xs
xsm
sm
md
lg

“สาก” ตั้งข้อหาสุดเวอร์ “มาร์ค” ประทุษร้ายในหลวง-ยก จม.เพื่อน “ใจ” ป้ายสีพันธมิตรฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ
“เชาวริน” ตั้งข้อหา “มาร์ค” สุดเวอร์ อ้างขอนายกฯ มาตรา 7 ถือว่าประทุษร้ายในหลวง แจ้นขึ้นโรงพักแจ้งความเอาผิด ก่อนหยิบประเด็นยิบย่อย ตอดเล็กตอดน้อย แม้กระทั่งติดแถบเหรียญตรา ตุ้มหูเมีย ก่อนยก จม.ฝรั่งเพื่อน “ใจ” คัดค้านการพูดที่ออกซฟอร์ด อ้างข้อมูลบิดเบือนโจมตีพันธมิตรฯ แถมนำภาพความรุนแรงภาคใต้มาเผยแพร่ โดนประท้วงหน้าจ๋อย

เวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 19 มี.ค.ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเปิดอภิปรายในญัตติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นอภิปรายในอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เริ่มจากการกล่าวหาว่า นายอภิสิทธิ์ในฐานะประธานสภากลาโหม และประธานคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ ประดับเหรียญที่ระลึก 25 พุทธศตวรรษ และเหรียญที่ระลึกเสด็จพระราชดำเนินเยือนอเมริกาและยุโรป 2504 ซึ่งนายกรัฐมนตรีเกิดหลังจากเหรียญกำหนด จึงไม่มีสิทธิ์ประดับเหรียญนี้ ตนเชื่อว่าผิดกฎหมาย 100% แต่กฎหมายไม่ได้กำหนดบทลงโทษที่ชัดเจน

ต่อมา ร.ต.ท.เชาวรินกล่าวหาว่า การที่นายอภิสิทธิ์ไม่ใช้ยศทหารนำหน้า โดยอ้างว่ามีระเบียบกลาโหม กำหนดว่าจะใช้หรือไม่ก็ได้นั้น เป็นเพราะนายอภิสิทธิ์รู้แก่ใจว่าได้มาโดยไม่ถูกต้อง จึงไม่กล้าใช้ยศทหารนำหน้าใช่หรือไม่ นอกจากนี้ยังได้นำรูปภาพงานแต่งของนายอภิสิทธิ์กับนางพิมพ์เพ็ญ ภริยา มาแสดงประกอบอภิปราย โดยอ้างว่าต่างหูเพชรที่นางพิมพ์เพ็ญใส่ในงานสมรสเมื่อ 20 กว่าปีที่ผ่านมา น่าจะมีราคา2 แสน แต่ตอนนี้คาดว่าน่าจะประมาณ 6 แสนบาท แต่นายกฯไม่ได้แสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.

นอกจากนี้ ร.ต.ท.เชาวริน ยังได้อภิปรายว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย.49 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีรับสั่งกับศาลว่า ทรงอึดอัดเนื่องจากมีการขอพระราชทานนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ 2540 มาตรา 7 โดยมีนายอภิสิทธิ์เป็นผู้เรียกร้องตามมาตรา 7 ด้วย ซึ่งการทำให้พระมหากษัตริย์ทรงอึดอัด เข้าข่ายเป็นการประทุษร้ายต่อกายและจิตใจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 8 ของรัฐธรรมนูญ โทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต และคดีดังกล่าวไม่ขาดอายุความ นี่เป็นโทษประหารชีวิต เมื่อตนอภิปรายเสร็จจะไปแจ้งความที่ สน.ดุสิตให้ดำเนินคดีกับนายกรัฐมนตรี

ต่อมา ร.ต.ท.เชาวรินได้อภิปรายถึงตอนที่นายอภิสิทธิ์ไปปาฐกถาเรื่องประชาธิปไตย ที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า นายอภสิทธิ์ถูกต่อต้านจากนักวิชาการของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดคนหนึ่งคือนายลี โจนส์ อาจารย์วิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่ง ร.ต.ท.เชาวรินอ้างว่าเป็นผู้เชียวชาญเรื่องเอเชียตะวันออก และรู้เรื่องเมืองไทยดี โดยนายลี โจนส์ ได้ทำหนังสือถึงเซอร์ไมเคิล อธิการของวิทยาลัยเซนต์จอห์น ซึ่งเป็นสถาบันหนึ่งของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด แสดงความไม่เห็นด้วยกับการที่นายอภิสิทธิ์จะไปบรรยายเรื่องประชาธิปไตย โดยเนื้อหาในหนังสือระบุว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ขึ้นสู่อำนาจโดยการรัฐประหารครั้งใหม่หลังจากเหตุรุนแรงตามท้องถนนที่เกิดขึ้นตลอดหลายเดือนก่อนหน้านั้น

โดยอ้างว่าเหตุรุนแรงข้างถนนดังกล่าวมาจากกลุ่มต่อต้านรัฐบาลพรรคพลังประชาชนในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเคลื่อนไหวเพื่อหยุดยั้งประชาธิปไตย โดยการเรียกร้องให้มี ส.ว.มาจากการแต่งตั้ง ให้นายกฯ ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง และยกเลิกสิทธิการลงคะแนนเวียงของประชาชนทั่วไป นอกจากนี้สมาชิกของพันธมิตรฯ ยังถืออาวุธอย่างเปิดเผยตามท้องถนนและยิงปืนใส่คนหลายคน โดยแกนนำพันธมิตรฯ คนหนึ่งที่เข้าบุกยึดสนามบินได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศขณะนี้ นอกจากนี้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ยังได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มนายเนวิน ชิดชอบ ที่เคยอยู่ในพรรคพลังประชาชน ซึ่งนายเนวินเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นนักการเมืองทีมีอิทธิพลและมีชื่อเสียงด้านการคอร์รัปชั่น

หลังจากนั้น ร.ต.ท.เชาวรินได้อภิปรายถึงปัญหาภาคใต้ โดยได้กล่าวหาว่านายอภิสิทธิ์มีตำแหน่งเป็น ผอ.รมน. แต่ปล่อยปะละเลยให้ทหารที่ปฏิบัติการอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหด โดย ร.ต.ท.เชาวริน ได้นำวีซีดีภาพเหตุการณ์ระหว่างที่นายทหารถูกฆ่าตัดคอมาเปิดในสภา โดยภาพดังกล่าวมีความหวาดเสียวอย่างยิ่ง ทำให้ ส.ส.หลายคนได้ลุกขึ้นประท้วงว่าไม่ควรปล่อยให้มีการนำภาพลักษณะนี้มาฉายในสภา ที่มีการถ่ายทอดสด พร้อมกับรุมประณามวุฒิภาวะของ ร.ต.อ.เชาวริน แต่นายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภา ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ชี้แจงว่า ร.ต.ท.เชาวรินได้ขออนุญาตประธานสภาฯ แล้วก่อนที่ตนจะมารับหน้าที่แทน และตนก็พึ่งได้เห็นภาพพร้อมๆ กับสมาชิกเหมือนกัน

ด้าน นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ กล่าวว่า เมื่อประธานยอมรับว่าพึ่งเคยเห็นภาพนี้ แสดงว่า มีการถ่ายทำระหว่างฆ่าตัดคอทหาร แล้วส่งมาให้กับร.ต.ท.เชาวริน แสดงว่าต้องรู้จักคนถ่ายหรือไม่ ซึ่ง ร.ต.ท.เชาวรินตอบว่าภาพดังกล่าวได้มาจากคณะกรรมาธิการทหารฯ

ด้าน นายเจะอามิง โตะตาหยง ส.ส.นราธิวาส กล่าวว่าตนเป็นประธานคณะกรรมาธิการทหารและความมั่นคง ได้ทำการตรวจสอบข้อมูล ยืนยันว่าปัญหาความรุนแรงในภาคใต้เกิดขึ้นเพราะรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้ส.ส.พรรคเพื่อไทยลุกขึ้นประท้วงขอให้ถอนคำพูดที่ว่าเกิดสมัยรัฐบาลทักษิณ แต่นายเจะอามิงยืนยันว่าเป็นข้อเท็จจริง และไม่ขอถอน แต่พร้อมที่จะลุกออกจากห้องประชุมไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการประท้วงอย่างหนักเรื่องการเปิดภาพที่ไม่เหมาะสม ร.ต.ท.เชาวริน ได้ยุติการอภิปราย โดยระบุว่าจะรีบไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายกฯ ในข้อหาประทุษร้ายต่อในหลวง

ด้านนายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า เรื่องตุ้มหูเพชรดังกล่าว พ่อแม่ภรรยาให้เป็นของขวัญ จึงไม่ได้ขาย ราคาขณะนั้น 6 หมื่นบาทเท่านั้น ซึ่งก็อยู่ในบัญชีทรัพย์สินที่ตนแสดงแล้ว

ส่วนเรื่องการขอนายกฯ พระราชทานตามมาตรา 7 เป็นการกล่าวหาที่รุนแรงมาก หากอ่านกระแสพระราชดำรัสให้ครบถ้วนจะพบว่า พระองค์ไม่เคยใช้พระราชอำนาจเกินเลยขอบเขตรัฐธรรมนูญ หากใครเสนอพระองค์ให้ใช้อำนาจเกิน พระองค์จะไม่กระทำ ที่บอกว่าตนเรียกร้องนายกฯ พระราชทานตามมาตรา 7 ตนไม่เคยเสนอแนวทางนั้น ที่เสนอคือหลังจากยุบสภา ทุกพรรคไม่มั่นใจในความเป็นกลางของ กกต.ในการดูแลการเลือกตั้ง จึงตัดสินใจไม่ลงเลือกตั้ง วันนั้นก็มีพระราชดำรัสเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ตนจึงเสนอให้นายกฯ ทักษิณกับ ครม. ให้ลาอออกเพื่อเข้าเงื่อนไขมาตรา 7 เรื่องนี้พรรคไทยรักไทยและกลุ่มบุคคลเคยนำไปเป็นสาเหตุฟ้องร้องให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ แต่สุดท้ายอัยการเห็นว่าไม่ใช่ประเด็นในการยุบพรรค เรื่องนี้จึงชัดเจนว่าไม่ใช่ความผิด

ส่วนเรื่องปัญหา ชายแดนใต้และที่ยกภาพฆ่าตัดคอ ยอมรับว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่จริงก็มีตั้งแต่ปี 2548 ถึงแม้เกิดหลายปีตนก็ไม่อยากยกขึ้นมา แต่ตอนนี้ถือว่าสถิติลดลง แต่เมื่อก่อเหตุได้น้อยครั้งก็ใช้วิธีทำให้รุนแรงขึ้นเพื่อให้เป็นข่าว เราต้องไม้ตกเป็นเหยื่อให้ภาพเหล่านี้สร้างความหวาดกลัว และตนไม่เคยละเลยปัญหาชายแดนใต้

นายอภิสิทธิ์ชี้แจงกรณีการประดับแถบในชุดปกติขาวว่า เกิดจากความจำเป็นเฉพาะหน้า เพราะเข็มหลังแถบของตนเองหัก จึงยืมของเพื่อนสมาชิกมาใช้เฉพาะหน้า ยอมรับว่าบกพร่อง แต่ตอนนี้ได้แก้ไขให้ถูกต้องแล้ว ส่วนการใช้ยศหรือไม่นั้น ได้เคยชี้แจงแล้วตั้งแต่ตอนกลางวัน ว่าไม่ได้คิดว่าจะทำอะไรให้เสื่อมเสีย แต่บางครั้งเราต้องดูตัวเอง การเป็นนักการเมือง มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ บางครั้งคนวิจารณ์ก็เกินเลยกว่าตัวบุคคล อาจเลยถึงองค์กรหรือสถาบัน อย่างที่เคยเกิดขึ้น

ส่วนกรณีที่อาจารย์คนหนึ่งทำจดหมายประท้วงไปยังมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดนั้น ที่จริงไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องของประเทศไทย ส่วนใหญ่จะศึกษาเรื่องพม่าหรืออินเดียมากกว่า และถูกขอร้องจากเพื่อนของเขาที่เป็นคนไทยคนหนึ่งให้ช่วยออกมาพูด ซึ่งเราก็รู้ว่าใคร แต่ตอนนี้ไปอยู่ที่ออกซฟอร์ดแล้ว อย่างไรก็ตาม อาจารย์ท่านนี้ไม่เคยทำวิจัยในประเทศไทย แต่กลับมาเป็นผู้เชี่ยวชาญผ่านจดหมายฉบับเดียว โดยตนรู้อยู่แล้วว่าจะมีกลุ่มคนเสื้อแดงเข้าไปร่วมฟัง แต่ยินดีจะตอบคำถามเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นประชาธิปไตย

โฆษก ปชป.ประณาม “เชาวริน” แพร่ภาพตัดคอทหาร เชื่อมีเจตนาทางการเมือง

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.ท.เชาวริน นำภาพทหารถูกตัดคอมาเผยแพร่ประกอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า พรรคประชาธิปัตย์ขอประณามการนำภาพดังกล่าวมาเผยแพร่ เพราะเป็นภาพที่สูญเสียของทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเชื่อว่าการนำภาพถูกตัดคอมาเผยแพร่เพื่อเจตนาหวังผลทางการเมือง


กำลังโหลดความคิดเห็น