“เจ๊ฉอด” มั่นใจ “ดี้” ไม่ลาออกจากแกรมมี่ บอก แค่พี่น้องทะเลาะกัน ส่วนเรื่องปลดพนักงานและลดเงินเดือน เจ้าตัวยัน ไม่วิกฤติถึงขั้นนั้น ก่อนเรียกสวยๆ แค่เกิดความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมเพลงเท่านั้นเอง เชื่อ ข่าว “ดี้” หักหลังดอดคุยกับฝั่งอาร์เอส ไม่เป็นความจริง พร้อมคุย เอ-ไทม์ โตขึ้นทุกปี ไม่กลัวอาร์เอสเตรียมรุกคืบ เปิดคลื่นวิทยุ แถมยังทำทัวร์แข่ง
ยังคงเป็นเรื่องที่หลายๆ คนจับตามองว่า นักแต่งเพลงชื่อดัง “ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค” จะตัดสินใจลาออกจากบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพราะปัญหาต่างๆ อย่างที่เป็นข่าวออกมาจริงหรือไม่ ทั้งยังมีข่าวว่ามีการดอดไปนัดทานข้าวคุยกันกับผู้บริหารค่ายฝั่งตรงข้ามอย่าง “เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์” แล้วด้วย งานนี้พอได้เจอตัว “เจ๊ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา” ประธานกรรมการบริหารร่วม บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ในงานร่วมทริปทำบุญกับ “เอ-ไทม์ ทราเวิลเลอร์ ออน ครูซ” ซึ่งบอสหญิงก็เปิดเผยว่า ได้มีการพูดคุยกับ “ดี้” แล้ว ซึ่งดี้ไม่มีทางที่จะออกจากแกรมมี่แน่นอน
“เรามั่นใจว่าพี่ดี้ไม่ไปนะคะ การันตีได้จากที่ได้คุยกับพี่ดี้ คือที่ว่าไม่ไปไม่ใช่เพราะอะไร แต่เพราะความผูกพัน ความเป็นพี่น้องมันมี แต่บางทีพี่น้องก็ทะเลาะกันบ้าง บางทีพี่น้องก็ไม่เข้าใจกันบ้าง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เป็นพี่น้องกัน แต่ถ้าพูดถึงพี่ดี้เป็นคนที่สุดยอดแล้วค่ะ เป็นคนที่สร้างงานเพลงมาเยอะมากมายมหาศาล เขาเป็นไอดอลเป็นทุกสิ่งอย่าง เราว่าพี่ดี้คือสุดยอดของวงการเพลงไทยนะ”
“แต่เรื่องข่าวที่ออกไป ต้องบอกว่า ถ้าคนข้างนอกอาจจะรู้สึกว่ามันรุนแรงใหญ่โตนะคะ แต่ว่าสำหรับคนที่แกรมมี่ โดยพื้นฐานของการที่เราอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ คือแกรมมี่มีรากฐานมาจากความเป็นพี่น้อง วันนี้ถึงแม้ว่ามันจะเป็นบริษัทใหญ่โตเข้าตลาดหลักทรัพย์มหาชนอะไรก็ตาม แต่ว่าพื้นฐานของตรงนั้นมันยังอยู่ค่ะ"
"ฉะนั้นจากตัวฉอดเองที่อยู่กับแกรมมี่ รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งนึงที่เกิดขึ้น พี่น้องก็ดี คนในครอบครัวเดียวกันก็ดี มันก็มีโอกาสที่จะมีบางสิ่งบางอย่างที่มันไม่เข้าใจกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเลิกเป็นพี่น้องกันหรือว่าจะตัดขาดกัน เพราะฉะนั้นหลายฝ่ายอาจจะรู้สึกว่าพี่ดี้จะไม่อยู่หรือว่าอะไร แต่ว่าสำหรับฉอดเองมั่นใจว่าพี่ดี้ไม่ไปไหนหรอกค่ะ”
ปัดข่าว “ดี้” ไปทานข้าวกับผู้บริหารฝั่งอาร์เอส ไม่เป็นความจริง และตนได้คุยกันแล้ว ทุกอย่างมันเกิดจากปัญหาทางอุตสาหกรรมเพลง และต้องมีการปรับปรุงกันไป
“แต่ข่าวที่ว่าพี่ดี้ไปนัดทานข้าวกับทางอีกค่ายนึง เท่าที่คุยกับพี่ดี้ไม่มีนะคะ(หัวเราะ) จริงๆ ต้องบอกว่าบางทีข่าวก็คงพูดๆ กันไป แต่ว่าถ้าอยู่ตรงต้นตอจริงๆ เราจะรู้ บางทีพูดไปๆ เรื่องมันก็กลายลุกลามมากมาย แต่เท่าที่คุยกับพี่ดี้เขาก็บอกว่า ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นเรื่องขนาดนี้ จริงๆ มันเป็นเรื่องในครอบครัว คือคนรักกันพี่น้องกันเท่านั้นที่จะรู้สึกแบบนี้ มันต้องมีน้อยใจกัน ไม่เข้าใจกันบ้างเป็นธรรมดา คิดว่าไม่น่าจะมีอะไร”
“ฉอดเองก็มีโอกาสได้คุยกับพี่ดี้ แต่ไม่ได้เป็นการคุยกันจริงจังนะคะ เพราะพี่เข้าไปอยู่ในส่วนของฝั่งเพลงค่อนข้างน้อย เพราะเราดูทางด้านมีเดียอยู่ แต่ถ้าหากว่า คุยก็คือคุยกันเป็นส่วนตัว เมื่อวานก็ยังคุยกันอยู่ค่ะ แต่เรื่องผลกระทบนี่ เคยพูดตั้งแต่ครั้งที่มีเรื่องของเจ(เจตริน วรรธนสิน) จำได้ไหม ที่บอกว่ามันเป็นเรื่องของอุตสาหกรรมเพลง มันเป็นปัญหาที่คนวงการเพลงทุกคนต้องเข้าใจ และแน่นอนมันย่อมจะมีผลกระทบกับหลายๆ ฝ่าย"
"ถ้าเรามองปัญหาตรง เราก็จะมองเห็นแต่ปัญหาตรงเรา แต่ถ้าเรามองภาพรวม เราก็จะเห็นปัญหาภาพรวม ทีนี้พอถึงเวลาของการแก้ปัญหา แน่นอนมันก็รวมด้วยกันทุกฝ่ายแหละ มันไม่มีใครไม่หนุนกันหรอก จากวันที่เราเคยขายเพลงกันแบบมหาศาล แล้ววันนี้มันมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น"
“แต่เราก็ไม่ได้หมดหวังกับวงการเพลงนะคะ ยังรู้สึกว่ามันกำลังเป็นช่วงจังหวะนึง ที่มันคงจะต้องถอยหลัง เพื่อจะหาวิธีพุ่งไปข้างหน้า และแน่นอนในระหว่างตรงนี้มันจะมีอะไรหลายๆ อย่างเกิดขึ้นมากมาย ในการที่เราจะต้องปรับตัว หรือในการที่เราจะต้องแก้ไขบริษัทๆ นึงซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ เพราะฉะนั้นการขยับตัว หรือจะทำอะไรแต่ละที แน่นอนมันมีผลกระทบมาก ซึ่งมันต้องอาศัยความเข้าใจในหลายๆ ฝ่าย แล้วก็ต้องอาศัยอะไรอีกหลายๆ อย่าง อันนี้คือในมุมของฉอดซึ่งเป็นฝ่ายบริหารที่มองอยู่นะคะ”
“ข่าวที่ว่าแกรมมี่ถึงขั้นวิกฤติ ถึงกับต้องลดเงินเดือนหรือลดพนักงาน จริงๆ มันก็ไม่ถึงขั้นนั้น เพราะอย่างที่คุณไพบูลย์ได้เรียนให้ทราบว่า ถ้ามองในแง่ตัวเลขของการประกอบการอะไรต่างๆ มันก็ไม่ได้มีอะไรวิกฤติเกิดขึ้น เพียงแต่อย่างที่บอกว่ามันมีความเปลี่ยนแปลง ในเรื่องของอุตสาหกรรม ฉะนั้นบางทีมันไม่ได้เกี่ยวกับว่า จะขาดทุนหรือจะเจ๊งเท่านั้นถึงจะต้องปรับตัว"
"เผอิญแกรมมี่เป็นองค์กรที่จะมีการบริหารกันตลอดเวลา ฉะนั้นก็คงต้องมีการขยับอะไรต่างๆ นานามากมาย คือเอาเข้าจริงๆ แล้วมันมีอะไรหลายๆ อย่างที่เราต้องทำงานกัน ต้องแก้ไขปัญหากันอยู่ตลอดเวลา แต่ประเด็นบางประเด็นคนไม่รู้กัน และพอรู้ก็เหมือนเป็นเรื่องใหญ่ แต่เราก็คงต้องพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อจะพาให้องค์กรเดินไปได้ในสภาวะแวดล้อมแบบนี้ค่ะ”
พร้อมเผย สภาวะของค่ายเอ-ไทม์ไม่เคยมีปัญหา และยังโตขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี โดยเฉพาะเอ-ไทม์ ทราเวิลเลอร์ ที่ไม่เคยขาดทุนเลยตั้งแต่เปิดมา และไม่หวั่นแม้จะมีข่าวว่าค่ายฝั่งตรงข้ามเตรียมจะเปิดคลื่นวิทยุใหม่ แถมพ่วงทำทัวร์เหมือนกันด้วยก็ตาม
“ซึ่งสำหรับเอ-ไทม์ ทราเวลเลอร์เราใช้คอนเซ็ปท์ของปีนี้ว่า Turn on ก็คือในหลายๆ อย่างด้วยกัน วันนี้เราก็มา On Cruise กัน แล้วก็จะมี On TV ตอนนี้เรามีรายการเล็กๆ อยู่ที่กรีน แชนแนล ซึ่งคงจะมีการปรับและพัฒนาให้มันใหญ่โตขึ้น ส่วนทางด้านออนไลน์เดี๋ยวก็คงจะมีอะไรไปเสิร์ฟให้กัน จองโน่นนี่นั่นผ่านออนไลน์กันได้มากมาย รวมถึงมีอะไรอีกเยอะที่คิดว่าในแง่ของ New Media หรือ Social Media ต่างๆ และ On Board ก็คงเป็นส่วนที่เราทำทัวร์กันปกติ แต่คงมีอะไรหลายๆ อย่างมากขึ้น ซึ่งถ้ามองในแง่ตัวเลขการเติบโต ทราเวลเลอร์โตหลายร้อยเปอร์เซ็นต์มากจากปีที่แล้ วมาถึงปีนี้ พอปีนี้เราก็คิดว่าเราคงจะทำอะไรได้มากขึ้นกว่า 2 ปีที่ผ่านมา”
“ฉอดว่าความสำคัญที่เราจะอยู่ให้ได้ ไม่ว่าอะไรก็ตาม ต้องบอกว่าเวลาเราทำธุรกิจเราต้องทำแบบตีกอล์ฟ เหมือนกับว่าเราอยู่ตรงนี้เราก็ต้องแข่งกับตัวเอง แต่ถ้าเราทำธุรกิจแบบตีเทนนิส ตีมาเราถึงตีไป อันนี้มันจะลำบาก ฉะนั้นทำไมเอ-ไทม์ถึงอยู่มาขนาดนี้ ไม่ว่าจะมีคลื่นวิทยุเกิดขึ้นขนาดไหน ไม่ว่าใครจะไปใครจะมายังไง เราก็ยังแข็งแรงอยู่ได้มาตลอด ไม่เคยเจ๊ง ไม่เคยขาดทุน ผลกำไรดีทุกปี นั่นเพราะว่าเราคงจะต้องทำงานกับตัวเราเองให้เข้มแข็ง แข็งแรง”
“สิ่งที่เกิดขึ้นกับเอ-ไทม์ ณ วันนี้ถ้ามองว่า เราอยู่ภายใต้แกรมมี่ก็จริง แต่ภายใต้ชื่อเอ-ไทม์วันนี้เราไม่ได้เป็นแค่บริษัทผลิตรายการวิทยุอย่างเดียว แต่ว่าเราแตกไลน์ออกไปมากมาย แต่ว่าการแตกไลน์ก็ไม่ใช่ว่า อยู่มาวันนึงจะลุกขึ้นมาแตกไลน์ แต่ว่าทุกอย่างมันพัฒนามาจากการที่เราทำคอนเสิร์ตให้คลื่น ก็กลายเป็นเอ-ไทม์โชว์บิส จากการที่เราทำทริปให้คลื่นก็กลายเป็นเอ-ไทม์ ทราเวลเลอร์ มันก็ขยายตัวเติบโตไปเรื่อยๆ นะคะ"
"ฉะนั้น ณ วันนี้เวลาเราเดินไปหาลูกค้า เราขายงาน 360 องศา ลูกค้าไม่ได้มาซื้อวิทยุเป็นมีเดียอย่างเดียวแล้ว ฉะนั้นการขายงานแบบนี้มันจะทำให้สภาพของเอ-ไทม์มันแตกต่างออกไปจากเมื่อก่อนนี้ และทำให้เราแข็งแรงและอยู่ได้ ก็ถึงจะมีขึ้นมายังไงเราก็ไม่ได้หวั่นค่ะ เพราะที่ผ่านมาก็ทำอย่างนี้มาตลอดนะคะ ซึ่งทำแล้วก็มีคนทำบ้างมีอย่างนี้ตลอด แต่เราก็ยังอยู่ ไม่ได้ไปไหน”
ด้านนักร้องสาวรุ่นใหญ่ “แอม เสาวลักษณ์ ลีละบุตร” ในฐานะนักแต่งเพลงคนหนึ่งของแกรมมี่ และเป็นน้องคนสนิทของ “ดี้” เผยว่ารู้เรื่องที่อีกฝ่ายจะลาออกอยู่บ้าง และเชื่อว่าถ้าออกจริงคงมีผลกระทบแน่นอน
“เรื่องที่พี่ดี้จะออกก็ได้ยินมา รู้มาบ้าง แต่แอมไม่รู้เรื่องอาร์เอสเพราะเพิ่งมีคนบอกเมื่อกี้ ก็ยังงงๆ อยู่เหมือนกัน เพราะเราเองก็ไม่ได้เข้าไปเป็นพนักงานประจำตั้งนานแล้ว ถ้าไม่มีงานก็ไม่ได้เข้าไป ก็เลยไม่รู้ความเป็นไปว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ถามว่ามีแววที่พี่ดี้จะออกจริงๆ ไหม ต้องบอกว่าหลังๆ แอมไม่ได้ค่อยเข้าไปเจอกับใคร ฉะนั้นเรื่องอะไรที่มันมีรายละเอียดก็จะไม่รู้ อย่างเมื่อก่อนยังได้คุยเอ็มเอสเอ็นกับพี่ดี้บ้าง แต่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้คุย แต่ก็ไม่เห็นแกพูดบอกอะไรนะ แต่จริงๆ พี่ดี้เองก็มีคนชวนแกตลอดอยู่แล้วทุกปีๆ เพราะเขาเป็นคนที่ทำอะไรได้เยอะ ก็ต้องมีคนชวนไปทำงานด้วยอยู่แล้ว แต่แอมก็ไม่รู้ว่าพี่ดี้เกิดอะไรขึ้นกับบริษัท ไม่รู้เป็นเพราะอะไรจริงๆ”
“แต่ถ้าเป็นอย่างที่อากู๋ออกมาพูด อันนี้ก็คงเป็นเรื่องของผู้ใหญ่เขาขัดแย้งกันแล้วล่ะ เพราะเราเองก็ออกแนวรับจ้างมากกว่า(หัวเราะ) หลังๆ แอมไม่ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องตรงนั้นเลย เพราะก็ชอบอยู่แบบนี้แหละ ใครจะใช้ก็ใช้มา ไม่ว่าจะมีความขัดแย้งอะไรบนบอร์ดตรงนั้นเราก็ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย เพราะเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ว่าเขาสรุปกันยังไง แต่ถ้าพี่ดี้ออกจริงๆ จะมีผลกระทบไหม แอมว่าทุกอย่างมันก็คงมีแอ็คชั่นส่งผลกระทบทั้งนั้นแหละ เพียงแต่ว่ามันจะเป็นผลกระทบแบบไหน มันก็ต้องมีคนที่ได้และคนที่เสีย ถ้าพูดอย่างกลางๆ ทุกคนก็ต้องมีครอบครัวที่ต้องดูแล มีชีวิตของตัวเองที่ต้องดูแล ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายบริษัทหรือว่าพนักงาน”
เผยที่ “อากู๋ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม” ผู้บริหารใหญ่แกรมมี่เคยพูดว่านักแต่งเพลงเดี๋ยวนี้แต่งกันน้อย จึงเป็นเหตุต้องลดเงินเดือนหรือถึงขั้นปลดนั้น เจ้าตัวเผยว่า พักหลังนี้ตนก็แต่งเพลงให้บริษัทน้อยแล้ว และอยู่ในฐานะฟรีแลนซ์เท่านั้น
“ตอนนี้แอมก็แต่งเพลงน้อยแล้วล่ะ คือเราก็เข้าใจว่าเราทำงานเบื้องหน้าด้วย ไม่รู้ว่าจริงเท็จยังไง ไม่รู้เราคิดไปเองหรือเปล่า เหมือนกับว่าเราเอาเปรียบเขารึเปล่า ตังค์ตรงนี้ก็จะเอา ตังค์ตรงนั้นก็จะเอา(หัวเราะ) และเขาก็มีคนที่แต่งเพลงอย่างเดียวก็มี ตอนนี้แอมก็เลยไม่ค่อยได้ทำ นานๆ ถึงจะเขียนสักเพลงนึง ก็ไม่ค่อยมีใครส่งให้หรอก(หัวเราะ) เพราะแอมก็ค่อนข้างห่าง อย่างเมื่อก่อนเป็นพนักงานประจำ ก็ต้องเข้าประชุมอะไรบ่อยๆ อยู่ตรงนั้นเต็มตัว ตอนนี้แอมก็เลยเป็นแค่ศิลปินของแกรมมี่อย่างเดียว อย่างอื่นก็เป็นฟรีแลนซ์”
“แต่ก็คงไม่ย้ายไปไหนหรอก ไม่อยู่ที่ไหนและไม่ย้ายไปไหน เราทำงานอิสระอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เรื่อยๆ เพราะเราก็ไม่ได้ทำงานเยอะ แล้วก็ไม่ได้เป็นนักร้องที่กำลังขาขึ้นเป็นซุปเปอร์สตาร์ คือเราอยู่ตัวแล้วล่ะ เหมือนแม่(แดง ฉันทนา กิติยพันธ์) เหมือนน้าเม้าท์(สุดา ชื่นบาน) เราไม่ได้อยู่ที่กระแสอะไรมากมาย มันผ่านตรงนั้นไปแล้ว เรียกว่ามีงานเรื่อยๆ เลี้ยงตัวเองได้ และไม่ต้องถึงกับแก่งแย่งอะไรกับใครมาก สบายๆ”
“แต่ถ้าพี่ดี้ไปจริงๆ เราจะต้องตามไปไหม อันนี้ก็ลำบากนะ เพราะทุกคนก็รักพี่เขาอยู่ดีแหละ แต่สมมติว่าบนบอร์ดคือทุกคนก็เป็นนายเราทั้งนั้น พี่ฉอดก็เป็นนายพี่ พี่ดี้ก็เคยเป็นนายพี่ พี่เล็ก บุษบา พี่ไพบูลย์ก็เป็นนายเหมือนกัน แต่ถ้าเกิดว่าเวลาที่พี่ๆ ซึ่งเป็นนายของเราทุกคนไม่ได้อยู่ในที่เดียวกันอีก เราก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คิดว่าไม่น่าจะเอาตรงนี้มาเป็นตัวตัดสินใจ มันอยู่ที่แต่ละคนมากกว่า ว่าใครโอเค.ไหมกับงานที่ทำกันอยู่ตอนนี้ ใครสบายใจแค่ไหน ใครไม่สบายใจก็ต้องหาทางเปลี่ยนแปลงกันไป คงไม่เกี่ยวหรอก ถ้าจะอยู่ก็อยู่เอง จะไปก็ไปเอง(หัวเราะ)”