"หนุ่ม" เชื่อ "เข็ม" ไม่มีเจตนาดิสเครดิตคดีฟ้องร้องกับแม่เลี้ยง เชื่ออาจเป็นการเข้าใจผิด พร้อมขอบคุณ “เมย์” คอยให้กำลังใจ ก่อนปัดข่าวซื้อคอนโดฯ ให้สาว ลั่นจะไม่ขอพูดเรื่องคดีอีกแล้วเพราะมีแต่เสียนามสกุล "กำเนิดพลอย"
กำลังมีคดีความอยู่กับแม่เลี้ยงเรื่องฟ้องร้องแบ่งมรดกพร้อมเตรียมขึ้นศาลไกล่เกลี่ยครั้งที่ 2 ในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ ทว่า "หนุ่ม กรรชัย" ก็งานเข้าเสียแล้ว เมื่อพิธีกรสาวที่เคยมีข่าวกิ๊กกันมาก่อน "เข็ม กฤตธีรา อินทรวิจิตร" ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับฝ่ายชาย และไม่เชื่อเรื่องที่นักแสดงหนุ่มพูด จนดูราวกับเป็นการดิสเครดิตกันซะอย่างนั้น
อย่างไรก็ตามเมื่อสอบถามไปยังฝ่ายชาย "หนุ่ม กรรชัย" เผยว่าอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้..."คือตรงนี้ผมไม่ทราบนะครับ ยังไม่ได้อ่านข่าว จริงๆ แล้วมันอาจจะเป็นการเข้าใจผิดอะไรกันรึเปล่า แต่มันเป็นสิทธิของเขาน่ะครับ มันเป็นสิทธิของเขาที่จะไม่เชื่อ หรือเชื่อก็เป็นสิทธิของเขา ผมไม่สามารถไปบังคับอะไรได้”
“ต้องเรียนอย่างนี้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นเรื่องภายในนะครับ คนที่จะรู้เรื่องภายในได้ดีที่สุดเนี่ยก็คือตัวผมกับคนในครอบครัว เพราะฉะนั้นคนข้างนอกไม่มีทางที่จะรู้หรอกครับว่าความเป็นจริงมันคืออะไร แต่ผมเชื่ออย่างนึงว่าสิ่งที่คุณเข็มพูดออกมาน่าจะเป็นการเข้าใจผิดหรือเป็นการสื่อความหมายกันผิดมากกว่านะครับ"
"ผมว่าถ้ามีโอกาสน่าจะลองคุยกับเขาดูอีกทีดีกว่าว่าจริงๆ แล้ววันนั้นที่พูดมาเคลียร์รึเปล่า หรืออะไรยังไง แต่ผมว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้นะครับ”
เผยว่าไม่จำเป็นที่จะต้องมานั่งประชันหน้าเคลียร์กับคู่กรณีต่อหน้าสื่อ เพราะเป็นเรื่องภายในครอบครัว และเป็นเรื่องละเอียดอ่อน...“ก็ยินดีนะครับ แต่ว่าก็อยู่ที่ทางเขาอีกล่ะครับ แต่ทีนี้เนี่ยทั้งนี้ทั้งนั้นผมเชื่อว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องมานั่งแถลงต่อหน้าสื่อ เพราะว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว มันเป็นเรื่องในบ้าน เป็นเรื่องในครอบครัวใช่มั้ยครับ"
"สิ่งที่สื่อจะรู้ได้หรือประชาชนรับรู้ได้คือเป็นเรื่องของการเรียกร้องความเป็นธรรมบนศาลมากกว่าอย่างตรงไปตรงมา แต่ไอ้การที่จะต้องมานั่งประจันหน้ากันต่อหน้าสื่อ ผมมองว่ามันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนพอสมควรที่จะเอาคนในบ้านเดียวกันมาพูดเรื่องในบ้านในครอบครัว ผมว่ามันไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
“ที่ผ่านมาถามว่าผมเสียหายเยอะมั้ย ไอ้เสียน่ะมันเสียอยู่แล้วล่ะ เพราะว่าตัวผมเองก็ไม่ได้มีชื่อเสียงในทางที่ดีสักเท่าไหร่ในวงการนะครับ เพราะทุกคนก็มองภาพผมในมุมลบอยู่แล้ว แต่จะให้ผมทำยังไงได้ในเมื่อสิ่งที่ผมกำลังทำเนี่ย ผมทำเพื่อเรียกร้องสิทธิในความเป็นธรรมที่ผมควรจะต้องได้เท่านั้นเอง คือสิ่งที่ผมกำลังทำมันคือความถูกต้องตามกฎหมาย”
“ผมถามว่าถ้าต่อไปในอนาคตมันมีเหตุการณ์แบบผมเกิดขึ้นอีก อาจจะไม่ใช่เป็นผม อาจจะเป็นคนอื่น อาจจะไม่ใช่นักแสดง อาจจะไม่ใช่คนที่ทำงานอยู่ในวงการนี้นะครับ แล้วบังเอิญว่าต้องมีการฟ้องร้องในกรณีเดียวกันเนี่ย ผมก็อยากจะบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันก็น่าจะคืนความเป็นธรรมให้เขานะครับ”
ฝากขอบคุณที่หวานใจ “เมย์ เฟื่องอารมย์” ออกมาให้กำลังใจ และเผยต่อว่าไม่มีประโยชน์ที่ต่างฝ่ายต่างต้องมาสาดโคลนใส่กันอย่างนี้ เพราะสุดท้ายก็นามสกุลเดียวกัน...“ก็มีการพูดคุยกันบ้างครับ ก็ขอบคุณที่ให้กำลังใจครับ แล้วก็เป็นสิทธิของแต่ละบุคคลอยู่แล้วว่าใครจะมองยังไง แต่เขาให้กำลังใจอย่างนี้ก็ขอบคุณมาก"
"แต่ตรงนี้ผมบอกตรงๆ นะครับว่าผมไม่อยากพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อีกแล้ว มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แล้วมันก็เป็นเรื่องในครอบครัว บางครั้งไอ้การมานั่งสาดไปสาดมามันไม่มีอะไรที่มันดีอยู่แล้ว พูดง่ายๆ นะครับ คนที่เข้าไปในเว็บก็อาจจะไม่ด่าผมก็ด่าทางเขา หรือด่าเขาแล้วด่าผม ถามว่าสุดท้ายแล้วก็คือนามสกุลเดียวกันนั่นแหละ คนที่ด่าก็ด่าคนที่ใช้นามสกุลเดียวที่เราใช้กันอยู่นั่นแหละ ผมว่ามันมีประโยชน์อะไร”
“เพราะฉะนั้นผมว่าผมหยุดดีกว่าเรื่องพวกนี้ ผมจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว แล้วก็ส่วนเรื่องคดีความก็เป็นเรื่องของทางศาลดีกว่าที่ต้องพิพากษากันหรือว่ามีการใช้ดุลยพินิจของศาลในการตัดสินดีกว่า ส่วนเรื่องการสาดโคลนสุดท้ายแล้วมันก็นามสกุลเดียวกันนั่นแหละครับ แต่สิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ ถ้าจะบอกว่าอ้าวทำไมถึงต้องมีการฟ้องร้องกัน อันนี้คือความถูกต้องครับ เพราะฉะนั้นความถูกต้องที่เกี่ยวกับกฎหมายผมเชื่อว่ามันก็คืออีกเรื่องนึงที่ต้องแยกเอาไว้”
“คือสุดท้ายแล้วถ้าศาลท่านจะสั่งยังไงก็ตามแต่นะครับ ผมเองก็ต้องเคารพในดุลยพินิจของศาลอยู่แล้ว ถามว่าสภาพจิตใจเป็นยังไง ก็ต้องมีบ้างนะครับ คนเรามันไม่ใช่หุ่นยนต์น่ะ มันโดนอะไรเข้าไปอย่างนี้มันก็รู้สึก อย่างเมื่อคืนนั่งๆ คิดดูก็คิดประเด็นอย่างนี้ว่าเฮ้ยเขาว่าเรา เราออกมาว่าเขา เราออกมาตอบโต้ เขาก็ต้องตอบกลับมา แล้วสุดท้ายที่เขาออกมาด่าๆๆๆๆ ก็กลายเป็นมาด่านามสกุลพ่อเราเนี่ยแหละ ผมว่ามันไม่เห็นมีประโยชน์อะไรเลย”
พร้อมโต้ข่าวที่ว่าแอบไปซื้อคอนโดฯ ให้กิ๊ก ว่าไม่เป็นความจริง แต่ถ้าซื้อก็เพราะซื้อไว้ทำธุรกิจหรืออยู่เองเท่านั้น
“เรื่องนี้ก็ยังงงๆ อยู่นะครับ เพราะว่าภาพที่ออกมาในภาพที่เห็นนะครับ มันเป็นภาพผมคนเดียวที่ลงมาจากลิฟท์ใช่มั้ยครับ แต่ทีนี้เนี่ยจะให้ผมระบุหรือไปเจาะจงว่าผมไปซื้อให้ผู้หญิงหรือเปล่ามันคงไม่ใช่ เพราะว่าหลังๆ เนี่ยผมทำงานกับ “แสนสิริ” บ่อย เพราะว่าผมเองได้นำเอาไอซ์มอนสเตอร์ไปเป็นคู่ค้ากับเขา คือเหมือนกับมีการเอาไปในงานอีเว้นท์ของเขา แล้วเขาก็จะแนะนำให้ไปดูคอนโดฯ ที่นั่นที่นี่อะไรอย่างเนี้ย ผมก็จะไปดูตลอด”
“แต่ว่ามีภาพนั้นออกมาผมก็งง อ้าว แล้วทำไมถึงบอกว่าผมไปซื้อคอนโดฯ ให้ผู้หญิง แล้วถ้าเกิดวันนึงผมลงจากลิฟท์ของเซ็นทรัลหรือเป็นลิฟท์ของตึกมาลีนนท์ ไม่ได้กลายเป็นว่าผมไปซื้อตึกมาลีนนท์ให้ผู้หญิงเหรออะไรอย่างเนี้ย(หัวเราะ) ซึ่งมันไม่ใช่ครับ แต่ถ้าเกิดว่าอยากได้ความชัดเจนต้องถ่ายรูปผมกับผู้หญิงมาด้วย ผมจะได้ยืนยันได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร”
“ไม่โกรธเลยครับ เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมานั่งฟ้องร้องกันครับ สื่อก็อยากเสนอข่าว ผมเข้าใจ แต่รูปลงจากลิฟท์กับผู้หญิงไม่มี ดูหมดแล้วไม่มี มีผมคนเดียว คนยืนข้างๆ ก็ไม่มี ดูหมดแล้ว เดินถือโทรศัพท์หรือกระป๋องน้ำอะไรก็ไม่รู้ ต้องระวังตัวมั้ย คือผมไม่เคยระวังตัวตลอดระยะเวลาที่อยู่ในวงการมาจนกระทั่งมีปาปารัซซี่เกิดขึ้น ผมเคยโดนแอบถ่ายแล้วก็มีภาพหลุดออกมาคือผมกับคุณเมย์เท่านั้นเอง ครั้งเดียวที่ไปเดินเล่นอยู่ที่คริสตัลพาร์ค นอกจากนั้นไม่เคยมีเลย”
“แต่ถ้าถามว่ามีไปดูอะไรอย่างนี้มี แต่ไม่ได้ซื้อให้ผู้หญิง บางทีเราก็อยากจะเก็งกำไรหรือว่าอยากจะซื้อโดยส่วนตัวเราบ้างก็อาจจะมีนะครับ (กลัวเมย์เข้าใจผิดมั้ย?) ไม่กลัวหรอกครับ มันเป็นสิทธิน่ะ คือคุณเมย์ไปซื้อคอนโดฯ ผมต้องคิดว่าเขาไปซื้อให้ผู้ชายรึเปล่าล่ะ เขาไม่ถามหรอกครับ ก็เงินใครเงินมันอยู่แล้ว”