xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องเหี้ย...เหี้ยๆ ของ "บอ.บู๋"/อำนาจ

เผยแพร่:   โดย: อำนาจ เกิดเทพ


หลังปรากฏเป็นข่าวมีเรื่องมีราวกับเจ๊ชอบจัดระเบียบคนหนึ่งเพราะไปเขียนว่า "หน้าตีนกา(ของเจ๊)คนแถวบ้านผมเขาเรียกว่า Son-Teen" จนเป็นที่มาของข่าวการ(จะ)ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย (ซึ่งคาดว่าคนฟ้องจะเอาไปทำหน้า Son Teen ให้เต่งตึง) เกือบ 100 ล้านบาทขึ้นหน้าหนึ่งนสพ.หัวสีบางฉบับโดยไม่จำเป็นที่จะต้องตกอยู่ในสภาพของศพถูกฆ่าตัดคอ, เป็นกะเทยถูกทอมข่มขืน, เป็นเด็กชายที่ถูกฝรั่งโรคจิตตุ๋ย, เป็นเด็กหญิงที่ต้องสวมหมากใส่แว่นดำที่นักการเมืองหญิง(บางคน)อยากถ่ายรูปด้วย หรือเป็นต้นกล้วยแต่ดันไปเป็นชู้กับต้นมะม่วงผลผลิตที่ออกมาเลยแปลกประหลาด ฯลฯ แล้ว...

นับตั้งแต่นั้นมา ผมก็ไม่ค่อยจะได้ยินชื่อของคอลัมนิสต์กีฬาชื่อดังอย่าง "บอ.บู๋" สักเท่าไหร่

(รวมถึงไม่รู้เช่นกันว่าความคืบหน้าของเรื่องที่ว่าเป็นเช่นไร มีการฟ้องร้องกันมั้ย? คดีไปถึงไหนแล้ว? ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเอาเสียเลยในการมีอาชีพเป็นนักข่าวเช่นผม เพราะฉะนั้นตรงส่วนนี้ผู้ปกครองจึงควรพิจารณาและให้คำแนะนำที่ถูกต้องให้กับลูกหลาน)

จะเห็นหน้าพร้อมกับได้ยินเสียงแว้บๆ บ้างก็จากทางหน้าจอทีวีในรายการที่เขารับหน้าที่เป็นพิธีกร รวมไปถึงข้อเขียนในหนังสือพิมพ์กีฬา (ที่บางฉบับผมว่ามันไม่ได้ต่างอะไรไปจากหนังสือคู่มือเพื่อให้ผู้คนที่รักความเสี่ยงได้ตัดสินใจประกอบการลงทุนกับกีฬาลูกกลมๆ) ต้นสังกัดของเขา

สำหรับใครก็ตามที่ไม่เคยรู้จักผู้ชายคนนี้ บอกเล่าให้ฟังแบบย่นย่อ ไม่ลีลา อืดอาด ยืดยาด เยิ่นเยื้อ จนเนิ่นนานให้น่ารำคาญว่า บอ.บู๋ เป็นนามปากกาของผู้ชายวัย 40 กว่าปีที่ชื่อ "บุรนิจน์ รัตนวิเชียร" (23 ธันวาคม 2509) ชื่อเล่นจอม เจ้าของคอลัมน์ "ทุ่งหญ้าแห่งความฝัน" (Rate X) อันลือลั่นในหนังสือพิมพ์ "สตาร์ซอคเกอร์"

ด้วยสำนวนการเขียนที่ค่อนข้างจะหวือหวาประเภท อยากเขียนตูด ก็ต้องเป็นตูด ดากเป็นดาก ขี้เป็นขี้ ตีนเป็นตีน ส่งผลให้คนที่ได้อ่านงานเขียนของเขา ถ้าไม่รู้สึกชอบมาก ก็จะรู้สึกเกลียดไปเลย

อาจจะมีเพียงส่วนน้อยที่ผมเข้าใจว่าเป็นประเภทแทงกั๊ก ประเภทว่าถ้าอยู่ในวงการดารา-นักร้อง หากถูกถามถึงเรื่องความสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม ส่วนใหญ่ก็จะบอกว่าเป็นแค่เพื่อนสนิทกันค่ะ(ครับ) หรือถ้าทันสมัยขอเข้าสถานการณ์การเมืองหน่อยก็ประเภทขอเป็นกลาง ขอเป็นสีขาว เขียว เทา ชมพู หรือสีอะไรก็ได้ยกเว้นเหลืองกับแดง(ทำเป็นนักฟุตบอลไปได้)

หลายคนไม่ชอบเขาด้วยเหตุผลและความรู้สึกว่า เขาหยาบ เขากวนตีน เขามีปากเอาไว้ทำฟาร์มสุนัข เขาหยิ่ง เขาเป็นคนยโส(เขาเป็นคนกรุงเทพฯ) เขาโอหัง ฯ ซึ่งด้วยสรรพคุณเหล่านี้นี่เองที่ทำให้ชีวิตการทำงานของเขาในห้วงที่ผ่านมาต้องเผชิญกับสรรพโทษในสายตาของคนนอกมากมาย ทั้งถูกจดหมายเขียนเข้ามาด่า(หลายครั้งเขาก็ด่ากลับ) ถูกพักงาน ถูกตัดเงินเดือน ไปเป็นดีเจทางวิทยุก็ถูกแบน(4 ครั้ง)

ขณะที่อีกหลายๆ คนที่ชอบเขาส่วนใหญ่ก็จะด้วยเหตุผลและความรู้สึกที่ว่าเขาเป็นคนตรง ไม่ดัดจริต ปากกับใจตรงกัน ไม่สร้างภาพ รู้สึกอย่างไรก็เขียนและพูดเช่นนั้น ฯ

ส่วนผม แม้จะเชียร์ทีมที่ดูเหมือนจะอยู่ตรงข้ามกับทีมที่เขาเชียร์ คือ "ลิเวอร์พูล" (พี่ฝ่ายศิลป์ในออฟฟิศคนหนึ่งชอบถามด้วยประโยคที่แซวกันว่า เป็นแฟนหงส์แต่ทำไมกินแสง?) และถึงแม้ในบางคราจะรู้สึกไปว่าเขาเองก็ค่อนข้างจะแรงไปนิด ทว่าก็จัดอยู่ในประเภทแอบชอบแอบเชียร์ ด้วยเหตุผลที่ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่รวยอารมณ์ขัน (ผมเคยสัมภาษณ์เขาผ่านรายการวิทยุมาแล้ว รู้สึกว่าเขาเป็นคนหนึ่งที่เข้าทำนองปากร้ายแต่ใจดี ถูกผิดประการใดไม่ทราบ), เป็นคนที่เล่าเรื่องได้สนุก รอบรู้ และเป็นคนที่เก่งมากๆ ในการเลือกใช้คำทั้งที่เป็นไปในเชิงเสียดสี เปรียบเปรย เหน็บแนม หยิก หยอก (บางทีก็เลยเถิดไปถึงขั้นทุบตี) การยกตัวอย่างเปรียบเทียบ ฯ มีลูกเล่นมีลีลาการเขียนที่จับทางได้ยาก และแม้จะจับทางได้ก็ยากจะเลียนแบบ ฯลฯ

ทุกบรรทัดในงานเขียนเป็นต้องได้ลุ้นว่าเขาจะเขียนอะไรให้ได้รู้สึกฮา

ไม่ใช่เฉพาะเรื่องกีฬาเท่านั้นนะครับที่เขาเขียนได้สนุก เรื่องราวในแวดวงบันเทิง ดารา การเมือง ต่างๆ นานา เหล่านี้ เขาก็มีมุมมอง มีอารมณ์ความรู้สึกที่เข้าไปจับต้อง และสามารถที่จะกลั่นกรองถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าสนใจ น่าอ่าน

เขียนร่ายยาวมาเรื่อยก็เพราะอยากจะบอกว่าตอนนี้พี่เขามีพื้นที่ในการร่ายอักษรเพิ่มขึ้นมาอีกที่หนึ่งแล้วกับคอลัมน์ที่ชื่อว่า "บอ.บู๋ มาพ่น-พล่าม-เพ้อ ให้ประเสริฐต่อมฮา" ใน ZOO WEEKLY นิตยสารรายสัปดาห์ที่ผมติดตามจ้องและอ่านมากที่สุดในช่วง 5-6 เดือนที่ผ่านมา

ไม่แน่ใจนะครับว่าเขามาเขียนคอลัมน์ตั้งแต่ฉบับที่เท่าไหร่กันแน่เนื่องจากเงื่อนไขการที่จะได้อ่านของผมนั้นมันขึ้นอยู่กับว่าทาง บ.INSPIRE ENTERTAINMENT เจ้าของนิตยสารเขาจะจัดส่งมาให้(อ่านฟรี)มากน้อยเพียงใด(ขอขอบคุณสำหรับฉบับที่ผ่านมารวมถึงฉบับล่วงหน้าที่จะส่งมา 555) แต่เล่มแรกที่ได้อ่านคอลัมน์ของเขาผ่านนิตยสารเล่มนี้ก็คือเรื่อง "การถ่ายรูปคู่กับเพื่อนสนิท" ที่ว่าด้วยเรื่องของข่าวภาพถ่ายระหว่าง "อ้อม-พิยดา" กับพ่อรูปหล่อ "ซันนี่"

แต่ที่ค่อนข้างจะแน่ใจแน่ๆ ก็คือผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ลงตัวทีเดียว ระหว่างอารมณ์ของหนังสือ ซึ่งออกไปในแนวทะลึ่ง ทะเล้น เฮฮา แต่ก็ไม่ถึงกับต่ำ หยาบโลน มีการสอดแทรกเกร็ดความรู้ที่อาจจะไม่จำเป็นต้องรู้ แต่ถ้ารับรู้ไว้ก็ไม่เสียหาย

ประมาณว่าข้อมูลอาจจะเอาไปใช้ในวงเสวนาของนักวิชาการไม่ได้ แต่ถ้าเอาไปเป็นมุกในวงเหล้าหรือจีบหญิงละก็เรียกความครึกครื้นได้อย่างแน่นอน

ซึ่งทั้งหมดนี้ผมว่ามันไปด้วยกันดีเหลือเกินกับสไตล์การเขียนของเขา

โดยเฉพาะชิ้นที่ตรงกับใจผมมากๆ ก็คือในฉบับวันที่ 27 เมษายน 2552 ที่มีน้อง "ปุ้ม ดลรส" มาขึ้นปก ที่บอ.บู๋เขียนถึงเรื่องราวของ(ตัว)เหี้ย (มีตอนที่ 2 ตามออกมาในฉบับวันที่ 11 พ.ค.2552) พร้อมกับทิ้งท้ายคอลัมน์ไว้ประมาณว่าที่เขาเขียนเรื่องเหี้ยๆ มาให้อ่านก็เพราะอยู่ดีๆ เขาก็นึกถึงพวกมันขึ้นมาหลังจากการนอนดูทีวีและอ่านหนังสือพิมพ์ในช่วงวันสงกรานต์ที่ผ่านมา

ไม่ได้โม้นะครับ สาบานได้ว่า ช่วงเวลาดังกล่าวผมเองก็นึกถึงจนต้องสบถชื่อของพวกมันออกมาอยู่บ่อยครั้งทีเดียว
กำลังโหลดความคิดเห็น