป มันจะไม่ใช่เสียใจกันแค่นี้”

เอ๊ะ :“ไม่ใช่เพราะเจมส์เจ้าชู้ค่ะ เป็นเรื่องของคนสองคนจริงๆ บอกแล้วมันเป็นรายละเอียดที่มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาเล่าให้ฟัง (หัวเราะ) แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องของความเจ้าชู้หรือว่าข่าวอะไรที่เกิดขึ้นก็ตาม ไม่ใช่ค่ะ แล้วก็ไม่ได้มีฟางเส้นสุดท้ายนะ”

เจมส์  :“ไม่ใช่ฟางหรอก แค่ลม(หัวเราะ) คือมันเหมือนกับเราพยายามๆ จนถึงจุดหนึ่งแล้วหันมองหน้ากันแล้วก็รู้สึกว่าไม่ไหวแล้วล่ะ ก็เลยตัดสินใจคุยกัน คือถ้าปกติคนที่จะเลิกกันหรือว่าแยกกันผมว่าคงจะต้องมีเหตุการณ์ทะเลาะเบาะแว้งอะไรกัน แต่เราไม่ครับ”

เอ๊ะ :“เราไม่ได้มีทะเลาะอะไรกันเลย”

เจมส์ :“เหมือนกับตื่นเช้าขึ้นมาวันนึงก็คิดได้(หัวเราะ) เพราะมัน 12 ปีแล้ว ชีวิตจะได้ทำอย่างอื่นต่อ และที่ตกลงกันจริงๆ ที่ตกลงกันเด็ดขาดก็ไม่นานครับ เพียงแต่ปัญหานี้มันมีมาหลายปีแล้ว แต่ว่าทุกครั้งที่เกิดปัญหาเราก็พยายามที่จะมองหาทางแก้ และพยายามหลายๆ ครั้งแล้วปัญหาก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม”

เอ๊ะ:  “ปัญหานี้จริงๆ มันเป็นรายละเอียดน่ะค่ะ เอ๊ะว่ามันคงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาอธิบายให้ฟัง ต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องของสองคนจริงๆ แล้วมันก็เป็นรายละเอียดของคนสองคน”

เจมส์  :“ถามว่า เกี่ยวกับการเข้าครอสแต่งงานไหม จริงๆ แล้วไม่อยากให้คนกลัวความรักนะครับ คือเราสองคนอย่างที่บอกว่าทุกๆ วิถีทาง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้การใช้ชีวิตคู่หรือว่าอะไรก็ตามทีที่ไปสู่วิธีทางแก้เหมือนกัน แต่มันเป็นปัญหาของเราสองคนซะมากกว่า เพราะฉะนั้นน้องๆ หรือใครก็ตามทีไม่ใช่ว่าเห็นคู่พี่สองคนแล้วเกิดกลัวเรื่องความรักกัน ไม่ต้องกลัวนะครับ มันเป็นโอกาสที่คงไม่ได้เกิดกับทุกๆ คนที่สุดท้ายแล้วพอจะตัดสินใจใช้ชีวิตคู่แล้วมันยังมีเรื่องบางเรื่อง หรือว่าอะไรหลายๆ อย่างที่มันยังไม่สามารถที่จะลงตัวกันได้”

“ส่วนเรื่องเรือนหอจริงๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ เรามองว่าเรื่องชีวิตของเราสองคนเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า ส่วนเรื่องทรัพย์สินหรือธุรกิจต่างๆ เดี๋ยวเราค่อยๆ คิด เพราะนับจากวันนี้ไปเราก็ไม่ได้บ๊ายบายกันแล้วไม่มองหน้ากัน ไม่ใช่ครับ เราก็ยังโทร.หากัน มีเวลาเราก็ยังเจอกันได้ ทุกอย่างก็ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เพียงแต่ว่าวันนี้เราอยากจะให้พี่ๆ น้องๆ สื่อมวลชนได้ทราบชัดเจนว่าตอนนี้สถานะเราสองคนเป็นยังไง เพราะทุกๆ ครั้งที่เวลาเอ๊ะไปทำงานหรือผมไปทำงาน พี่ๆ ก็มักจะมีคำถาม ในบางครั้งเราก็อยากจะพูดนะ (หัวเราะ) แต่บางทีเรามองว่าเราพูดครั้งเดียวให้จบดีกว่า”

เอ๊ะ  :“ก็ไม่ได้ต้องแบ่งอะไรค่ะ เพราะว่าจริงๆ เป็นเรื่องของเจมส์ทั้งหมด ฉะนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากค่ะ เจมส์ก็จัดการของเจมส์ไป”

เจมส์ :“ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเข้าใจเราทั้งสองคนครับ ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งครอบครัวของเอ๊ะ ซึ่งท่านทั้งสองก็มีพระคุณกับผมมาก หรือไม่ว่าจะเป็นครอบครัวผมเพราะสุดท้ายแล้วก่อนออกจากบ้านมาคุณย่าก็ยังกอดผม บอกว่าบอกสื่อมวลชนให้เข้าใจว่าที่บ้านเราเข้าใจทุกอย่างดี สุดท้ายแล้วเราก็ยังรักเอ๊ะเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นเนื้อคู่กัน เราไม่ได้ลงเอยกัน แต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เป็นคนที่ยังให้คำปรีกษาให้กำลังใจกันได้ครับ”

บอกไม่เคยเสียดายเวลา 12 ปีที่คบกัน เพราะมีแต่ความรู้สึกดีๆ ให้กันมาตลอด แต่หลังจากนี้ คงปล่อยให้เป็นธรรมชาติถ้าแต่ละคนจะพบใครใหม่ เพราะไม่ได้ปิดกั้นตัวเองซึ่งกันและกัน

เอ๊ะ: “เอ๊ะไม่เสียดายเวลาเลยค่ะ”

เจมส์ :“เพราะช่วงเวลาที่มีด้วยกันมันเป็นช่วงเวลาที่ดีนะ มันไม่ได้รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ผ่านมา แต่ถามว่าความรู้สึกใจหายมันมีแน่นอน ฉะนั้นก็อยากจะฝากขอพี่ๆ น้องๆ สื่อมวลชนช่วยเรานิดนึง ว่า หลังจากวันนี้ไปเราคงจะพูดวันนี้ที่ในลักษณะการมาเป็นคู่ขอเพียงแค่ครั้งเดียว เพราะต้องเข้าใจเราด้วยว่าความผูกพันธ์ก็คงมี ความรู้สึกใจหายก็คงมี เราก็คงใช้ช่วงระยะเวลาช่วงนึงในการที่เราจะทำใจทั้งคู่เหมือนกัน”

เอ๊ะ: “เกี่ยวกับแรงกดดันเรื่องการแต่งงานไหม จริงๆ ไม่เกี่ยวหรอกค่ะ ไม่เกี่ยวกับปัจจัยภายนอก บอกแล้วว่ามันเป็นปัจจัยภายในระหว่างเราสองคน”

เจมส์ :“จริงๆ แล้วเราเป็นเริ่มข่าวเหล่านั้นเองว่าเราตัดสินใจคิดว่าการแต่งงานน่าจะเป็นคำตอบ แต่สุดท้ายแล้วพอเราคิดเข้าไปลึกๆ แล้วมันก็ยังมีปัจจัยอีกหลายๆ อย่างที่มันไม่ใช่แค่พรุ่งนี้แต่งงานกันแล้วค่อยไปแก้ไขปัญหาทีหลังมันคงไม่ใช่แค่นั้น พอเราคิดละเอียดถี่ถ้วนแล้วก็มีความเห็นตรงกันว่ามันอาจจะเกิดปัญหาภายหลังตามมาได้ จริงๆ ก็ไม่ได้เป็นการกดดันหรอกครับจากที่ทุกคนจับตามอง เพราะเราสองคนก็บอกแล้วว่าเราไม่ได้แต่งงานตามกระแสสังคมอยู่แล้ว เราคิดอะไรหลายๆ อย่าง เพราะว่าชีวิตคู่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญ แล้วก็ค่อนข้างต้องคิดเยอะ”

“อนาคตชีวิตคู่ของแต่ละคนเหรอ คงยังไม่ได้คิดถึงขนาดนั้นหรอกครับ ก็คงจะให้เวลากับการทำงาน ให้เวลากับครอบครัวก่อนครับ ส่วนเรื่องของชีวิตคู่หรือรักใหม่อะไรต่างๆ ผมว่าปล่อยให้เป็นเรื่องของธรรมชาติ เราสองคนก็ไม่ได้จะปิดตัวเอง ก็ค่อยๆ ดูกันต่อไปครับก็คงไม่ได้ปิดอะไร แต่คงไม่ใช่เวลานี้หรอกครับ”

เอ๊ะ :“แต่มันจะยากขึ้นไหมกับคนใหม่ๆ อันนี้มันตอบไม่ได้หรอกค่ะ อยู่ที่ว่าเราเจอใครจังหวะเวลาหรือว่าคนๆ นั้น เป็นยังไงมากกว่า เอ๊ะว่ามันคงไปกะเกณฑ์ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเปิดใจรับคนใหม่เลยแบบฉลองอะไรขนาดนั้น (หัวเราะ) แต่ถามว่าชีวิตตอนนี้เปลี่ยนไปไหม ก็ไม่ค่อยเปลี่ยนไปนะ (หัวเราะ) เพราะระยะหลังๆ มาต่างคนต่างก็ค่อนข้างมุ่งกับการทำงานมากกว่า และค่อนข้างห่างๆ กันอยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้รู้สึกแตกต่างอะไรกันมาก แต่ยังไงก็ขอบคุณทุกคนแล้วกันนะคะที่ลุ้นหรือว่าเป็นกำลังใจให้กับเรา ยังไงก็ขอบคุณทุกคนค่ะ”

เจมส์: “ผมก็ขอบคุณครอบครัวของเอ๊ะก่อนเลยอันดับแรกนะครับ ยังไงผมก็ยังเป็นลูกของป๋ากับแม่อยู่เหมือนเดิม แล้วก็ขอบคุณพี่ๆ น้องๆ สื่อมวลชนทุกคนที่ให้กำลังใจมาโดยตลอด ผมเชื่อมั่นจริงๆ เลยว่าทุกๆ ข่าวที่ออกมาเกิดจากความหวังดีของพี่ๆ น้องๆ ทุกคนที่อยากจะเห็นเรา แต่ว่าถึงวันนี้เราก็ได้ออกมาพูดแล้วว่าสุดท้ายแล้วมันเป็นยังไง แต่ก็อย่าลืมให้กำลังใจเจมส์กับเอ๊ะเหมือนเดิมนะครับ”

พอถามเรื่องแหวนคู่ที่เคยเห็นทั้งสองคนใส่ไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายมาก่อนหน้านี้ ซึ่งทั้งคู่ก็เผยว่าไม่ได้ใส่แหวนกันมานานแล้ว

เจมส์ :“เรื่องแหวนที่แลกกันเหรอครับ ไม่มีครับ ผมไม่เคยใส่แหวนครับ”

เอ๊ะ: “เราไม่เคยแลกแหวนกันค่ะ”

เจมส์ :“เคยแต่ใส่ เอ๊ะก็เคยใส่อยู่”

เอ๊ะ: “แต่วันนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว (หัวเราะ)”




กำลังโหลดความคิดเห็น