“ปื๊ด” เผยทำหนัง “บางระจัน2” เพื่อย้ำสำนึกคนไทย ให้ย้อนถามตัวเองทุกวันนี้รบกันเองเพื่ออะไร การันตีคนดูจะเซอร์ไพร์สฝีมือการแสดงของ "บอล ภราดร" ด้านนักเทนนิสชื่อดังเผยเริ่มติดใจการแสดง ถือเป็นความท้าทายชิ้นใหม่ที่อยากลองทำ
เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากเมื่อ 10 ปีที่แล้ว สำหรับภาพยนตร์เรื่อง “บางระจัน” ที่เคยสร้างสถิติรายได้ทะลุเกิน 100 ล้านบาทมาแล้ว และในปีนี้ผู้กำกับคนเดิม “ปื๊ด ธนิตย์ จิตนุกูล” ได้หยิบเรื่องราวของวีรชนคนกล้าบ้านบางระจัน มาทำ "บางระจัน 2" ต่อ โดยมีเป้าหมายชัดเจน เพื่อย้ำสำนึกคนไทย บรรพบุรุษของเราสู้รบกับคนอื่นเพื่อปกป้องบ้านเมือง แต่ปัจจุบันคนไทยรบกันเองเพื่ออะไร
“จริงๆ แล้วเป้าหมายของหนังเรื่องนี้ชัดเจนมาก เราทำขึ้นมาเพื่อที่จะให้คนในชาติเรา ณ เวลานี้ได้ดูเป็นตัวอย่างว่า เมื่อราว 200-300 ปีที่แล้ว มันมีคนไทยเสียสละชีวิตเลือดเนื้อเพื่ออะไร ถ้าเกิดเราซึ่งเป็นระดับเหลนโหลนตอนนี้กำลังทำอะไรกันอยู่ เราคิดถึงสิ่งที่เขาทิ้งไว้ให้เรายังไงแค่ไหน อย่างน้อย ภราดร (ศรีชาพันธุ์) ที่เล่นเป็น ไอ้มั่น เป็นตัวละครที่ผมสมมติขึ้นว่า เป็นบรรพบุรุษเราเมื่อราว 200-300 ปีที่แล้ว น้องเขาก็ตอบกับตัวเองได้ว่าในสมัยนั้นเขารบเพื่ออะไร”
“ผมก็อยากจะถามคนไทยพ.ศ.นี้ เราจะต้องมารบกันเองเพื่ออะไร ต้องตอบชาติเราให้ได้ ตอบลูกหลานเราให้ได้ ผมไม่รู้ว่าเสื้อมีกี่สี แต่ถ้าจะต้องรบกันต้องตอบตัวเองด้วยนะว่ารบเพื่ออะไร ใครที่ลืมเลือนแล้วว่าเรายืนอยู่บนแผ่นดินนี้ เราเป็นคนไทยหรือเปล่า ไปดูได้นะครับ ไว้คอยเตือนใจเตือนลูกหลานเรา และเตือนคนรอบข้างเราได้”
“สำหรับภาคนี้เรื่องราวจากที่เราทำรีเสิร์ชภาคแรก มีอยู่จุดนึงของหลวงพ่อธรรมโชติที่ไม่ปรากฏว่า สิ้นบุญในบ้านบางระจัน ซึ่งหลักฐานอยู่ที่วัดโพธิ์เก้าต้น จ.สิงห์บุรี เราก็เลยหยิบจุดนั้นขึ้นมาสานต่อ อยากจะเล่าวีรกรรมของคนไทยในยุคนั้น แล้วก็บางระจันเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์หนึ่งเท่านั้นเองที่ข้าศึกกลัวมาก แม้คนจะน้อยกว่าก็จริง แต่รบจนตัวตาย”
เผยทำภาคใหม่ยากกว่าภาคแรก ต้องใช้เทคนิคต่างๆ เข้าไปเสริมเยอะ จนหมดงบ 40 ล้านบาท พร้อมการันตีคนดูจะเซอร์ไพร์สที่ได้ชมฝีมือการแสดงครั้งแรก ของนักเทนนิสชื่อดัง "บอล ภราดร ศรีชาพันธุ์"
“ความยากง่ายก็คือหนังเรื่องนี้มันเลยมา 10 ปีแล้ว เราจะทำหนังพีเรียดประมาณนี้ ให้คนยุคนี้กลับเข้าไปในโรงหนังเพื่อดูมัน เพื่อเสพมัน เราต้องใช้เทคนิคหลายๆ อย่างมากเพื่อรับพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นขนาดภาพ สีของหนัง ซึ่งทั้งหมดทีมงานได้ทุ่มเทเพื่อให้หนังมันดูทันสมัย เพื่อให้คนในยุคนี้รับได้ แต่เรื่องราวยังเป็นอมตะอยู่ น้ำน้อยยังไงก็ต้องแพ้ไฟ แต่คำว่าน้ำน้อยบางทีมันอยู่ที่ใจนะ นายมั่น(ภราดร) จะตอบได้ดีมาก เพราะว่าเขาเป็นคนฟันดาบ”
“สำหรับบอลตอนที่ได้ยินชื่อเขาครั้งแรก สิ่งแรกเลยที่เราปิ๊งคือเขาเป็นระดับโลก แต่นั่นคือเทนนิส ส่วนเล่นหนังมันยังไม่เคยเล่นเลย จะเล่นได้เหรอ นี่คือสิ่งแรกที่เรารู้สึก เราเจอหน้าบอลครั้งแรกก็พูดจากใจเลยนะว่า บอลในโลกของเทนนิสเธอคือระดับโลก แต่ในวงการหนังเธอต้องเชื่อเรานะ ก็ต้องตัดไม้ข่มนามก่อน บอกบอลห้ามทำอะไรนอกเหนือจากที่เราสั่ง แต่พอเราได้เจอของจริง ทั้งนิสัยใจคอ ทั้งมิตรภาพ ทั้งความทุ่มเทในงาน ความเป็นมืออาชีพของเขา เชื่อว่าพ่อแม่พี่น้องจะได้เซอร์ไพรส์ กับการแสดงของนักเทนนิสระดับโลก”
“บางระจันมันเป็นหนังที่มีคาแรคเตอร์เฉพาะของมัน ใครที่ชอบหนังสไตล์นี้ดูได้ไม่ผิดหวัง และเราก็ไม่คิดว่ามันจะต้องไประเบิดเถิดเทิงเหมือนภาคแรก แต่หวังว่าสิ่งที่เราพูดออกไปแล้วคนดูรับได้ อันนั้นน่าจะเป็นรางวัลสำหรับการทำหนังของเรา สำหรับภาค 3 หลวงพ่อธรรมโชติบอกว่า ตราบใดที่พวกมึงยังไม่หยุดรังแก ตราบนั้นก็จะมีไม่สิ้นสุด (หัวเราะ) แต่เผอิญทำหนังต้องใช้ตังค์ ก็ไปทีละภาคครับ ภาคนี้ค่ายพระนครฟิล์มให้มา 40 ล้าน ก็ไม่รู้จะเหลือไว้ทำไม ก็เกลี้ยงเลย(หัวเราะ)”
ด้านนักเทนนิสชื่อก้องโลก “บอล ภราดร” เผยถึงงานแสดงเต็มตัวครั้งแรกว่า ยากและถือเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับตัวเอง แย้มเริ่มติดใจการแสดง ถ้ามีโอกาสก็อยากเล่นอีก
“สำหรับการแสดงเรื่องแรกต้องบอกว่าไม่ง่ายเลย ผมยังจำตอนที่ไปหาพี่ปื๊ดที่กองถ่ายที่สระบุรีได้ พี่ปื๊ดก็นั่งคุยเล่าเรื่องราวของหนังว่า คาแรคเตอร์เราคืออะไร ก็ยากครับ แต่ต้องทำยังไงก็ได้ให้เราปรับตัวได้เร็วที่สุดในการแสดง สิ่งที่สำคัญคือต้องใช้สมาธิ ในการที่เราเคยได้เล่นเทนนิสมา และที่สำคัญนักแสดงทุกคนรวมถึงพี่ปื๊ดก็ให้ความเป็นกันเอง ทำให้เรารู้สึกไม่เครียดและไม่กดดัน เลยทำให้งานออกมาดี”
“ก็ต้องบอกว่าติดใจกับการแสดงนะครับ ตอนแรกที่ได้รับการติดต่อมาให้เล่นเรื่องนี้ ก็รู้สึกว่าเป็นหนังที่เราเคยประทับใจเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และพี่ปื๊ดให้โอกาสมาเล่นภาค 2 ก็รู้สึกดีใจและภูมิใจที่ได้เป็นส่วนนึงของประวัติศาสตร์ชาติไทยด้วย ก็คงได้ประสบการณ์ในแนวทางของภาพยนตร์ที่เราไม่เคยเห็น ที่ไม่เคยได้รู้เราก็รู้หลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นในกอง ฉากเจ็บตัวมีเรื่อยๆ ตั้งแต่วันแรก ในฉากเราต้องไม่ใส่รองเท้า และโลเกชั่นที่ถ่ายก็เป็นโลเกชั่นจริง ซึ่งมันเป็นพื้นดินหินหญ้ากรวดตอ ใครดวงไม่ดีก็เหยียบเจ็บ ผมก็มีบ้าง แต่หายหมดแล้ว”
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |