หมายเหตุผู้เขียน : งานเขียนชิ้นนี้ได้มีการแก้ไขรายละเอียดบางส่วนอันสืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ผมได้ระบุถึงข้อมูลที่ว่าคุณ "ดี้ นิติพงษ์" ไม่ได้มีส่วนร่วมในการเขียนเนื้อเพลงให้กับอัลบั้ม "อาสาสนุก" งานชุดล่าสุดของคุณ "เบิร์ด ธงไชย" อันเป็นข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงตามที่มีผู้ทักท้วงเข้ามา ซึ่งผมเองต้องกราบขออภัยอย่างสูงไปยังคุณดี้ นิติพงษ์ และผู้อ่านทุกท่าน พร้อมขอรับคำวิจารณ์อย่างไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ กับความพลั้งเผลอที่แสดงถึงความเบาปัญญาอันไม่สมควรจะเกิดขึ้นในครั้งนี้
...
เป็นเรื่องที่คนในแวดวงดนตรีดูจะให้ความสนใจไม่น้อยทีเดียวสำหรับข่าวคราวการออกมา "บ่น" ของนักแต่งเพลงชื่อดัง "ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค" ไปถึงต้นสังกัดจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ หลังหนึ่งในค่ายเพลงที่ได้ชื่อว่าเป็นยักษ์ใหญ่ของบ้านเรามีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างในการทำงานด้วยการปลดพนักงานหลายแผนกจำนวนหลักหลายร้อย
...รวมไปถึงการลดอัตราเงินเดือนของพนักงานบางส่วน ซึ่งหนึ่งในกรณีหลังนั้นมีเจ้าตัวรวมอยู่ด้วย
กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ แม้ผิวเผินจะดูเป็นเรื่อง "ภายใน" ทว่าก็สะท้อนให้เห็นภาพโดยรวมของวงการเพลงบ้านเราได้ค่อนข้างจะชัดทีเดียว
ย้อนกลับไปในสัก 10 ปีที่แล้วเชื่อได้เลยว่าการออกมาบ่นแล้วบ่นอีกด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะดังถึงความไม่พอใจ-น้อยใจของนักแต่งเพลงชื่อดังในครั้งนี้คงจะส่งผลสะเทือนต่อต้นสังกัดอย่างแกรมมี่ฯ ที่เขาอยู่ร่วมชายคากันมานานกว่า 27 ปีไม่น้อยอย่างแน่นอน ทว่า ณ ปัจจุบันเป็นที่น่าสังเกตว่าเสียงบ่นของเขาถึงขนาดที่มีข่าวว่าจะย้ายไปอยู่กับค่ายเพลงที่เป็นเสมือน "คู่แข่ง" อย่างอาร์เอสฯ ดูจะไม่ส่งผลอะไรเลย
พิสูจน์ได้จากการออกมาให้สัมภาษณ์ของนายใหญ่แกรมมี่ "กู๋ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม" เองที่เปิดเผยว่า..."ปีที่ผ่านมาและปีนี้จะเป็นปีที่เรารุ่งเรืองที่สุด มีแต่จะเอาคนเข้า เราต้องการเลือดใหม่ก็ต้องมีความเปลี่ยนแปลงบ้าง มีไม่กี่คนที่เสียประโยชน์ที่อาจจะโวยวาย แต่ที่ผ่านมามีคนทำงานกินเงินเดือน แต่ปีหนึ่งแต่งเพลงแค่เพลงเดียว แบบนี้น่าให้ออกไหม แต่เราก็เมตตากัน เพราะดูแลกันอย่างพี่น้องมาตลอด แต่ก็ต้องถามว่าเอาเปรียบกันหรือเปล่า"
เพราะอะไรนายใหญ่แกรมมี่ฯ ถึงได้แสดงอาการอย่างเห็นได้ชัดถึงการ "ไม่แคร์" บุคลากรของตนเองเช่นนี้?...คำตอบมีอยู่แล้วในคำให้สัมภาษณ์ของเจ้าตัวนั่นคือเหตุผลทางธุรกิจที่ว่า "ไม่คุ้ม"
จริงอยู่ที่ว่าดี้อาจจะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่วมสร้างค่ายแกรมมี่ฯ ขึ้นมา แต่งเพลงให้กับนักร้องชื่อดังหลายต่อหลายคน รวมถึงมีเพลงฮิตติดปากก็มาก อย่างล่าสุดกับ "ตับไตไส้พุง" ของน้อง "น้ำชา" นั่นก็ใช่ ทว่าเมื่อพูดถึงเฉพาะเงินเดือนหลักสองแสนที่ยังไม่รวมถึงทีมงานของเขาต้องบอกว่าสูงไม่น้อยหากมองถึงบทบาทหน้าที่ในการทำหน้าที่แต่งเพลงเพียงอย่างเดียว
ที่สำคัญก็คือคำถามที่ว่า ณ ปัจจุบันนี้เนื้อร้องที่มีลายเซ็นของ "ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค" นั้นศักดิ์สิทธิ์มากพอที่จะการันตีว่าเพลงๆ นั้นจะต้องได้รับความนิยม หรือคนที่มาร้องเพลงนั้นจะกลายเป็นนักร้องที่โด่งดังขึ้นมาทันทีได้เชียวหรือ?
จริงๆ นอกจาก ดี้ นิติพงษ์ แล้วในแกรมมี่ฯ เองต้องบอกว่ายังมีนักแต่งเพลงฝีมือดีหลายคนเลยครับเพียงแต่ชื่อของพวกเขาอาจจะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนักสำหรับคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น แมงโก้ทีม, คุณกสิ นิพัฒน์ศิริผล, คุณอาทิตย์ สาระจูฑะ, คุณบัณฑิต แซ่โง้ว หรือพี่ หมู มูซู ฯ
โดยรายหลังต้องบอกว่าแต่งเพลงฮิตติดหูมาแล้วหลายต่อหลายเพลง ไม่ว่าจะเป็น "เข้ากันไม่ได้" ของ "ซินโคไนซ์" ที่เจ้าตัวร่วมร้องด้วย รวมถึงเพลงที่กำลังเปิดกันสนั่นบ้านดาวน์โหลดกันสนั่นเมืองอยู่ในตอนนี้อย่างเพลง "อยู่คนเดียว" ซึ่งตอนแรกเจ้าตัวร้องและตั้งใจที่จะเอามาไว้ในอัลบั้มใหม่ของตนเอง ทว่าทันทีที่คนแแกรมมี่ฯ ได้ฟังเพลงนี้เป็นครั้งแรก คนเดียวเท่านั้นที่จะได้สิทธิ์เอาเพลงนี้ไปร้องก็คือ "เบิร์ด ธงไชย"
ว่ากันว่าปัจจุบันต้นทุนในการทำเพลงของแกรมมี่ฯ โดยทั่วๆ ไป 1 เพลงจะอยู่ที่ประมาณ 5-6 หมื่นบาทครับ โดยจะถูกแบ่งเป็นค่าทำทำนอง 5 พัน, ค่าเนื้อร้อง 5 พัน, ค่าเรียบเรียงค่ามิกซ์ประมาณ 3-5 พัน ที่เหลือจะเป็นค่านักดนตรี ค่าห้องอัด ค่าคนร้องไกด์ ซึ่งหากเพลงที่ถูกผลิตนี้ถูกขายไปในเชิงพาณิชย์ผู้ที่มีส่วนร่วมสร้างสรรค์อย่าง คนเขียนเนื้อร้อง, คนทำทำนอง, ผู้เรียบเรียง ฯ จะได้ส่วนแบ่งประมาณ 10 สตางค์ต่อการขายซีดี 1 แผ่นหรือการดาวน์โหลด 1 ครั้ง
สำหรับคนที่จะตัดสินใจว่าเอาหรือไม่เอาเพลงนั้นในแกรมมี่ว่ากันว่ามีอยู่ 2 คน 2 สาย นั่นคือคุณตี่ กริช ทอมมัส จากแกรมมี่โกลด์ และคุณบอย ถกลเกียรติ นายใหญ่ของเอ็กแซ็กท์
พูดถึงคุณบอยกับการเกิดขึ้นของเวที "เดอะสตาร์" รวมไปถึงเวทีเอเอฟฯ ของทรูเองก็ให้น่าสนใจครับ เพราะเราจะเห็นได้ว่าพวกเขาและพวกเธอที่ผ่านเวทีที่ว่านี้ต่างมีสถานะเป็นศิลปินเป็นนักร้องที่มีแฟนคลับคอยติดตามถึงขนาดที่อาจจะเปิดคอนเสิร์ตได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีใครมาเขียนเพลง-มาทำเพลงใหม่ให้เสียด้วยซ้ำไป
ไม่ใช่แค่พฤติกรรมการฟังเพลงของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปเพราะการเกิดขึ้นของการดาวน์โหลดที่ทำให้ได้ "ของฟรี" มาง่ายๆ เพียงแค่ใช้นิ้วจิ้มแล้วคลิคที่ทำให้ให้ค่ายเพลงต้องปรับเปลี่ยนการขายสินค้าของตนเองใหม่ด้วยการเน้นไปที่การขายโชว์ ขายตัวศิลปินมากขึ้นเท่านั้นนะครับ หากสังเกตเราจะเห็นได้ว่าการเกิดขึ้นของนักร้องในระยะหลังนั้นถ้าจะได้รับความนิยมส่วนใหญ่มักจะมากันในรูปของ "วง" โดยบางส่วนก็เป็นนักดนตรีที่เคยยืนอยู่เบื้องหลังที่มีศักยภาพในการที่จะผลิตผลงานออกมาได้ด้วยตนเอง ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำให้คนที่อยู่เบื้องหลังจริงๆ อย่างเช่นคุณดี้นั้นต้องอาจจะถูกลดบทบาทลงไป
ถึงตอนนี้ข่าวที่ออกมาล่าสุดทางคุณดี้ก็ยังคงอยู่กับทางแกรมมี่ฯ เหมือนเดิม หลังได้มีการพูดคุยกับต้นสังกัดแล้วในระดับหนึ่ง ซึ่งโดยใจจริงของผม มาถึงขนาดนี้แล้วผมเองอยากจะเชียร์ให้คุณดี้ถอนตัวออกมาจากแกรมมี่ฯ นะครับ ส่วนจะไปอยู่กับอาร์เอสฯ หรือเป็นนักแต่งเพลงอิสระอันนั้นก็แล้วแต่
เพราะจะได้เป็นการพิสูจน์กันว่า นักแต่งเพลงที่ชื่อ "นิติพงษ์ ห่อนาค" นั้นของจริง
...
เป็นเรื่องที่คนในแวดวงดนตรีดูจะให้ความสนใจไม่น้อยทีเดียวสำหรับข่าวคราวการออกมา "บ่น" ของนักแต่งเพลงชื่อดัง "ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค" ไปถึงต้นสังกัดจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ หลังหนึ่งในค่ายเพลงที่ได้ชื่อว่าเป็นยักษ์ใหญ่ของบ้านเรามีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างในการทำงานด้วยการปลดพนักงานหลายแผนกจำนวนหลักหลายร้อย
...รวมไปถึงการลดอัตราเงินเดือนของพนักงานบางส่วน ซึ่งหนึ่งในกรณีหลังนั้นมีเจ้าตัวรวมอยู่ด้วย
กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ แม้ผิวเผินจะดูเป็นเรื่อง "ภายใน" ทว่าก็สะท้อนให้เห็นภาพโดยรวมของวงการเพลงบ้านเราได้ค่อนข้างจะชัดทีเดียว
ย้อนกลับไปในสัก 10 ปีที่แล้วเชื่อได้เลยว่าการออกมาบ่นแล้วบ่นอีกด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะดังถึงความไม่พอใจ-น้อยใจของนักแต่งเพลงชื่อดังในครั้งนี้คงจะส่งผลสะเทือนต่อต้นสังกัดอย่างแกรมมี่ฯ ที่เขาอยู่ร่วมชายคากันมานานกว่า 27 ปีไม่น้อยอย่างแน่นอน ทว่า ณ ปัจจุบันเป็นที่น่าสังเกตว่าเสียงบ่นของเขาถึงขนาดที่มีข่าวว่าจะย้ายไปอยู่กับค่ายเพลงที่เป็นเสมือน "คู่แข่ง" อย่างอาร์เอสฯ ดูจะไม่ส่งผลอะไรเลย
พิสูจน์ได้จากการออกมาให้สัมภาษณ์ของนายใหญ่แกรมมี่ "กู๋ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม" เองที่เปิดเผยว่า..."ปีที่ผ่านมาและปีนี้จะเป็นปีที่เรารุ่งเรืองที่สุด มีแต่จะเอาคนเข้า เราต้องการเลือดใหม่ก็ต้องมีความเปลี่ยนแปลงบ้าง มีไม่กี่คนที่เสียประโยชน์ที่อาจจะโวยวาย แต่ที่ผ่านมามีคนทำงานกินเงินเดือน แต่ปีหนึ่งแต่งเพลงแค่เพลงเดียว แบบนี้น่าให้ออกไหม แต่เราก็เมตตากัน เพราะดูแลกันอย่างพี่น้องมาตลอด แต่ก็ต้องถามว่าเอาเปรียบกันหรือเปล่า"
เพราะอะไรนายใหญ่แกรมมี่ฯ ถึงได้แสดงอาการอย่างเห็นได้ชัดถึงการ "ไม่แคร์" บุคลากรของตนเองเช่นนี้?...คำตอบมีอยู่แล้วในคำให้สัมภาษณ์ของเจ้าตัวนั่นคือเหตุผลทางธุรกิจที่ว่า "ไม่คุ้ม"
จริงอยู่ที่ว่าดี้อาจจะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่วมสร้างค่ายแกรมมี่ฯ ขึ้นมา แต่งเพลงให้กับนักร้องชื่อดังหลายต่อหลายคน รวมถึงมีเพลงฮิตติดปากก็มาก อย่างล่าสุดกับ "ตับไตไส้พุง" ของน้อง "น้ำชา" นั่นก็ใช่ ทว่าเมื่อพูดถึงเฉพาะเงินเดือนหลักสองแสนที่ยังไม่รวมถึงทีมงานของเขาต้องบอกว่าสูงไม่น้อยหากมองถึงบทบาทหน้าที่ในการทำหน้าที่แต่งเพลงเพียงอย่างเดียว
ที่สำคัญก็คือคำถามที่ว่า ณ ปัจจุบันนี้เนื้อร้องที่มีลายเซ็นของ "ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค" นั้นศักดิ์สิทธิ์มากพอที่จะการันตีว่าเพลงๆ นั้นจะต้องได้รับความนิยม หรือคนที่มาร้องเพลงนั้นจะกลายเป็นนักร้องที่โด่งดังขึ้นมาทันทีได้เชียวหรือ?
จริงๆ นอกจาก ดี้ นิติพงษ์ แล้วในแกรมมี่ฯ เองต้องบอกว่ายังมีนักแต่งเพลงฝีมือดีหลายคนเลยครับเพียงแต่ชื่อของพวกเขาอาจจะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนักสำหรับคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น แมงโก้ทีม, คุณกสิ นิพัฒน์ศิริผล, คุณอาทิตย์ สาระจูฑะ, คุณบัณฑิต แซ่โง้ว หรือพี่ หมู มูซู ฯ
โดยรายหลังต้องบอกว่าแต่งเพลงฮิตติดหูมาแล้วหลายต่อหลายเพลง ไม่ว่าจะเป็น "เข้ากันไม่ได้" ของ "ซินโคไนซ์" ที่เจ้าตัวร่วมร้องด้วย รวมถึงเพลงที่กำลังเปิดกันสนั่นบ้านดาวน์โหลดกันสนั่นเมืองอยู่ในตอนนี้อย่างเพลง "อยู่คนเดียว" ซึ่งตอนแรกเจ้าตัวร้องและตั้งใจที่จะเอามาไว้ในอัลบั้มใหม่ของตนเอง ทว่าทันทีที่คนแแกรมมี่ฯ ได้ฟังเพลงนี้เป็นครั้งแรก คนเดียวเท่านั้นที่จะได้สิทธิ์เอาเพลงนี้ไปร้องก็คือ "เบิร์ด ธงไชย"
ว่ากันว่าปัจจุบันต้นทุนในการทำเพลงของแกรมมี่ฯ โดยทั่วๆ ไป 1 เพลงจะอยู่ที่ประมาณ 5-6 หมื่นบาทครับ โดยจะถูกแบ่งเป็นค่าทำทำนอง 5 พัน, ค่าเนื้อร้อง 5 พัน, ค่าเรียบเรียงค่ามิกซ์ประมาณ 3-5 พัน ที่เหลือจะเป็นค่านักดนตรี ค่าห้องอัด ค่าคนร้องไกด์ ซึ่งหากเพลงที่ถูกผลิตนี้ถูกขายไปในเชิงพาณิชย์ผู้ที่มีส่วนร่วมสร้างสรรค์อย่าง คนเขียนเนื้อร้อง, คนทำทำนอง, ผู้เรียบเรียง ฯ จะได้ส่วนแบ่งประมาณ 10 สตางค์ต่อการขายซีดี 1 แผ่นหรือการดาวน์โหลด 1 ครั้ง
สำหรับคนที่จะตัดสินใจว่าเอาหรือไม่เอาเพลงนั้นในแกรมมี่ว่ากันว่ามีอยู่ 2 คน 2 สาย นั่นคือคุณตี่ กริช ทอมมัส จากแกรมมี่โกลด์ และคุณบอย ถกลเกียรติ นายใหญ่ของเอ็กแซ็กท์
พูดถึงคุณบอยกับการเกิดขึ้นของเวที "เดอะสตาร์" รวมไปถึงเวทีเอเอฟฯ ของทรูเองก็ให้น่าสนใจครับ เพราะเราจะเห็นได้ว่าพวกเขาและพวกเธอที่ผ่านเวทีที่ว่านี้ต่างมีสถานะเป็นศิลปินเป็นนักร้องที่มีแฟนคลับคอยติดตามถึงขนาดที่อาจจะเปิดคอนเสิร์ตได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีใครมาเขียนเพลง-มาทำเพลงใหม่ให้เสียด้วยซ้ำไป
ไม่ใช่แค่พฤติกรรมการฟังเพลงของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปเพราะการเกิดขึ้นของการดาวน์โหลดที่ทำให้ได้ "ของฟรี" มาง่ายๆ เพียงแค่ใช้นิ้วจิ้มแล้วคลิคที่ทำให้ให้ค่ายเพลงต้องปรับเปลี่ยนการขายสินค้าของตนเองใหม่ด้วยการเน้นไปที่การขายโชว์ ขายตัวศิลปินมากขึ้นเท่านั้นนะครับ หากสังเกตเราจะเห็นได้ว่าการเกิดขึ้นของนักร้องในระยะหลังนั้นถ้าจะได้รับความนิยมส่วนใหญ่มักจะมากันในรูปของ "วง" โดยบางส่วนก็เป็นนักดนตรีที่เคยยืนอยู่เบื้องหลังที่มีศักยภาพในการที่จะผลิตผลงานออกมาได้ด้วยตนเอง ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำให้คนที่อยู่เบื้องหลังจริงๆ อย่างเช่นคุณดี้นั้นต้องอาจจะถูกลดบทบาทลงไป
ถึงตอนนี้ข่าวที่ออกมาล่าสุดทางคุณดี้ก็ยังคงอยู่กับทางแกรมมี่ฯ เหมือนเดิม หลังได้มีการพูดคุยกับต้นสังกัดแล้วในระดับหนึ่ง ซึ่งโดยใจจริงของผม มาถึงขนาดนี้แล้วผมเองอยากจะเชียร์ให้คุณดี้ถอนตัวออกมาจากแกรมมี่ฯ นะครับ ส่วนจะไปอยู่กับอาร์เอสฯ หรือเป็นนักแต่งเพลงอิสระอันนั้นก็แล้วแต่
เพราะจะได้เป็นการพิสูจน์กันว่า นักแต่งเพลงที่ชื่อ "นิติพงษ์ ห่อนาค" นั้นของจริง
