"ดี้" โล่งเป็นไท ประกาศต่อไปจะแต่งเพลงลิขสิทธิ์ของตัวเอง ลั่น ค่ายไหนก็สามารถจ้างได้ เผย "เฮียฮ้อ" ชวนเข้าค่ายแต่ปฏิเสธไป เพราะอยากทำงานอิสระก่อน แย้ม มีโอกาสเปิดค่ายเพลงร่วมกับ "อัสนี-วสันต์" โดยมีบริษัทบุญรอดฯเป็นสปอนเซอร์ พร้อมรับแบบตรงไปตรงมา ว่า ปัจจัยหลักที่จะทำให้ไปอยู่ค่ายอื่นก็คือเรื่องเงิน
ออกมาเปิดใจอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ "ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค" ในกรณีที่เจ้าตัวตัดสินใจลาออกจากแกรมมี่ ค่ายเพลงที่ทำงานร่วมกันมานานกว่า 30 ปี หลังจากเกิดความไม่พอใจในการทำงานหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็น การที่ต้นสังกัดได้มีการปลดพนักงานออกไปเป็นจำนวนมาก รวมถึงการปรับลดเงินเดือนพนักงาน จนเป็นสาเหตุหลักในการที่ทำให้เจ้าตัวต้องทบทวน ถึงอนาคตการทำงานของตนเอง
ซึ่งเมื่อช่วงเย็น ของวานนี้(26) ได้มีรายงานว่า เจ้าตัวได้เข้าไปลาออกจากแกรมมี่แล้วเรียบร้อย หลังจากตกลงเรื่องแนวทางการทำงานร่วมกันไม่ลงตัว
ล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น. ดี้ นิติพงษ์ ได้เปิดแถลงข่าวเรื่องลาออกอย่างเป็นทางการ ในขณะเดินทางไปอัดรายการ ไนน์เอ็นเตอร์เทน ทอล์ก ที่โมเดิร์นไนน์ทีวี โดยเจ้าตัวได้แจกแจงให้ฟังโดยละเอียดว่า หลังจากมีการเจรจากันมาหลายรอบ ก็เพิ่งจะได้บทสรุปเมื่อวานที่ผ่านมา(26 ม.ค.) หลังเข้าไปพูดคุยกับผู้บริหารระดับสูงของแกรมมี่ ซึ่งประกอบไปด้วย อากู๋ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม, เล็ก บุษบา ดาวเรือง, ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา และ ตี่ กริช ทอมมัส
"สาเหตุหลักๆ ใช้คำว่าเปลี่ยนสถานภาพดีกว่า จากพนักงานมาเป็นอิสระแต่ก็ยังมีงานที่ยังต้องทำด้วยกันอยู่แหละ เกือบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลยด้วย งานมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องใช้ร่วมกัน เรื่องของการทำงานร่วมกันก็ยังมีเหมือนเดิม ยังมีการช่วยเหลือกันอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ตัวผมเองอิสระมากขึ้น ที่จะไปทำอะไรมากขึ้นได้ เช่น ไปแต่งเพลงให้กับคนอื่นๆ โดยที่ไม่ต้องเกรงใจ เป็นมารยาทที่ถูกต้อง สาเหตุหลักๆ ก็คือว่าอยากเป็นอิสระ อยากไปกระโดดบันจี้จัมพ์เล่นบ้าง"
“การเจรจาระหว่างเราก็เป็นไปอย่างชื่นมื่นมาก คือเราเออรี่รีไทร์เหมือนนายพลขอเกษียรอายุตัวเอง ก็ได้เลื่อนขั้นแล้ว ก็มีรายได้มาเพิ่มให้ส่วนนึงเพื่อให้มีชีวิตไปคิดงานใหม่ได้ มีบรรยากาศที่ทุกอย่างเป็นบวกหมด หมายความว่ามีอะไรที่จะให้พี่ช่วยต่อ เธอจะไปทำอะไร จะให้พี่ช่วยไหม จะไปตั้งบริษัทเองรึเปล่า จะให้ช่วยหุ้นไหม หรือว่าจะขอคำแนะนำอะไร หรือว่าถ้าติดขัดตรงไหนก็จะมีบริษัท พี่ซึ่งก็คือคุณไพบูลย์คอยช่วยเหลือ รวมถึงองค์กรต่างๆ ในเครือ เรียกว่าเราเป็นอิสระอย่างอบอุ่น มันก็เป็นเรื่องที่แปลก คือผมพูดจนไม่ต้องยับยั้งแล้ว ตอนนี้สำหรับผมต้องใช้คำว่า เหมือนเด็กสาวใจแตกอยากหนีออกจากบ้าน อยากที่จะออกไปเที่ยว"
"หลายกระแสอาจมองว่า ผมรับนโยบายใหม่ๆ ไม่ได้รึเปล่า ตัวผมมองว่ามันเป็นการเปลี่ยนแปลง บริษัทที่ทำงานเป็นองค์กรเมื่อเวลาผ่านไป10-20 ปี มันก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง มีบาน มีหุบ เป็นเรื่องธรรมชาติ ในบางจุดก็อาจจะมีการเปลี่ยนที่กระทบตรงนั้นบ้าง หรือไม่กระทบ หรือไปเพิ่มพูนตรงนั้นบ้าง ซึ่งผมมองว่ามันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่บริษัทไหนๆ ก็คงเป็นกัน แต่สำหรับตัวผม พอเราได้ทำอะไรน้อยลง ก็รู้สึกเกรงใจ ที่รับเงินเดือนอยู่ก็ไม่น้อยนะ ถึงจะลดไปแล้วก็ยังไม่น้อย ถ้าเทียบกับคนอื่นๆ อันนี้เป็นสิ่งที่เราต้องขอขอบพระคุณเลยล่ะ"
"มันไม่ใช่เรื่องของการน้อยใจ มันเป็นเรื่องที่รู้สึกโล่งอกด้วยซ้ำ เพราะด้วยนิสัยเราเป็นคนชอบร้องรำทำเพลงมากกว่า จะที่ไปใช้สมองอีกซีกนึงมานั่งบริหารจัดการอะไร ถามว่าทำได้ไหมเราทำได้ แต่ก็ไม่สนุกเท่ากับที่เรามาร้องรำทำเพลง แต่พอมันอยู่นานๆ เข้าก็รู้สึกฟุ้งซ่าน ว่าทำอะไรน้อยเกินไปเหมือนกัน แล้วเราอยากจะทำอะไรบ้างมันก็เลยฟุ่งซ่าน พอได้ไปเจอน้องๆ ศิลปินข้างนอกเขาก็อยากให้ไปแจมบ้าง ให้ไปแต่งเพลงให้นั่นนี้ แต่เราแต่งงานแล้วไง เราไปกุ๊กกิ๊กอะไรอย่างนั้นไม่ได้ มันน่าเกลียด แต่วันนี้เราอิสระแล้ว เราสามารถทำอะไรก็ได้ ซึ่งตอนนี้เราก็ยังทำงานกับแกรมมี่ได้เหมือนเดิม แล้วก็สามารถไปทำอะไรกับใครก็ได้บนโลกใบนี้โดยไม่ต้องเกรงใจใคร"
“เรื่องหุ้นในบริษัทแกรมมี่ที่ยังเหลืออยู่ อันนี้ยังเหลือรึเปล่าผมเองก็ไม่รู้ ผมมีหุ้นอยู่ที่แกรมมี่แต่ก็ขายไปตามลำดับ ไปปลูกบ้าน ไปทำอะไร ก็ว่ากันไป หมดรึยังไม่รู้จำไม่ได้ จริงเหรอที่หุ้นเขาตกฮวบตั้งแต่มีข่าวผมจะลาออก อันนี้ไม่รู้ เป็นคนที่ไม่รู้เรื่องนี้เลย อินโนเซ้นส์เรื่องหุ้น ส่วนของผมจะเหลือเท่าไหร่ไม่แน่ใจ เพราะเป็นชื่อภรรยาผมทั้งหมด ต้องถามภรรยา"
"ตอนนี้แม้แต่ใบลาออกก็ยังไม่ได้เซ็นอะไรครับ เซ็นเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ได้เอาเป็นเอาตาย อย่างที่บอกว่าชื่นมื่น บอกปากเปล่าก็ได้บอกไปแล้ว มีอิสระเป็นผลสิ้นเดือนนี้ เรื่องเซ็นใบลาออกไม่ใช่เรื่องใหญ่ เมื่อไหร่ก็ได้ ตั้งแต่ที่มีข่าวว่าผมจะออกก็ยังไม่เห็นมีการเปลี่ยนแปลงระบบอะไรในบริษัทเลยนะ เท่าที่เห็นห้องน้ำก็สะอาดดี ปกติเหมือนเดิมไม่เห็นมีอะไรสั่นสักนิดเดียว คงไม่กระทบอะไรขนาดนั้นหรอก จริงๆ แล้วเขาก็มีคลื่นลูกใหม่ของเขาที่ทำงานกันต่อเนื่องมา ถ้าบริษัทนี้จะต้องมาขึ้นอยู่กับคนคนเดียวมันก็แย่แล้ว พี่เบิร์ด (ธงไชย แมคอินไตย์) ก็เห็นว่าพี่เบิร์ดจะแต่งเพลงเองนะ พี่เบิร์ดก็โทร.มาให้กำลังใจ บอกอยากทำอะไรทำเลย"
ปัด เรื่องเงินไม่ใช้ปัญหา แต่เป็นเพราะตนต้องการอิสระในการสร้างผลงานที่ไม่มีข้อจำกัดของค่าย ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนคิดไว้นานแล้ว ส่วนเรื่องของลิขสิทธิ์เพลงนั้น เจ้าตัวเผยยังได้รับส่วนแบ่งร่วมกับทางแกรมมี่
"อย่างที่บอกว่า เรื่องเงินตอนนี้ไม่ลดแล้ว แสดงว่าไม่ได้เกี่ยวกับเงินแล้ว นี่เขาก็ให้อย่างที่ต่อรองทุกอย่างแล้ว แต่ก็ยังไม่อยู่ เราอยากเป็นอิสระ คือในที่สุดแล้ว เงินก็ส่วนเงิน แต่ถ้าใจแตกแล้ว ความอยากมันมี แหม..ผู้ชายข้างนอกมันช่างหล่อเหลือเกิน ก็เป็นอิสระดีกว่า เป็นเรื่องของเด็กสาวใจแตก คือในใจเราคิดมานานแล้ว แต่เหมือนจังหวะมันยังไม่ใช่ จังหวะตอนนี้มันเหมือนตกผลึกพอดี มันไม่ใช่ว่าคิดวันนี้แล้วจะหุนหันพลันแล่น นั่นมันเป็นคนที่ขัดแย้งกันแรงๆ เท่านั้นถึงจะเป็นกันแบบนั้น มันไม่ใช่”
“มันไม่ได้เกิดจากความอึดอัด แต่มันเป็นสิ่งที่เราคิดมานานแล้ว ตอนนี้เราก็ยังมีงานที่ทำด้วยกันอยู่ ก็มีคอนเสิร์ต 30 ปี ซึ่งก็ทำกับบริษัทที่อยู่ในเครือแกรมมี่ เป็นเรื่องราวที่ต้องทำกันต่อไปเหมือนกับไม่เกิดอะไรขึ้น เพียงแต่สถานภาพของเราวันนี้คืออิสระ สามารถไปของานทำข้างนอกได้ด้วยความสนุก ที่รู้ๆ ก็เห็นว่าเขาจะทำคอนเสิร์ต 30 ปีดี้ นิติพงษ์ แล้วก็มีละครเพลงรักเธอเสมอ ปลายปีมั้งอะไรทำนองนี้”
“ส่วนบริษัทยังดีเป็นบริษัทที่อยู่ในไลน์ของบริษัทอินเด็กซ์ ซึ่งบริษัทอินเด็กซ์ที่ถือหุ้นเกี่ยวเนื่องกันกับแกรมมี่ ซึ่งก็ถือเป็นเครือเดียวกัน ซึ่งเขาเองก็ยังทำงานกันอยู่ คอนเสิร์ต 30 ปี นิติพงษ์ที่วางแผนกันไว้เดือนมิถุนายนนี้ ผมไม่ได้มีหุ้นอะไรเลยจะมีอึดอัดอะไรกันไหมไม่เลย ตื่นเช้ามาก็เดินเข้าไป ห้องทำงานทุกอย่างอะไรก็ยังอยู่ เรายังสามารถเดินเข้าไปนั่งหน้าตาเฉยได้อยู่เหมือนเดิม เราจากกันได้อย่างน่ารัก เรียกว่าแทบจะไม่ได้จากกันด้วยซ้ำ สถานภาพมันเหมือนกับคนที่จดทะเบียนหย่าที่แยกกันนอนคนละห้อง โดยที่ต่างฝ่ายต่างก็ไปมีแฟนได้โดยไม่น่าเกลียด”
“ส่วนเรื่องลิขสิทธิ์เพลงตอนนี้เป็นสัญญาที่มีลิขสิทธิ์ร่วมกันของบริษัท และนักแต่งเพลง บริษัทนำไปใช้การใดก็ตามที่ได้ผลประโยชน์ก็เอากลับมาแบ่งนักแต่งเพลงเป็นไปตามปกติ ส่วนสัดส่วนจะได้เท่าไหร่นั้นพูดจริงๆ ว่าจำไม่ได้แล้วก็ว่ากันไป มันเป็นเรื่องที่นานมาแล้ว ครึ่งๆ คงไม่ใช่สัดส่วนบริษัทเขาคงเยอะกว่า เขาลงทุนด้วยอะไรด้วยก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เราก็ยินยอมเซ็นสัญญาตามนั้น เพลงเก่าก็ว่ากันไปตามสัญญา ส่วนเพลงใหม่ถ้าจะซื้อขายกันก็ต้องว่ากันใหม่อีกที ส่วนเรื่องลิขสิทธิ์ก็ต้องเป็นของนักแต่งเพลง ลิขสิทธิ์เพลงตอนนี้เท่าที่มีอยู่ก็เกือบ 400 เพลง
รับ มีหลายค่ายรุมจีบ แต่ยังไม่พิจารณาตอนนี้ แย้ม หากข้อเสนอเรื่องเงินดีตนก็พร้อม โต้ หลังลาออกนัดประชุมศิลปินขุนพลพนักงานเก่าเพื่อเตรียมโปรเจ็กต์ร่วมงานกัน
"มีตกปากรับคำคุยๆ กับค่ายไหนไว้ไหม ถ้าฮอลลีวูดติดต่อมาก็อาจจะไป ถ้าข้อเสนอดีไปไหม อุ้ย...คนเราซื้อได้ ฆ่าไม่ได้หยามได้ เรื่องนี้ตอบยากมากเลย (อะไรเป็นเกณฑ์ตัดสินใจเลือกจะไปอยู่กับใครที่ไหน?) คิดว่าคงเป็นเงินมั้ง จะให้เป็นหมา 2-3 ตัวก็คงไม่ใช่ คืออย่างนี้ถ้าเป็นคนก็คงจะเพิ่งออกมาจากตรงนี้ จะบินไปเข้ากรงโน้น เลยมันก็คงดูตลก"
"ถามว่ามีทาบทามมาไหม ก็มีบ้างจ๊ะ แต่ก็ไม่ได้ทาบทามอะไรรุนแรง คือคนในวงการเราเขาก็มีมารยาท คือถ้าต่อไปในภายภาคหน้าจะมี ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพียงแต่ตอนนี้เขาก็ไม่อยากจะทำอะไรที่มันไม่มีมารยาท ตอนนี้ยังไม่มีใครเลย ตัวคนเดียวอยู่กับบ้าน เป็นไปได้ไหมที่จะสร้างค่ายของตัวเองโดยมีนายทุนหนุนแล้วดึงคนเก่าๆ มารวม คงไม่เป็นกรง คงเป็นคอกมากกว่า คอกที่เปิดประตูง่าย ใครจะเข้ามาแจมก็ได้ ความฝันที่อยากจะทำมากที่สุดเลยคือ อยากจะทำคล้ายๆ เป็นตัวช่วยให้ศิลปินทั้งหลายที่ไม่มีค่ายให้มาแจม มาร่วมงานกันได้ เรารู้สึกว่ามันสนุกกว่าที่จะมานั่งจำกัดจำเขี่ย"
“เรื่องมีข่าวว่า หลังจากตกลงกับคุณไพบูลย์แล้ว ผมเรียกประชุมนักแต่งเพลง ศิลปินเก่าๆ ที่ออกมาพร้อมกัน ไม่มีนะ ออกมาจากที่นั่น 6 โมง ก็ขึ้นรถกลับบ้านเลย เพราะหิว ไม่มีจริงๆ พวกนั้นเขาเองก็เป็นพนักงานของแกรมมี่อยู่ เราประชุมกันไปแล้วเมื่อวันจันทร์ ก็บอกว่าจะเป็นประชุมสุดท้ายนะน้องๆ น้องๆ ก็ไปทำตามระบบทุกอย่างตามปกติ ก่อนหน้านี้ผมมีหน้าที่ให้คำปรึกษาน้องๆ ในการเขียนเพลง เราก็จะมีการประชุมกันทุกวันจันทร์ แต่ล่าสุดก็บอกน้องไปแล้วว่า ครั้งหน้าไม่มีแล้วนะจ๊ะ”
“ทุกคนก็ไปทำงานกันตามปกติ พวกเธอแข็งแรงกันแล้ว เรื่องที่ว่าคนอื่นก็เตรียมทยอยออก มันเป็นคนละวาระกันเลย เขาเองก็ได้อายุความก็รีไทร์ตัวเองออกเป็นปกติ จะตามมาทำไมตัวดี้เองยังเอาตัวไม่รอดเลย ผมจะเอาเงินที่ไหนไปเลี้ยงเขา เขาก็ทำงานของเขาไป ผมก็ทำงานของผม ตอนนี้ไม่มีดึงใคร มีแต่ส่งบีบีมาให้กำลังใจ แล้วก็มีพวกที่เป็นอิสระแล้วที่เข้ามาทักว่า พี่จะทำอะไรชวนผมด้วยเราก็ได้ไม่มีปัญหา"
เผย แพลนอิสระรับงานแต่งเพลงทั่วราชอาณาจักร ส่วนจะสร้างค่ายใหม่หรือไม่นั้น ยังเป็นเรื่องของอนาคตที่ยังวางแผนไม่สำเร็จ
"ก็รับจ้างทำเพลงทั่วราชอาณาจักร ที่คิดๆ ไว้ก็มีหลายเมนู ตอนนี้เพลงมันทำได้หลายรูปแบบ จะให้ไปขายซีดีอย่างเดียวคงไม่ไหว หรือใครอยากมีเพลงประจำตัวก็มาบอกได้นะครับ ตอนนี้กำลังตั้งราคาอยู่ รูปแบบการทำงานตอนนี้เราคือเปิดกว้างแต่ไม่ขอผูกติดกับใครทั้งสิ้น เป็นมิตรสัมพันธ์กับทุกคน เรื่องจะไปเป็นหัวหน้าต้นสังกัด ตอนนี้ยังไม่คิดถึงว่าจะเป็นอะไร ตอนนี้อยากเป็นอิสระ อยากมีรายได้พออยู่ได้สำหรับที่บ้าน ทำแล้วสนุกสนานเป็นหลักก่อน แต่ก็อาจจะมียังไงก็คงต้องทำเป็นเล็กๆไปก่อน มากน้อยแค่ไหนก็คงต้องแล้วแต่สถานการณ์ในวันข้างหน้า ซึ่งก็มีคิดๆ ไว้บ้างแล้วเป็นโครงสร้างแต่ก็ยังคิดไม่เสร็จกำลังต่อจิ๊กซอว์อยู่"
“ตอนนี้ถามว่า ความมั่นใจมีแค่ไหน กับการบินเดี่ยว ขอตอบว่าไม่มั่นใจเลย เปล่าหรอก เราต้องพูดอย่างนี้ไว้ก่อน คือถ้าแผนเรายังไม่เสร็จ แล้วเราไปพูดว่าเรามั่นใจมันก็กะไรอยู่ ไม่มั่นใจในที่นี้แปลว่า มันไม่มีอะไรที่มันมั่นคงแน่นอนหรอก แต่การที่เราเป็นอิสระ มันทำให้เรามองอะไรทะลุปรุโปร่งขึ้น แล้วก็ทำให้เรามั่นใจมากขึ้น แต่ถ้าถามว่าเรามั่นใจว่าจะต้องไปได้สวยแน่ คงไม่ใช่ ฉันจะดังแน่ คงไม่ใช่อย่างนั้น"