“เฮียฮ้อ” สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ แย้มพร้อมร่วมงานกับ “ดี้” นิติพงษ์ ห่อนาค เนื่องจากเป็นคนมีความสามารถ ยืนยันรู้จักกัน แต่ยังไม่ได้นัดกินข้าว แต่แหล่งข่าววงในยืนยันว่า ทั้งคู่มีการพูดคุยและจิบน้ำชากันมาหลายครั้ง และมีแนวโน้มความเป็นไปได้ที่ “ดี้” นิติพงษ์จะรับ “บางจ๊อบ” กับอาร์เอสฯในเร็ววันนี้ เนื่องจากได้รับผลกระทบเต็มๆจากจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ที่ลดเงินเดือนหลายแสนบาทลงกว่าครึ่ง
ขาด “ดี้” แกรมมี่ไม่ตาย น้อยใจอยากซบ “เฮียฮ้อ”
ข่าวใหญ่ก่อนช่วงสิ้นปีของแกรมมี่ ยกให้ข่าวการปลดพนักงานหลายแผนกหลายร้อยคน บวกกับข่าวลือ "อัสนี- วสันต์ โชติกุล" อีกทั้งหัวเรือใหญ่ในการแต่งเพลงอย่าง "ดี้-นิติพงษ์ ห่อนาค" จะลาออกจากแกรมมี่ เนื่องจากเกิดเรื่องน้อยอกน้อยใจ เพราะโดนลดเงินเดือนเกินครึ่ง อีกทั้งหนทางทำมาหากินในด้านอื่นทั้งคอนเสิร์ต การปั๊มซีดี เอาเพลงเก่ามาเล่าใหม่ ส่วนแบ่งตรงนี้หดหาย แต่ยังมีหุ้นอยู่ในแกรมมี่ที่สามารถเอาตัวรอดได้สบายๆในฐานะรุ่นเก๋าได้ แต่ความน้อยอกน้อยใจนี้จะทำให้ดี้ปันใจไปฝั่งลาดพร้าวหรือไม่ เฮียฮ้อ ยอมรับว่าเคยคุยกันหลายครั้ง แต่ยังไม่ได้ชวนจริงจัง งานนี้คงยังไม่ตัดสินใจไปเต็มตัว เพียงแต่ส่งเสียงดังขู่ให้รู้ว่า "ถ้าลดเงินอีกก็พร้อมไป"
ออกมาโวยวายและชัดเจนที่สุดครั้งหนึ่งสำหรับ "ดี้ นิติพงษ์" ที่คลุมเครือมานานว่าตกลงว่าข่าวลือที่ว่าจะออกจากแกรมมี่มันจริงหรือไม่ คำตอบจากคนแต่งเพลงที่มีหุ้นอยู่ด้วยอย่างดี้ ได้ให้ความกระจ่างแล้วว่า ถ้าเคลียร์แล้วไม่รู้เรื่อง ก็อาจจะต้องเดินจากแกรมมี่ไป เพราะรับไม่ได้ที่โดนลดเงินเดือนและมีหลายคนที่ออกแบบไม่ยุติธรรม ก่อนหน้านี้ ไประบายความในใจในทวิตเตอร์ว่า "ว่างงาน" โดยความหมายคือ ไม่ต้องเข้ามาออฟฟิศก็ได้ แต่ลดเงินเดือนครึ่งหนึ่ง ครึ่งหนึ่งที่ว่าจากเงินเดือนของดี้ก็ถือว่าหลายแสนบาท ซึ่งก่อนหน้านี้โดนลดมาแล้ว 1 ใน 3 ของเงินเดือน งานนี้เลย
ต้องโวยเสียหน่อย เพราะกว่า 27 ปีที่เขาทำงานที่แกรมมี่ ไม่มีครั้งไหนที่หนักใจเท่าครั้งนี้ สัญญาณความร้าวฉานได้เกิดขึ้นแล้ว เลยเป็นที่มาของการคิดลาออกของดี้ นิติพงษ์ ทำให้ "เล็ก-บุษบา ดาวเรือง" ประธานกรรมการบริหารบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทยอมรับว่าได้ปรับลดพนักงานในส่วนโรงงานผลิตซีดี เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากรูปแบบการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน เปลี่ยนไปตามความต้องการของผู้บริโภค
แปลตรงๆชัดๆคือ แผ่นผีมีมาก ส่วนที่ผลิตซีดีทั้งหลายก็ควรลดจำนวนพนักงานลงไป เป็นยุคดิจิตอล ส่วนคนที่มีส่วนแบ่งรายได้จากการปั๊มซีดี อย่างดี้ก็ถือว่ารายได้หดลงไปในส่วนที่ควรจะได้ นั่นคือชนวน!ที่ทำให้รายได้ของดี้หายไป
การยุบมอร์ มิวสิค อีกเครือในค่ายแกรมมี่ แล้วดูแลศิลปินในค่ายตามอัตภาพ ยังคงเป็นทางออกของกิจการค่ายเพลงฝั่งอโศก และสิ่งที่ต้องขยับ ปรับ เปลี่ยน คือคนขาเล็ก ขาลีบ อาจอยู่ลำบาก ส่วนพวกขาใหญ่อาจไม่ต้องออก แต่ลำบากในการปรับตัวครั้งนี้ เพราะส่วนที่ปรับลดได้แกรมมี่ทำเพื่อให้เกิดความอยู่รอดก่อน ด้วยกลยุทธ์ลดคน ลดงาน ที่ไม่เกี่ยวข้องออก
"ดี้ นิติพงษ์" โดนเต็มๆทั้งลดเงินเดือน ลดบทบาท เพราะเมื่อเพลงถูกขายด้วยยอดดาวน์โหลด ยอดโชว์ ยอดอีเวนต์ ส่วนนี้เอไทม์ โชว์บิส รับหน้าที่จัดคอนเสิร์ตเอง ขายบัตรเอง ไม่เพียงแต่เฉพาะศิลปินแกรมมี่เท่านั้น ตลกดัง นักร้องดัง จากไหนถ้าขายบัตรได้โชว์จึงเกิดเพื่อรายได้ ดังนั้นการย้อนวันวานของศิลปินรุ่นเก่าๆ แฟนคลับเดิมๆ จึงยังเกิดขึ้น คนไหนขายได้เช่นเบิร์ด ธงชัย ยังสามารถขายแฟนคลับได้ จึงมีคอนเสิร์ต และต้องยอมรับว่าศิลปินรุ่นใหม่ๆต้องหาฟังก์ชันอย่างอื่นมาเสริมแทน
ในแง่ของการทำธุรกิจ แกรมมี่ต้องปรับกลยุทธ์เพราะอาร์เอสได้ผ่านช่วงวิกฤตแบบนี้มาแล้วและดำเนินการแก้ไข เมื่อเพลงไม่ติดหู ก็เอาเพลงเก่ามายัดให้นักร้องใหม่ร้อง ไม่ต้องเสียค่าแต่ง ไม่ต้องจ่ายค่าต้นทุนเพิ่ม มีหรือเแกรมมี่ จะไม่เลือกวิธีนี้ "อากู๋-ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม" ยืนยันหนักแน่นว่าดี้ไม่ออก ดี้ยังยืนยันว่าไม่ได้ออก แต่ขอคุยก่อนแม้ใจไปแล้ว
แต่ประโยคเด็ดที่กระชากใจคนแต่งเพลง ในคำสัมภาษณ์ของอากู๋ในมติชนออนไลน์ มันช่างบาดใจน้องดี้เสียเหลือเกิน โดยเฉพาะประโยคที่ว่า... "ปีที่ผ่านมาและปีนี้จะเป็นปีที่เรารุ่งเรืองที่สุด มีแต่จะเอาคนเข้า เราต้องการเลือดใหม่ก็ต้องมีความเปลี่ยนแปลงบ้าง มีไม่กี่คนที่เสียประโยชน์ที่อาจจะโวยวาย แต่ที่ผ่านมามีคนทำงานกินเงินเดือน แต่ปีหนึ่งแต่งเพลงแค่เพลงเดียว แบบนี้น่าให้ออกไหม แต่เราก็เมตตากัน เพราะดูแลกันอย่างพี่น้องมาตลอด แต่ก็ต้องถามว่าเอาเปรียบกันหรือเปล่า"
ซึ่ง "ดี้ นิติพงษ์" ออกรายการสรยุทธ์ใน เรื่องเด่นเย็นนี้ ชี้แจงว่า ล่าสุด ไม่ได้โดนลดเงินเดือนแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตกลงกับอากู๋จะได้ได้อย่างปากพูดหรือไม่!? แต่คนระดับดี้ ซี้ "เฮียฮ้อ" ฝั่งลาดพร้าว จะไปเมื่อไหร่ก็ไปได้ แต่ให้ไปแบบถาวรคงไม่ใช่เรื่องง่าย คงจบด้วยการรับเป็นจ็อบๆไปน่าจะงามกว่า เพราะแค่ออกมาพูดว่าอึดอัดกับแกรมมี่ยุคนี้ ก็ฉีกหน้ากู๋มาก อยู่อโศกจะรับงานลาดพร้าวเป็นจ็อบก็อาจหนักใจ แต่สุดท้ายอาจต้องลาออกไป ตั้งบริษัทตัวเองแล้วรับลาดพร้าวอาจดูน่าเกลียดน้อยกว่าสำหรับดี้ นิติพงษ์
"เงื่อนไขสำคัญที่เราใช้ตัดสินใจว่าจะอยู่หรือไป คืออาชีพทำให้ตัวเองและครอบครัวอยู่รอดได้ไหม ซึ่งตอนนี้ต้องบอกตรงๆ ว่า มันค่อนข้างจะหนัก เนื่องจากมันมีรายได้ที่ลดลงไป เพราะธุรกิจมันลดลง ตัวเราเองก็รายได้ลดลง คนอื่นๆ ก็ลดลงด้วย เพราะมันมีปัญหาที่ยังแก้ไม่ตกเรื่องการดาวน์โหลด หรือการฟังเพลงฟรีในยูทูบบ้าง ซึ่งเป็นโดนพายุทุกคน รายได้ก็เลยไม่ได้เหมือน อบต. หรือข้าราชการที่เงินเดือนขึ้น แต่อันนี้เงินเดือนลง กับอีกเรื่องคือ การได้ทำงานแบบนี้ใครๆ ก็อยากได้นะ ทำงานแบบที่ไม่ต้องมีคนตัดสินให้อีกทีหนึ่ง เช่น ไม่ต้องเอาไปเสนอใคร มันเป็นความฝันของคนทำงาน หมายความว่า ก็คงอยากจะเป็นเจ้านายตัวเอง"
เรื่องคนเขียนเพลงไปได้แต่ตัว เพลงเอาไปไม่ได้ แต่ยังคงไว้ซึ่งค่าส่วนแบ่ง หากมีการนำเพลงไปต่อยอดจนมีรายได้ เมื่อตกลงกันเรื่องตัวเลข และส่วนต่างที่พอใจ ดี้ นิติพงษ์ อาจตัดสินใจออก เพื่อเป็นนายตัวเอง! ถ้าต่อรองกับกู๋แล้วไม่พอใจ คำตอบสุดท้ายคงมีในใจดี้แล้ว
ทำไมขาดดี้แล้วแกรมมี่ไม่ทุรนทุราย เพราะยุคสมัยของการมีนักร้อง ศิลปินในวันนี้กับเมื่อวานนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในยุคที่ทุกคนเปลี่ยนจากการซื้อเทปซื้อซีดี มาเป็นการโหลดmp3ฟรี แล้วไรต์ใส่แผ่นมาฟังกันแทบเป็นแทบตายว่าอย่าอุดหนุน เทปผีซีดีเถื่อน ไม่มีใครหยุดยั้งสิ่งเหล่านี้ได้ ทางออกของค่ายเพลงต่างๆ จึงพยายามมีรายการเรียลิตีประกวดร้องเพลง โหวตกันเข้าไป คนไม่ซื้อเสียง แต่ซื้อหน้าตาแทน แล้วไยทำไม "ดี้ นิติพงษ์" จะสำคัญ นักร้องหน้าตาดี เอาเพลงเก่ามาเล่าใหม่ ประหยัดทุกอย่าง แถมดีไม่ดี ฮอตจนมีแฟนคลับหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ คนแต่งเพลงเลยกระทบ ส่วนตัวค่ายต้องปรับตัวยอมรับการตลาดแนวนี้เป็นหลัก
มุมของคนแต่งเพลง ดี้ นิติพงษ์ ในยุคเก่า ระบบแนวธุรกิจแบบเก่าๆไม่ได้เป็นแบบนั้น อากู๋ ใช่ว่าไม่อยากแคร์แต่มองหาทางรอด เพราะอุ้มกันแบบพี่น้องไม่ไหวแล้วตามคำสัมภาษณ์ในมติชน แต่ตลาดเปลี่ยนแปลงไป ต้องโอบอุ้มไว้ด้วยธุรกิจที่เคยใหญ่ แต่อาจย่อส่วนลงมา และปัญหาอยู่ที่ว่าจะเจรจากันในส่วนนี้ลงตัวหรือไม่เท่านั้นเอง ถ้าคิดเห็นตรงกัน ก็ยังอยู่ร่วมกันได้ แต่ถ้าคิดเห็นไม่ตรงกัน ไม่แปลกที่อีกคนต้องเป็นฝ่ายไป
ส่วนจะไปหรือไม่ไปอาร์เอส "เฮียฮ้อ" ไฟเขียวมาแล้วว่าถ้าสนใจก็ยินดี แบะท่าแบบนี้ คงได้ร่วมงานกันแน่แค่ยังไม่ได้ชวนจริงจัง... "กับคุณดี้ยังไม่มีอะไร ไม่ได้มีการนัดกินข้าวกันเลย แต่ว่าจริงๆ ผมกับพี่ดี้ก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว เจอกันในงาน พี่ดี้ก็พูดคุยกันอยู่บ่อยๆ แล้วจริงๆ พี่ดี้ก็เป็นไอดอลในวงการบันเทิง ถือว่าเป็นคนที่มีความสามารถ แต่ยังไม่มีอะไร ซึ่งผมต้องเรียนว่าการพูดคุยกับพี่ดี้ที่ว่านี้ คือผมเจอพี่ดี้ตามงานบ่อยมากนะครับ แล้วลูกของพี่ดี้เขาก็เรียนที่เดียวกับลูกผม เราก็เหมือนเป็นผู้ปกครองที่ได้เจอกันเท่านั้นเอง แต่ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่ถ้าคุยกันแล้วพี่ดี้ติดใจอยากจะทดลองก็โอเค ยินดี คือคนมีความสามารถล่ะนะ"
เรื่องนี้คือข่าวใหญ่ในรอบปีของแกรมมี่ และอาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่ของ "ดี้ นิติพงษ์" และ อาชีพคนแต่งเพลง ที่อาจต้องปรับตัวตามยุคตามสมัย หรือพูดง่ายๆต้องทำใจ เพราะเรื่องของธุรกิจไม่เข้าใครออกใคร "ยิ่งสูงยิ่งหนาว" เคยได้ยินมั้ยท่านอดีตผู้สมัคร ส.ว.
...............................
ที่มา นิตยสาร ASTV สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 68 วันที่ 22 - 28 มกราคม 2554