xs
xsm
sm
md
lg

เพลงดังหนังไทย “ทะเลไม่เคยหลับ”กับอัลบั้มเพลงมีค่าที่สุดของ“ดิอิมพอสสิเบิ้ลส์”/บอน บอระเพ็ด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : บอน บอระเพ็ด (skbon109@hotmail.com)
วงดิอิมพอสสิเบิ้ลส์ ในยุคนั้นถือว่าเท่ได้ใจ
“มองซิมองทะเล เห็นลมคลื่นเห่จูบหิน บางครั้งมันบ้าบิ่น กระแทกหินดัง ครืน ครืน ทะเลไม่เคยหลับใหล ใครตอบได้ไหม ไฉนจึงตื่น บางครั้งยังสะอื้น ทะเลมันตื่นอยู่ร่ำไป”

เพลง “ทะเลไม่เคยหลับ” : วง“ดิอิมพอสสิเบิ้ลส์”

............................

ย้อนหลังกลับไปเมื่อประมาณ 40-50 ปีที่แล้ว

วงการเพลงไทยมีกระแสสายธารหลักอยู่ 3 สาย คือ ลูกทุ่ง ลูกกรุง และเพลงไทยสากลบิ๊กแบนด์แบบสุนทราภรณ์ ได้ถูกกระแสธารร็อคแอนด์โรลล์ นำโดย เอลวิส เพรสลี่ย์,คลิฟฟ์ ริชาร์ด(เดอะ ชาโดว์) และสี่เต่าทอง“เดอะบีทเทิ้ล”ที่โด่งดังทรงอิทธิพลไปทั่วโลก เดินทางข้ามทวีปเข้ามาสร้างกระแสใหม่ ก่อเกิดเป็นดนตรีไทยสากลแนว“สตริงคอมโบ”ที่เน้นความเป็นตะวันตกมากขึ้น

จากนั้นในปี พ.ศ. 2512 สมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้จัดประกวดวงสตริงคอมโบชิงถ้วยพระราชทานขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองไทย

การประกวดครั้งนั้น ผลปรากฏว่าวง“ดิอิมพอสสิเบิ้ลส์”ที่พกพาฝีมือยอดเยี่ยมมาพร้อมกับทีมเวิร์คอันแน่นปึ๊ก สามารถคว้าแชมป์ถ้วยพระราชทานวงสตริงคอมโบ(ประเภทดนตรีอาชีพ)ครั้งแรกในประเทศไทย มาครองได้อย่างไร้ข้อกังขา รวมถึงอีก 2 ครั้งในปีถัดไปคือ 2513 และ 2515(ปี 2514 งดประกวดเพราะบ้านเราเกิดความวุ่นวายทางการเมืองขึ้น) นับเป็นวงดนตรีไทยวงแรกที่คว้าแชมป์วงสตริงฯมาครอง 3 สมัยติด จนสมาคมดนตรีฯยกถ้วยพระราชทานให้เป็นกรรมสิทธิ์ไว้ในครอบครอง
ภาพยนตร์เรื่องโทน
เข้าวงการ

หลังดิอิมเป็นแชมป์สตริงฯวงแรกของเมืองไทย ชื่อเสียงความนิยมต่างถาโถมเข้าหา ทำให้“เปี๊ยก โปสเตอร์”นักวาดใบปิดหนังชื่อดังผู้ผันตัวมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ เลือกดึงวงดิอิมเข้าไปร่วมแสดงและทำเพลงประกอบหนังเรื่อง“โทน”(พ.ศ.2513) ที่นำแสดงโดย ไชยา สุริยัน,สายัณห์ จันทรวิบูลย์,จารุวรรณ ปัญโญภาส และอรัญญา นามวงศ์ นางเอกหนังเรื่องนี้ที่ตอนหลังกลายมาเป็นนางเอกในชีวิตจริงของ“เศรษฐา ศิระฉายา”นักร้องนำวงดิอิม

ความสำเร็จของหนังเรื่องโทน หนุนส่งให้เทพบุตรหน้าผี “สังข์ทอง สีใส”(เปี๊ยก ศรีเหรา) แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว ทั้งในฐานะดาราและนักร้องเพลงนำของหนังคือ“โทน”(แต่งโดยสุชาติ เทียนทอง)

เช่นเดียวกับวงดิอิมที่นอกจากจะแจ้งเกิดจากหนังเรื่องนี้แล้ว ยังก่อให้เกิดจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของวง เพราะหลังจากนี้ดิอิมได้รับงานทำเพลงประกอบภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง ซึ่งชื่อเสียง ความโด่งดัง ความสำเร็จ ของดิอิมพอสสิเบิ้ลส์ เริ่มมาจากเพลงประกอบภาพยนตร์ก่อน ก่อนที่จะมีงานอัลบั้ม(แผ่นเสียง)ของตัวเองตามมาในภายหลัง

เพลงดังหนังไทยในแบบดิอิม

ดิอิมพอสสิเบิ้ลส์เข้าวงการทำเพลงประกอบหนังในระหว่างช่วงปี 2512-19 รวมแล้วมีทั้งหมดเกือบ 50 เพลง(ดูรายชื่อเพลงเกือบทั้งหมดได้ในวิกิพีเดีย) หลายบทเพลงหนังของดิอิมนอกจากจะเป็นเพลงดังแล้วยังเป็นบทเพลงอมตะไม่มีวันตายมาจนถึงทุกวันนี้

สำหรับหนังเรื่องแรก เรื่องโทนที่ดิอิมได้เข้าร่วมทำเพลงนั้น มี 3 บทเพลงด้วยกัน เพลงแรก “เริงรถไฟ”(คำร้อง/ทำนอง :รัก รักพงษ์) บันทึกเสียงวันที่ 3 ต.ค. 12 ถือเป็นเพลงหนังเพลงแรกและเป็นการบันทึกเสียงครั้งแรกของวง เพลงนี้เป็นร็อคจังหวะค่อนข้างเร็ว ดิอิมใช้เสียงธรรมชาติเลียนแบบเสียงรถไฟได้อย่างยอดเยี่ยมคือใช้วิธี รัวสแนร์กลองผสมกับเสียงทรัมเป็ตให้อารมณ์เจ้ามาเหล็กวิ่งล้อบดรางพร้อมๆกับมีเสียงหวูดดังตามมา

เพลงที่ 2 คือ“ปิดเทอม”ในสไตล์ร็อคมันๆ ส่วนเพลงที่ 3 คือ “ชื่นรัก”(คำร้อง ทำนอง : รัก รักพงษ์,ปราจีน ทรงเผ่า) เพลงนี้แม้ช่วงต้นไลน์กีตาร์จะคล้ายเพลง “Scarborough Fair” ของ Simon & Garfunkel แต่พอหนังเรื่องโทนเข้าฉายก็ฮิตระเบิดระเบ้อทันที เพราะเนื้อร้องทำนองไม่เพียงไพเราะติดหูง่ายเท่านั้น แต่ยังมีการร้องประสานการร้องสอดรับกันได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย

หลังประสบความสำเร็จจากเรื่องโทน ดิอิมตามต่องานเพลงหนังด้วย“รักกันหนอ”(คำร้อง ทำนอง : สมโภชน์ ล้ำพงษ์) จากหนังชื่อเดียวกันกับเพลงคือเรื่องรักกันหนอ

รักกันหนอ(2513) ถือเป็นหนึ่งในเพลงคลาสสิคของดิอิม เพลงนี้มาในอารมณ์ช้า เนื้อหาสวยงาม ในเพลงมีการแบ่งเป็น 2 พาร์ท พาร์ทแรกเป็นจังหวะ 3 พยางค์ 6/8 ส่วนพาร์ทหลังเป็น C แบ่ง ให้ความรู้สึก 2 อารมณ์แต่กลมกลืน

จากรักกันหนอ ดิอิมได้(บรม)ครูเพลงชั้นเยี่ยม อย่าง ครูสง่า อารัมภีร์,ครูประดิษฐ์ อุตตะมัง,ครูสุรพล โทณะวนิก,ครูประสิทธิ์ พยอมยงค์,ครูไพบูลย์ บุตรขัน และครูชาลี อินทรวิจิตร มาแต่งเนื้อร้อง ทำนอง ให้กับเพลงประกอบหนังเรื่องอื่นๆมากมาย สร้างความสำเร็จอย่างสูงเยี่ยมให้กับวงๆนี้

หลังโด่งดังประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการทำเพลงประกอบภาพยนตร์ ได้มีผู้รวบรวมเพลงดังหนังไทยของดิอิมมาทำเป็นผลงานอัลบั้มไว้ 2 ชุดด้วยกัน คือ “ชื่นรัก”และ“เพลงเอกจากภาพยนตร์ไทย : ใจหนุ่มใจสาว”
อัลบั้ม เพลงเอกจากภาพยนตร์ไทย : ใจหนุ่มใจสาว”
ชื่นรัก

ชื่นรัก เป็นงานรวมเพลงดิอิมที่เพลงทั้งหมดล้วนเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ งานเพลงชุดนี้ นอกจาก 3 เพลงจากหนังเรื่องโทนคือ “เริงรถไฟ” “ปิดเทอม” และ“ชื่นรัก” กับ“รักกันหนอ”จากหนังเรื่องรักกันหนอแล้ว ยังประกอบด้วยเพลงคลาสสิคเพราะๆจากหนังเรื่อง“ดวง”อย่างเพลง“หนาวเนื้อ”(คำร้อง ทำนอง : สุรพล โทณะวนิก)ที่ตอนหลังประโยคสวยๆเท่ๆ อย่าง “...หนาวเนื้อห่มเนื้อ จึงหายหนาว...” ถูกสิงขี้ยาแปลงเนื้อเปลี่ยนเจตนากลายเป็น “...หนาวเนื้อดูดเนื้อ จึงหายหนาว...” ไปเสียฉิบ

ส่วนเพลง“ไปตามดวง”ที่มาจากหนังเรื่องดวงเหมือนกัน แต่งโดยครูสุรพลเหมือนกันนั้นให้อารมณ์ต่างออกไปจากหนาวเนื้อ เพลงนี้เป็นเพลงสนุกๆ ภาคดนตรีช่วงต้นหนาแน่นมีทั้งเครื่องเป่าและโซโลกีตาร์ล้อรับสลับกันไป เนื้อเพลงแม้บอกให้ไปตามดวง แต่ก็ไม่ให้ฝันรอดวง

ด้าน“หนึ่งในดวงใจ”(จากหนังเรื่อง”เจ้าลอย”)ถือเป็นอีกหนึ่งเพลงที่เนื้อร้องเขียนโดยครูสุรพล แต่ดนตรี นำมาจากเพลงสากลชื่อ “One Toke Over the Line” เป็นอารมณ์คันทรีกระชับๆสนุกๆ ในขณะที่เพลง“ระเริงชล”(คำร้อง ทำนอง : สุรพล โทณะวนิก,ประสิทธิ์ พยอมยงค์) เพลงประกอบจากหนังชื่อเดียว ถือเป็นอีกหนึ่งเพลงดังที่น่าฟังด้วยเสียงร้องนุ่มๆของอาต้อย เศรษฐา ร่วมด้วยเสียงแซ็กโซโฟนเพราะๆที่เป่าคลอเคล้าโซโลสอดประสานไปตลอดเพลง

สำหรับ“หัวใจเหิร”จากหนังเรื่อง“สองสิงห์สองแผ่นดิน” คำร้อง ทำนอง ยังเป็นคู่ของครูสุรพลและครูประสิทธิ์แต่งเหมือนเดิม นี่ถือเป็นการพบกันของสองสิงห์แห่งวงการเพลง ที่สร้างสรรค์ให้เพลงนี้ออกมาน่าฟังยิ่ง

หัวใจเหิรเป็นป็อบแจ๊ซสุดเท่ มีเสียงแซ็กโซโฟนมาร่วมด้วยช่วยสร้างสีสัน บนทางคอร์ดของเพลงที่ถือว่าไม่ธรรมดา

ตัวผมยามได้ฟังเพลงนี้คราใด หัวใจมันมัก(รู้สึก)เหิรบินไปตามความเศร้าปนเท่ของเพลงนี้ไม่ได้

ใจหนุ่มใจสาว

อัลบั้ม“เพลงเอกจากภาพยนตร์ไทย : ใจหนุ่มใจสาว” หรือที่มักเรียกกันสั้นๆว่า อัลบั้ม“ใจหนุ่มใจสาว” มีเพลงหนังชวนฟังนำโดย “ใจหนุ่มใจสาว”(คำร้อง ทำนอง : เนรัญชลา) จากหนังเรื่องน้ำผึ้งพระจันทร์ ที่สร้างและกำกับโดย “ชรินทร์ นันทนาคร”

เพลงนี้เดิมชื่อเดียวกับหนังคือ “น้ำผึ้งพระจันทร์” ขับร้องโดยชรินทร์ แต่ดิอิมนำกลับมาร้องอีกครั้งพร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็นใจหนุ่มใจสาว

ใจหนุ่มใจสาวมีการนำเสียงนกจิ๊บๆมาใส่เพิ่มสีสันควบคู่ใช้ภาษาได้อย่างสละสลวย ฟังแล้วชวนให้หลายๆคนอยากดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ไม่น้อย “...น้ำผึ้งพระจันทร์ ทุกคนฝันใฝ่ ดื่มรักจากใจ ฉ่ำในหยดหวาน หยาดมาจากโสม โลมไล้วิมาน ลานสวรรค์...”

ส่วนเพลงอื่นๆในอัลบั้มนี้ก็มี“โลกมายา”(คำร้อง ทำนอง : ไพบูลย์ บุตรขัน จากหนังเรื่อง“ลานสาวกอด”)ในอารมณ์โซลช้าๆกับเนื้อหากินใจ “ครองจักรวาล”(คำร้อง : อาจินต์ ปัญจพรรค์,ทำนอง ประสิทธิ์ พยอมยงค์ จากหนังเรื่องสวนสน) การได้ครูอาจินต์ยอดนักเขียนเรื่องสั้นแห่งยุคสมัยมาร่วมแต่งเพลงนั้น นับว่าไม่ง่ายเลย แต่ด้วยชื่อชั้นของดิอิมก็ไม่ทำให้เรื่องนี้ยากแต่อย่างใด

ในขณะที่บทเพลง“ลาวดวงเดือน”(บทนิพนธ์ โดย กรมหมื่นพิชัยมหินทโรดม)นั้น ดิอิมมาก่อนกาล ด้วยการนำเพลงนี้มาร้องเล่นแบบแจ๊ซร็อคในจังหวะสนุกๆ นับเป็นวงดนตรีไทยวงแรกๆที่นำเพลงไทยเดิมมาประยุกต์เล่นแบบเพลงไทยสากล ก่อนที่จะได้รับความนิยมในยุคต่อมา

นอกจากนี้งานเพลงชุดนี้ยังประกอบด้วยเพลงมันๆอย่าง “เดอะ ทีนเอจ”(คำร้อง : ชาลี อินทรวิจิตร, ทำนอง : เพลงสากล จากหนังเรื่องสวนสน) เป็นงานเพลงแบบบิ๊กแบนด์หนาแน่นไปด้วยไลน์เครื่องเป่า และ“วันสำราญ”(คำร้อง ทำนอง : สมโภชน์ ล้ำพงษ์ จากหนังเรื่อง“สะใภ้หัวนอก”)ที่มากันแบบซานตาน่าจ๋าเลย เนื่องจากช่วงนั้นวงซานตาน่า(Santana)มาแรงมากในเมืองไทย ดิอิมจึงเกาะกระแสด้วยการเล่นเพลงในสไตล์ซานตาน่ากับเขาบ้าง ร่วมด้วย”ทัศนาจร”(คำร้อง ทำนอง : วิมล จงวิไล)ที่มาในอารมณ์คันทรีโฟล์คสนุกๆ ได้อารมณ์ของการเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน

อัลบั้มใจหนุ่มใจสาวยังมีงานเพลงชุดทะเลเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ ซึ่งดิอิมนับเป็นวงที่ทำเพลงเกี่ยวกับทะเลออกมามากหลาย

“เริงทะเล”(คำร้อง ทำนอง : ประดิษฐ์ อุตตะมัง จากหนังเรื่อง“ชื่นชีวาฮาวาย”) ฟังสบายๆให้อารมณ์ทะเลแบบไม่ต้องพึ่งพาแฟชั่นเครื่องดนตรีอูคูเลเล่ที่กำลังฮอตฮิตอยู่ในช่วงนี้แต่อย่างใด

“หาดบ้านเพ”(คำร้อง ทำนอง : วิมล จงวิไล)เป็นเพลงทะเลที่ฟังแล้วเหงาเศร้า

“ทะเลไม่เคยหลับ”(คำร้อง ทำนอง : ชาลี อินทรวิจิตร,สง่า อารัมภีร์ จากหนังเรื่อง“สวนสน”) นี่คือเพลงทะเลที่ได้รับความนิยมสูงสุด เป็นหนึ่งในเพลงอมตะตลอดกาลที่ยังคงความนิยมมาจนทุกวันนี้ เพลงนี้มีเอกลักษณ์ตั้งแต่ขึ้นต้นกับเสียงเกากีตาร์กระจายตัวโน้ตในคอร์ดไล่ขึ้นไป ตามด้วยเสียงคลื่นเบาๆ ทะเลไม่เคยหลับฟังเศร้าเหงา เพราะเปรียบเทียบใจรักที่เรรวนดุจดังท้องทะเลที่ไม่เคยหลับใหล

สำหรับความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งในอัลบั้มชุดนี้ คือ นี่เป็นงานเพลงชุดที่มี“ค่า”มากที่สุดของดิอิม เพราะรวมไปด้วยเพลงชุดมีค่าประกอบหนังเรื่องค่าของคน อย่างเพลง“ค่าของคน”(คำร้อง ทำนอง : สุรพล โทณะวนิก)“ค่าของรัก”และ“ค่าของเงิน” ที่คำร้อง ทำนอง แต่งโดยสง่า อารัมภีร์ทั้งคู่

ค่าของคน 2 วรรคแรกของเพลงนี้ ช่างกินใจเป็นสัจธรรมดีเหลือเกิน “...ค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน อยู่ที่การกระทำ อยู่ที่กรรมของแต่ละคน...”

ค่าของรัก เพลงนี้แม้เตือนใจเราในเรื่องความรักได้อย่างดี แต่ว่ามีกี่คนที่ทำได้ โดยเฉพาะกับดาราสาวๆสวยๆทั้งหลาย “...ค่าของความรัก สูงส่งยิ่งนักเหนือเงินตราทุกทุกสกุล...”

ค่าของเงิน เนื้อเพลงสั้นๆกับจังหวะโซลมันๆ ว่าด้วยหญิงงามที่บูชาเงิน ซึ่งมีให้เห็นมากมายในโลกนี้ “...เงิน พกเงินมาก หล่อนจึงสรรเสริญ เห็นมีเงินก็ได้เต้นถี่ เทิดทูนน้ำเงินเศรษฐี ใช้กายที่มีแลกเงิน...”

และนั่นคือ 3 เพลงมีค่าของดิอิม ซึ่งไม่เฉพาะกับ 3 เพลงนี้เท่านั้น แต่งานเพลงดังหนังไทยทั้งหมดใน 2 อัลบั้มที่กล่าวมา ถือบทเพลงมีคุณค่าที่ยังคงความอมตะมาจนถึงทุกวันนี้
*****************************************

คลิกฟังเพลง "ทะเลไม่เคยหลับ"

หมายเหตุ : ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

-ข้อมูลส่วนหนึ่งในบทความนี้อางอิงจากหนังสือ รวมบทเพลง The Impossibles โดยปราจีน ทรงเผ่า

-เรื่องราวของ“ดิ อิมพอสสิเบิ้ลส์”ยังไม่จบง่ายๆเพียงแค่นี้ ตอนต่อไปผมจะนำผลงานอัลบั้มของวงนี้ มาเล่าสู่กันฟัง

****************************************

บทความแนะนำเพลงน่าสนใจย้อนยุค จะนำเสนอสัปดาห์เว้นสัปดาห์ สลับกับบทความแนะนำเพลงน่าสนใจในสมัยนิยม
 
****************************************

แกะกล่อง

ศิลปิน : คาราบาว
อัลบั้ม : คอนเสิร์ต ทำโดยคนไทย

“วอร์นเนอร์ มิวสิค”นำคอนเสิร์ตประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ของคาราบาวในยุคทอง ที่จัดขึ้นที่สนามกีฬาเวโลโดรม หัวหมาก ในปี 28 ท่ามกลางแฟนเพลงนับหมื่นคน(แต่เล่นไม่จบเพราะมีตีกัน)มาทำใหม่เป็นดีวีดี และวีซีดี ยุคนั้นคาราบาวฝีมือยังสด ห้าว เสียงร้องของน้าแอ๊ดยังเฉียบคมทรงพลัง

นอกจากนี้คอนเสิร์ต ทำโดยคนไทย ยังมีน้าหมู พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ มาร่วมร้องเพลง ปล่อยมุข สร้างสีสันอีกทาง “ทำโดยคนไทย” มีเพลงน่าสนใจ อาทิ คนเก็บฟืน ลุงขี้เมา นางงามตู้กระจก บัวลอย กัญชา ฯลฯ

แถมด้วยภาพการตีกันและเสียงห้ามปรามแฟนเพลงทั้งจากน้าแอ๊ดและน้าหมู ร่วมด้วยเพลงรอยไถแปร ปิดท้ายคอนเสิร์ต ก่อนที่สถานการณ์ตีกันจะลุกลามบานปลายไปมากกว่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น