ตะครุบบาห์เรน-คู่ขาสาวไทยลวงเหยื่อขายตัวเมืองนอก

บก.ปคม.จับกุมหนุ่มบาห์เรน ร่วมมือกับสาวไทย หลอกหญิงไทยค้ากามบาห์เรน อ้างจะพาไปทำงานร้านสปา ที่แท้ลวงไปพลีกายสังเวยกามเมืองนอกจนกว่าจะใช้หนี้ควักนำทางเป็นค่าใช้จ่าย 1.2 แสนหมด


วันนี้ (11 พ.ย.) ที่ บก.ปคม. เมื่อเวลา 16.00 น. พ.ต.อ.สุวิชญ์พล อิ่มใจรัตน์ รอง ผบก.ปคม. พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ผกก.3 บก.ปคม.และ พ.ต.ต.นนท์วาณัฐกริช กลิ่นพงศ์ สว.กก.3 บก.ป.แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาหลอกลวงหญิงไทยไปขายตัวที่ประเทศบาห์เรน ประกอบด้วย นายมูฮัมหมัด อับราฮิม ยูเซฟ นาเซอร์ ไอซ่า สัญชาติบาห์เรน อายุ 27 ปี และ น.ส.พัชรี เทพบาท อายุ 21 ปี โดยจับกุม นายมูฮัมหมัด ได้ที่โรงแรมมารีน พลาซ่า เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ส่วน น.ส.พัชรี จับกุมได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 363/10 หมู่ที่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

พ.ต.อ.สุวิชญ์พล กล่าวว่า ก่อนหน้าเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงมานามา ประเทศบาห์เรน และเจ้าหน้าที่ตำรวจบาห์เรนเข้าทำการช่วยเหลือหญิงไทย จำนวน 6 ราย ที่ถูกหลอกให้ไปค้าประเวณี โดยจากการสอบถามทั้งหมดให้การว่าเมื่อเดือนสิงหาคม 2551 ขณะนั้นผู้เสียหายทั้งหมดทำงานอยู่ที่เมืองพัทยา ต่อมาถูก น.ส.พัชรี ชักชวนให้ไปทำงานในสปาที่ประเทศบาห์เรน โดยมีการติดต่อผ่านทางนายมูฮัมหมัด เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้คนละ 120,000 บาท เมื่อเดินทางไปถึง นายมูฮัมหมัด ก็เดินทางมารับที่สนามบิน ก่อนจะพาเข้าที่พัก ปรากฏว่า งานที่ต้องไปทำคืองานค้าประเวณี และจะต้องทำจนกว่าจะใช้หนี้ให้หมดก่อน ถึงจะกลับประเทศได้

พ.ต.อ.สุวิชญ์พล กล่าวต่อว่า จากนั้นผู้เสียหายได้หลบหนีออกมาขอความช่วยเหลือที่สถานทูตไทย ให้ส่งตัวกลับประเทศ รวมทั้งยังได้ประสานมายังตำรวจ บก.ปคม.ให้มีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสองราย ก่อนที่จะมีการจับกุม

เบื้องต้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้สองให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จึงตั้งข้อหาร่วมกันแสวงหาผลประโยชน์ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ทำการค้ามนุษย์และสนองความใคร่ผู้อื่น เป็นธุระจัดหาหรือพาไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น