xs
xsm
sm
md
lg

Music Shines : ‘ใหม่’ การไปไม่ได้กลับไม่ถึง เสก โลโซ / พอล เฮง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

paulheng_2000@yahoo.com

อัตตาที่คับพองกับความผยองที่พุ่งทะลุขีด เป็นเรื่องที่คู่กันกับนักร้องหรือวงดนตรีที่ประสบความสำเร็จอย่างมากมายทั้งชื่อเสียงและเงินทอง รวมถึงกับการถูกสถาปนาให้เป็นไอดอล ในฐานะร๊อคสตาร์ ก็ยิ่งทำให้ความแรงที่แรงอยู่แล้วยิ่งแรงเกินขีดจำกัด

คนที่เคยขึ้นไปยืนสูดอากาศบนแท่นสูงสุดในฐานะซูเปอร์สตาร์สายดนตรีร๊อค ซึ่งนับเป็นเบอร์หนึ่งของวงการและตัวแทนของยุคสมัย ก็ย่อมมีความอหังการเป็นธรรมดาของมนุษย์ปุถุชนอยู่แล้ว

รัก โลภ โกรธ หลง ก็ยังประเดประดังพรั่งพรูเข้ามาอย่างเป็นปกติวิสัย

ในวันที่ภาพของดนตรีร๊อคเมืองไทยเปลี่ยนไปบ้าง สองวงดนตรีรุ่นใหม่ที่ขึ้นไปอยู่แถวหน้าในชั่วโมงนี้ ก็คือ บอดี้สแลม ที่มีตูน บอดี้สแลม หรือ อาทิวราห์ คงมาลัย ที่เป็นไอดอลร็อคสตาร์เบอร์หนึ่ง และแจ๊ป เดอะ ริชแมน ทอย หรือ วีรณัฐ ทิพยมณฑล ยืนเคียงคู่อยู่

แต่กระแสของอดีตร๊อคสตาร์ของเมืองไทย อย่าง เสกสรร ศุขพิมาย หรือเสก โลโซ ก็ยังคงอยู่ แม้วัยล่วงมาสู่หมุดหมายที่อายุ 37 แล้วก็ตาม อัลบั้มเดี่ยว ซึ่งเป็นสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 4 ของเขา ‘ใหม่’ ก็ออกวางตลาดมา 2-3 เดือนเข้าไปแล้ว รวมถึงสถานะใหม่ในตำแหน่งผู้บริหารค่ายเพลง Yess Records

วันเวลาของนักดนตรีซึ่งพ่วงความเป็นนักร้อง-นักแต่งเพลงอย่างครบเครื่องคนหนึ่ง ที่ยืนหยัดมาเกิน 1 ทศวรรษเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมยินดี แต่อย่างที่รู้ว่าวัฒนธรรมยอดนิยมหรือวัฒนธรรมพ๊อพ (พ๊อพพิวลาร์) ที่มองงานแนวพาณิชย์ศิลป์เป็นแค่สินค้าตัวหนึ่งในท้องตลาด ไม่แตกต่างกับสินค้าอุปโภคและบริโภคทั่วไป เพราะฉะนั้นการกัดกร่อนกินตัวเองของบรรดาซูเปอร์สตารร์-ร๊อคสตาร์-พ๊อพสตาร์ จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในฐานะสินค้าที่กำลังเสื่อมและหมดอายุ

เสก โลโซ กับอัลบั้ม ‘ใหม่’ จะอยู่ในข่ายนี้หรือไม่?

สู่ความเป็นร๊อคแอนด์โรลเพื่อชีวิต

ในอัลบั้มชุดที่แล้ว ‘เสก โลโซ’ ที่ออกมาเมื่อเกือบ 2 ปีมาแล้ว ถือเป็นความน่าผิดหวังอยู่พอควร เนื่องจากการที่เขาหยุดพักและไปค้นหาเส้นทางดนตรีเพื่อจะก้าวสู่ความเป็นนักดนตรีร๊อคในระดับนานาชาติ และฝันไกลไปถึงระดับโลก ด้วยการไปหาประสบการณ์ฝึกปรือวิทยายุทธ์ทางดนตรีและเทคนิคการบันทึกเสียงถึงอังกฤษ และขึ้นเวทีเล่นคอนเสิร์ตในเทศกาลดนตรีกลาสตันเบอร์รี่ ทำให้อัลบั้มที่กลับมาทำจึงมีการตั้งหน้าตั้งตารอคอยจากคนฟังเพลงทั้งขาประจำขาจรและพันธุ์แท้อยู่ใช่น้อย

แต่งานของเขากลับย่ำรอยที่เดิมทั้งความคิดแลดนตรี มีแต่มิติทางการบันทึกเสียง การเรียบเรียงดนตรีและเสียงประสานที่จัดจ้านร้อนแรงละเอียดขึ้น ถือว่าได้ในเชิงเทคนิคและซาวด์ดนตรีที่ออกมา แต่ความคิดสร้างสรรค์และพลังทางดนตรีกลับอ่อนแรงขาดไร้ซึ่งความสดและพลังขับเคลื่อนไปข้างหน้า

แม้จะมีอัลบั้มคั่นเวลาเป็นรวมเพลงและเพิ่มเพลงใหม่ในแบบฟีเจอริ่งหรือเชิญแขกรับเชิญมาร่วมร้อง ก็ไม่ได้มีความน่าพึงใจเพิ่มขึ้นเท่าไหร่นัก อาจจะเพิ่มในแง่สีสันทางเสียงร้องและทิศทางดนตรีที่แปลกโทนอย่าง ฮิพฮอพ อิเล็กทรอนิกส์ และแด๊นซ์เข้ามาบ้าง แต่ก็ดูตันและไร้สีสันที่ลงตัว

เพราะฉะนั้นการกลับมาในอัลบั้มชุด ‘ใหม่’ จึงเป็นเสมือนการจะกลับมาทวงบัลลังก์ร๊อคสตาร์เบอร์หนึ่งกลับคืนมา โดยใช้ยุทธวิธีเก่าๆ ที่เคยเป็นความโดดเด่นของเขาคือ งานเพลงและดนตรีในแบบวงโลโซ และเสก โลโซ นั้น แต่เดิมสามารถสร้างการครอบรวมระหว่างแฟนเพลงในสายร๊อคของเมืองไทย รวมถึงอัลเทอร์เนทีฟร๊อคให้เข้ากับตลาดเพลงเพื่อชีวิตได้อย่างกลืนกลายและเป็นความสำเร็จทางการตลาดอย่างใหญ่หลวง

แน่นอน ด้วยพื้นฐานของบทเพลงในแบบร๊อคเพื่อชีวิตแบบคาราบาวที่เป็นแนวทางสู่ความสำเร็จในเส้นทางร๊อคแอนด์โรลแบบโลโซ สามารถสร้างสกุลเพลงร๊อคแอนด์โรลเพื่อชีวิตขึ้นมาได้ แต่พอมาถึงอัลบั้มชุดนี้ เสก โลโซ คืบคลานก้าวเข้าสู่ตลาดเพลงเพื่อชีวิตอย่างเต็มตัว ด้วยบทเพลง ‘โลโซ 3 ช่า’ ซึ่งถอดแบบพิมพ์ดนตรีแบบคาราบาวในแนวทางของโลโซอย่างมิผิดเพี้ยน

และว่าไปแล้ว น่าจะเป็นการประกาศอย่างแจ่มชัดว่า เสก โลโซ จะมาแทนที่ราชา 3 ช่าแบบดั้งเดิมได้หรือไม่ เพลงนี้จะเป็นตัวพิสูจน์อีกโสตหนึ่ง

เพราะฉะนั้นจากธงนำที่นำมาเป็นจุดขายในอัลบั้มก็คือ การสร้างตอกย้ำแบนด์ เสก โลโซ ว่าเป็นร๊อคแอนด์เพื่อชีวิตที่ก้าวสู่ความเป็น 3 ช่าอย่างเต็มรูปแบบ จึงเป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรใหม่และน่าสนใจ เพราะอย่างน้อยแอ๊ด คาราบาว หรือยืนยง โอภากุล ก็เคยมาร่วมร้องเพลงเล่นดนตรีเป็นแขกรับเชิญให้เขามาแล้ว

เมื่อมาฟังเพลงอื่นๆ ในอัลบั้มทั้งหมด 13 บทเพลง ก็จะพบว่า ทิศทางดนตรีและความคิดไม่มีอะไรให้น่าติดตาม เป็นการผลิตซ้ำของเดิมอีกครั้งในวาระใหม่ที่ประกาศตัวเป็นบิ๊กเบิ้มรุ่นต่อไปในวงการเพื่อชีวิตอีกขาหนึ่ง โดยสะท้อนออกมาเห็นชัดในบทเพลง ‘พ่อแม่กลับบ้านหน่อย’ ซึ่งได้ปรีชา ชนะภัย หรือเล็ก คาราบาว มาฟีเจอริ่ง ทำให้อดคิดถึงบทเพลงที่มีเนื้อหาและโทนเดียวกันคือ ‘วันเด็ก’ ของวงคาราบาวอย่างหลีกเลี่ยงไมได้ ซึ่งก็ยิ่งบอกผ่านตัวของเพลงเองให้เห็นว่า เขายิ่งพยายามก้าวเข้ามาสู่ความเป็นเพื่อชีวิตเท่าไหร่ ก็ยิ่งเห็นร่มเงาของวงคาราบาวที่ครอบงำเขาอยู่อย่างไม่สามารถสลัดออกไปเป็นตัวเองได้เลย...

อีกบทเพลงที่ตั้งใจสื่อสารอย่างมากก็คือ ‘ฉันรักประเทศไทย’ ที่ต้องการบ่งบอกถึงความสำคัญของตัวเองในฐานะร๊อคสตาร์ที่รักเมืองไทย และแน่นอนเป็นจริตของบทเพลงร๊อคเพื่อชีวิตอย่างเต็มที่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด

‘นิพพาน’ กรีดสายสู่ความหลุดพ้น!!!???

เมื่อมาฟังบทเพลงในอัลบั้มชุดนี้อย่างพิเคราะห์ ก็พบประเด็นทางความคิดที่น่าสนใจและอาจจะน่าตกใจไปด้วยเช่นกัน กับการกล้าตั้งชื่อบทเพลงว่า ‘นิพพาน’ นับเป็นความหาญกล้าอย่างยิ่งสำหรับชาวพุทธ เพราะโดยทางศาสนาแล้ว นิพพานคือเป้าหมายสูงสุดของชีวิต

29 วินาทีกับการตีความคำว่า ‘นิพพาน’ ผ่านการกรีดสายกีตาร์ผ่านเสียงสะท้อนกลับไปมาของฟีดแบ๊ค รีเวิร์บ และเสียงกีตาร์แตกพร่าของดิสทรอชั่น ที่สะท้อนหลอนออกมาทางแอมป์ในแบบน้อยส์ ซาวด์กลิ่นอายในแบบซีแอตเติล ซ ของ เสก โลโซ ย่อมหมายถึงการประกาศผ่านเสียงกีตาร์ของตัวเองว่า นี่คือ นิพพาน ผ่านความหมายในการตีความของตัวเขาเอง สื่อจากเส้นเสียงของกีตาร์ออกมาจากอารมณ์ความรู้สึกที่บังเกิดขึ้นอย่างทบทวี

เพราะฉะนั้นเมื่อเขาหยิบมาใส่ในอัลบั้มชุดนี้ของเขา ในลำดับบทเพลงที่ 7 ซึ่งคล้ายกับดนตรีอินเทอร์ลูด (Interlude) สลับฉากเข้าสู่บทเพลงที่ 8 ออกสู่ผู้ฟังในฐานะสินค้าทางดนตรี จึงน่าสนใจที่ผู้คนหรือสาธารณชนจะได้ตีความคำว่า นิพพาน ร่วมกับเสียงกีตาร์ของเขา

หากเรามาจับเอาแก่นแท้ของคำว่า นิพพาน ตามหลักของพุทธศาสนา จาก ‘มงคล 38 ประการ’ โดยในมงคลที่ 34 การทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน ได้เขียนไว้ว่า

๏ ทำให้แจ้ง นิพพาน ผลาญสังโยชน์
ตรวจตราโทษ ธาตุ ขันธ์ หมั่นฝึกถอน
เอาอรหัต มรรคญาณ เผาราญรอน
ดับทุกข์ร้อน นิพพาน สำราญนัก.

พร้อมกับอรรถาธิบายถึงความหมายของ นิพพาน ไว้ว่า คือ ภาวะของจิตที่ดับกิเลสได้หมดสิ้น หลุดจากอำนาจกรรม และไม่ต้องวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏอีก ซึ่งก็คือพ้นจากทุกข์นั่นเอง

ท่านว่าลักษณะของนิพพานมีอยู่ 2 ระดับดังนี้คือ 1.การดับกิเลสขณะที่ยังมีเบญจขันธ์เหลืออยู่ หรือการเข้าถึงนิพพานขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ -สอุปาทิเสสนิพพาน 2.การดับกิเลสที่ไม่มีเบญจขันธ์เหลืออยู่เลย คือการที่ร่างกายเราแตกดับแล้ว ไปเสวยสุขอันเป็นอมตะในพระนิพพาน -อนุปาทิเสสนิพพาน

ซึ่งการที่จะเข้าถึงพระนิพพานได้ ก็ต้องปฏิบัติธรรมและเจริญสมาธิภาวนาจนถึงขั้นสูงสุด

ส่วน ‘นิพพาน’ ตามความหมายของท่านพุทธทาสภิกขุ ที่หยิบมาจากในหัวข้อเรื่อง หลักธรรมสําคัญในพุทธศาสนา หน้า 184 เขียนไว้ว่า

‘นิพพาน หมายถึง เย็นหรือดับลง เย็นเหมือนไฟที่เย็นลง หรือของร้อนๆอะไรก็ตามมันเย็นลง นั่นแหละคืออาการที่นิพพานล่ะ......เพราะฉนั้นคําว่านิพพานนั้นที่เป็นภาษาชาวบ้านแท้ๆ มันหมายถึงของที่ร้อนให้เย็นลงเท่านั้น แต่แล้วเราจะหมายความเพียงเท่านั้นไม่ได้ นั่นมันเป็นเรื่องของวัตถุ ส่วนนิพพานในเรื่องของธรรมะหรือทางศาสนามันหมายถึง เย็นลงแห่งไฟกิเลส ไฟกิเลสคือ ราคะ โทสะ โมหะ จนเย็นสนิท จึงจะเรียกว่านิพพาน’

แค่หยิบมา 2 คำอรรถาธิบาย ก็ยิ่งทำให้เห็นว่า นิพพาน นั้นเป็นเรื่องที่เลยพ้นจุดของโลกิยะมุ่งสู่โลกุตระ หรือภาวะเหนือโลก พ้นวิสัยของโลก การที่นักร้อง-นักดนตรี-นักแต่งเพลง นำคำนี้มาใช้ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจอย่างสุดกู่ในการตีความหลักธรรมสูงสุดในพุทธศาสนาผ่านเสียงกีตาร์ของเขาเอง และเสก โลโซ ก็ได้ทำออกมาแล้ว

แม้แต่โลกดนตรีตะวันตก คำว่า นิพพาน หรือ ‘Nirvana’ จะมีวงดนตรีในหลายแนวทางตีความออกมาในชื่อเพลงนี้มากมาย แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องในลักษณะของศิลปะทางดนตรีที่เปิดกว้างและไม่มีขอบเขตจำกัดตายตัว แต่สำหรับชาวพุทธเอง คำว่านิพพานในความหมายของผู้ที่นับถือศาสนานี้ ย่อมแตกต่างจากชาวตะวันตกหรือคนในศาสนาอื่นๆ ที่มอง นิพพาน อยู่ในลักษณะวาทกรรมในเชิงแปลกใหม่แบบไพรัชหรือเอ็กโซติค หรือในยุคไซเคเดลิคร๊อคเองก็ตีความหมายคำว่า นิพพาน ไปผูกโยงกับการหลุดพ้นในเชิงเรียนลัดด้วยความโหมเร่งฉับไวแห่งฤทธิ์ยาเสพติดที่หลอกหลอน

เพราะฉะนั้น นิพพาน ในความหมายของ เสก โลโซ ที่รับอิทธิพลดนตรีร๊อคแอนด์โรลจากโลกตะวันตกมาตีความในแบบของเขาเอง ซึ่งสะท้อนถึงจิตที่อยู่ในสภาวะที่ตื้นเขินและใจเร็วด่วนกล้าที่ใช้คำนี้มาเป็นชื่อเพลง โดยไม่มีการศึกษาหลักธรรมและทำความเข้าใจในสัจธรรมตามหลักธรรมแห่งพุทธศาสนาอย่างถ่องแท้ แต่ก็ได้มุมที่ดี เพราะคนฟังเพลงร๊อคที่เป็นแฟนเพลงของเสก โลโซ จะได้สดับรับฟังไว้สำหรับสาธุชนชาวร๊อคแอนด์โรล กับนิพพานในวิถีแบบร๊อคไทย

และแน่นอนบทเพลง ‘นิพพาน’ ของเสก โลโซ ยิ่งทำให้เห็นอัตตาในตัวตนที่คับพองเก่งกล้าผ่านดนตรีและความเชื่อของเขาเองอย่างเป็นล้นพ้น ยิ่งกล้าประกาศกับคนฟังวงกว้างก็ยิ่งเห็นภาพนั้นชัดเจนมากยิ่งขึ้น

บทเพลงของตัวตนที่คับพอง

ในอัลบั้มชุดนี้ถ้ามองเรื่องดนตรีก็จะพบว่า ซาวด์และการเรียบเรียงดนตรีและเสียงประสานนั้น คมกล้าจัดจ้านสู้ชุด ‘เสก โลโซ’ ไม่ได้ เพราะทิศทางของดนตรีพยายามที่จะพุ่งเป้าไปที่ตลาดเพลงร๊อคเพื่อชีวิตเป็นโสตใหญ่ วิธีการเขียนเนื้อเพลงที่เป็นจุดเด่นแบบซื่อตรง กล้า เชยแต่เท่แบบลูกผู้ชายก็ยังมีอยู่ครบ แต่ไม่คมคายและแทงตรงเข้ากลางใจอย่างบทเพลงในยุคก่อนอีกแล้ว หรืออาจเป็นเพราะทั้งหมดเคยผ่านหูคุ้นเคยและถูกสร้างอีกครั้งในอีกแบบหนึ่งของบทเพลงใหม่ล่าสุดเท่านั้นเอง

อย่างที่บอกจะไม่ได้กรุ่นกลลิ่นพลังของความสดทั้งความคิดและดนตรีอีกแล้ว เหลือแค่ทักษะความชำนาญในแบบถนัดของตัวเองที่สร้างเป็นเครื่องหมายการค้าขึ้นมาได้

ในส่วนของเนื้อร้องจุดหนึ่งที่ทำให้เห็นถึงตัวตนของ เสก โลโซว่า มั่นใจและภูมิใจในความคิดและวิถีของตัวเองที่เดินทางมาถึงวันนี้ได้ อย่าง บทเพลง ‘ฉันรักประเทศไทย’ กับท่อนประโยคที่ร้องว่า ‘แต่ฉันของแท้อย่าบอกใคร’ กับบทเพลง ‘เด็ก ต.จ.ว.’ ในท่อนที่ร้องว่า ...ลุยไปเรื่อยดันทุรัง จากเคยเป็นดินก็เอาจนขลัง ไม่เคยลืมความหลังว่าฉันมาจากที่ใด...ซึ่งส่งสารถึงความคิดและตัวตนของตัวเองผ่านเนื้อสารออกมาครบถ้วนโดยไม่ต้องตีความซ้อนซ้ำแต่อย่างใด

ส่วนบทเพลงรักจิ๊กโก๋อกหักในแนวบัลลาดร๊อคภูธรก็เนืองแน่นคับเต็มอัลบั้ม สามารถซึมซาบผ่านความจงใจที่จะเขียนเพื่อให้เป็นเพลงฮิตทั้งสิ้น ไม่ว่า ‘หัวใจขี้กลัว’, ‘ก้อนเนื้อข้างซ้าย’, ‘ควบคุมหัวใจตัวเองไม่ได้’, ‘เว้นฉันไว้สักคน’, ‘(ฉันคิดฯ) ฐานะอะไร’ และ ‘ผ่านมาผ่านไป’

ทั้งหมดจึงประมวลประเมินได้จากบทเพลงทั้งหมดว่า มีการเคาะโจทย์ทางการตลาดของการทำเพลงเพื่อตอบสนองกลุ่มคนฟังแบบไหนที่เป็นฐานแฟนเพลงของตัวเองอย่างเด่นชัด ซึ่งก็ทำได้ดีในการตอบโจทย์ทางการตลาดเพื่อขายเพลงฮิต และเห็นได้อีกทางคือ บทเพลง ‘หน้าแตก’ ที่พยายามทำเพลงร๊อค-แด๊นซ์ซาวด์ตะลึ่งตึงตึงแบบเชยๆ เพื่อป้อนตลาดเพลงตามผับและสถานบันเทิงยามค่ำคืนอย่างเต็มเหนี่ยวอยู่เช่นกัน พ่วงด้วยบุคลิกเพลงร็อคแอนด์โรลพิมพ์นิยมแบบของโลโซ ‘Sexy…โคตร’ ก็พยายามกันเหนียวแฟนขาร๊อคหูหนักไว้อีกด้วย

ใหม่’ ทางตันที่ก้าวหากำแพง

น่าเสียดายที่วิสัยทัศน์หรือมุมมองทางความคิดของ เสก โลโซ ที่พยายามใช้คำว่า ‘ใหม่’ ไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพในโลกดนตรีร๊อควันนี้อีกแล้ว

ท่ามกลางดนตรีร๊อคที่เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าไป โดยเฉพาะดนตรีอินดี้ร๊อคของคนรุ่นใหม่ หรือการาจร๊อค และอัลเทอร์เนทีฟพ๊อพร๊อคที่ต้องกับรสนิยมคนฟังเพลงเด็กไทยรุ่นเอฟหรือเฟซบุ๊ก แต่เสก โลโซ กลับเลือที่จะเดินถอยหลังไปหาสามช่าและเพื่อชีวิตในการกำหนดทิศทางดนตรีร๊อคของตัวเอง โดยลืมตัวเองไปว่า เขาได้ข้ามผ่านและพามันไปไกลภายใต้ดนตรีร็อคแอนด์โรลเพื่อชีวิตแบบโลโซ รวมถึงเพลงบัลลาดร๊อคอกหักของจิ๊กโก๋ภูธร ที่ตลาดเพลงเพื่อชีวิตเปิดกว้างโอบกอดอย่างเต็มใจ

จากอัลบั้มชุดนี้ ‘ใหม่’ ก็พอชี้ให้เห็นแบบตรงๆ ว่า เสก โลโซ กำลังอยู่ในภาวะที่ไปไม่ได้กลับไม่ถึง

นั่นหมายความว่า ‘ไปไม่ได้’ คือ การทุ่มเวลาที่ผ่านมาให้กับการพัฒนาตัวตน ความคิด และเชิงชั้นทางดนตรีด้วยการไปที่อังกฤษ เพื่อกลับทำงานยกระดับตัวเองขึ้นอีกชั้นหนึ่งในฐานะคนดนตรีกลายเป็นความสูญเปล่าอย่างสิ้นเชิง

ส่วน ‘การกลับไม่ถึง’ ก็คือ การย้อนทวนกลับมาหาแนวทางเดิมๆ ของดนตรีและความคิดทางเนื้อหาของเพลงที่ไม่ไปไหนจากที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว รวมถึงก้าวถอยหลังในการนำดนตรีร๊อคสู่หมวดหมู่ร๊อคเพื่อชีวิตยุคเก่าแบบสามช่าในสไตล์คาราบาว และวิธีการเขียนเพลงเพื่อชีวิตที่ดูเหมือนย้อนถอยหลังไปสู่ 20 ปีที่แล้ว ทำให้มวลรวมของงานร๊อคแบบ เสก โลโซ กลายเป็นภาวะที่ถดถอยเข้าสู่การหยุดนิ่งในแบบไม่ต้องตั้งความคาดหวังกันอีกต่อไป
>>>>>>>>>>>
……….

บทเพลงในอัลบั้ม ‘ใหม่’ เสก โลโซ

1.โลโซ 3 ช่า
2.หน้าแตก (feat. Marsha & Cyril)
3.หัวใจขี้กลัว
4.ก้อนเนื้อข้างซ้าย
5.ควบคุมหัวใจตัวเองไม่ได้
6.เว้นฉันไว้สักคน
7.นิพพาน
8.เด็ก ต.จ.ว
9.พ่อแม่กลับบ้านหน่อย (feat.เล็ก คาราบาว)
10.ฉันรักประเทศไทย
11.(ฉันคิด ฯ ) ฐานะอะไร
12.Sexy…โคตร
13.ผ่านมาผ่านไป

>>>>>>>>>
………
ฟังมาแล้ว

Love So Fine / บอย-ตรัย ภูมิรัตน

แม้จะไม่ถูกสถาปนาเป็นเจ้าพ่อเพลงรักในระดับเบอร์หนึ่งของเมืองไทย แต่บอย-ตรัย ก็ถือว่าเป็นเจ้าประจำที่ทำเพลงรักในสไตล์อ่อนระทวยให้กับคนฟังมาแล้วมามากมาย คราวนี้ก็ได้เวลามาประมวลรวมไว้อย่างเป็นทางการเสียที

14 เพลงรักของเขาที่รวบรวมมาก็จะเห็นอิทธิพลของบอยด์ โกสิยพงษ์อยู่บ้าง มีกรุ่นอายจางๆ อวลอยู่ แต่ด้วยวิธีคิดและการเขียนเนื้อร้องที่ฉีกออกจนเป็นตัวของตัวเองได้สวย ทำให้มีเสน่ห์ที่ฟังแล้วเหงาน้ำตาซึม

Ring of Fire - The Legend of… / Johnny Cash

21 บทเพลงที่ถูกคัดเลือกมาบรรจุอยู่ในอัลบั้มชุดนี้ สะท้อนออกถึงการทำงานดนตรีในระดับตำนานของวงการดนตรีคันทรีอเมริกันที่ทุ่มทั้งชีวิตบนเส้นทางสายนี้ ผ่านยุคผ่านสมัยมายาวนานจนบั้นปลายสุดท้ายของชีวิตก็ยังอยู่กับดนตรีที่รัก

ผู้ชายในชุดดำของดนตรีคันทรีและเวสเทิร์น ที่นำพาดนตรีคันทรีประเพณีนิยมหรือเทรดิชัน คันทรี มาสู่ความเป็นคันทรี-พ๊อพ และร๊อคแอนด์โรล ‘ริง ออฟ ไฟร์’ เป็นแนวความคิดในการคัดสรรบทเพลงที่มีฐานมาจากเพลงนี้ ซึ่งบ่งชี้ถึงสัญชาตญาณทางดนตรีของจอห์นนี่ แคช ได้เป็นอย่างดีที่สุด

กว่า 50 ปีของการขับเคลื่อนพลังทางดนตรีออกมา แคชทำให้ดนตรีคันทรีของวัฒนธรรมอเมริกันเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมดนตรีโลกไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมถึงสามารถทำงานข้ามสายกับนักร้องวงดนตรีรุ่นใหม่อย่างไม่เคอะเขินและเต็มไปด้วยแรงสร้างสรรค์

ซึ่งภาพทั้งหมดถูกจำลองย่อมาเป็นแค่กระผีกหนึ่งในรวมเพลงชุดนี้

Inglourious Basterds / Motion Picture Soundtrack

ดนตรีและเพลงประกอบภาพยนตร์ของเควนติน ทาเรนติโน มักจะไม่ธรรมดาทุกเรื่อง ด้วยรสนิยมทางการเสพฟังเพลงของเขามีความพิสดาร และอยู่ในทางที่กว้างอยู่พอสมควร เขาเลือกเพลงและดนตรีที่ถูกจริตของตัวเองและไม่หลุดธีมหรือโทนของตัวหนัง สามารถสร้างรสใหม่ๆ ในการฟังที่หาไม่ได้ในท้องตลาดทั่วไป ทั้งที่ทั้งหมดล้วนเป็นเพลงที่ค่อนข้างคุ้นหูของยุคสมัยในอดีต

The Jimi Hendrix Experience : Live at Monterey

เทพกีตาร์องค์จริง หากไม่มีเขา ดนตรีฮาร์ดร็อคและสายเมทัลก็ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นมาหรือเปล่า คอนเสิร์ตครั้งนี้ของเขาก็เป็นหมุดหมายที่สำคัญในการจุติที่ยิ่งใหญ่และอยู่ในความทรงจำตลอดกาล แค่ภาพปกที่เขานั่งอยู่หน้ากีตาร์ซึ่งถูกเผาจนไฟลุกโชน ก็สะท้อนได้ดั่งตัวโน้ตที่จะหลั่งไหลมาจากคอกีตาร์ของเขาได้มากมายเช่นกัน เป็นคอนเสิร์ตที่พลาดไม่ได้และเป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนพลังฮิปปี้ในยุคดอกไม้บาน
........
ชีพจรดนตรี
>>>>>>>>>>
บอยไทยและขุนอิน โชว์ฟรีคอนเสิร์ตสวนลุม

หลังจากบุกเบิกดนตรีไทย แนวประยุกต์มานานกว่า 20 ปี ไพซิสมิวสิคเปิดตัว ‘บอยไทยเจ็นเนอเรชั่น 2’ เต็มรูปแบบ ในฟรีคอนเสิร์ต ‘ดนตรีในสวน สมัยกาลดนตรีไทย’

วงบอยไทยรุ่น 2 ประกอบด้วยนักดนตรีเลือดใหม่ไฟแรงทั้งไทยและสากล จากการปั้นสุดฝีมือของโก้ มิสเตอร์แซ็กแมน, ขุนอิน และณัฐวุฒิ พันธ์สายเชื้อ สมาชิกวงบอยไทยรุ่นก่อตั้ง ที่เคยทำให้วงบอยไทยโด่งดังมาแล้วทั้งในและต่างประเทศ

คอนเสิร์ตครั้งนี้แฟนเพลงบอยไทย จะเต็มอิ่ม 2 ชั่วโมงกับเพลงในแนวหลากหลาย เช่น เพลงของศิลปินแจ๊สระดับตำนานนำมาผสมผสานกับเครื่องดนตรีไทย ฟังเพลง ‘ลาวแพน’ ในสไตล์ฟังค์กี้ และ ‘พม่ากลองยาว’ เวอร์ชั่นแร็พสุดมันส์

แถมโชว์พิเศษจาก ‘ขุนอิน เดี่ยวระนาด’ ‘เชิดต่อตัว’ ซึ่งเป็นการจำลองฉากเด็ดประชันระนาดจากภาพยนตร์เรื่อง ‘โหมโรง’

วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2554 นี้ ณ บริเวณสวนปาล์ม สวนลุมพินี เวลา 17.00 น. – 19.00 น.

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ โทร. 02-234-0147 www.boythaiband.net
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
กำลังโหลดความคิดเห็น