xs
xsm
sm
md
lg

จบศึกนักปั้น “ชายแฮ็คส์” ร่ำไห้ยอมถอนแจ้งความ ด้าน “อุ๊บ” น้ำตานองขอโทษที่ด่านาน 10 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


จบด้วยดี “ชายแฮ็คส์” ยอมถอนแจ้งความ “อุ๊บ” หมิ่น แจงทั้งน้ำตาไม่อยากมีเรื่องเกาเหลา และไม่อยากทำให้ผู้ใหญ่เดือดร้อน ปัดทำเพื่อสร้างกระแส พร้อมยัน “แก้ว พรีเมียร์” เปล่าอยู่เบื้องหลังการฟ้องร้อง ด้าน “อุ๊บ” ถือคติกินขี้หมาดีกว่ามีคดีความ ยอมรับผิดขอโทษรุ่นน้องแต่โดยดี บอกที่เขียนข่าวด่าเพราะน้อยใจ แต่เคลียร์กันแล้ว ยันมาขอโทษด้วยความสมัครใจ เปล่าโดนใครบีบบังคับ

หลังจากเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนักปั้นรุ่นพี่ “อุ๊บ วิริยะ พงษ์อาจหาญ” ในข้อหาหมิ่นประมาท เนื่องจากแค้นที่ถูกด่าสาดเสียเทเสีย แถมยังใช้ปากกาในมือเขียนด่าในคอลัมน์ตามนิตยสารต่างๆ มานานนับ 10 ปี ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (7 ต.ค.) “ชายแฮ็คส์” หรือนายพงษ์ชยุตม์ ทวีศรีธนโชค ก็ได้เดินทางมายังสน.เตาปูนอีกครั้ง เพื่อทำเรื่องขอถอนแจ้งความในคดีดังกล่าว เนื่องจากได้ผู้ใหญ่ในวงการช่วยเป็นกาวใจ ทำให้ตกลงจบกันด้วยดีกับคู่กรณี และวันนี้ “อุ๊บ วิริยะ” ก็เดินทางมาที่สน.เตาปูนด้วยเช่นกัน ทั้งคู่จึงได้จับมือฝืนฉีกยิ้มให้บรรดาสื่อแชะภาพคู่ และยินดีเปิดใจพร้อมกันว่า

ชาย : “คือด้วยเจตนาจริงๆไม่ได้คิดที่จะไปโกรธแค้น โกรธเคืองอะไรพี่เขามากมาย อย่างที่เราโดนในข้อความที่ถูกพาดพิงถึง ในโอกาสนี้ก็มีผู้ใหญ่หลายๆท่านบอกว่า เราอยู่ในวงการนี้อะไรที่สามารถคุยกันได้ ก็อยากให้คุยกัน เราก็เลยบอกว่า อยากจะให้ตัวพี่อุ๊บชี้แจง แล้วอยากให้พูดอย่างน้อยให้ทุกคนได้รับทราบว่า ในการที่เขียนตรงนั้น จะด้วยเจตนาหรือไม่เจตนา เราไม่ต้องพูดถึงแล้วแต่ ต่อไปจะไม่มีอย่างนี้กับเราอีก เพราะจริงๆเราเองก็เคารพรักพี่เขามาตลอด ไม่เคยคิดอะไรที่ไม่ดีกับพี่เขาเลย”

“ คือผู้ใหญ่ทุกคนมีบุญคุณหมด ซึ่งทุกคนเองก็มีจุดเริ่มต้น พอถึงวันนึงเราในฐานะที่เป็นน้อง(ร้องไห้) แล้วมาเจออะไรแบบนี้ เรารู้สึกว่าทำไมพี่เขาถึงแบบ...ยังเขียน เขียน เขียนอยู่อย่างนี้ ทั้งๆที่เราเจอกันตามงาน เราก็ยกมือไหว้พี่เขาโดยตลอด จะบอกว่าคิดนะ ไม่ใช่ไม่คิด คิดหนักมากที่อยู่ดีๆเราเป็นน้อง แล้วต้องมาแจ้งความดำเนินคดีคนเป็นพี่ในวงการบันเทิง (โฮหนัก)"
 
"ถามว่าพี่เขามีบุญคุณมั้ย ทุกคนมีบุญคุณกับเราหมด พอมันมีเหตุการณ์แบบนี้มันกระทบกระเทือนผู้ใหญ่ไปหมด ในระยะเวลาเพียงแค่ 2 วันผู้ใหญ่หลายๆคนต้องมานั่งเดือดร้อน ต้องมานั่งคุย เราก็รู้ว่าทุกคนรัก รักพี่มั้ยเราก็รัก คือจริงๆแล้วเราไม่ได้มีเจตนาอะไร แต่อยากให้พี่เขาหยุดเถอะ น้องคนนี้ไม่ได้มีอะไร อย่างที่พี่คิดว่าน้องคนนี้ไม่ดีอยู่ตลอดเวลา”

ช่วยกันปฏิเสธเปล่ามีเรื่องเพื่อสร้างกระแส บอกไม่มีใครมีความสุขที่ต้องมีเรื่องมีราวกับคนอื่น

ชาย : “ไม่ๆๆๆๆๆมันไม่มีความสุขมากกว่า ถ้าเป็นเรื่องเป็นราวจริงๆเราเองก็รู้ว่า ตัวพี่เขาก็คงไม่มีความสุขหรอก ขนาดเราเป็นคนแจ้งความเองยังไม่มีความสุขเลย แต่เราจะทำยังไง ซึ่งพี่เขาคงคิดว่าการเขียนอะไรตรงนี้ มันก็น่าจะเลยผ่านไป แต่จริงๆแล้วมันมีกระแสรอบข้างรอบนอก ซึ่งตรงนั้นมันค่อนข้างกระทบในหลายๆจุด พอเป็นกรณีอย่างนี้ขึ้นมา จะได้ฝากไปยังหลายๆคนด้วยว่า บางครั้งการที่เราจะพาดพิงถึงใคร อาจจะด้วยเพราะความสนิท หรืออะไรก็ตามแต่ มันมีผลกระทบคือทุกคนมีพ่อแม่ มีครอบครัว คงไม่มีครอบครัวไหน ที่อยากให้อยู่ดีๆลูกหลานตัวเอง หรือคนที่ตัวเองรักจะต้องมาถูกกล่าวถึง”

“ไม่มีใครมีความสุขหรอกที่พอเป็นเรื่องเป็นราว แล้วมีคดีความกัน เราเลยบอกว่าหลังจากดำเนินการกับทนาย ก็จะไม่คุยอีกแล้ว ก็ให้คุยกับทนายดีกว่า แต่ในขณะเดียวกันก็มีผู้ใหญ่ที่เราเคารพโทรมา เขาไม่อยากให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในวงการบันเทิง หลายๆคนมองว่าเดี๋ยวก็เป็นเรื่อง เดี๋ยวก็มาฟ้องกัน แต่ถ้าเราไม่ทำแบบนี้ สิ่งที่ถูกตีพิมพ์ไปแล้วเราจะทำยังไง ก็เลยต้องขออนุญาตพี่ๆน้องๆนักข่าวทุกคนว่า อย่ามองในประเด็นนั้นเลยว่ามาสร้างกระแสกันอีก มันไม่มีความสุขหรอกครับสำหรับการที่จะได้มาทำงานตรงนั้น”

อุ๊บ : “พี่คงไม่ลงทุน คงไม่สร้างกระแสขนาดนี้ เห็นวีนๆร้ายๆซ่าๆตบตีชาวบ้านตลอดเวลา แต่จริงๆเวลามีเรื่องพี่เองก็เครียดเหมือนกัน อย่างที่บอกชีวิตเราต้องทำงานด้วยกัน แล้วพอมีเรื่องตรงนี้ มันก็มีผลต่อชื่อเสียงเหมือนกัน ไม่ใช่พี่คนเดียว ชายเองก็ต้องเครียดเหมือนกัน(หัวเราะ)"
 
"ต่างคนก็ต่างเครียด ความรู้สึกเราเหมือนกันตรงนี้ อย่างที่บอกว่าคงไม่มีอะไร ต่อไปเราเองก็คงต้องมีสติ มีความคิด มีความรู้สึกที่ดีต่อไปกับทุกคน เพราะพี่ก็รู้สึกว่าในรอบปีที่ผ่านมามันฉาวตลอดเลย แล้วมันก็กลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ มันมีแต่สิ่งที่ไม่ค่อยดี แต่สิ่งที่ดีมันก็มี มันอยู่ข้างในใจเราก็อยากนำเสนอ พี่ว่าตรงนี้ให้ไปแยกแยะเอาแล้วกัน”

“ชายแฮ็คส์” เผยแจ้งความเพราะโดนด่ามาหลายปี จึงต้องใช้กฎหมายเข้าช่วย เตือนให้อีกฝ่ายหยุด ในส่วนของคดีแพ่งต้องดำเนินต่อไป แต่สิ่งที่ต้องการจริงๆ คือคำอธิบายของนักปั้นรุ่นพี่ที่จะพูดให้ทุกคนเข้าใจตน

ชาย : “อย่าใช้คำว่าเตือนเลย พี่เขาก็เป็นผู้ใหญ่ คือเราอยากให้รู้สึกว่าดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย หลายๆคนอาจจะได้เห็นว่า บางครั้งข้อความหรือบางประโยค หรือบางคำพูดที่เวลาเราไปพาดพิงถึงใคร แล้วมันอาจจะมีผลกระทบ อาจจะไม่ได้เสื่อมเสียจนยืนอยู่ในวงการนี้ไม่ได้ แต่มันก็มีผลกระทบ มันก็จะเกิดความไม่สบายใจต่อตัวผู้ที่ถูกเขียนถึงด้วย”

“คือมันหลายครั้งแล้ว กับพี่อุ๊บเราก็ยกมือไหว้แกตลอดอยู่แล้วเวลาเจอ ซึ่งมันก็เป็นอยู่อย่างนี้มาตลอด เราก็คิดว่าวิธีนี้มันน่าจะเป็นอีกทางนึง ที่พี่เขาจะเข้าใจกัน แต่เราก็ไม่ได้โกรธหรือว่าเกลียดพี่เขา จนจะห้ำหั่นให้ได้จนถึงที่สุด แต่อย่างที่ทุกคนเห็นอยู่ทุกวันนี้ว่า เราก็ไม่สบายใจจริงๆ”

“ที่บอกว่าจะฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย อันนี้ก็อยู่ในวิธีการดำเนินขั้นตอนของทางทนาย ที่เขาจะดำเนินการไป แต่ตรงนั้นมันไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นที่ต้องการก็คือวันนี้แหละ อย่างน้อยๆพี่อุ๊บได้พูดให้ทุกคนเข้าใจแล้วว่า ข้อความตรงนั้นมันเป็นยังไง สิ่งที่พูดถึงไปมันเป็นยังไงอะไร เราต้องการแค่นี้ ต่อไปก็คงจะไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว”

ด้าน “อุ๊บ” ยอมรับเขียนด่าอีกฝ่าย เพราะรู้สึกน้อยใจ แต่อุบไม่บอกเหตุผล ยินดีขอโทษต่อหน้าสื่อ เพราะไม่ใช่คนอีโก้สูง

อุ๊บ : “ที่มาวันนี้จริงๆก็เหมือนขอโทษในลายลักษณ์อักษรอยู่แล้ว อยู่ที่ใจ พี่ว่าบางทีไอ้คำว่าขอโทษ พี่ไม่ได้อีโก้ ไม่ได้ศักดิ์ศรีอะไร พี่ก็ขอโทษก็ได้กับทุกสิ่งทุกอย่างถ้าทำผิด คำขอโทษถือเป็นคำที่ดี ทุกคนอยากได้คำว่าขอโทษ คำว่ารักกันเดี๋ยวจะลงเล่มไหน เดี๋ยวพี่ก็จะลงให้”

“สิ่งที่พี่ทำบางสิ่งบางอย่างก็รู้ว่า เกิดจากความน้อยใจ ไม่ได้มีจิตเจตนาที่แบบ...ด่ามาถึง 2 ปีนะ บางทีมันเป็นช่วงก็รู้อยู่ หนูก็รู้นิสัยพี่ เราก็ร่วมด้วยช่วยกันมา ตั้งแต่น้องเพิ่งเข้าสู่วงการกันใหม่ๆ ทุกข์ สุข ลำบากอะไรมาด้วยกัน ตรงนี้กับคำว่าขอโทษพี่ก็คงไม่ได้ซีเรียสอะไร พี่ก็ขอโทษตรงสิ่งที่พี่ทำไป พี่เองก็ยอมรับ"
 
"แต่สิ่งที่ถูกต้องบางสิ่งบางอย่าง เราก็อยากพูดความจริง เพราะฉะนั้นไม่มีอะไร พี่คิดว่าพี่เป็นผู้ใหญ่พอ ผู้ใหญ่ผิดพี่ก็โอเคก็ต้องเคลียร์ชี้แจง ไม่ได้อีโก้ว่าเป็นอุ๊บ วิริยะแล้วจะต้องแรง ซ่า ท้ารบไม่มีเหตุผล โนเลย…..พี่พร้อมที่จะคุย พี่ว่าออกมาแบบนี้จะได้เป็นตัวอย่างที่ดี เพราะเรามีหน้าที่ที่ต้องทำงานต่อไป มานั่งขึ้นโรงขึ้นศาล มีคดีความมันไม่ดี คนจีนเขาถือว่ากินขี้หมาดีกว่ามีคดีความ”

“ถามว่าที่น้อยใจจนเขียน น้อยใจเรื่องอะไร (หัวเราะ) ไม่ตอบได้ไหม พี่เองก็เคลียร์ชัดเจนแล้ว บางสิ่งบางอย่างมันเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว พี่เองก็ไม่อยากไปรื้อฟื้น บางครั้งพี่ไม่ได้อีโก้ ผู้ใหญ่บางครั้งผิดก็มี เด็กบางครั้งผิดก็มี เราก็เปิดตัวเปิดใจพร้อมที่จะเคลียร์ พร้อมที่จะยอมรับในสิ่งที่เราทำ ตรงนี้มันคุยกันได้ พี่พูดตรงๆ ตรงนี้ ไม่ว่าพี่จะไปมีเรื่องกับใคร"
 
"ไม่ว่าจะคุณพจน์ อานนท์ สิ่งที่พี่ผิดพี่ยอมรับ สิ่งที่พี่ถูกพี่เถียงชนฝา มันก็ประทับใจแล้วก็ดีใจด้วย จริงๆมันก็มีหน้าที่การงาน ที่จะต้องทำต่อไปอีกเยอะแยะ ทุกคนต้องทำงานทำการ มามีเรื่องมีราวกันพี่รู้สึกว่ามันไม่มีความสุข คือเดี๋ยวเราก็ต้องมาเจอกันอีก เหมือนกินข้าวหม้อเดียวกัน เราอยู่ในวงการนี้มันแคบ ยังไงเราก็ต้องมาเจอกันอยู่แล้ว ก็คิดว่าจะตั้งใจทำงาน”

“อุ๊บ” ลั่นขอโทษเด็กไม่น่าเกลียด เพราะเป็นฝ่ายผิดเอง และไม่อยากมีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาล ส่วนอนาคตจะร่วมงานกันได้ไหม แจงปกติไม่ได้ทำงานร่วมกันอยู่แล้ว

อุ๊บ : “พี่ก็คิดว่าไม่น่าเกลียดอะไร ที่ผู้ใหญ่จะยอมรับผิด พี่ว่ามันเป็นสิ่งที่ดีงามใช่มั้ย ตรงนี้สังคมก็รับรู้ พี่กล้าทำ กล้าเขียน พี่ก็ต้องกล้ายอมรับ ก็ไม่ได้แปลกอะไร มันไม่ได้ทำแล้วชีวิตพี่จะหายนะ ทำแล้วตรงนี้สังคมน่าจะยอมรับ กลับมาเชิดชูสดุดีดีกว่านะว่าเราสู้กับความจริง ผู้ใหญ่ผิดก็สามารถขอโทษได้ ตรงนี้ก็อาจจะเขียนชี้แจงในหนังสือด้วย”

“เอาจริงๆเรื่องกฎหมายก็มีส่วนที่ทำให้มีวันนี้นะ ตรงนี้ก็คงไม่อยากมีใครขึ้นโรงขึ้นศาล มันก็เหนื่อย พี่เอาเวลาไปทำมาหากินดีกว่า มันไม่ได้เกี่ยวว่าขึ้นศาลไปแล้ว ใครจะแพ้ใครจะชนะ ตรงนี้พี่ว่ามันอยู่ที่ความรู้สึกของเราว่าคิดยังไง เราเองต้องเย็นลง สิ่งที่เราทำบางสิ่งบางอย่าง มันใช่เหมือนที่เขาร้องเรียนมา สิ่งที่พี่ผิดก็ยอมรับผิดไปแล้ว"
 
"วันนี้ที่มาก็รู้สึกว่าดีครับ ความจริงก็คือความจริง สิ่งที่เราทำไปมันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย สิ่งที่เราทำไปมันเกิดจากความน้อยใจ เพราะพี่เองก็เปรียบเสมือนครู เป็นพี่ของเขา อยู่กันมาตั้ง 2-3ปี วันนี้ก็รู้สึกซาบซึ้งและประทับใจว่า เราอยู่วงการเดียวกัน แล้วผู้ใหญ่ก็รักกันสมานฉันท์กัน ผู้ใหญ่ก็อยากให้เราเป็นแบบอย่างที่ดีของกลุ่มคนทั่วไป ก็คิดว่าต่อไปนี้ต่างคนก็คงต่างทำงาน ก็คงจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น”

“จะร่วมงานกันได้ไหม บางทีในการทำงานมันอาจจะไม่เหมือนเดิม ที่เราจะได้ร่วมงานกัน ต่างคนก็ต่างมีหน้าที่ทำงานกัน ถ้าเจอก็เซย์ฮัลโหลกัน คงไม่มีการมากัดมาทะเลาะอะไรกันขนาดนั้น ซึ่งก็ดีเหมือนกันพี่ว่า ตอนนี้มันน่าจะจบสวย จบดี เจอหน้าไปทำงานแล้วมันก็มีความสุข เวลาไปทำงานเราก็ยังจะต้องเจอกันอีก ไม่ใช่ว่าเจอกันแล้วจะมาระแวงกันมันไม่ดีแน่เลย”

หลังได้ฟังคำขอโทษจากรุ่นพี่ “ชายแฮ็คส์” จึงยกมือไหว้ขอบคุณ บอกยังเคารพเหมือนเดิม พร้อมยกให้เป็นไอดอลในใจ

ชาย : “ก็ขอบคุณพี่อุ๊บ (ยกมือไหว้) จริงๆเราก็รู้ว่าสิ่งที่ทำ บางครั้งด้วยฐานะความเป็นน้องในวงการบันเทิง มันมีการเคารพผู้หลักผู้ใหญ่กันอยู่แล้ว แต่คือไม่เข้าใจกันไงในหลายๆจุด ซึ่งพอไม่เข้าใจกันมันก็สะสมมา เราเองก็ไม่รู้ว่าที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้น แต่โดยทุกคนเองก็ทำไปตามหน้าที่ ซึ่งบางหน้าที่ในบางครั้งก็อาจจะไปกระทบส่วนอื่นๆโดยไม่ได้เจตนา แต่ถ้าถามว่าวันนี้รู้สึกยังไง ก็อย่างที่พี่อุ๊บบอกกคือ อย่างน้อยก็ทำให้คนรู้ว่า ในวงการบันเทิงจริงๆแล้วมันพูดคุยกันได้”

“ตลอดระยะเวลาถ้าใครเห็น เวลาที่เราเจอใครที่เป็นผู้ใหญ่กว่า เราก็จะยกมือไหว้ แล้วก็ให้ความเคารพเสมอ เพราะถือว่าผู้ใหญ่ในวงการบันเทิงยังไงเราก็ต้องเคารพ มันมีจุดๆนึงที่เขาเองก็เป็นไอดอลของเราหลายๆคน วันนึงเราก็อยากจะเป็นอย่างพี่เขา คืออยู่ให้เป็นอย่างรุ่นน้องๆที่จะมาทำงานในวงการบันเทิงดีกว่าว่า รุ่นพี่เขาทำกันไว้ยังไง ไม่อยากให้เป็นอย่างนี้”

“อุ๊บ” บอกสมัครใจมาขอโทษเอง ไม่ได้โดนใครบีบบังคับ ด้าน “ชายแฮ็คส์” ยัน “แก้ว พรีเมียร์” ไม่ได้อยู่เบื้องหลังการฟ้องร้องครั้งนี้ แค่ใช้ทนายคนเดียวกัน ส่วนข้อสรุปว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้ปลุกปั้น “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ” ทั้งคู่ยกเครดิตให้เจ้าแม่ 7 สี “คุณแดง สุรางค์ เปรมปรีดิ์”

อุ๊บ : “ที่มาขอโทษมาจากความสบายใจมากกว่า ไม่ได้โดนใครบีบมาทั้งนั้น ความรู้สึกว่าโอเคเรามาคุยกันดีกว่า เรามาเปิดเผยความจริง มันไม่ใช่การสวมหน้ากากเข้าหากัน หรือว่าการสร้างภาพ หรือที่เขาเรียกว่าตอแหลสร้างภาพ แต่นี่คือเรื่องจริง ตรงนี้พี่เองก็ยอมรับ”

ชาย : “และขอแก้ข่าวนิดนึงเรื่องของทนายความ คือจริงๆแล้วไม่อยากให้มองว่า เป็นทนายความของพี่แก้ว เพราะตัวเองกับคุณวสุเป็นที่ปรึกษากัน คือเรารู้จักกันมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว เดี๋ยวหลายคนจะมาแตกประเด็นกันไปอีก เรื่องวันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับพี่แก้วอะไรทั้งสิ้น ในการตัดสินใจทุกอย่าง เราตัดสินใจเอง ถามว่ามีคนอยู่เบื้องหลังไหม ไม่มีผู้เสียหายที่ไหนมีใครที่อยู่เบื้องหลังหรอก ซึ่งจริงๆทนายมีอยู่หลายๆท่าน ทนายทุกคนก็เก่ง แต่เรารู้สึกสนิทกันมาก ก่อนหน้านี้ก็เคยรู้จักเคยพูดคุยกันมา เลยรู้สึกว่าถ้ามันออกมาเป็นแบบนี้ เราจะทำยังไง ก็เลยได้ข้อมูลมาเท่านั้นเอง แล้วเราเองก็เพิ่งมารู้ทีหลังว่า เขาช่วยพี่แก้วอยู่”

อุ๊บ : “ส่วนเรื่องใครจะปั้มอั้มนั้น อั้มเองก็ออกมาพูดแล้ว ชายเองเขาก็มีส่วน พี่เองก็มีส่วน”

ชาย : “อย่างที่บอกนั่นแหละว่าเป็นผู้ชักนำ เป็นผู้แนะนำ แต่คนปั้นจริงๆก็ยืนยันว่า ยังไงก็เป็นคุณแดง สุรางค์ เปรมปรีดิ์ ถ้าคุณแดงไม่ปั้นอั้ม อั้มมันไม่มีวันดังหรอก ต่อให้มีการประกวดเวทีแฮ็คส์ต่อ ให้อั้มเป็นเด็กพี่อุ๊บ เป็นเด็กพี่แก้ว มันก็ไม่สามารถที่จะมีชื่อเสียงได้ ฉะนั้นต้องยกเครดิตให้คุณแดงดีกว่า ที่เป็นคนปลุกปั้นอั้ม ซึ่งประเด็นนี้เราอย่าไปแตะน้องเขาเลย เพราะมันเกินเลยที่จะมาถามเรื่องเริ่มต้นแล้ว มองแค่ว่าอนาคตน้องเขาจะเป็นยังไงต่อ หรือพี่ชายกับพี่อุ๊บจะเป็นยังไงต่อดีกว่า”








กำลังโหลดความคิดเห็น