“สายป่าน” ตัดใจไม่รับงานเลี่ยงเรื่องสัญญากับ “โกโก้” ยันตนและครอบครัวไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินอย่างที่อีกฝ่ายอ้าง ทั้งยังแฉกลับปมที่แท้จริงของการตัดสินใจเลิกจ้างเป็นเพราะอีกฝ่ายทำงานบกพร่องต่อหน้าที่ ชอบรับงานซ้อนจนทำให้ตนเสียเครดิต
หลังจากที่นักแสดงดาวรุ่ง “สายป่าน อภิญญา สกุลเจริญสุข” ออกมาประกาศตัดขาดเลิกว่าจ้างผู้จัดการส่วนตัว “โกโก้ นิรุณ ลิ้มสมวงศ์” ทั้งๆ ที่ยังสัญญาเหลืออยู่จนทำให้ทั้งคู่เปิดศึกปะทะคารมณ์กันผ่านสื่ออยู่พักใหญ่กระทั่งเรื่องราวก็เริ่มที่จะเงียบหายไป
ล่าสุดได้สอบถามความคืบหน้าเพิ่งเติมกับสาวสายป่าน โดยเจ้าตัวเลือกที่จะตัดใจไม่รับงานเป็นเวลา 9 เดือนจนกว่าหมดอายุสัญญาเพื่อตัดปัญหาคาราคาซังนี้
“ตอนนี้ป่านยังไม่ได้รับงานใหม่อะไรเลย งานที่ทำทั้งหมดตอนนี้ยังเป็นงานเก่าอยู่ ก็ยังต้องเคลียร์อะไรอยู่กลายอย่างอย่างเช่นการโปรโมตหนังของเยอรมันก้ยังมีอยู่และอีกหลายๆ เรื่องที่เมืองไทยด้วย"
"อย่างที่ผ่านมาที่มีปัญหาโชคดีที่งานทุกชิ้นป่านรับเงินไปหมดแล้วเรียบร้อย เราก็แบ่งให้เขาไปหมดแล้ว เราก็แค่สะสางงานของเราให้เสร็จ อย่างหนังพอถ่ายเสร็จเขาก็ให้เงินแล้ว ป่านก็แบ่งโอนให้เขาไปเรียบร้อยแล้วทุกอย่างเสร็จหมดแล้วเหลือแต่ตอนนี้ก็มีเรื่องของการโปรโมตหนังซึ่งไม่มีค่าใช่จ่ายมาเกี่ยว เราก็แค่โทรนัดคิวกับทางทีมงานเอง”
บอกไม่ได้เจอกับคู่กรณีอีกเลยนับตั้งแต่เกิดเรื่อง
“กับพี่โก้ป่านเองก็ไม่รู้ ป่านไม่เจอไม่ได้สนใจเขาแล้ว แต่ถ้าถามในเรื่องของการรับงานจะมีผลอะไรตามมามั้ย ป่านเองก็เลือกไม่รับงานอะไรเลยจนกว่าจะหมดสัญญากับเขา อีกอย่างป่านเองก็เพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วย"
"ป่านได้เรียนที่มศว. ก็ถือว่าเราพักผ่อนไปดีกว่าหลังจากที่เราทำงานหนัก แต่ไม่ใช่ว่าป่านจะหายไปนะคืองานมันก็ยังมีให้แฟนๆเห็นอยู่แล้วในหน้าจอ ก็คิดว่าหลังกันยายนก็น่าจะรับงานได้แล้วเพราะว่าหมดสัญญาแล้ว”
พร้อมปัดไม่เกี่ยวกับปัญหาเรื่องเงิน ทั้งแฉกลับไปทำงานต้องขับรถไปส่งและเลี้ยงข่าวอีกฝ่ายแทบทุกครั้ง
“เรื่องเงินนี่ตัดทิ้งไปได้เลย เงินป่านพอใช้มากเลยค่ะทุกวันนี้ เงินไม่เคยขาดมือถ้าเกิดสมมติว่าเงินไม่พอใช้จริงป่านคงไม่คิดที่จะมีธุรกิจ ไม่คิดที่จะออกรถอยู่แล้ว ถ้าเกิดป่านรู้ตัวว่าเงินไม่พอใช้ ป่านมีงานประจำ ป่านมีทุกอย่าง ป่านมีหนังปีละ 4 เรื่อง แล้วจะบอกเลยว่าถ้าป่านมีปัญหาเรื่องเงินอย่างที่เขาว่าจริงป่านน่าจะมีปัญหาตั้งแต่ตอนแรกแล้ว”
“ถ้าเกิดป่านไม่คิดที่อยากจะแบ่งป่านคงไม่คิดที่จะเซ็นสัญญากับเขา มันเรื่องอะไรที่ป่านจะต้องมาเซ็นแล้วแบ่งเงินให้ใครสักคนนึงซึ่งตลอดเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมาป่านมีงานมาตลอดอย่างต่อเนื่อง ถ้าป่านไม่อยากแบ่งป่านไม่แบ่งมานานแล้ว"
"ตั้งแต่ปีแรกที่ป่านรู้ตัวว่าป่านกำลังจะดังแต่ป่านยอมรับว่าป่านพูดกับเขาว่าเฮ้ย...เหมาะสมแล้วเหรอที่รับโทรศัพท์อย่างเดียวแล้วได้เงินอะไรประมาณนั้น ป่านไม่ได้เข้าใจผิดอะไรเขา ป่านคิดว่าป่านเขาใจถูกต้องทุกอย่างมันชัดเจน มันส่อให้เห็นว่าแต่ละคนเป็นยังไง”
“แล้วที่เขาออกมาแฉว่าป่านดูดบุหรี่ทำให้หลายเจ้าต้องแคนเซิลงานบอกได้เลยว่าป่านไม่ได้มีปัญหาเรื่องหางานเลย ทุกวันนี้ป่านทำงานจนไม่มีเวลาจะได้พักแล้วด้วยซ้ำไป ป่านเองไม่ได้อยากจะได้งานเยอะ เพราะว่าที่ผ่านมางานป่านเยอะมาก เหนื่อยจนเข้าโรงพยาบาล"
"รายละเอียดมันไมได้อยู่ที่เรื่องของการรับงาน มันเป็นปัญหาที่ปัญญาอ่อนมาก เหตุผลที่เขาเอามาอ้างมันช่างไร้สาระสิ้นดีเลย ป่านอยู่กันมาได้ก่อนที่ป่านจะทำงาน ป่านเรียนโรงเรียนอินเตอร์มาตั้งแต่เด็กจนโต ที่บ้านป่านมีปัญหาส่งป่านเรียน ป่านไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงิน"
"ที่บ้านมีภัตตาคารอาหารอยู่ที่สวีเดน รายละเอียดต่างๆ มันอยู่ที่เรื่องของนิสัยมากกว่า คนเราต่อให้มีปัญหากันมาเท่าไหร่มันก็คุยกันได้ แต่ถ้าเกิดมันมาจากจิตใต้สำนึก มันมาจากนิสัยจริงๆ ของแต่ละคน ถ้ามันได้เผยออกมาแล้วแล้วอีกฝ่ายเขารับไม่ได้มันก็คือสิ้นสุดกันตรงนั้น คือเรารับไมได้ ป่านบอกได้เลยว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับป่าน”
“คือจะบอกว่าตั้งแต่ป่านทำงานมาแม่ป่านไปรับไปส่งป่านมาตลอด วันแรกที่งานคุณแม่ป่านไปรับไปส่งป่านตลอดเขาไม่เคยที่จะต้องมานั่งออกค่าใช้จ่าย อย่างมาริโอ้ที่เขาบอกว่ามาริโอ้ต้องนั่งรถไปทำงานเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงค่ะเพราะเขาไม่มีรถ เขาไม่มีค่าใช้จ่ายค่ารถให้ เขาไม่เคยไปรับไปส่ง ไม่มีทางเลย"
"ทุกคนเห็นกันมาตลอดเวลาไปงานว่าแม่หนูจะต้องไปกับหนูตลอด หนูต่างหากที่จะต้องเลี้ยงข้าวเขา แม่หนูต้องขับรถไปส่งเขาตรงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินหรือบีทีเอสอะไรก็แล้วแต่ มาก็ช้า งานก็ไม่เคยรับผิดชอบ โทรศัพท์ก็ไม่ค่อยรับอะไรพวกนี้ มันมีเรื่องของรายละเอียดต่างๆ”
แฉปมที่แท้จริงที่ยกเลิกสัญญากับอีกฝ่าย เพราะทำงานบกพร่องต่อหน้าที่ ชอบรับงานซ้อน และมักจัดคิวงานพลาดทำให้ตนไม่งานช้าเป็นเหตุให้ทีมงานมองตนไม่ดี เผยอีกฝ่ายหาเรื่องอ้างไปเรื่อยเพื่อให้ตัวเองดูดี เชื่อเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์
“ป่านว่าเรื่องที่เขาไปพูดใครจะเชื่อเขาหรือไม่ยังไงก็คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ เดี๋ยวคนก็เห็นกันเอง ป่านเองค่อนข้างที่จะโตอยู่แล้ว หนูคิดทุกอย่างด้วยตัวหนูเองอยู่แล้วเดี๋ยวคนก็จะรู้กันเองว่าเป็นที่ใคร ตัวป่านรับผิดชอบงานของป่านดีมาโดยตลอดถ้าถามว่าไปถึงกอง แต่มันจะเป็นที่เรื่องของการรับงานซ้อน"
"อย่างวันที่เกิดเหตุจนทำให้เราแตกหักกันมันเป็นเรื่องของทีมงานเยอรมันซึ่งมีการรับงานซ้อนเข้ามาให้ป่าน ป่านไปงานสายบ่อยๆ เพราะอะไร เพราะว่าคุณรับงานซ้อน แล้วคุณก็ไปพูดกับทางทีมงานด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ซึ่งหนูมีหน้าที่ทำงาน"
"แต่เรื่องของการจัดคิว จัดเวลามันไม่ใช่เรื่องของหนูแล้วเพราะหนูจ้างเขามาแล้ว หนูเองก็แค่มีหน้าที่ตามที่เขาจัดมาให้ อย่างบางทีงานนี้มันเสร็จ 3 โมง เขาไปบอกงานอีกที่นึงว่าจะถึง 3โมงครึ่ง ซึ่งเวลาครึ่งชั่วโมงจากสยามไปมีนบุรีใครจะทำได้ มันไม่มีทาง ก็ทำให้เราเสีย แล้วมันเสียที่ใครเสียที่หนูเพราะหนูเป็นคนที่อยู่ข้างหน้า แต่เวลาทำอะไรมันก็เหมือนปิดทองหลังเพราะแหละค่ะ ผิดก็ผิดที่เรา เวลาดีก็ไม่มีคนเห็น”
“เขาก็คงพูดอะไรไปเรื่อย พอป่านยิงเข้าไปเรื่องงานก็เบี่ยงเรื่องงานเป็นเรื่องเงิน พอยิงไปเรื่องเงิน ป่านปฏิเสธเรื่องเงินก็เบี่ยงไปเรื่องมือที่ 3 พอป่านเคลียร์เรื่องมือที่ 3 ก็ปฏิเสธไปเรื่องนู้นเรื่องนี้เรื่องนั้น บางทีถึงขนาดต้องเอาเรื่องส่วนตัวหรืออะไรยังไงออกมาพูด"
"คือ ณ ตรงนี้มันก็ชัดอยู่แล้วในขณะที่อีกคนนึงวิ่งตาม อีกคนนึงไล่บี้ หนูเองเป็นคนไล่บี้เขา เขาก็เป็นคนวิ่งหนีพยายามเบี่ยงเบนประเด็นไปเรื่อย ตอนนี้ป่านว่าคนเขาก็น่าจะรู้กันแล้วว่าแต่ละคนใครเป็นยังไง"
"ป่านบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าหนูเป็นคนที่ชัดเจนตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาในวงการ หนูแสดงให้เห็นเลยว่าหนูเป็นคนยังไง ทำก็บอกว่าทำ ใช่ก็บอกว่าใช่ ไม่ใช่คนจ๊ะจ๋าค่ะขา หนูยอมรับมาตั้งแต่แรก ยอมรับทุกอย่างหนูว่าสังคมก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าใครเป็นยังไง”