“ชายแฮ็คส์” ลุยฟ้อง “อุ๊บ” หมิ่นพร้อมลงบันทึกประจำวันที่สน.เตาปูน เล็งเตรียมฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายต่อ เผยสุดทนถูกคู่กรณีเขียนข้อความด่ามาตลอด 10 กว่าปี ทำให้ตนเกิดความเสียหาย เมื่อไม่ยอมหยุดจึงต้องใช้กฎหมายเข้าช่วย ยันไม่เกี่ยวข่าวแย่งกันปั้น “อั้ม พัชราภา” และเปล่าแท็คทีมกับใครหาเรื่องรุม “อุ๊บ” ลั่นหมดเวลาไกล่เกลี่ย เมินอีกฝ่ายมาขอโทษตามหลัง
หลังออกมาระบายความในใจผ่าน ASTV ผู้จัดการออนไลน์ เพราะแค้นที่ถูกนักปั้นรุ่นพี่ “อุ๊บ วิริยะ พงษ์อาจหาญ” เคยเขียนพ็อกเก็ตบุ๊คชื่อ “นางมารร้ายนักปั้น” ด่าสาดเสียเทเสีย แถมยังใช้ปากกาในมือไปเขียนด่าต่อในคอลัมน์ตามนิตยสารต่างๆ มานานนับ 10 ปี ล่าสุดที่ทำให้ “ชายแฮ็คส์” หรือนายพงษ์ชยุตม์ ทวีศรีธนโชค ถึงกับของขึ้นทนไม่ไหว คือข้อความใน “นิตยสารสตาร์คลิป” ที่อุ๊บเขียนถึงกบฏหน้าเน่า ทรยศหักหลัง พร้อมจวกแหลกว่ากบฏคนดังกล่าวคือ งูพิษ นกสองหัว ตอแหลฯลฯ ซึ่งแม้ในข้อความจะไม่มีการเอ่ยชื่อ แต่ใครอ่านแล้วก็เข้าใจว่าเป็น “ชายแฮ็คส์” ทั้งนั้น
โดนหยามซะขนาดนี้ ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 13.30 น.วันนี้ (5 ต.ค.) ชายแฮ็คส์จึงลุยขึ้นโรงพักสน.เตาปูน เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีอาญากับ “อุ๊บ วิริยะ” ในข้อหาหมิ่นประมาท พร้อมลงบันทึกประจำวันกับพนักงานสอบสวน จากนั้นเจ้าตัวได้เปิดใจกับสื่อมวลชนถึงจุดประสงค์ที่เดินทางมาแจ้งความในวันนี้ว่า
“ที่มาแจ้งความในวันนี้ เพราะมันหลายครั้งแล้วที่เราถูกเขาเขียนว่า ถ้าไล่กันมาจริงๆโดนมาเป็น 10 ปีแล้ว คือมันมีเรื่องราวมาโดยตลอด ประเด็นมันมาตั้งแต่เรื่องการประกวดหนุ่มสาวแฮ็คส์ ซึ่งการกระทำตรงนั้นเรามีความรู้สึกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย แต่คำพูดที่เขาเขียนว่าเราหลายๆ คำพูด”
“อยากให้ทุกคนไปอ่านในหนังสือเอาเอง เราไม่อยากพูด ซึ่งที่ผ่านมาตัวเราไม่อยากเป็นข่าว หรือทำให้ใครเสียหาย เพราะถ้ามันเกิดเป็นข่าวอย่างตอนนี้ มันก็กระทบและเกิดความเสียหาย แต่ที่วันนี้ต้องแจ้งความเราก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร แค่อยากให้ทุกคนรู้ว่า คุณต้องรับผิดชอบในสิ่งที่คุณทำหรือเขียนลงไป”
“ก่อนมาก็ตัดสินใจอยู่นานพอสมควรนะ เพราะมองว่าคนเราอยู่ในวงการบันเทิงมาด้วยกัน ในบางครั้งเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่อง มันก็ไม่ควรที่จะเป็นเรื่อง แต่ว่าด้วยการกระทำหรือด้วยสิ่งที่เราถูกกระทำ และเราก็เกิดความเสียหาย พอมันเกิดขึ้นหลายๆครั้งเข้าเลยรู้สึกว่า เฮ้ย...เราทนไม่ไหวแล้วนะ ซึ่งถ้าเป็นไม่กี่ครั้งเราก็จะรู้สึกใจเย็นๆก่อนดีกว่า ยังไงมันก็ต้องเจอกัน แล้วเราเคยเห็นเรื่องราวแบบนี้มาเยอะแยะมากมาย เพราะเราก็อยู่ตรงนี้มานานพอสมควร”
“แต่พอไม่มีการหยุดเราก็เลยรู้สึกว่ากฎหมายเท่านั้นที่จะหยุดเขาได้ ซึ่งเราอยากให้ความยุติธรรมเป็นคนพิจารณาแล้วกันว่า คนที่ถูกกระทำควรที่จะออกมาให้ทุกคนได้เห็นว่า สิ่งที่เราโดนกล่าวหาตามกฎหมายมันเป็นยังไง ก็เลยให้เป็นกระบวนการของกฎหมายจะดีกว่า เพราะว่าใช้ความรู้สึกของตัวเองอะไรก็แล้ว พยายามทำในสิ่งที่ดีๆกลับคืนไปก็แล้ว ก็เลยมีความรู้สึกว่าคงต้องพึ่งกฎหมาย”
“ถ้าใครเคยรู้จักตัวเราจริงๆ จะรู้ว่าเราโดนมาเป็นระลอกๆ แล้วก็จะโดนอยู่บ่อยๆ แม้กระทั่งก่อนหน้านี้มีการออกพ็อกเก็ตบุ๊คหรืออะไรก็แล้วแต่ ก็จะมีถูกพาดพิงถึงตลอดแบบเสียหายมากๆ แต่เราก็พยายามไม่ติดใจให้มันผ่านๆไปเถอะ แต่พอสุดท้ายก็มีอีก มีมาเรื่อยๆ จนกระทั่งที่เป็นข่าวล่าสุดก็ยังมีอีก จนเรารู้สึกว่าถ้าอย่างนั้นต้องให้ทุกคนได้พิสูจน์ความจริง และก็ในเรื่องราวที่เราถูกด่า มันเกิดผลกระทบต่อตัวเราแน่นอนอยู่แล้ว คือเขาทำความเสื่อมเสียให้กับตัวเราโดยข้อหาหมิ่นประมาท ซึ่งต้องปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่และทางทนายอีกที”
“ถามว่าคำไหนที่เขาว่าแล้วเราทนไม่ได้ คือข้อความมันมีอยู่ในหนังสือหมด แต่หลักฐานตอนนี้อยู่ที่ทนายหมดแล้ว หลักฐานก็มีทั้งข้อความ ข้อมูล ที่ตัวเราตอนนี้ไม่มีเพราะเราต้องศึกษารายละเอียดก่อน และต้องทำให้มันถูกต้องก่อน ก็เลยต้องมอบหมายให้ทางทนายและเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการ ก็รอให้เป็นเรื่องของทางกฎหมายดีกว่า ให้กฎหมายตีความดีกว่าว่าเป็นยังไง พี่คงพูดอะไรเยอะกว่านี้ไม่ได้ แต่ถ้าไม่มั่นใจก็คงไม่มา”
ปัดเคยมีเรื่องบาดหมางกับคู่กรณีมาก่อน ส่วนประเด็นแย่งกันปั้น “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ” จนทำให้อุ๊บไม่พอใจ เจ้าตัวคอนเฟิร์มว่าไม่เกี่ยวแน่นอน
“ตัวเราเองไม่มีอะไรกับใครอยู่แล้ว ซึ่งการกระทำของเราถ้าลองไล่ดูจริงๆ เราไม่มีอะไรที่ว่ากล่าว หรือสร้างให้เขาเสื่อมเสียเลย แต่เป็นฝ่ายเราต่างหากที่โดนมาโดยตลอด ที่คนมองว่าเขาไม่พอใจเรา เรื่องแย่งกันปั้มอั้มหรือเปล่า จริงๆแล้วประเด็นนี้ไม่ได้เกี่ยวกับอั้มเลย อีกอย่างหนึ่งไม่อยากเอาอั้มเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งพี่บอกแล้วและพูดทุกครั้งว่า จริงๆพี่ก็ไม่ใช่คนปั้นอั้ม เราทำในฐานะผู้จัดประกวดแฮ็คส์ คนที่ปั้นจริงๆคือ คุณแดง สุรางค์ เปรมปรีดิ์ ถ้าคุณแดงไม่ปั้นอั้มก็ไม่ได้เกิดหรอก แล้วคนอื่นใครจะมาปั้นล่ะ”
“พี่เป็นแค่คนพาน้องอั้มเข้าไปลองเทสต์ที่ช่อง 7 แล้ววันที่เซ็นสัญญาก็เป็นคนไปเซ็นร่วมกับพี่แก้ว พรีเมียร์ ซึ่งพี่แก้วได้รับเป็นผู้จัดการดูแลน้องอั้มในสมัยนั้น แต่พอข่าวออกมากลายเป็นว่าเราไปกระทบกระเทือนใครหรือเปล่า พอมีข่าวไปกระทบกระเทือนพี่ก็ถูกด่าอีกแล้ว พี่ก็ถูกเขียนด่ามาตลอดอยู่แล้ว เราก็พยายามมองไม่เห็น หลับตาไปซะไม่สนใจ แต่เขาไม่หยุด แล้วคนที่อ่านข่าวทั่วประเทศตอนนี้ เขาก็มองพี่แบบว่าเฮ้ย...ทำไมถึงออกมาอะไรกับอั้ม พออั้มดังแล้วทุกคนก็ออกมาอะไรกับอั้มเนี่ย ซึ่งไม่ใช่ประเด็นนี้เลย”
ส่วนประเด็นที่ว่าอีกฝ่ายสร้างข่าว เพราะต้องการโปรโมตชมรมนักปั้นนั้น “ชายแฮ็คส์” บอกไม่สนใจ แต่มันทำให้ตนเสื่อมเสีย และเปล่าแท็คทีมกับใครรุมหาเรื่อง “อุ๊บ”
“ตัวพี่ยินดีกับทุกฝ่าย เพราะเราก็มีกันอยู่แค่นี้ แต่ไอ้ส่วนตรงนั้นไม่เกี่ยวอยู่แล้ว เพราะก่อนหน้านี้พี่เจอหน้าเขาก็ยังยกมือไหว้ พี่ก็ทักทายตลอด หรือเขาทำเพื่อต้องการโปรโมตสมาคมนักปั้นหรือเปล่า ตรงนั้นเราก็ไม่รู้ ตรงนี้ใครจะทำอะไรยังไงก็แล้วแต่ แต่ถ้าเป็นการกระทำที่ทำให้เราเสื่อมเสียแบบนี้ เราก็ต้องออกมา”
“เราหมดความอดทนแล้ว คือวันหนึ่งชีวิตหรือหน้าที่การงานของเรามันต้องเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แล้วถ้าเราถูกโดนอยู่แบบนี้เรื่อยๆ ตั้งแต่เราเป็นเด็กจนถึงผู้ใหญ่ และเราก็ยังถูกกล่าวหาอยู่เรื่อยๆ หรือการที่คุณมีโอกาสจะใช้สื่อ หรือทำอะไรก็แล้วแต่กระทำย่ำยีคนอื่น มันไม่ใช่แล้ว ถามว่าที่ออกมาแจ้งความ เพราะมีคนคอยเป็นแบ็คอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า คนเสียหายมันต้องมีเบื้องหลังด้วยเหรอในเมื่อตัวเราเสียหาย เราจะให้ใครมาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรา ไม่มีแน่นอน และตัวเขาก็มีคู่กรณีเยอะ แต่เราคงไม่ไปแท็คทีมร่วมกับเขาแน่นอน”
ลั่นหมดเวลาเจรจายอมความ แม้อีกฝ่ายจะออกมาขอโทษภายหลังก็จะไม่ยอมรับ
“อันนี้มันหมดเวลามานานแล้ว ต้องคุยกับทางทนายอย่างเดียวแล้วครับ เพราะถ้ามาถึงขั้นตอนของกฎหมายแล้ว ก็ให้กฎหมายเป็นตัวตัดสินดีกว่า เพราะพี่เจอหน้าเขาที่ไหน ก็ยกมือไหว้ทุกครั้ง เจอที่ไหนก็ยิ้มทักทายด้วยดีทุกครั้ง ถ้าเขาจะมาขอโทษตอนนี้ พี่ก็ไม่รับ เพราะก่อนที่จะทำอะไร เราก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว มันต้องมีวิจารณญาณในการตัดสินใจอยู่แล้วนะ ซึ่งหลังจากนี้ก็ไม่รู้จะเป็นยังไง ยังตอบอะไรไม่ได้ มันเป็นเรื่องของอนาคต แต่ถ้าพูดจริงๆมันก็ไม่สบายใจ”
นอกจากนี้ “ชายแฮ็คส์” ยังเปิดเผยต่อว่า นอกจากฟ้องคดีอาญาแล้ว ตนอาจจะฟ้องคู่กรณีในคดีแพ่งเพิ่ม ซึ่งขณะนี้กำลังรอปรึกษาทนายความอยู่ว่า ผลกระทบที่ได้รับจากการถูก “อุ๊บ วิริยะ” เขียนข้อความด่า จะทำให้ตนสามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้เท่าไหร่