"อ้น" แจงไม่ได้อมเงินสึนามิ ฝากถึง "นาธาน" ดูแลชีวิตตัวเองให้ดี และอย่าทำให้ใครเดือดร้อน

“อ้น” แจงไม่ได้อมเงินสึนามิ ไม่รู้เห็น “นาธาน” ยืมเงิน "น้องอ้อมดักแด้" ลั่นเงินบริจาคถึงมือผู้ประสบภัย ฝากถึงนาธานให้ดูแลชีวิตตัวเองดีๆ อย่าทำให้ใครเดือดร้อนอีก

กลายเป็นมหากาพย์ลวงโลกไม่จบไม่สิ้นสำหรับเรื่องราวของอดีตนักร้อง “นาธาน โอร์มาน” หลังจากที่เคยคุยโตว่าตนได้เล่นหนังฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวูด ก่อนจะถูกเปิดโปงเรื่องเงินๆ ทองที่เป็นคดีกับคนโน้นคนนี้เรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอมเงินร้าน JAMAREE YAK CAFE GALLERY” ที่ตัวเองเป็นหุ้นส่วน ,เรื่องเรียกรับเงินจากผู้เสียหายรายหนึ่งโดยอ้างว่าจะฝากเข้าทำงานที่ททท. ไปจนถึงเรื่องที่ "สมาน สุขเสริม" แม่บ้านและแม่นมของนาธานที่อยู่กันมากว่า 10 ปี ออกมาโวยวายว่า ได้เอาที่ดินไปจำนองเพื่อเอาเงินมาให้นาธาน แต่สุดท้ายเจ้าตัวบ่ายเบี่ยงไม่รับผิดชอบ ซ้ำยังปฏิเสธว่าไม่เคยยืมเงิน

<แต่เรื่องไหนก็ไม่สะเทือนใจเท่ากับการที่นาธานไปยืมเงินของ "น้องอ้อม เสาวนีย์ ฤทธิโชติ" ที่ป่วยเป็นโรคผิวหนังแห้งตกสะเก็ดและมีเลือดไหลซึมตามแผล ตัวมีลักษณะคล้ายตัวดักแด้ เป็นเงินจำนวนนับแสนบาท โดยได้ยืมเงินไปตั้งแต่ปี 2548 กระทั่งน้องอ้อมเสียชีวิตไปเมื่อช่วงต้นปี 2552 แต่นาธานก็ยังไม่นำเงินมาคืนแต่อย่างใด โดย “นางฉลอง จันทร์นาค” ยายของน้องอ้อม ได้ออกมาเปิดเผยกับ ASTV ผู้จัดการออนไลน์ ถึงเรื่องราวดังกล่าว พร้อมกับเล่าให้ฟังว่า สาเหตุที่นาธานมายืมเงินนั้นได้อ้างกับน้องอ้อมว่า ถูกเพื่อนที่ร่วมทำกิจกรรมบริจาคช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยสึนามิโกงเงินบริจาคทำให้ตนจำเป็นต้องหาเงินไปเติมให้ครบเต็มจำนวน เล่นเอา “อ้น สราวุธ มาตรทอง” อดีตเพื่อนซี้ที่เคยไปติดเกาะมาด้วยกันจนประสบภัยสึนามิ และเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่วมทำกิจกรรมบริจาคช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยสึนามิเมื่อครั้งนั้น ต้องออกมาชี้แจงเป็นการด่วน

“ผมเองก็เพิ่งทราบวันนี้ว่าเขาไปยืมเงินมา ก่อนหน้านี้นานมาแล้วเคยรู้ว่าธานเขามีโปรเจ็กต์กับเจเอสแอลผมก็ยังคิดว่าเออดีนะ มันได้ช่วยเหลือสังคมก็เป็นโครงการที่ดี คืออะไรที่ดีๆ ที่ได้รับรู้มาผมก็จะรู้สึกยินดีกับเขาด้วยทั้งนั้น แต่พอวันนี้มารู้แบบนี้ก็เลย...เหมือนกับพวกพี่ๆ เองก็รู้สึกเหมือนกัน ผมว่าผมคงรู้สึกไม่ต่างกับทุกคนที่พอรู้แล้วงง เฮ้ย...มันมาเกี่ยวกันได้ยังไง แล้วมันเกี่ยวกันด้วยเหรอ ซึ่งตอนที่เราทำมันก็ผ่านไปด้วยดีไม่มีปัญหาอะไร แล้วนี่มันคืออะไร แต่ก็ไม่เป็นไรผมมาพูดก็ได้ มาพูดให้ทุกคนเคลียร์”

"ผมจะบอกว่าผมเสียใจครับ ผมเสียใจที่มีการพูดจาแบบนี้เกิดขึ้น นี่คือเหตุผลของการมาวันนี้ ซึ่งตอนแรกถ้าเกิดถามผมด้วยธรรมชาติของผมแล้วผมเป็นคนที่ไม่เกี่ยวอะไรกับผม ผมก็จะไม่อยากยุ่ง ใครอยากจะทำอะไรก็ทำเถอะ ใครอยากจะพูดอะไรก็พูดแต่ฉันรู้ว่าฉันคิดอะไร ฉันรู้ว่าฉันทำอะไรอยู่ ก็คิดว่ามันไม่มีอะไรมั้ง แต่พอมันมีความห่วงใยมากๆ แบบนี้ก็เลยโอเคงั้นมาพูดก็ได้ถ้าเกิดอยู่เฉยๆอาจจะไม่เคลียร์กันหรือเปล่า ก็เลยโอเคผมออกมาพูดดีกว่าว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้น”

“แต่ถามว่าผมเดือดร้อนกับเหตุการณ์นี้ไหม จริงๆ แล้วผมไม่เดือดและไม่ร้อนเพราะผมไม่ได้ทำอะไร ก็คิดแค่ว่าผมมาเพื่ออาจจะมีคนอื่นที่เดือดและร้อนผมจึงมาวันนี้ พอผมพูดเสร็จผมคิดว่าอีกหลายๆ คนก็คงไม่เดือดไม่ร้อนแล้วล่ะ ส่วนกับนาธานผมคงไม่ไปยุ่งแล้วครับ ผมว่าในส่วนของการเคลียร์กันอะไรต่างๆ เหล่านี้เรารับผิดชอบในส่วนของเราดีกว่า ที่เรามาวันนี้คือการรับผิดชอบในส่วนของเรา ส่วนของเขาให้เขาจัดการเอาเองผมขอไม่เข้าไปยุ่งดีกว่า”

ลั่นไม่ขอพูดพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 แจงต้นตอของเงินที่ได้จากการบริจาค 6 แสนบาทนั้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของทีมงานที่ช่วยกันขายเสื้อ แจงกิจกรรมดังกล่าวทำเป็นกลุ่มใหญ่ซึ่งมีสื่อทุกแขนงรู้เห็นจำนวนมาก ยันนาธานไม่เคยเอาเงินมาสมทบใดๆ ระหว่างการทำกิจกรรมอย่างที่ได้กล่าวอ้าง

“ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าในเรื่องของรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือชาวมอร์แกนเท่าไหร่อะไรนั้น ผมคงไปชี้แจงทั้งหมดไม่ได้เพราะมัน 5 ปีแล้ว แต่เท่าที่จำได้เราหาเงินจากการเพ้นท์เสื้อขาย แล้วเสื้อ 10 ตัวพิเศษที่ผมทำก็จะมีไปให้ที่ช่อง 3 คุณประวิทย์ มาลีนนท์ ผู้หลักผู้ใหญ่ที่บรอดคาซท์ พี่หน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์ เขาก็ให้มาตัวละ 1 - 2 หมื่นบาท เราก็เอารายได้ทั้งหมดมารวมกัน”

“ส่วนที่เหลือที่เอามารวมกันจนได้ว่าประมาณ 6 แสนบาทมันเกิดขึ้นจากการไปช่วยกันขายเสื้อที่เมเจอร์รัชโยธิน เซ็นทรัลลาดพร้าว แล้วก็ถนนข้าวสารตั้งแต่เช้าถึงตี 2 เป็นอยู่อย่างนี้อยู่ 2 วันจนขายหมด แล้วเราก็ยังได้มีการถ่ายรูปร่วมกันที่ถนนข้าวสาร เราก็โอเคเสร็จงานแล้วเราก็จะถ่ายรูปมอบเงิน ระหว่างทำงานก็จะมีเพื่อนๆ นักแสดงและพี่ๆ สื่อมวลชนไปด้วยตลอด และระหว่างการมอบงินก็มีเพื่อนๆ และสื่อมวลชนไปด้วยตลอด คือให้รู้กันทั้งประเทศว่านี่เงินพวกคุณนะที่ให้ผมมาแล้วผมก็ได้เอาไปให้เขา แต่ไม่มีเงินที่ธานเอามาสมทบเอง ยืนยันว่าเงิน 6 แสนมาจากเงินบริจาคทั้งหมดเลยโดยที่ไม่ได้มีใครเอามาสมทบทุน เป็นเงินบริจาคทั้งหมดที่เราหามาด้วยหยาดเหงื่อแรงกายจริงๆ”

“อีกอย่างตอนที่เราทำกิจกรรมเราไม่ได้ทำแค่กลุ่มเล็กๆ หรือว่าแอบทำ แต่ว่าเราทำเป็นกลุ่มใหญ่ซึ่งก็เป็นความตั้งใจของผม ผมว่าเรื่องของเงินสำหรับผมมันเป็นเรื่องที่อ่อนไหวมาก แล้วยิ่งเป็นเงินจากการบริจาคด้วยผมว่ามันอันตรายเพราะมันเป็นเงินที่มาจากความไว้ใจก็เลยบอกว่างั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน เราก็ทำอะไรให้มันโปร่งใสไปเลยแล้วให้พวกพี่ๆ ที่เคยร่วมงานกันมาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ซึ่งตอนนั้นก็ไม่อยากจะให้โปรโมตว่าตัวผมทำความดีอะไรหรือเปล่า ก็ไม่อยากจะให้ใครคิดไปอย่างนั้น แต่ก็คิดว่าน่าจะทำให้มันโปร่งใสไว้ก่อนดีกว่าไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่”

“แต่สุดท้ายแล้วมันก็เกิดเรื่องขึ้นซึ่งเราก็รู้กันอยู่ว่า ตอนที่เราทำกิจกรรมนี้ สิ่งเดียวที่มันเกิดขึ้นคือความเหนื่อยล้าแต่ความสุขใจมันตามมา นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในโปรเจ็กต์นี้ในการช่วยเหลือชาวมอร์แกน แต่ว่าพอวันนี้ข่าวที่ได้รับรู้มา ผมจะพูดตรงนี้ว่าผมจะไม่ขอไปพูดพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 อะไรทั้งสิ้นเลย เพราะว่าอันนั้นเป็นเรื่องของเขาแล้วก็เป็นปัญหาของแต่ละคน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ที่ผมต้องมาชี้แจงคือในมุมของผม ผมจะบอกว่าวันนี้ผมก็จะขอมายืนยันกับทุกคนว่าเงินที่ให้ไปก็ถึงมือผู้รับอย่างปลอดภัยและถึงมือพวกเขาจริงๆ แล้วตอนที่ผมทำกิจกรรมผมก็ไม่ได้หยิบเงินเลยแต่ว่าเราไปเป็นทีมแล้วเราก็นำเสนอกันเป็นทีม เราโปร่งใสและจิตใจบริสุทธิ์ที่สุดเลย

“ตอนที่เราทำงานกันผมเป็นพวกแผนกใช้แรงงานมากกว่า ประมาณตะโกนบอกพี่ครับบริจาคเงินหน่อยครับ อย่าเดินกันเฉยๆ หรือแม้จะเป็นการเพ้นท์เสื้อผมก็ยังเป็นฝ่ายใช้แรงงาน เพราะตอนเราทำกันด้วยความเหนื่อยยากกันมากๆ ทุกคนเห็นอยู่ว่าเงินได้มาจากไหน มาจากเงินบริจาคจากคนตาบอดบ้าง บางทีแม่บ้านเขาก็ขอบริจาคมา 20 บาทคือเราเห็นที่มาของเงินตรงนั้นเลย”

“แล้วผมขอบอกว่าการทำงานครั้งนั้นไม่มีเหตุการณ์ที่เราฉ้อโกงอะไรกันเองครับ ผมจะไม่ขอพูดถึงคุณยายครับ เราทำงานกันด้วยความสุขมากๆ แล้วเราก็เหนื่อยยากมากๆ แล้วก็สะอาดและโปร่งใสมากๆ คือเราไม่ได้แอบทำกัน 4 คนเราทำกันเป็น10-20คน แล้วทุกคนก็เห็นๆ กันอยู่ เพราะฉะนั้นวันนี้ผมรู้ว่าทุกคนก็เห็นๆ กันอยู่ก็ขอยืนยันครับ”

เผยตั้งแต่เกิดมาไม่เคยค้ำประกันให้ใคร บอกตลอดระยะเวลาที่รู้จักกับนาธานตนไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายจะมีพฤติกรรมเช่นนี้แต่หลังจากได้ทราบข่าวก็ทำเอาตนถึงกับอึ้งไปเหมือนกัน

“อย่างคำถามที่พี่ๆ ถามผมว่าทราบมั้ยว่าที่คุณยายของน้องอ้อมบอกว่าที่ธานจำเป็นจะต้องมายืมเงินเป็นเพราะว่าทีมงานได้ทำเงินหายไปบางส่วน แล้วเขาก็บอกว่ามีการโกงกันในทีมแล้วก็ไปยืมเงินน้องอ้อมโดยมีทีมงานของทางเราเป็นคนไปค้ำประกัน ซึ่งอาจจะเป็นดาราแต่คุณยายไม่อยากพูดถึงทุกคนก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นผม ตรงนี้ก็ต้องขอบคุณที่เป็นห่วงผม ผมจะบอกว่าในชีวิตตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยค้ำประกันให้ใครเลย แล้วผมเองก็เพิ่งรู้เรื่องนี้จริงๆ ก็เลยเอ้า! ทำไมเป็นแบบนี้ เท่าที่รู้จักกับเขาผมก็ไม่เคยระแคะระคายว่าเขาจะเป็นแบบนี้เลย คือทุกวันนี้ที่มันเป็นข่าวเป็นอะไรอยู่สารพัด ก็ได้แต่นั่งดูทีวีแล้วก็...(กอดอกแล้วก็พยักหน้า)”

เผยไม่รู้สึกโกรธ "นาธาน" เอาชื่อไปอ้างเพื่อยืมเงินคนอื่น แต่ไม่ขอตอบถึงสถานะความสัมพันธ์ว่ายังสามารถเป็นเพื่อนกันอีกได้หรือไม่
“ถามว่าโกรธเขามั้ย ผมว่านี่คือข้อดีของการบวชนะครับ การบวชทำให้เรารู้สึกปล่อยวางอะไรในชีวิตได้มากครับ ก็ช่างเขาครับเรามาเพื่อเคลียร์แล้วเมื่อเคลียร์จบแล้วพรุ่งนี้เราก็เดินต่อ สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขาจะเป็นเพื่อนกันอยู่ได้มั้ย ผมขอไม่พูดถึงเขาแล้วกันอย่างที่บอกผมขอพูดว่าใครที่ทำอะไรกับผมนะผมจะคิดแค่นิดเดียว แต่ผมจะเสียใจถ้าเกิดมันมีผลกับคนอื่นๆ โดยเฉพาะคนที่ช่วยเหลือกัน ตัวผมเองไม่ค่อยอยากยุ่ง ผมไม่ค่อยสนใจอะไรแบบนี้ทั้งสิ้น”

"ผมแค่รู้สึกว่าวันนี้ที่ผมออกมาพูดเพราะผมไม่อยากให้คนอื่นที่เกี่ยวข้องกับงานนี้ต้องเดือดร้อน แล้วผมเองก็อยู่ในโปรเจ็กต์นั้นด้วย ทีมงานคนอื่นๆ ทุกคนคนทั่วไปอาจจะไม่รู้จักแต่รู้จักผม ใครก็จะเรียกผมว่าอ้นสึนามิ อ้นสึนามิก็ไม่เป็นไรผมก็จะพูดให้ว่า ขอให้ทุกคนไว้ใจแล้วก็สงบใจได้ครับว่ามันไม่เคยเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น แล้วผมยืนยันด้วยตัวเองว่าผมดูแลมันเองตลอด แล้วผมอยากให้งานทุกงานที่ผมทำมันสะอาดที่สุด ไม่มีการเอาเงินไปใช้อย่างอื่นแน่นอนนอกจากบริจาคให้ชาวบ้านชาวมอร์แกน”

เผยหลังทราบข่าวได้มีโอกาสคุยกับนาธาน ซึ่งตนก็แนะเตือนสติอีกฝ่ายให้ดูแลชีวิตให้ดี อย่าทำให้ใครเดือดร้อน
“กับตัวธานเองผมก็อยากจะฝากไปถึงเขาว่าก็ขอให้น้องดูแลชีวิตตัวเองให้ดีครับ สำหรับผมไม่ได้โกรธไม่ได้อะไรก็ช่างเขา หวังให้เขาดูแลชีวิตของเขาให้ดี เป็นความหวังดีมากกว่า ต้องบอกว่าตั้งแต่มีเรื่องผมก็ยังไม่ได้คุยกับใคร แต่พอดีตอนนี้ผมกำลังเรียนร้องเพลงอยู่ที่โรงเรียนซุปเปอร์สตาร์ก็มีพี่ที่เขาให้ผมได้คุยกับนาธาน ก็บอกเขาว่าธานผมคงไม่พูดอะไรกับธานนะ เพราะว่าคงมีนักข่าวมาถามคำถาม หรืออะไรธานต้องตอบเยอะแล้ว ก็บอกเขาว่าพี่พูดคำเดียวนะดูแลชีวิตตัวเองให้ดี แค่นั้นแหละแล้วก็อย่าไปทำให้ใครเดือดร้อน แล้วพอตอนนี้มันรู้สึก... แต่ก็ไม่เป็นไรก็ยังยืนยันคำเดิมธานดูแลชีวิตตัวเองให้ดีนะ แล้วอย่าทำให้ใครเดือดร้อน พอผมพูดเสร็จเขาก็หัวเราะกลับมา ผมก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องไปคำตอบอะไรจากเขา คิดว่าความหวังดีมีให้เสมอ คือคนเรามันมีชีวิตเป็นของตัวเอง เราหวังดีให้เขามีชีวิตไปในทิศทางที่ดีมันก็โอเคแล้ว”

“ผมว่าชีวิตคนเรามันวุ่นวายนะครับ ชีวิตคนเรามันมีเรื่องให้คิดอีกเยอะมากเลยครับ ผมว่าการดูแลชีวิตตัวเองให้มีความสุขเป็นเรื่องยาก เพราะฉะนั้นทำให้มันดีที่สุดดีกว่า ถ้าอะไรที่มันไม่ต้องรับรู้หรือว่าเลี่ยงที่จะรับรู้ได้แล้วมันทำให้เราทุกข์ก็อย่าไปรับรู้มันเลย แล้วการรับรู้ข่าวใดๆ ก็แล้วแต่ในโลกใบนี้ข่าวอะไรก็แล้วแต่เมื่อเรารับมาแล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่เราจะได้ทบทวนแล้วก็วิเคราะห์ด้วยสมองของเรา มันเป็นเวลาที่คุณจะได้ค่อยๆ คิดไตร่ตรอง”

“ส่วนคนไหนที่คิดไปไกลแล้วผมคงห้ามไม่ได้เพราะความคิดคนมันไปไกลกว่าแสงมากเลย แต่อยากจะฝากถึงทุกคนที่รักกัน ทุกคนที่เคยให้เงินพวกเรามาแม้แต่บาทเดียว คงจำกันได้ที่ผมเคยบอกกับคุณลุงคนหนึ่งหรือหลายๆ คนว่าเขามี 5 บาทหรือว่าบาทเดียวมันมีค่ามากเมื่อช่วยเหลือคนอื่นที่เขาไม่มีจริงๆ ผมก็ยังยืนยันว่าทุกบาทของคุณมีคุณค่าเสมอ และเมื่อมันผ่านมือผมไปมันถึงแน่นอนครับ”

“ก็อยากจะขอบคุณทุกคน บางคนอาจจะไม่ได้ติดตามข่าวแต่ผมคิดว่าหลายๆ คนได้ติดตามว่าเราไปทำอะไรกันมาบ้าง เพราะทุกวันนี้ไปไหนมาไหนก็จะมีคนจำได้จากสึนามิ เขาก็บอกว่าดีใจที่ได้ช่วยคนนั้นคนนี้ก็อยากจะบอกว่าไม่ต้องกังวลอะไรทั้งสิ้น แล้วก็ไม่ต้องแครงใจผมบริสุทธิ์ใจและก็เต็มใจและอยากจะบอกว่าถึงวันนี้จะมีข่าวนี้ขึ้นมาว่าเกิดอะไรขึ้น ในมุมของเราคือมันบริสุทธิ์มากแล้วที่ผ่านมามันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น ถึงจะผ่านวันนี้ไปแล้วผมก็ยังทำงานเพื่อสังคมต่อไป แล้วก็ยังมีอีกหลายๆ โครงการที่วางไว้ผมมั่นใจว่าความเชื่อมั่นที่มีให้ และสิ่งดีๆ ที่ทุกคนคิดอยากจะร่วมทำกับผมมาโดยตลอดยังคงเหมือนเดิมและผมก็ยังจะยืนหยัดอยู่ไปเรื่อยๆ แบบนี้ครับ”

หลังจากที่จบการชี้แจงได้ไม่นานล่าสุดก็มีรายงานมาว่านาธานกำลังเตรียมตัวเดินทางไปนอร์เวย์พร้อมกับนักร้องแดนสตอ “เอกชัย ศรีวิชัย” และผู้จัดการส่วนตัว “ชิ อนุชา ลังประเสริฐ” ด้วยเที่ยวบิน TG 954 สายการบินการบินไทย ในช่วงเวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา