ขณะที่ผลการชันสูตรศพอย่างเป็นทางการของ “ไมเคิล แจ็กสัน” จะมีขึ้นในพรุ่งนี้ แต่สื่อหลายฝ่ายได้ออกมาคาดการว่า สาเหตุการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของราชาเพลงป็อปอาจจะเกิดจากพฤติกรรมติดยาแก้ปวดจนเป็นนิสัยของเขา จนเกิดอาการโอเวอร์โดสทำให้หัวใจวายจนเสียชีวิต
มีการเปิดเผยจากหลายแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับทาง ไมเคิล แจ็กสัน นักร้องดังวัย 50 ปี ที่เสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยอาการหัวใจวายเมื่อบ่ายของวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า อาจจะมีสาเหตุมาจากการติดยาแก้ปวดขั้นรุนแรงอย่าง Demerol ที่ออกฤทธิ์คล้ายมอร์ฟีน ที่คาดว่าไมเคิลอาจจะฉีดเข้าไปในร่างกายของเขาจนเกินขนาด ทำให้เกิดอาการโอเวอร์โดส และเป็นที่มาของการหัวใจวายในที่สุด
ซึ่งสาเหตุของการกลับมาใช้ยาอย่างหนักนี้ อาจจะเกิดจากความเครียดที่มีต่อคอนเสิร์ตคืนวงการที่ประเทศอังกฤษที่จะมีขึ้นในเดือน ก.ค.ที่จะถึงนี้ หลังจากตั๋วจำหน่ายหมดไปอย่างรวดเร็ว
แหล่งข่าวที่เป็นสมาชิกในครอบครัวของไมเคิลยืนยันถึงประวัติอันยาวนานที่เขามีต่อการใช้ยาแก้ปวดว่า “เขาไม่สามารถอยู่โดยขาดยาแก้ปวดเหล่านั้นได้เลย”
“เขามีอาการเจ็บหลัง นั้นคือเหตุผลที่เขาต้องใช้ยาแก้ปวด แต่มันชัดเจนว่าสุดท้ายยาแก้ปวดพวกนั้นเป็นตัวพรากชีวิตของเขาไป ครอบครัวของเขาเคยบอกให้เขาเลิกใช้ยาและตั้งหน้าตั้งตากับการทัวร์ที่จะมาถึงแทน” แหล่งข่าวที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อชี้แจง
แต่นอกจากไมเคิลจะไม่สามารถเลิกใช้ยาได้แล้ว เขายังหันมาใช้ยาที่ส่วนผสมของฝิ่นอย่าง Dilaudid ซึ่งการใช้ในปริมาณที่เกินขนาดจะนำไปสู่การหัวใจวายเช่นกัน
แหล่งข่าวของครอบครัวเผยว่า ไมเคิลมีปัญหาเรื่องการใช้ยามาตั้งแต่สมัยต้องขึ้นโรงขึ้นศาลในคดีกระทำชำเราเยาวชนเมื่อปี 2005
ขณะที่หลายแหล่งข่าวเผยว่าไมเคิลเริ่มใช้ยาตั้งแต่เหตุการณ์อุบัติเหตุในการถ่ายทำโฆษณาให้กับ Pepsi เมื่อปี 1984 ที่ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บจากแผลไฟไหม้ระดับสองที่ศีรษะของเขา
ขณะที่อุบัติเหตุในคอนเสิร์ตปี 1993 ทำให้เขาได้รู้จักกับยาแก้ปวดอย่าง Demerol และใช้มันมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งประวัติการใช้ยาแรงๆ อย่าง Valium, Xanax และ Ativan จนเขาต้องเข้ารับการบำบัด แต่หลายฝ่ายก็ไม่เชื่อว่าเขาจะเลิกพึ่งพายาเหล่านั้นได้อย่างเด็ดขาด
หลังจากปัญหาที่รบกวนจิตใจเขามานานอย่างคดีกระทำชำเราเยาวชนของเขาสิ้นสุดลง กลายเป็นว่าปัญหาทางกายของเขากลับเล่นงานหลังจากนั้นอย่างต่อเนื่อง
โดยเมื่อปีที่แล้วที่มีคนเห็นเขาต้องออกมาชอปปิ้งในสภาพอยู่บนรถเข็น ขณะที่การผ่าตัดซ่อมจมูกหลายครั้งของเขาทำให้เขาหายใจอย่างลำบาก และเขายังมีนิสัยไม่ชอบทานอาหารกลางวันและมีปัญหาด้านการกิน ซึ่งยิ่งทำให้ร่างกายของเขาอ่อนแอและซูบผอมในช่วงที่ผ่านมา
จนเป็นที่กังวลของหลายฝ่ายว่าเขาจะมีแรงพอสำหรับการแสดงคอนเสิร์ต 50 รอบที่จะมีขึ้นในประเทศอังกฤษในเดือน ก.ค.นี้หรือเปล่า
โดยเมื่อเดือนที่แล้วมีรายงานว่า ไมเคิลขาดซ้อมกับทีมงานบ่อยมาก โดยไปปรากฏตัวให้เห็นเพียงแค่ 2 ครั้ง จากการซ้อมทั้งหมด 45 ครั้ง
อย่างไรก็ดี มีรายงานเผยว่าไมเคิลเพิ่งจะไปเข้าซ้อมกับลูกทีมที่สนาม Staples Center ที่ลอสแองเจลิส เมื่อคืนที่ผ่านมานี้เอง โดยแหล่งข่าวที่อยู่ในสนามไม่เห็นวี่แววของความเจ็บป่วยใดๆ นอกจากการมาซ้อมสายและไม่ค่อยกระตือรือร้นของเจ้าตัว
ทีมงานเผยว่า ไมเคิลควรจะมาถึงที่ซ้อมตอนเวลาทุ่มตรงแต่กว่าเขาจะมาถึงก็สี่ทุ่มไปแล้ว และดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวาเท่าไหร่ แต่ตามการเปิดเผยของทีมงานปกติเขาก็มาสายและไม่ค่อยกระตือรือร้นอยู่แล้ว ซึ่งไมเคิลยังร้องเพลงและเต้นรำกับแดนเซอร์และวงดนตรีเหมือนที่เคย
ในแถลงการณ์ของ เจอร์เมน พี่ชายของไมเคิลได้ระบุว่า ทางทีมแพทย์ที่โรงพยาบาล UCLA ได้พยายามกู้ชีวิตของราชาเพลงป็อปเป็นเวลาถึง 1 ชั่วโมงเต็มก่อนจะยืนยันการเสียชีวิตอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นร่างของเขาได้ถูกส่งผ่านทางเฮลิคอปเตอร์เพื่อไปยังฝ่ายชันสูตรศพของลอสแองเจลิสเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา และจะมีการชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้
A tribute to the King of Pop