xs
xsm
sm
md
lg

เอเชียรามา: “จัวอี้หัง” จอมยุทธ์ผู้อ่อนไหว กับ “นางพญาผมขาว” สุดยอดหนังกำลังภายในยุค 90s

เผยแพร่:   โดย: ฟ้าธานี


ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับ วันครบรอบการเสียชีวิตปีที่ 8 ของ “เลสลี่ จาง” ผมได้มีโอกาสหยิบเอา “นางพญาผมขาว” กลับมาดูอีกครั้งครับ แม้หลาย ๆ คนจะประทับใจในบท “นางพญาผมขาว” ของ “หลินชิงเสีย” แต่บทมือกระบี่แห่งบู๊ตึ้ง “จัวอี้หัง” ของ “เลสลี่ จาง” กลับติดอยู่ในหัวของผมมากกว่า เพราะคงจะไม่มีใครอีกแล้ว ที่จะสวมบทบาทจอมยุทธ์ที่เต็มไปด้วยความอ่อนไหว และเปราะบาง ได้ดีเท่ากับนักแสดงผู้ล่วงลับคนนี้

เลสลี่ จาง ก็เหมือนกับดาราฮ่องกงส่วนใหญ่ ที่ต้องเคยผ่านงานหนังกำลังภายในมาบ้าง ผลงานเด่นในทางนี้ของเขาก็รวมถึงการรับบทเป็นจอมยุทธ์หนุ่มน้อย “ป้อยี้” ในหนังชุด “นักสู้ผู้พิชิต” เมื่อช่วงโด่งดังมีเชื่อเสียงใหม่ ๆ ขณะที่อีกหลายปีต่อมาก็ได้สวมบทบาทเป็น “อาวเอี้ยงฮง” ยุคที่ยังหนุ่มแน่นหน้าใส ในหนัง “มังกรหยกอภิมหายุทธ์” ปฐมบทแห่งมังกรหยก

แต่ถ้าจะพูดถึงการรับบทจอมยุทธ์ของ เลสลี่ จาง คงจะไม่มีงานชิ้นใด จะเป็นที่จดจำของแฟนหนังได้เท่ากับการสวมบทเป็น “จัวอี้หัง” (บางครั้งเรียก จัวอี้ถัง) ยอดมือกระบี่แห่งบู๊ตึ่งใน “นางพญาผมขาว” ไปได้ นอกจากการแสดงอันยอดเยี่ยมแล้ว บทดังกล่าวยังโดดเด่นเป็นพิเศษ ในการเสนอภาพอันแตกต่างจากชนชั้นผู้กล้าจอมยุทธ์โดยทั่วไป กับด้านแห่งความอ่อนแอ, อ่อนไหว และเปราะบาง

หนังเล่าเรื่องของ จัวอี้หัง ศิษย์เอกของสำนักบู๊ตึ้ง ความหวังของฝ่ายธรรมะ ในศึกใหญ่แห่งยุทธจักร กับพวกพรรคมารนอกรีตที่ยืดเยื้อมายาวนาน ซึ่งแม้จะเปี่ยมไปด้วยทั้งสติปัญญา และพรสวรรค์อันสูงส่ง แต่ จัวอี้หัง กลับแตกต่างจากพวกพ้องจอมยุทธ์คนอื่น ๆ เพราะเขาไม่ได้มีความคิดที่จะแสวงหาความเก่งกาจ, เกลียดชังการต่อสู้สังหารผู้อื่น, และหลีกเลี่ยงที่จะแสดงออกถึงฝีมือที่ได้ฝึกปรือมา

ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อ จัวอี้หัง ได้พบรักกับจอมยุทธ์หญิงยอดฝีมือแห่งพรรคมาร “เลี่ยนหนีซัง” อย่างไม่ได้ตั้งใจ เมื่อมั่นใจในความรู้สึกต่อกัน ทั้งคู่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะเชื่อใจ และยอมสูญเสียสถานะที่เป็นอยู่ เพื่อให้ได้อยู่ด้วยกัน แต่สุดท้าย จัวอี้หัง ก็เป็นฝ่ายหวั่นไหว และแสดงความไม่มั่นใจในตัวหญิงคนรัก ซึ่งสุดท้ายกลายเป็นเหตุที่ทำให้เธอต้องเสียใจ, คุ้มคลั่ง และเป็นต้นกำเนิดแห่งการกลายเป็น “นางพญาผมขาว” ในที่สุด

เนื้อเรื่องที่ว่าด้วยความผิดหวัง, การสูญเสียความเชื่อใจ และการสิ้นศรัทธาต่อความรัก เป็นสิ่งที่ทำให้ นางพญาผมขาว เป็นหนังกำลังภายในที่เศร้าที่สุดเรื่องหนึ่ง

ขณะเดียวกันด้วยความสลดหดหู่, ภาพการฆ่าฟัน และบรรยากาศของหนังที่แทบจะปกคลุมด้วยความมืดตลอดทั้งเรื่อง เรียกได้ว่าไม่มีช่วงเวลาแห่งแสงสว่างของตอนกลางวันให้เห็นเลย ก็ทำให้งานชิ้นนี้เป็นหนังกำลังภายในแห่งความมืดมิด อย่างที่ไม่ค่อยมีให้เห็นด้วย

ความอ่อนไหวเปราะบาง และการตัดสินใจอย่างเฉียบพลันบางอย่าง กลายเป็นเหตุที่ทำให้ เลสลี่ จาง เสียชีวิตไปแล้วเมื่อ 8 ปีก่อน และส่วน จัวอี้หัง ใน นางพญาผมขาว แม้จะไม่ได้เสียชีวิตทันที แต่การตัดสินใจอันผิดพลาด ก็ทำให้เขาแทบจะมีชีวิตอยู่เหมือนกับตายทั้งเป็น

จากนิยายเรื่องดัง ของนักเขียนระดับตำนาน

The Bride with White Hair หรือที่มีชื่อไทยแบบเต็มยศว่า “นางพญาผมขาว หัวใจไม่ให้ใครบงการ” หนังปี 1993 ของผู้กำกับ รอนนี่ หยู เป็นหนังที่สร้างออกมาหลังจากความสำเร็จของ “เดชคัมภีร์เทวดา” งานที่ปลดล็อกวิธีการสร้างหนังจากนิยายกำลังภายใน ในแบบที่ไม่จำเป็นต้องจงรักภักดีกับนิยายต้นฉบับมากจนเกินไป

หนังที่ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องดังของ “เนี่ยอู่เซ็ง” เรื่องนี้ จึงลงตัวในความเป็นหนัง แม้อาจจะไม่ถูกใจคอนิยายผู้เคร่งครัดบางท่านก็ตาม

หลาย ๆ คนมักจะกล่าวถึงผลงานของนักเขียนนิยายกำลังภายในผู้ยิ่งใหญ่ อย่างเนี่ยอู่เซ็งเรื่องนี้ว่า เป็นนิยายที่อาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่สามารถพูดได้ว่าดังที่สุดแล้วของเขา เหตุผลสำคัญก็คือแม้ผลงานเรื่องอื่น ๆ (รวมถึง “เจ็ดนักกระบี่” ) อาจจะมีเนื้อเรื่องที่โดดเด่นกว่า แต่การปั้นตัวละครเอกซึ่ง เป็นทั้งนางเอก และนางมารที่โดดเด่นทั้งบุคลิกภายนอก, นิสัยใจคอ และความซับซ้อนในจิตใจ อย่าง “นางพญาผมขาว” ขึ้นมา ก็กลายเป็นสิ่งที่ทำให้คนได้จดจำนิยายเรื่องนี้ได้ไปอีกนาน

ในอดีตที่ผ่านมา นางพญาผมขาว เคยถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ หรือหนังชุดทางโทรทัศน์แล้วหลายหน ที่โดดเด่นพอจะเป็นที่จดจำได้ก็มีอย่าง ฉบับหนังปี 1980, ฉบับหนังชุดเอทีวีปี 1986, ฉบับหนังชุดทีวีบีปี 1995 ที่มี ไช่เส้าเฟิน, เหอเป่าเสิง รับบทนำ และฉบับหนังชุดไต้หวันปี 1999 ที่มี จางจื่อหลิน และสุ่ยหลิง รับบทเป็นคู่พระนาง

“รอนนี่ หยู” กับทีมงานเกรดเอ

แต่นางพญาผมขาวที่โด่งดัง และอยู่ในความทรงจำมากที่สุดคงหนีไม่พ้น ฉบับหนังใหญ่จากฮ่องกงเมื่อปี 1993 ที่มี เลสลี่ จาง และหลินชิงเสีย รับบทนำนี่เอง

ผู้กำกับ รอนนี่ หยู นั้นเชี่ยวชาญเป็นพิเศษกับหนังแนวสยองขวัญ ซึ่งเขาสามารถหยิบใช้องค์ประกอบหนังสยองขวัญ มาปรับใช้กับหนังกำลังภายในเรื่องนี้ได้อย่างลงตัว ทั้งบรรยากาศความอึมครึมไม่น่าไว้วางใจ รวมถึงตัวละครตัวร้ายอย่าง จอมมารฝาแฝดชายหญิงตัวติดกัน ที่ทำออกมาได้พิสดาร ปนสยดสยองจริง ๆ

ไม่น่าแปลกใจที่ต่อมา รอนนี่ หยู จะไปได้ดิบได้ดีกับการเป็นผู้กำกับหนังสยองขวัญในฮอลลีวูด ที่มีงานเด่นเป็นหนังภาคต่อในตำนานทั้ง Freddy vs. Jason และ Bride of Chucky ในเวลาต่อมา (ถึงแม้จะไม่ใช่งานที่น่าจดจำเลยก็เถอะ)

อย่างไรก็ตามคงไม่สามารถยกความดีความชอบทั้งหมด ให้กับผู้กำกับแต่เพียงคนเดียวได้ เพราะนางพญาผมขาวได้รับการสนับสนุน จากทีมงานระดับที่จะเรียกว่าเป็น “ดรีมทีม” ได้เลย ทั้งการกำกับคิวบู๊ของ อดีตดาราแอ็กชั่น ฟิลลิป กั๊วะ, เอมี่ วาดะ ผู้มีผลงานระดับโลกทั้ง Ran (อากิระ คุโรซาวะ), Hero (จางอี้โหมว), Prospero's Books (ปีเตอร์ กรีนนาเวย์) ก็มารับผิดชอบการออกแบบเครื่องแต่งกายให้กับหนังเรื่องนี้ และที่โดดเด่นเป็นพิเศษก็คือตากล้องชื่อดัง ปีเตอร์ เปา ที่ออกแบบงานภาพในหนัง ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจดีเหลือเกิน

หลินชิงเสีย ฉีกผ้าท้าโลก !!!

ซึ่งนอกจากจะกลายเป็นหนังฮิต, กวาดรางวัลในเวทีต่าง ๆ ไปมากมาย ในการเข้ามาฉายในเมืองไทยภายใต้ชื่อ นางพญาผมขาว หัวใจไม่ให้ใครบงการ นั้นก็ถือว่าหนังโด่งดังเป็นที่พูดถึงในหมู่แฟนหนังจีนอยู่พอสมควร แต่ที่สิ่งที่เป็นจุดขายจริง ๆ ของการเข้าฉายในเมืองไทยในเวลานั้น กลับเป็น ฉากวาบหวิวของ หลินชิงเสีย !!!

ถ้าใครพอจะจำได้ฉากวับ ๆ แวม ๆ ของนางเอก หลินชิงเสียง ในหนังเรื่องนี้นั้นโด่งดังจริง ๆ ครับ ถึงขั้นมีการโปรยไว้บนใบปิดฉบับไทยเลยว่า หลินชิงเสีย ฉีกผ้าท้าโลก ให้เห็นเนื้อขี้อายเป็นครั้งแรก เล่นบทรักที่บาดลึกอารมณ์กับ ... เลสลี่ จาง" เรียกว่าโปรโมตกันสุด ๆ กับฉากเริงร่ากลางน้ำตกของ หลินชิงเสีย และเลิฟซีนของเธอกับ เลสลี่ จาง ซึ่งเอาเข้าจริง ๆ แล้วก็ไม่ได้เห็นอะไรมากไปกว่าหัวไหล่, เนินอก หรือแผ่นหลังอะไรทำนองนั้น จะเรียกว่าโปรโมตเกินจริงก็คงไม่ผิดนัก

นอกจากนั้นหลังจาก นางพญาผมขาว เข้าฉายไม่นานนัก บริษัทจัดจำหน่ายก็ยังใช้ลูกไม้เดิมกับหนังเรื่อง “นางพญางูขาว” กันอีก และคราวนี้ฉากหวิว ๆของ สองนางเอกคนดัง “หวังจู่เสียน” และ “จางม่านอวี้” ถูกใช้เพื่อการประชาสัมพันธ์ ซึ่งที่สุดแล้วก็เป็นฉากโชว์ความเซ็กซี่เล็ก ๆ อีกเช่นเคย ส่วนฉากเปลือยในหนังของ จางม่านอวี้ ก็พอจะดูออกง่าย ๆ ว่าเป็นการใช้ตัวแสดงแทน

ภาคต่อที่ไม่น่าจดจำ

นางพญาผมขาว ยังมีภาคสองตามออกมาอีกด้วย แต่คุณภาพถือว่าด้อยลงไปมาก หนังเล่าเรื่องราวเมื่อ นางเอกกลายเป็นนางมารแห่งยุทธจักรอย่างเต็มตัว และเริ่มต้นมองหาลูกศิษย์เพื่อจะมาสืบทอดความแค้นต่อบุรุษ ขณะที่กลุ่มชาวยุทธ์รุ่นใหม่ก็รวมตัวเพื่อต่อต้าน หลินชิงเสีย ยังรับบทนำร่วมกับดาราวัยรุ่นอีกกลุ่มใหญ่ (เป็นผลงานการแสดงครั้งแรกของ คริสตี้ ชุง-จงลี่ถี ซึ่งเพิ่งโด่งดังจากเวทีประกวดความงามในเวลานั้นด้วย) ส่วน เลสลี่ จาง ปรากฏตัวเป็นดารารับเชิญในตอนท้ายเรื่องเท่านั้น เรียกว่าเป็นภาคต่อประเภทที่ดูก็ได้ แต่ถ้าจะไม่ดูก็ไม่ได้น่าเสียดายอะไร



เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ ""ซ้อ 7"ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก

ป้อยี่ ตัวละครเด่นในยุคแรกของ เลสลี่ จาง
จัวอี้หัง จอมยุทธ์หนุ่มผู้อ่อนไหว
นางพญาผมขาว
งานภาพเจ๋ง ๆ จากผู้กำกับภาพระดับเทพ ปีเตอร์ เปา
ฉากเลิฟซีนที่โปรโมตกันน่าดูในยุคนั้น

จอมมารฝาแฝดตัวติดกัน
นางพญาผมขาวฉบับภาพยนตร์เมื่อปี 1980
 หนังภาคสองที่แทบจะเทียบภาคแรกไม่ติดเลย
ใบปิดสำหรับการฉายในเมืองไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น