ผู้กำกับ “แฟนเก่า” “ต้อม ปิยะพันธ์” ชี้แจงขอโทษ “ชาคริต” ยันหนังไม่ล่อแหลมส่อเซ็กส์ และตนไม่เกี่ยวการพีอาร์หนัง เชื่อถูกบิดเบือน ให้คำมั่นจะไล่เช็คหาคนสร้างกระแสข่าวให้เจอ ลั่นไม่ฟ้องร้อง แต่จะให้มาขอโทษพระเอกหนุ่มเพื่อให้เรื่องจบ
หลังจากที่พระเอกหนุ่ม “ชาคริต แย้มนาม” นักแสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง “แฟนเก่า” ของบริษัท “อาวอง” ในเครือ “อาร์เอส โปรโมชั่น” ออกมาแถลงข่าวทั้งน้ำตาคู่กับคุณแม่ “สมลักษณ์ แย้มนาม” เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา เนื่องจากไม่พอใจภาพโปรโมตจากหนังเรื่องดังกล่าว ที่ส่อไปในเรื่องเซ็กส์ ทำให้ตนถูกด่ากระหน่ำว่า ลามก วิปริต วิตถารที่ไปขยำเต้าดาราสาว “โบวี่ อัฐมา ชีวนิชพันธ์” ในฉากเลิฟซีน
พอพระเอกหนุ่มเสร็จสิ้นการแถลงข่าว ด้านผู้กำกับ “ต้อม ปิยะพันธ์ ชูเพ็ชร์” จึงได้ออกมาชี้แจงบ้างว่า พอทราบข่าวจากพระเอกหนุ่มทางโทรศัพท์ก็ตกใจ ซึ่งตนก็ได้กล่าวขอโทษกลับไปเรียบร้อยแล้ว
“ผมเพิ่งรู้ข่าวเมื่อเช้า และผมได้โทรไปที่บริษัทแล้ว เขาบอกว่าเดี๋ยวต้องเช็คก่อนว่า ข่าวไหนที่พีอาร์ส่งไป หรือทางเว็บไปเล่นเอง ซึ่งจริงๆแล้วในรูปไม่มีอะไรเลย แต่คนเอาไปสร้างประเด็น ถ้าข่าวมาจากที่อื่น มาจากนักข่าว ยังไงทางออฟฟิศเราก็ต้องดูแลด้วย ยังไงก็แล้วแต่ก็ต้องขอโทษตัวชาคริตกับคุณแม่เขาในเบื้องต้น”
“เมื่อเช้าน้องโทรมาระบาย ผมก็ตกใจเพราะประเด็นนี้ผมอ่านข่าวแค่ผ่านๆ แต่พอผมได้รับฟังน้องรู้ว่า เขารู้สึกแย่จริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่เอามาพูดตรงๆ เพราะปกติเขาอารมณ์เย็นอยู่แล้ว คือผมคบกับเขามาผมรู้ เวลาเขาโกรธก็ใช้ได้เอาเรื่องอยู่นะ เขาเป็นคนจริงเหมือนกัน ซึ่งตอนที่โทรคุยกันผมก็ขอโทษน้องเขาไปแล้ว และเริ่มหาเหตุผลว่าทำไม ทั้งทางต้นสังกัด และคนที่รับผิดชอบด้วย”
“ในส่วนที่เขาออกมาพูด เขาคงรับไม่ได้จริงๆ ซึ่งจริงๆ เขาไม่ต้องมารับตรงนี้ เพราะเขาเป็นแค่นักแสดง แต่เราไปสร้างประเด็นจนชัดเกินไป ไปตีตรากับเขา บางทีเขาอาจจะได้รับบทตำรวจเข้มๆ เราก็อย่าไปคิดว่าตำรวจคนนี้ต้องขี้หลี แต่เราไปติดภาพตรงกันข้าม จนผมคิดว่าตอนนี้มันเยอะไป เยอะซะน้องเขาไม่ไหวแล้ว ยิ่งตรงข่าวแฟนเก่ามันเล่นไม่เลิก”
ยันเนื้อหาในหนังไม่ล่อแหลมส่อเซ็กส์เหมือนกระแสข่าวที่ออกมา โบ้ยเป็นความผิดคนอื่น ที่นำภาพไปสร้างประเด็นบิดความหมายไป
“ผมพูดไปตั้งหลายครั้งแล้วว่า ประเด็นล่อแหลมพวกนี้ไม่เกี่ยวกับหนัง ผมอยากให้โปรโมตว่าหนังผมเป็นยังไงมากกว่า หรือมันน่ากลัวยังไง ผมพูดอยู่ตลอดถ้าผมจะส่งข่าวหรืออะไร ผมต้องเลือกภาพ แต่รูปภาพที่เลือกไปมันกลายเป็นบิดความหมาย ถ่ายไปแล้วโป๊ขนาดนั้นมันไม่ใช่ คนไปเล่นประเด็นกันเองมากกว่า แต่หนังไม่ได้สื่อไปเรื่องอารมณ์ทางเพศเลย ผมยอมรับว่าเห็นใจน้องเขา”
“ในเรื่องของความหวือหวาในหนังไม่มีเท่าไหร่ มันเป็นเพียงเรื่องของความรักของผู้ชายกับผู้หญิง ประเด็นหนังไม่ได้บอกว่าเราจะขายเซ็กซี่ เพียงตัวแสดงที่เรานำมาแสดง ค่อนข้างมีภาพเซ็กซี่อยู่แล้ว ซึ่งภาพนิ่งที่ส่งให้พีอาร์ เป็นภาพที่อยู่ในหนังไม่น่าเกลียดอยู่แล้ว อย่างฉากเลิฟซีนที่ใช้สแตนอินผมก็ห้ามถ่ายภาพ ผมบอกเลยว่าหนังผมไม่ใช่หนังโป๊ หนังผมเรตคนดูอายุ 15 ปีขึ้นไป”
ปัดใช้ชื่อเสียงของชาคริตขายข่าวโปรโมตหนัง รับภาพพีอาร์ที่ออกไปเป็นเชิงลบ ยันจะจับตัวหาคนรับผิดชอบเรื่องนี้ให้ได้
“ผมไม่ได้ขายข่าว ผมให้สัมภาษณ์ทุกเล่มว่า ในเรื่องเป็นความเจ้าชู้ของผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งคนจะเข้าใจเลย ผมไม่ต้องเสียเวลาในการเล่าหนัง ถ้าผมเอาคนอื่นมาเล่นข่าว ผมต้องเสียเวลาในการเล่าหนัง เพื่อจะให้คนเข้าใจว่าผู้ชายคนนี้เจ้าชู้ พอผมยกตัวอย่างชาคริตขึ้นมาปุ๊บทุกคนเข้าใจเลย ไม่ต้องอธิบายว่าชาคริตจีบหญิงยังไง ก็ให้ตัวหนังเล่าไปเลย”
“บางคนอาจมองว่า ผมเป็นผู้กำกับจะมาบอกประเด็นอะไรให้เขาทำพีอาร์หรือเปล่า ผมไม่ได้บอกอะไรเลย พีอาร์ก็พีอาร์ ผมเป็นผู้กำกับ หน้าที่ของผมไม่เกี่ยวข้องกับการโปรโมต ส่วนผมอยู่ฝ่ายผลิตอย่างเดียว ทางพีอาร์ก็จะสร้างข่าวของเขา คือเราไม่รู้ไม่ไปยุ่งกับเขา ซึ่งในตัวหนังมันจะบอกในตัวมันเอง มันจะมีคาแรคเตอร์ของมัน ถ้าเราเล่าตามหนังมันจะไม่เกี่ยวกับเป้าตุง ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่ไม่ดีล่อแหลม”
“ผมยอมรับว่าพีอาร์ที่ออกไป มันเป็นภาพในเชิงลบ แต่อยากหาเหตุผลว่ามันออกมาทางไหน เราไม่สามารถไปโทษใครได้ มันต้องดูว่ามาจากไหนมากกว่า ซึ่งผมก็ได้คุยกับทางพีอาร์ที่ดูเรื่องนี้เบื้องต้น วันนี้เป็นวันที่น้องเขาแถลงข่าว ก็ให้น้องแถลง และทางเราจะออกมารับผิดชอบยังไงค่อยว่ากัน แต่ต้องมีคนรับผิดชอบ”
เผยกำลังไล่เช็คใครเป็นคนสร้างข่าว ถ้ารู้ตัวแล้วคงไม่ฟ้องร้อง แต่จะให้ออกมาขอโทษพระเอกหนุ่ม เพื่อให้เรื่องจบ
“ผมก็ไม่แน่ใจว่า สิ่งที่เขาเอาไปพีอาร์มันเป็นยังไง ปัญหาตอนนี้คือใครเป็นคนเล่น เพราะเราไม่ได้เป็นคนเล่น และถ้าเกิดเล่นแล้วได้รับความเสียหาย รู้ว่าเป็นใครก็ต้องขอโทษเขาครับ สิ่งที่ชาคริตโกรธคือมาเล่นอะไรที่ไม่ได้เกี่ยวกับตัวหนังเลย เรื่องเป้าตุงเรื่องจับนมเนี่ย ซึ่งประเด็นหนังไม่ได้เล่าตรงนั้น"
"ตอนนี้เราอยากรู้ว่าใครเป็นคนสร้างประเด็นข่าว ถ้าทำแล้วออกมาขอโทษมันก็จบ ไม่ใช่ว่าโยนความผิดให้คนโน้นคนนี้ ถ้าคนไหนทำแล้วออกมายอมรับแล้วขอโทษก็แค่นั้นเอง”
“ตอนนี้เรากำลังเช็คอยู่ว่าประเด็นนี้มาจากไหน แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องขอโทษชาคริตและคุณแม่ด้วย ตอนนี้ผมไม่ได้กลัวเรื่องผลกระทบกับหนัง ผมคิดถึงความรู้สึกของน้องมากกว่า คือมันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเขา หนังก็คือหนังเรา เราก็ต้องออกมาเคลียร์ว่า ใครทำผิด หรือถ้าทำให้เขาไม่พอใจก็ต้องขอโทษ เราอยากให้ร่วมงานแล้วแฮปปี้ต่อกัน แต่เรื่องนี้ไม่ใช่”
“ถ้ารู้ว่ามาจากไหนคงไม่ฟ้องหรอกครับ เราเป็นห่วงความรู้สึกของนักแสดงมากกว่า เพราะผมต้องร่วมงานกับนักแสดงไปเรื่อยๆ ทางบริษัทก็ต้องร่วมงานกับนักแสดงต่อไป ไม่งั้นคงไม่มีใครกล้ามาแสดงกับผม ทุกคนกลัวข่าวที่ออกมามันผิดเพี้ยน ผมเลยต้องเคลียร์ว่าใครเป็นคนทำเรื่องนี้ ซึ่งคิดว่าพรุ่งนี้น่าจะมีการประชุมกันที่บริษัท คงต้องหาบทสรุปให้ได้ว่า ภาพที่ส่งไปเป็นยังไง”
ไม่เร่งรัดขอให้ชาคริตมาร่วมงานเปิดตัวหนังรอบสื่อมวลชน บอกรอให้สบายใจก่อนค่อยว่ากัน
“ถามว่าน้องเขาจะไปร่วมงานหนังรอบสื่อมวลชนหรือเปล่า ผมต้องขอคุยกับน้องเขาก่อน มันเป็นเรื่องของความสบายใจ ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องของผมคนเดียวแล้วล่ะ และคงไม่เงียบ ผมต้องเอาให้รู้ เพราะถ้าเงียบผมคงต้องคุยกับน้องยาว (หัวเราะ)"
"เรื่องเขาจะลาวงการ ผมยังไม่ได้คุยกับน้องมากขนาดนั้น เราเพิ่งคุยกันเมื่อเช้านี้เอง แต่ตอนนี้อยากให้น้องสบายใจก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากันว่า น้องจะมาร่วมงานหนังรอบสื่อหรือเปล่า”